ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายเสมอไป โดยเพาะอย่างยิ่งถ้าคุณอยู่ในสังคมที่มีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยความยุ่งยาก และถึงแม้ว่าชีวิตของคุณจะพยายามดึงตัวคุณไปทางโน้นที ทางนี้ที มันก็ยังพอมีวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถสร้างพื้นที่พิเศษไว้ให้ตัวตนจริงๆ ของตัวเองได้ และคุณอาจจะลองให้สุดความสามารถของตัวเองเพื่อที่จะใช้ชีวิตไปตามความปรารถนาของหัวใจตัวเองก็ได้ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเป็นคนที่จริงใจกับคนอื่นมากขึ้น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

รับรู้ความปรารถนาของหัวใจตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำลิสต์เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่คุณต้องการจะทำให้สำเร็จ. การทำ “bucket list” (ลิสต์สิ่งต่างๆ ที่เราใฝ่ฝันว่าจะทำให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต) จะช่วยทำให้คุณรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการจะเดินไปในทิศทางไหน ดังนั้น ให้คุณตั้งเป้าหมายที่ตัวเองมีแนวโน้มว่าจะทำสำเร็จได้เอาไว้ (ไม่ใช่แบบว่า “เป็นมนุษย์คนแรกที่เหยียบดาวอังคาร” นะ) ซึ่งสิสต์ที่คุณทำขึ้นมานั้นจะกลายเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจชั้นดีในเวลาที่คุณกำลังค้นหาสิ่งที่มีความหมายสำหรับชีวิตตัวเองอยู่ และถ้าหากมันเป็นสิ่งที่มาจากใจคุณจริงๆ มันก็จะสะท้อนความสนใจและความปรารถนาบางอย่างที่อยู่ลึกๆ ในใจของคุณออกมาเอง [1]
  2. ขั้นตอนแรกในการเข้าถึงหัวใจของตัวเองได้อย่างลึกซึ้งก็คือการที่คุณให้เวลากับหัวใจหัวเอง และเปิดพื้นที่ว่างให้หัวใจตัวเองได้พูดอะไรออกมาบ้าง และการที่จะทำแบบนี้ได้ คุณก็จะต้องนั่งนิ่งๆ โดยไม่มีอะไรมารบกวนใจ เพื่อที่คุณจะได้สามารถรับรู้เสียงจากหัวใจตัวเองได้ โดยคุณอาจจะต้องเลือกใช้พื้นที่ที่คุณสามารถไปนั่งเงียบๆ ได้ และถ้าหากคุณมีห้องพิเศษในบ้านตัวเอง คุณอาจจะเข้าไปนั่งในห้องนั้นแล้วจุดเทียนและสร้างบรรยากาศในห้องให้ดูสบายๆ หน่อยก็ได้ [2]
  3. เมื่อคุณปรับเงื่อนไขทีเหมาะสมให้ตัวเองได้แล้ว คุณก็สามารถเริ่มต้นเปิดใจตัวเองได้เลย ซึ่งคุณอาจจะต้องถามตัวเองด้วยคำถามอย่างเช่น “สิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ข้างในตอนนี้มันคืออะไร?” พอถามเสร็จแล้ว ก็ให้คุณรอสักพักหนึ่งเพื่อดูว่ามีคำตอบอะไรออกมาจากใจคุณบ้าง การฝึกแบบนี้จะช่วยทำให้หัวใจและความปรารถนาที่อยู่ลึกๆ ข้างในตัวคุณแสดงตัวตนออกมาได้ [3]
    • นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่า Focusing (เทคนิคการรวมจุดสนใจ) ได้อีกด้วย ซึ่งเทคนิคนี้ เป็นเทคนิคยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้คุณรับรู้ความรู้สึกของร่างกายตัวเอง [4] โดยวิธีการใช้เทคนิค Focusing ก็มีดังนี้
    • เมื่อคุณได้เคลียร์พื้นที่และถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจคุณแล้ว ให้คุณโฟกัสไปที่คำตอบที่ร่างกายคุณตอบออกมา จำไว้ว่า อย่าพยายามเค้นเอาคำตอบ แค่ให้สังเกตมันอยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะรู้สึกแน่นหน้าอกเมื่อคุณถามถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ข้างในตัวคุณ ดังนั้น ให้คุณคอยเฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ ก็พอ
    • ให้คุณจัดการกับความรู้สึกที่มักจะมาในรูปแบบของคำหรือวลีสั้นๆ อย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า “อึดอัด” หรือ “แน่นหน้าอก” หรือ “ตึงเครียด” ออกมา ดังนั้น ให้คุณพยายามพูดคำต่างๆ ออกมาจนกว่ามันจะพอดีกับความรู้สึกของคุณในตอนนั้น
    • ให้คุณคอยสังเกตไปมาระหว่างความรู้สึกของร่างกายและคำที่เป็นตัวอธิบายความรู้สึกนั้น เช็คและดูว่ามันมีปฏิกิริยาโต้ตอบยังไง และดูว่าความรู้สึกทางร่างกายนั้นเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ เวลาที่คุณพูดคำบางคำที่ตรงกับความรู้สึกออกมา
    • ถามตัวเองว่าอะไรทำให้เกิดความรู้สึกนั้น และอะไรในชีวิตคุณตอนนี้ที่ทำให้คุณรู้สึกแน่นที่หน้าอก? จำไว้ว่าอย่าพยายามเค้นเอาคำตอบ แค่ปล่อยให้คำตอบมันเกิดขึ้นมาเฉยๆ ก็พอ และจำไว้ว่าสิ่งนี้อาจจะไม่สามารถทำสำเร็จได้ในครั้งแรกที่ทำ เพราะเทคนิค Focusing นั้นต้องอาศัยการฝึกฝน แต่นี่ก็เป็นวิธียอดเยี่ยมที่จะช่วยให้คุณสามารถเปิดใจกับตัวเองและมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในตัวคุณได้
  4. ชีวิตที่วุ่นวายด้วยเรื่องต่างๆ นั้นเป็นอุปสรรคต่อการทำตามหัวใจตัวเอง ดังนั้น ในทุกๆ วันให้คุณหาเวลาว่างให้ตัวเองบ้าง และอย่าปล่อยให้สิ่งอื่นๆ มารบกวนในช่วงเวลานี้ ซึ่งในช่วงเวลานี้ คุณจะเลือกทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจคุณเลย แต่เราก็มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณดังนี้
    • ให้คุณทำสมาธิ เพราะการทำสมาธินั้นให้ประโยชน์หลายๆ อย่างต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เช่น ลดระดับความดันโลหิตและลดระดับความเครียด [5] ดังนั้น ให้ลองนั่งตัวตรงในที่เงียบๆ อย่างน้อยสัก 10 นาที แล้วโฟกัสไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ความรู้สึกของอากาศที่เข้าและออกผ่านทางรูจมูกของคุณ หรือจะโฟกัสไปที่ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างดินสอก็ได้ และเมื่อสมาธิของคุณหลุดออกจากของสิ่งนั้นไป ให้คุณค่อยๆ เตือนตัวเองให้ดึงสมาธิกลับมาให้ได้ [6]
    • ให้แช่น้ำในอ่างอาบน้ำนานๆ เพราะการผ่อนคลายในน้ำนั้นให้ผลใกล้เคียงกับเทคนิคการผ่อนคลายอื่นๆ และนี่ก็เป็นวิธียอดเยี่ยมที่จะช่วยทำให้ใจคุณสงบลงได้ โดยคุณสามารถใช้ช่วงเวลานี้ทบทวนชีวิตตัวเอง หรือไม่ก็เพลิดเพลินไปกับความเงียบสงบและความรู้สึกที่ได้จากน้ำอุ่นๆ ที่แช่อยู่ก็ได้ [7]
    • ให้คุณไปนั่งจิบกาแฟกับเพื่อนๆ ดู เพราะในชีวิตคุณ คุณอาจจะไม่ได้ใช้เวลาอัพเดตข่าวคราวกับเพื่อนๆ ได้มากแบบที่คุณต้องการสักเท่าไร ดังนั้น ให้คุณใช้เวลาส่วนนี้ชวนเพื่อนรักของคุณมาทานมื้อเที่ยงหรือนั่งจิบกาแฟด้วยกันก็ได้
  5. ลองหาสิ่งที่น่าสนใจที่สามารถจุดประกายอะไรบางอย่างในใจคุณได้. สังคมเป็นสิ่งที่คอยเน้นย้ำอยู่ในสมองของเรา มันคือสิ่งที่คอยบอกเราว่า “ให้คิดก่อนทำ” รวมถึงบอกให้เราตัดสินใจให้ดีและมีเหตุผลด้วย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น สิ่งนี้ก็ไม่ได้เว้นที่ว่างให้กับการรับรู้หรือสิ่งลึกๆ ภายในใจของเรามากสักเท่าไรนัก ดังนั้น สิ่งน่าสนใจเหล่านี้แหละ ที่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเราน่าสนุกสนานมากกว่าชีวิตที่เป็นไปตามกิจวัตรประจำวันเดิมๆ ซึ่งการหากิจกรรมที่เชื่อมโยงถึงใจของคุณได้นั้น จะช่วยทำให้เส้นทางของคุณเปิดกว้างมากกว่าการที่คุณแค่มีส่วนร่วมกับโลกภายนอกด้วยการใช้สมองเท่านั้น
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ดูให้แน่ใจด้วยว่าคุณจัดสรรตารางเวลาไว้สำหรับการอ่านหนังสือแล้ว และให้เพื่อนๆ ของคุณแนะนำหนังสือดีๆ ให้ด้วยก็ได้ ซึ่งหนังสือที่เป็นคำกลอนนั้นสามารถกระตุ้นความรู้สึกของคนอ่านได้ดีเป็นพิเศษ
    • หากคุณชอบดูหนังมากกว่า ให้คุณลองเช็คพวกหนังที่ได้เรตสูงๆ ที่จะสามารถดึงความรู้สึกในหัวใจลึกๆ ของคุณได้ดู
    • การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาตินั้นก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เพราะมันสามารถทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาและสัมผัสถึงความรู้สึกภายในตัวเองได้มากขึ้น [8]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

จัดระเบียบชีวิตตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้ารับการบำบัดถ้าหากสิ่งนี้ดูเหมือนว่าจะช่วยคุณได้. หากปัญหาต่างๆ ที่มาปิดกั้นตัวคุณไม่ให้ทำตามหัวใจตัวเองนั้นดูรุนแรงเกินกว่าที่คุณจะสามารถรับมือด้วยตัวคนเดียวหรือด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนของคุณได้ ให้คุณลองคิดถึงเรื่องการปรึกษากับนักบำบัดดู เพราะนักบำบัดหลายคนสามารถจัดการกับปัญหาในลักษณะนี้ได้อยู่แล้ว หากคุณมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดในวัยเด็กหรือมีชีวิตการแต่งงานที่แย่ หรือถ้าหากชีวิตคุณนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด การบำบัดอาจจะช่วยให้คุณค้นพบหัวใจตัวเองอีกครั้งและรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นก็ได้ [9]
    • การบำบัดความรู้สึกทางร่างกายนั้นคล้ายกับการใช้เทคนิค Focusing ซึ่งเป็นเทคนิคบำบัดที่ให้คุณโฟกัสไปที่ความรู้สึกภายในร่างกายของตัวเองมากกว่าที่จะไปโฟกัสตรงความคิดและความทรงจำต่างๆ
    • ความคิดและพฤติกรรมบำบัดจะช่วยให้คุณสามารถพิจารณาตรวจสอบความคิดและความเชื่อที่ตายตัวต่างๆ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คุณทำตามหัวใจตัวเองได้
    • คุณสามารถค้นหานักบำบัดสุขภาพจิต ได้ที่นี่.
  2. บางครั้งมันก็ยากที่จะเข้าไปในหัวใจลึกๆ ของตัวเราเองได้ ดังนั้น ให้คุณลองขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคุณดู คุณอาจจะใช้เทคนิค Focusing ไปทีละขั้นตอนและบอกเล่าถึงความรู้สึกที่เกิดจากการใช้เทคนิคนี้ไปพร้อมๆ กับเพื่อนคุณก็ได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตคุณตอนนี้กับเพื่อนคุณ และแสดงความปรารถนาของตัวเองออกมาเพื่อที่คุณจะได้เข้าใจหัวใจตัวเองมากกว่านี้ จากนั้นก็ดูว่าเพื่อนของคุณจะมีคำแนะนำอะไรให้คุณบ้าง การพูดออกมานั้นเป็นสิ่งที่ช่วยคุณได้ก็เพราะว่า การแสดงความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดนั้นให้ผลที่ทรงพลังมาก [10]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า “เฮ้! คือเรารู้สึกว่าตอนนี้เราไม่ได้ทำตามสิ่งที่ใจตัวเองต้องการจะทำเลยอ่ะ เราว่าเราคงต้องปรึกษากับใครสักคนแล้วล่ะ เธอจะช่วยเราได้หรือเปล่า?”
  3. คนเรานั้นมีแนวโน้มที่จะใช้ชีวิตด้วยแรงกดดันจากคนอื่น เช่น จากเพื่อนๆ ครอบครัว คู่สมรส หรือแม้กระทั่งลูกๆ ของเราเอง ดังนั้น ถ้าหากคุณต้องการทำตามหัวใจตัวเอง ให้คุณดูให้แน่ใจว่าคุณใช้ชีวิตตามความปรารถนาของตัวคุณมากกว่าที่จะใช้ชีวิตความต้องการของคนอื่นแล้วจริงๆ เพราะว่านี่มักจะเป็นหนึ่งในความเสียใจที่คนที่จวนจะถึงวันสุดท้ายของชีวิตตัวเองชอบพูดออกมาอยู่เสมอๆ [11]
    • ลองถามตัวเองว่า “นี่คือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ เหรอ หรือว่าเราทำสิ่งนี้ก็เพราะใครคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราเองหรือเปล่า?”
    • การเป็นคนใจกว้างและทำอะไรเพื่อคนอื่นๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรเลย แต่คุณก็ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการเป็นตัวของตัวเองกับการช่วยเหลือและทำเพื่อคนอื่นด้วย ไม่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะมีความตั้งใจดี คุณก็อาจจะหมดไฟและสูญเสียการรับรู้ถึงความต้องการในหัวใจตัวเองไปได้ง่ายๆ
  4. การเปลี่ยนใจอาจจะเป็นทางออกง่ายๆ จากสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ถ้าหากคุณชอบเปลี่ยนใจอยู่ตลอดเวลา คุณก็จะไม่มีวันเรียนรู้จากความผิดพลาดหรือพัฒนาตัวเองได้เลย ดังนั้น การยอมรับในเส้นทางชีวิตที่คุณมีนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการยอมรับจะสร้างความแข็งแกร่งให้คุณ ทำให้คุณสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ นอกจากนี้ การทำตามหัวใจตัวเองนั้นมักจะไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ [12] ซึ่งถ้าหากคุณรู้สึกว่าแรงต่อต้านต่อการยอมรับครั้งนี้มันมีเยอะซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องการเรียนหรือเรื่องอาชีพการงานก็ตาม การพิจารณาดูว่าคุณกำลังทำตามหัวใจของตัวเองอยู่หรือเปล่านั้นก็อาจจะเป็นไอเดียที่ดีก็ได้นะ
    • พยายามอย่าสับสนระหว่างแรงต่อต้านและความเครียดที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไปปะปนกับแรงต่อต้านประเภทนี้นะ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คุณจะรู้สึกท้อแท้บ้างในบางครั้ง แม้ว่าคุณจะอยู่บนเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวคุณแล้วก็ตาม หากคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า ให้คุณลองถามใครสักคนที่คุณไว้ใจดู เช่น เพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวก็ได้
  5. คุณอาจจะแปลกใจก็ได้นะว่าสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวคุณมีผลต่ออารมณ์ของตัวคุณด้วย อย่างโทนสีนั้นก็มีผลต่อความรู้สึกของคนเราเป็นอย่างมาก [13] ดังนั้น ดูให้แน่ใจด้วยว่าบ้านของคุณนั้นสะอาดและเป็นระเบียบแล้ว ทาสีผนังใหม่ซะถ้าคุณไม่ชอบสีเดิม หรือจะตกแต่งด้วยงานศิลปะที่ให้แรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เกิด “การตอบสนองต่อสิ่งสวยงาม” หรือว่าจะเอารูปของคนที่คุณรักมาไว้รอบๆ บ้านก็ได้ การจัดบ้านด้วยเทคนิคง่ายๆ แบบนี้ จะช่วยปรับเปลี่ยนความรู้สึกของคุณและทำให้คุณเข้าถึงความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเองได้ง่ายขึ้น หากบ้านของคุณรกและมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี มันอาจจะทำให้ใจคุณวุ่นวายตามไปด้วย ซึ่งนี่จะเป็นสิ่งที่ไปจำกัดความสามารถในการทำตามความเสียงหัวใจของตัวคุณเอง
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทำตามความปรารถนาของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีกิจกรรมมากมายที่คุณสามารถเลือกทำเพื่อรับรู้ถึงความรู้สึกของใจตัวเอง ซึ่งเป้าหมายของการทำกิจกรรมเหล่านั้นก็คือการที่คุณได้เปิดใจตัวเอง หรือการที่คุณได้รับรู้ถึงความปรารถนาที่อยู่ลึกที่สุดในใจคุณ ซึ่งการแสดงออกความรู้สึกนึกคิดของตัวเองอย่างการใช้ศิลปะบำบัดนั้น สามารถช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่เปิดตัวและเปิดใจมากขึ้น ซึ่งไอเดียของศิลปะบำบัดก็มีดังต่อไปนี้
    • ให้คุณใช้ดนตรี โดยให้คุณลองเข้าวงร้องเพลงประสานเสียงหรือไม่ก็ลองเรียนกีตาร์ดู
    • ใช้ศิลปะ โดยให้คุณลองลงเรียนวาดรูปหรือเรียนปั้นก็ได้
    • ใช้การเต้น โดยให้คุณลงเรียนคลาสเต้นซัลซ่าหรือแม้แต่คลาสเต้นเพื่อออกกำลังกายที่โรงยิมคุณก็สามารถลงเรียนได้เช่นกัน
    • ใช้ละคร โดยให้คุณดูว่ามีกรุ๊ปละครเวทีที่คุณสามารถเข้าร่วมได้อยู่ใกล้แถวๆ ที่คุณอาศัยอยู่หรือเปล่า เพราะการแสดงนั้นเป็นวิธียอดเยี่ยมที่จะช่วยให้คุณได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมา
  2. ชีวิตนั้นสามารถทำให้ความต้องการที่แท้จริงและกิจวัตรประจำวันของคุณพังทลายลงเพราะภาระหน้าที่และความคาดหวังต่างๆ แต่การฝึกการเขียนแบบอิสระนั้นก็จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงหัวใจตัวเองและเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับส่วนสำคัญส่วนนี้ในตัวคุณเองได้
    • ให้คุณเลือกหัวข้อมาหนึ่งเรื่องและเขียนลงไปที่หัวกระดาษ หัวข้อเรื่องอาจจะเป็นคำเพียงคำเดียวอย่างคำว่า “ท่องเที่ยว” ก็ได้ หรืออาจจะเป็นประโยคสั้นๆ เช่น “การท่องเที่ยวในความคิดของฉัน” จากนั้นก็กำหนดเวลาไว้สัก 5 หรือ 10 นาที และพยายามเขียนเกี่ยวกับหัวข้อนั้นโดยที่ไม่ต้องใส่ความคิดลงไปในสิ่งที่คุณกำลังทำมากนัก จำไว้ว่า อย่าวางแผนไปก่อนว่าจะเขียนอะไรลงไป เพราะเป้าหมายของการเขียนแบบอิสระคือการปล่อยให้จิตไร้สำนึกได้แสดงตัวออกมา มากกว่าที่จะปล่อยให้สมองคุณเข้ามาควบคุมแทน [14]
  3. คนเรานั้นสามารถใช้ชีวิตได้สองแบบ คือ อยู่ในโหมด “เป็น” และอยู่ในโหมด “ทำ” ซึ่งโหมด “ทำ” นั้นคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตใครหลายคนติดอยู่ในห้วงเวลาต่างๆ และโหมดนี้ก็ยังเป็นโหมดการใช้ชีวิตที่จำเป็นสำหรับสังคมสมัยนี้ที่มีวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่เน้นความรวดเร็วและมีความตึงเครียดสูง และมันก็เป็นโหมดที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้าด้วย อย่างไรก็ตาม โหมด “ทำ” ก็อาจจะทำให้การฟังเสียงหัวใจตัวเองและการเอ็นจอยกับชีวิตตัวเองนั้นเป็นไปได้ยาก การฝึกสติจึงเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คุณสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับโหมด “เป็น” ของชีวิตตัวเองได้ ซึ่งมันก็คือโหมดที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นทำตามหัวใจของคุณนั่นเอง [15]
    • ให้คุณนั่งตรงๆ แบบสบายๆ ทำตัวให้ชินกับตำแหน่งการนั่งแบบนั้นสักสองสามนาที จากนั้นก็เริ่มโฟกัสในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในการรับรู้ของคุณ ซึ่งนี่จะทำให้คุณจะมีความคิดต่างๆ มากมายอยู่ในหัว และมีความรู้สึกทางร่างกาย รวมถึงมีอารมณ์ต่างๆ ที่พรั่งพรูออกมาด้วย ดังนั้น ให้คุณโฟกัสไปที่สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดรวมถึงสิ่งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาอีก และทำให้สุดความสามารถของตัวเองเพื่อสร้าง “ความอยากรู้อยากเห็น” ต่อสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาโดยที่ไม่จำเป็นต้องแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อะไร แกล้งทำเป็นว่าคุณคือนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง และคุณแค่ต้องการที่จะเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นเฉยๆ เท่านั้น และเมื่อคุณได้ทำสิ่งนี้ในที่ที่ปลอดภัย เงียบสงบ และมีสภาพแวดล้อมแบบสบายๆ แล้ว คุณอาจจะลองทำสิ่งนี้ในชีวิตประจำวันของคุณในขณะที่คุณกำลังทำสิ่งอื่นๆ ไปด้วยก็ได้ [16]
  4. สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับ bucket list และเป้าหมายชีวิตที่คุณมี โดยให้คุณตัดสินใจสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปเลยถ้าหากว่ามันจำเป็นจริงๆ คุณอาจจะกลับไปเรียนต่อเพื่อการศึกษาที่สูงกว่าเดิม หรือย้ายไปอยู่อีกเมืองหนึ่งเพื่อโอกาสชีวิตที่ดีกว่าเดิมหรือเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัวก็ได้ หรือไม่ก็ออกจากงานเพื่อออกไปทำบางสิ่งบางอย่างที่ตอบสนองความปรารถนาของหัวใจคุณ ซึ่งการพูดคุยปรึกษากับเพื่อนๆ และครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่คุณจะสร้างการเปลี่ยนแปลงนั้นก็อาจจะเป็นไอเดียที่ดี เพราะคุณจะได้รู้ว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรและก็จะได้ขอแรงสนับสนุนจากพวกเขาด้วย
  5. จริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็นต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อะไรมากมายเพียงเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและเริ่มต้นทำตามหัวใจของตัวเองหรอก แต่ให้คุณดูว่ามีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเพื่อที่จะได้เข้าถึงความเป็นตัวของตัวเองและความปรารถนาของตัวเองมากขึ้น ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะต้องการใช้เวลาอยู่กับเพื่อนให้มากกว่านี้ หรือใช้เวลาอยู่ที่หน้าจอทีวีให้น้อยลง ดังนั้น ให้คุณดู bucket list ของตัวเองเพื่อดูว่ามีอะไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างที่คุณสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตตัวเองเพื่อที่จะบรรลุในสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำตัวเองให้เป็นคนมีความมั่นใจ แต่ว่าอย่าเผลอทะนงตัว
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณคิดว่าหัวใจคุณบอกอย่างหนึ่ง แต่สมองของคุณกลับบอกอีกอย่าง ให้คุณใช้เวลาสักพักเพื่อพิจารณาถึงสิ่งนั้น เพราะการรีบเค้นเอาคำตอบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,967 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา