ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อยากจะเก็บรสชาติของฤดูร้อนไว้ในขวดโหลหรอ? คุณสามารถทำได้โดยการทำมะเขือเทศกระป๋อง-- การทำวิธีนี้คุณจะสามารถเปิดขวดและสัมผัสไออุ่นจากดวงอาทิตย์ของฤดูร้อนได้ทันทีแม้ในวันที่ยาวนานและมืดมนที่สุดของฤดูหนาว ไม่ว่าคุณจะปลูกมะเขือเทศเองหรือซื้อผลโตๆ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว การทำมะเขือเทศกระป๋องของคุณเองสามารถประหยัดเงินได้จำนวน เผื่อเวลาไว้หลายๆ ชั่วโมงสำหรับการทำมะเขือเทศกระป๋องนะ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

การเตรียมมะเขือเทศให้พร้อม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สามารถใช้มะเขือเทศทุกสายพันธุ์ได้หมด แต่อย่าให้มันสุกจนเกินไป มะเขือเทศที่สุกเกินไปไม่ดีต่อการนำมาใส่กระป๋องเนื่องจากมีปริมาณกรดสูง กดลงบนมะเขือเทศเบาๆ เพื่อทดสอบว่ามันยังแข็งอยู่ สำรวจมะเขือเทศของคุณทุกลูก อย่าให้มีรอยช้ำ [1]
    • ถ้าคุณจะนำมะเขือเทศพันธุ์สีเขียวมาใส่กระป๋อง นั่นโชคดีมากเลย ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา บอกว่ามะเขือเทศสีเขียวรสเปรี้ยวยมากกว่าแต่้ก็ยังสามารถนำมาใส่กระป๋องได้
  2. เมื่อพวกมันไม่มีดินทรายติดอยู่แล้ว ให้หั่นส่วนปลายที่มีก้านอยู่ออก และกรีดเป็นรูป "X" ที่ปลายอีกด้านหนึ่ง การทำเป็นรูปตัว‘X’ จะทำให้ปอกเปลือกง่ายขึ้นตอนหลัง
  3. ในขั้นตอนนี้คุณจะต้องใช้หม้อต้มน้ำเดือด คุณยังต้องเตรียมชามที่ใส่น้ำเย็นไว้ด้วย เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้ใส่มะเขือเทศทีละ 2-3 ผลลงไป ปล่อยให้อยู่ในหม้อประมาณ 1 นาที (อย่างไรก็ตามคุณสามารถต้มแค่ 45 วินาทีก็ได้ ถ้าคุณอยาก) [2]
  4. จากนั้นจับพวกมันใส่ชามน้ำเย็นจัดทันที การทำเช่นนี้จะทำให้เปลือกมะเขือเทศหลุดออกมาอย่างง่ายดาย ปอกเปลือกมะเขือเทศและวางมันลงบนเขียง
  5. ในขณะที่คุณกำลังหั่น ให้หั่นส่วนที่เป็นรอยช้ำหรือส่วนแข็งออก ให้หั่นส่วนเนื้อแข็งๆ ที่ติดอยู่กับก้านของมัน ถ้าคุณยังไม่ได้ทำก่อนหน้านี้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

การฆ่าเชื้อขวดโหล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณจะนำผลไม้หรือผักใส่ขวดโหล คุณจะต้องฆ่าเชื้อมันก่อน ในขั้นตอนนี้คุณจะต้องใช้หม้อใบใหญ่สำหรับต้มน้ำ (คุณสามารถใช้หม้อใบเดียวกันกับหม้อที่คุณจะใช้ในขั้นตอนต่อไปสำหรับการปิดปากขวดและนำมะเขือเทศลงขวด) สำรวจขวดโหล ดูว่ามันไม่มีรอยร้าวหรือรูโหว่ใดๆ จากนั้นหย่อนขวดโหลลงในหม้อและต้มประมาณ 5-10 นาที [3]
    • คุณยังสามารถทำความสะอาดขวดโหลของคุณโดยการใช้เครื่องล้างจานโดยปรับอุณหภูมิให้ร้อนที่สุด ถ้าเครื่องของคุณมีโปรแกรม 'ฆ่าเชื้อ' ก็เลือกเลย
  2. ฝาปิดไม่ควรจะมีรูโหว่และเกลียวก็จะต้องแน่นพอดี แกะเกลียวออกมาและวางผึ่งไว้ให้แห้ง และใส่ขวดโหลและฝาลงในหม้อน้ำร้อน ไม่ใช่น้ำเดือดนะ ใช้ไฟต่ำทิ้งไว้จนน้ำเดือดเล็กน้อยจนกว่าคุณต้องการจะใช้ขวดโหล
  3. ในขั้นตอนนี้คุณควรจะใช้ที่คีบ ระวังให้ดีเพราะขวดโหลจะร้อนมากๆ สำหรับการนำฝาขึ้นมา คุณสามารถใช้ได้ทั้งที่คีบหรือที่ดูดฝาแม่เหล็กซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัวทั่วไป
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

การนำมะเขือเทศลงขวดโหล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมะนาวคั้นสดหรือน้ำมะนาวขวดก็ได้ เราจะใส่น้ำมะนาวลงไปพร้อมกับมะเขือเทศ มันจะทำให้มะเขือเะทศไม่เน่าเสียในขณะที่อยู่ในขวดโหลและมันยังช่วยให้สีและรสชาติของมะเขือเทศคงเดิม
  2. วางขวดลงบนพื้นผิวที่ทนต่อความร้อนและเริ่มตักมะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้นๆ ลงขวด ใส่จนกระทั่งเหลือพื้นที่ว่างจากปากขวดแค่ประมาณ ½ นิ้ว ใส่น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ คุณยังต้องใส่น้ำเดือดหรือน้ำมะเขือเทศร้อน เพื่อเติมพื้นที่ว่าง½ นิ้วที่ว่านั่นให้เต็ม [4]
    • คุณสามารถใส่วัตถุดิบอย่างอื่นเพิ่มเติมได้เพื่อที่จะเพิ่มรสชาติมะเขือเทศ กระเทียม, พริกไทยหรือใบโหระพาอ่อนจะทำให้มะเขือเทศกระป๋องของคุณอร่อย
  3. เมื่อคุณใส่น้ำมะนาวลงไปแล้ว ค่อยๆ กดมะเขือเทศเบาๆ ด้วยช้อนเพื่อไล่ฟองอากาศ ฟองอากาศจะทำให้แบคทีเรียเข้าไปในขวดได้และจะทำให้มะเขือเทศของคุณเน่า คุณควรจะใช้มีดหรือช้อนแซะลงไปด้านในขวด เพื่อไล่อากาศที่ติดอยู่ตรงนั้น [5]
  4. วางฝาลงบนขวดแล้วปิดฝาเกลียวด้วยมือ
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

การใช้หม้อนึ่งฆ่าเชื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขนาดหม้อจะต้องใหญ่เพียงพอสำหรับวางขวดโหลทั้งหมดได้พอดี วางตะแกรงนึ่งลงไปในหม้อและเติมน้ำครึ่งหนึ่งแล้วนำไปตั้งไฟ ถ้าคุณใช้หม้อนึ่งจริงๆ มันจะมาพร้อมกับตะแกรงของมันเองอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณใช้แค่หม้อธรรมดา คุณสามารถใช้ตะแกรงทำอาหารก็ได้ ตราบเท่าที่มันสามารถใส่ลงไปในหม้อได้ [6]
    • ถ้าคุณคิดว่าจะทำจำนวนมากๆ โดยเฉาพอย่างยิ่งอาหารที่มีกรดอ่อนๆ อย่างมะเขือเทศ คุณควรจะคิดถึงการลงทุนซื้อหม้อนึ่งแรงดันสักใบ มันจะใช้เวลาน้อยกว่าและทำงานได้ดีกว่า ถ้าคุณมีอยู่แล้วและอยากจะใช้มันตอนนี้ ให้ทำตามคำแนะนำที่มากับผลิตภัณฑ์
    • ถ้าคุณไม่มีตะแกรงทำอาหาร คุณสามารถวางผ้าเช็ดมือลงไปที่ก้นหม้อ เป็นการทำให้ขวดโหลไม่ไปกระแทกหม้อที่เป็นโลหะ
  2. เมื่อทั้งหมดอยู่ในตะแกรงแล้ว ให้ปรับให้ตะแกรงต่ำลง เทน้ำลงในหม้อให้น้ำสูงขึ้นมาระดับขวดโหล 2 นิ้ว ปิดฝาหม้อนึ่งแล้วต้มจนเดือด ถ้าคุณใช้ไพนต์ ให้ต้ม 40 นาที ถ้าคุณใช้ควอร์ตให้ต้ม 45 นาที คุณควรจำไว้ตลอดเวลาว่าระยะเวลาต้มอาจจะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับระดับความสูงที่คุณทำอยู่ [7]
    • 0 ถึง1000 ฟุต (0.0 ถึง 304.8 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล: 35 นาที สำหรับไพนต์ 45 นาที สำหรับควอร์ต
    • 1001 ถึง 3000 ฟุต (305.1 ถึง 914.4 เมตร): 40 นาที สำหรับไพนต์ 50 สำหรับควอร์ต
    • 3001 ถึง 6000 ฟุต (914.7 ถึง 1,828.8 เมตร): 45 นาที สำหรับไพนต์ 55 สำหรับควอร์ต
    • สูงกว่า 6000 ฟุต (1,828.8 เมตร): 50 นาที สำหรับไพนต์ 60 สำหรับควอร์ต
  3. เปิดฝาหม้อและปิดเตา.ทิ้งไว้ให้เย็น 20 นาทีแล้วยกขวดขึ้นมาโดยใช้อุปกรณ์ช่วยยก วางลงบนผ้า ทิ้งไว้ทั้งวันเพื่อให้เย็นลง และทดสอบว่าขวดปิดแน่นหรือไม่ โดยการกดลงไปตรงกลาง ถ้ามันไม่ขยับก็ใช้ได้ แต่ถ้ามันขยับได้ ให้นำมะเขือเทศออกมารับประทานทันที
  4. เก็บขวดโหลในที่ตู้เก็บอาหารที่เย็นและใช้ภายในหนึ่งปี. อย่าประหลาดใจ ถ้าคุณเห็นมะเขือเทศลอยอยู่เหนือของเหลวในขวดของคุณ มันเป็นเรื่องปกติมากๆ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณยังสามารถตุ๋นหรือเอาเม็ดพวกมันออกก่อนที่จะใส่ขวดโหลก็ได้.
  • พิจารณาถึงการซื้อหม้อนึ่งแรงดันดู ถ้าคุณมีแผนที่จะอัดกระป๋องจำนวนมากๆ ในอนาคต.
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • มะเขือเทศ
  • น้ำมะนาว
  • ขวดโหล, ฝาปิด และเกลียว
  • หม้อนึ่งฆ่าเชื้อ
  • ตะแกรงนึ่ง
  • อุปกรณ์ยกขวด
  • หม้อ 3 ใบ
  • ผ้าเช็ดทำความสะอาด
  • มีด

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,536 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา