ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไลโคปีน เบต้าแคโรทีน อีกทั้งยังมีวิตามินซีอีกด้วย นอกจากนี้ น้ำมะเขือเทศยังเป็นวิธีการที่แสนจะสดชื่นในการรับสารอาหารพวกนี้เข้าไปในร่างกาย และยังมีรสอร่อยมากๆ เวลาที่น้ำมะเขือเทศนั้นทำจากลูกมะเขือเทศพันธุ์พื้นเมืองสดๆ

หากคุณมีมะเขือเทศเก็บอยู่มากมายในช่วงปลายฤดูเพาะปลูก ทำไมไม่ลองเปลี่ยนมะเขือเทศที่คุณเก็บไว้ให้กลายเป็นน้ำมะเขือเทศดูล่ะ อีกทั้ง ถ้าคุณมีน้ำมะเขือเทศเหลือเยอะ ลองหันมาเก็บรักษาน้ำมะเขือเทศไว้ในโถสิ คุณจะได้มีรสชาติความอร่อยในช่วงหน้าร้อนไว้ให้ดื่มด่ำตลอดฤดูหนาว

และถ้าหากคุณหามะเขือเทศสดๆ ไม่ได้ คุณยังสามารถทำน้ำมะเขือเทศจากซอสมะเขือเทศเข้มข้นได้อีกด้วย

ส่วนประกอบ

ทำจากมะเขือเทศสด

  • มะเขือเทศ 900 กรัม (2 ปอนด์) (ประมาณ มะเขือเทศยักษ์ขนาดใหญ่ 2 ลูก, มะเขือเทศผลกลมทั่วไป 6 ลูก, มะเขือเทศพลัม 16 ลูก, หรือมะเขือเทศเชอรี่ 50 ลูก)
  • น้ำตาล เกลือ และพริกไทยในปริมาณตามชอบ

ทำจากซอสมะเขือเทศเข้มข้น

  • ซอสมะเขือเทศกระป๋องขนาด 180 มิลลิลิตร (6 ออนซ์) ชนิดไม่ใส่เกลือ 1 กระป๋อง
  • น้ำเย็น 3 ถ้วยตวง (750 มิลลิลิตร)
  • น้ำตาล เกลือ และพริกไทยในปริมาณตามชอบ
ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำน้ำมะเขือเทศจากมะเขือเทศสด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มะเขือเทศที่เหมาะสำหรับใช้ทำน้ำมะเขือเทศที่สุดคือมะเขือเทศพันธุ์พื้นเมืองผลสุกที่กินอร่อยตอนดิบ หากชิ้นมะเขือเทศที่ฝานออกมามีเนื้อและรสชาติดี น้ำมะเขือเทศจะออกมารสชาติดีไปด้วย ควรหาซื้อมะเขือเทศในช่วงที่มะเขือเทศออกดอกออกผลมากที่สุดตามตลาดสดหรือตลาดนัดชาวสวนใกล้บ้าน โดยโปรดจำไว้ว่าควรมองหามะเขือเทศฉ่ำๆ ที่เอาไว้สำหรับทำแซนด์วิชหรือสลัด ไม่ใช่มะเขือเทศที่เอาไว้สำหรับทำซอส
    • มะเขือเทศออร์แกนิคใช้ดีกว่ามะเขือเทศปลูกเชิงพาณิชย์ที่ใช้ยาฆ่าแมลง คุณคงไม่อยากให้น้ำมะเขือเทศของคุณมีรสสารเคมี
    • คุณสามารถเลือกมะเขือเทศพันธุ์เดียวหรือหลายๆ สายพันธุ์รวมกันก็ได้ [1] พันธุ์ Early Girl และพันธุ์ Big Boy จะให้น้ำเยอะ ในขณะที่มะเขือเทศพันธุ์ Roma จะได้น้ำที่ข้นกว่า (หากใช้มะเขือเทศ Roma (มะเขือเทศที่เอาไว้สำหรับทำซอส) คุณอาจต้องผสมมะเขือเทศชนิดนี้เข้ากับพันธุ์อื่นที่ฉ่ำน้ำกว่า)
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ล้างมะเขือเทศโดยให้น้ำประปาไหลผ่าน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูสะอาดหรือกระดาษทิชชู่เช็ดให้แห้ง การล้างมะเขือเทศด้วยน้ำสะอาดนั้นเพียงพอต่อการกำจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียแล้ว
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ผ่ามะเขือเทศโดยการผ่าครึ่งมะเขือเทศแต่ละลูก ตัดขั้วและเฉือนส่วนแข็งๆ ที่ไม่ใช่เนื้อมะเขือเทศออก และหั่นแต่ละครึ่งออกเป็นสองซีกเท่าๆ กัน
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ใส่มะเขือเทศที่หั่นไว้ลงในหม้อใบใหญ่ที่ไม่มีปฏิกิริยากับกรดในอาหาร. ใช้หม้อสเตนเลสหรือหม้อเคลือบดินเผาแทนหม้ออลูมิเนียม เนื่องจากอลูมิเนียมจะมีปฏิกิริยากับกรดในมะเขือเทศ ซึ่งจะทำให้มะเขือเทศเปลี่ยนสีและอาจมีรสเพี้ยนไปจากปกติ [2]
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ใช้ที่บดมันฝรั่งหรือช้อนที่ทำจากไม้กดลงไปที่มะเขือเทศเพื่อบีบน้ำออกมา จะได้เป็นน้ำมะเขือเทศและชิ้นส่วนมะเขือเทศผสมกันอยู่ในหม้อ โดยในหม้อควรมีน้ำเพียงพอให้สามารถต้มจนเดือดได้
    • หากส่วนผสมในหม้อดูแห้งเกินกว่าที่จะเดือดได้ ให้เติมน้ำเปล่าลงไปสักสองสามถ้วยจนกว่าในหม้อจะมีของเหลวเพียงพอให้ต้มจนเดือด
  6. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    คนเนื้อและน้ำมะเขือเทศอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ไหม้ ต้มไปเรื่อยๆ จนกว่าส่วนผสมในหม้อจะอ่อนตัวและเข้ากันเหมือนน้ำซุป ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 25 ถึง 30 นาที
  7. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ใส่น้ำตาลหยิบมือหนึ่ง เกลือ หรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ เพื่อแต่งรสน้ำมะเขือเทศ ความหวานของน้ำตาลจะช่วยลดความเปรี้ยวของมะเขือเทศ
    • หากคุณไม่แน่ใจว่าควรใส่น้ำตาล เกลือ หรือพริกไทยในปริมาณเท่าไหร่ ให้ค่อยใส่ทีละน้อยๆ คุณสามารถลองชิมก่อนยกหม้อออกจากเตา แล้วปรุงรสเพิ่มตามความจำเป็น
  8. ยกหม้อมะเขือเทศออกจากเตาแล้วปล่อยไว้ให้เย็นลงสักครู่. ไม่ต้องรอจนเย็นเท่าอุณหภูมิห้อง แต่ให้เย็นลงจนพอให้ไม่ลวกมือเวลาเผลอ
  9. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    วางตะแกรงหรือที่กรองแบบลวดตาข่ายไว้บนถ้วยแก้วขนาดใหญ่ หากใช้ที่กรอง ให้เลือกอันที่มีรูเล็กๆ และใช้ชามแก้วหรือชามพลาสติก เพราะชามที่เป็นโลหะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยากับกรดในมะเขือเทศ ค่อยๆ เทส่วนผสมของน้ำมะเขือเทศลงในตะแกรง น้ำมะเขือเทศเกือบทั้งหมดจะไหลผ่านรูลงไปได้
    • เขย่าตะแกรงบ่อยๆ เพื่อไม่ให้รูตันและช่วยให้น้ำมะเขือเทศไหลลงไปในชาม ใช้ไม้พายที่ทำจากยางบีบเนื้อมะเขือเทศกับก้นตะแกรง การกดลงบนเนื้อจะช่วยคั้นน้ำที่ยังค้างอยู่ในมะเขือเทศออกมา
    • ทิ้งเศษเนื้อมะเขือเทศที่เหลืออยู่ในตะแกรง เพราะเศษเนื้อพวกนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ในการนำมาปรุงอาหารมากนัก และอาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ
  10. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    แช่ไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาทีก่อนนำมาเสิร์ฟ คนน้ำมะเขือเทศให้เข้ากันก่อนนำมาดื่ม น้ำมะเขือเทศที่คุณทำเองนี้อาจอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์ หากเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดอย่างมิดชิดและแช่ไว้ในตู้เย็น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทำน้ำมะเขือเทศจากซอสมะเขือเทศเข้มข้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปิดซอสมะเขือเทศเข้มข้นขนาด 180 มิลลิลิตร (6 ออนซ์) 1 กระป๋อง. เลือกใช้ซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่มีส่วนผสมอื่นเพิ่มเติมให้น้อยที่สุด คุณยังสามารถใช้ซอสมะเขือเทศเข้มข้นกระป๋องขนาด 360 มิลลิลิตร (12 ออนซ์) เพื่อให้ได้น้ำมากขึ้นก็ได้เช่นกัน แต่คุณจะต้องเพิ่มปริมาณน้ำเปล่าที่ใช้อีกเป็นสองเท่า
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ขูดซอสมะเขือเทศเข้มข้นออกจากกระป๋องลงในเหยือกขนาดกลาง. เลือกใช้เหยือกที่มีฝาปิดและปากเปิดปิดได้เพื่อเก็บรักษาน้ำมะเขือเทศให้อยู่ได้นานที่สุด ถ้าหากใช้ซอสมะเขือเทศขนาด 360 มิลลิลิตร (12 ออนซ์) ให้ใช้เหยือกขนาดใหญ่
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    เทน้ำเปล่าลงในเหยือกที่ใส่ซอสมะเขือเทศเข้มข้นเอาไว้ คุณจะวัดปริมาณน้ำเปล่าโดยใช้ถ้วยตวงทั่วไปก็ได้เช่นกัน แต่การตวงน้ำด้วยกระป๋องซอสก็คงสัดส่วนได้ดีแล้ว
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ถ้าเป็นไปได้ ให้ใช้เครื่องผสมแบบมือถือเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนผสมทั้งสองชนิดเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    คนส่วนผสมหรือปั่นด้วยเครื่องผสมแบบมือถือจนเป็นเนื้อเดียวกัน หากซอสมะเขือเทศเข้มข้นใส่เกลือมาแล้ว ก็ไม่ต้องใส่เกลือในขั้นตอนนี้
  6. นำน้ำมะเขือเทศที่ไม่ได้ใช้งานไปทิ้งหลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การบรรจุน้ำมะเขือเทศลงในภาชนะ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สำหรับการบรรจุน้ำมะเขือเทศลงในภาชนะนั้น คุณจะต้องใช้โถขนาดประมาณ 1 ลิตรแบบมีเกลียว และฝาปิดอันใหม่ รวมทั้งหม้ออัดความดันเพื่อให้คุณสามารถปิดผนึกโถแบบฆ่าเชื้อได้ นอกจากนี้ ควรเตรียมคีมสำหรับคีบขวดไว้ด้วยเพื่อให้สามารถนำโถร้อนๆ ออกจากหม้ออัดความดันได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณนำไปผ่านความร้อนเรียบร้อยแล้ว
    • ไม่แนะนำให้บรรจุน้ำมะเขือเทศลงในขวดโดยไม่ใช้หม้ออัดความดัน เนื่องจากน้ำมะเขือเทศจะต้องผ่านความร้อนที่อุณหภูมิสูงเพื่อฆ่าแบคทีเรียและเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถดื่มได้อย่างปลอดภัยเมื่อคุณเปิดโถ [3]
    • ไม่ว่าจะเป็นหม้ออัดความดันชนิดต้มน้ำ หม้ออัดความดันแบบไดอัลเกจ หรือหม้ออัดความดันแบบเกจถ่วงน้ำหนัก ทั้งสามชนิดนี้สามารถใช้งานได้เหมือนกัน
  2. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    คุณอาจจะนำโถไปต้มทีละใบประมาณ 5 นาที หรือจะฆ่าเชื้อโดยการนำไปล้างในเครื่องล้างจานก็ได้ หลังจากนั้นให้วางโถลงบนผ้าเช็ดจานที่สะอาดเพื่อเตรียมบรรจุ
  3. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    ไหนๆ คุณก็จะยุ่งยากกับการบรรจุน้ำมะเขือเทศลงขวดแล้ว หันมาทำน้ำมะเขือเทศสดๆ น่าจะดีกว่าการพยายามบรรจุน้ำมะเขือเทศที่คุณทำจากซอสเข้มข้นลงภาชนะ ทำน้ำมะเขือเทศในปริมาณที่พอดีโถ และจำไว้ว่าจะต้องเหลือที่ว่างตรงส่วนปากโถแต่ละใบไว้ประมาณ 1.3 ซม.
  4. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
  5. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    การต้มน้ำมะเขือเทศ 10 นาทีจะช่วยฆ่าแบคทีเรียเพื่อเตรียมพร้อมบรรจุลงภาชนะ ระหว่างขั้นตอนนี้ คุณสามารถเลือกทำตามขั้นตอนเสริมต่อไปนี้ได้เพื่อช่วยยืดอายุน้ำมะเขือเทศ
    • ใส่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู กรดที่อยู่ในน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูจะช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษาของน้ำมะเขือเทศ โดยให้ใส่ลงไปในปริมาณ 1 ช้อนชาต่อน้ำมะเขือเทศ 1 โถ [4]
    • เกลือ เกลือทำหน้าที่เป็นสารกันเสียได้ และหากคุณต้องการใช้วิธีนี้ ให้ใส่เกลือ 1 ช้อนชาต่อน้ำมะเขือเทศ 1 ลิตร ทั้งนี้ อย่าลืมว่าเกลือจะเปลี่ยนรสชาติของน้ำมะเขือเทศ
  6. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    เหลือที่ว่างตรงปากโถแต่ละใบไว้ 1.3 ซม. จากนั้นปิดฝาขวดแล้วบิดเกลียวให้แน่น
  7. Watermark wikiHow to ทำน้ำมะเขือเทศ
    วางโถน้ำมะเขือเทศลงในหม้ออัดความดันและเปิดไฟ. ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งานของหม้ออัดความดันชนิดที่คุณเลือกใช้ เวลามาตรฐานในการให้ความร้อนอยู่ระหว่าง 25 และ 35 นาที เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว ให้นำโถออกจากหม้อและปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นลงประมาณ 24 ชั่วโมง
  8. เก็บโถน้ำมะเขือเทศของคุณไว้ในที่แห้งและเย็น. [5]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณไม่ชอบรสชาติน้ำมะเขือเทศแบบไม่ผสม หรือถ้าหากคุณอยากเพิ่มสารอาหารลงไปอีกสักหน่อย ให้ผสมผักลงไปเพื่อให้กลายเป็นน้ำผักผสมมะเขือเทศ คุณอาจจะหั่นขึ้นฉ่าย แครอท และหัวหอมใส่ลงไปด้วยก็ได้ ผักพวกนี้เข้ากันได้ดีกับมะเขือเทศ คุณยังสามารถผสมซอสพริกลงไปอีกสักเล็กน้อยก็ได้ เพื่อให้น้ำผักผสมมะเขือเทศของคุณออกรสเผ็ดสักนิด
  • ทดลองมะเขือเทศที่คุณใช้ดูสิว่าแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร มะเขือเทศยักษ์จะให้รสชาติที่กลมกล่อมและมีเนื้อมากกว่า ในขณะที่มะเขือเทศพลัมและเชอรี่จะออกหวานกว่าสักหน่อย จำไว้ว่ามะเขือเทศลูกเล็กๆ ที่มีรสหวานอาจต้องใส่น้ำตาลเพิ่มน้อยลง
โฆษณา

คำเตือน

  • มองหาซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่บรรจุในกระป๋องแบบปลอดสาร BPA เนื่องจากสารชนิดนี้อาจเกิดปฏิกิริยากับกรดในมะเขือเทศและทำให้เกิดการปนเปื้อนกับซอสเข้มข้นในกระป๋องได้ ขวดแก้วไม่ใช้สาร BPA ในการผลิต ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้ซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่จำหน่ายในขวดแก้วได้อย่างไม่ต้องกังวล
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ผ้าเช็ดจานหรือกระดาษเช็ดมือ
  • มีดคม
  • ช้อนหรือตะกร้อชนิดกันความร้อน
  • หม้อสเตนเลสหรือหม้อเคลือบดินเผา
  • ตะแกรงหรือที่กรองแบบลวดตาข่าย
  • ชามแก้ว
  • หม้ออัดความดัน

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 32,197 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา