ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ลูกอมน้ำตาลเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์แสนอร่อยที่คุณสามารถทำได้ในครัวที่บ้าน โดยที่ลูกอมน้ำตาลสามารถทำให้ติดกับก้านไม้หรือเชือกก็ได้ และยังสามารถเติมแต่งสีและรสชาติเพื่อทำลูกอมออกมาในแบบที่คุณจินตนาการเอาไว้ได้อีกด้วยนะ!

ส่วนประกอบ

  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย (500 มล.)
  • น้ำตาลทรายขาว 4 ถ้วย (950 มก.)
  • สีผสมอาหาร (ไม่จำเป็น)
  • สารแต่งรส (ไม่จำเป็น)
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การทำน้ำตาลละลาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าหากว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เตาแก๊ส จะเรียกผู้ใหญ่มาช่วยก็ได้นะ การต้มน้ำอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ถ้าคุณทำน้ำร้อนลวกตัวเอง [1]
    • ถ้าเป็นไปได้อยากให้ใช้น้ำกลั่น เพราะน้ำตาลอาจจับตัวกับน้ำก๊อกและเกิดเปลือกตะกอน ที่จะทำให้น้ำไม่ระเหยออก และทำให้ไม่เกิดผลึกบนเชือกแทน [2]
    • ถ้าคุณไม่มีเตาแก๊ส จะใช้เตาไมโครเวฟแทนก็ได้ ผสมน้ำตาลและน้ำไว้ในภาชนะแก้วที่นำเข้าไมโครเวฟได้ แล้วเวฟประมาณสองนาทีด้วยไฟสูง คนน้ำตาลกับน้ำแล้วเวฟต่ออีก 2 นาที คนครั้งที่สาม แล้วน้ำตาลจะละลายเข้ากับน้ำเกือบทั้งหมด [3]
    • ใช้ที่กันความร้อนหรือถุงมืออบถือหม้อหรือวัสดุแก้วเข้าไมโครเวฟได้นั้น เพื่อที่จะได้ไม่ลวกมือตัวเอง
  2. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    คนน้ำตาล 4 ถ้วย (950 มิลลิกรัม) เพิ่มต่อในส่วนผสม 1/2 ถ้วย (120 มิลลิกรัม). คนด้วยช้อนหลังจากที่น้ำตาลละลายกับน้ำไปหมดแล้ว เพราะน้ำจะมีส่วนผสมของน้ำตาลมากขึ้น จึงใช้เวลานานขึ้นจนกว่าน้ำตาลจะละลายไปกับน้ำ อาจใช้เวลาสักสองนาทีจนกว่าน้ำตาลจะละลายไปหมดเลยล่ะ [4]
    • คนส่วนผสมจนกว่าน้ำจะออกมาสีใส ถ้าส่วนผสมยังดูขุ่นอยู่ หรือคิดว่าน้ำตาลเริ่มไม่ละลายต่อแล้ว ให้เปิดไฟอุ่นเพื่อที่น้ำจะได้เดือด [5] น้ำร้อนมีจุดที่ทำละลายได้มากกว่าน้ำเย็น ฉะนั้นการอุ่นน้ำจะช่วยให้คุณผสมน้ำตาลที่เหลือเข้ากับน้ำได้ [6]
  3. นำส่วนผสมออกจากเตาแล้วทิ้งให้เย็นประมาณ 15-20 นาที. คุณต้องไม่ให้มีก้อนน้ำตาลที่ยังไม่ละลายหลงเหลืออยู่ก้นหม้อเลยนะ ถ้าหากว่ายังมีหลงเหลืออยู่ตอนใส่โหลหรือแก้วที่จะทำลูกอมน้ำตาล ผลึกน้ำตาลจะไปติดกับก้อนน้ำตาลที่ไม่ละลายนั่น ไม่มาติดกับเชือกหรือไม้ของคุณน่ะสิ [7]
    • ถ้าคุณเจอน้ำตาลที่ยังไม่ละลายไปกับน้ำเดือด อาจต้องกรองผ่านที่กรองเพื่อเอาแค่ของเหลวเท่านั้น
    • สารละลายที่คุณทำมานั้นเป็นสารละลายอิ่มตัว นั่นหมายความว่าน้ำดูดซึมน้ำตาลได้มากกว่าตอนที่มันอยู่ในอุณหภูมิห้องปกตินั่นเอง เมื่อสารละลายเย็นลง จุดดูดซึมของน้ำก็จะต่ำลง และไม่สามารถที่จะกักเก็บน้ำตาลเอาไว้ได้อีกต่อไป น้ำตาลที่ละลายแล้วจะไม่สามารถคงรูปเป็นของเหลวได้อีก และจะเริ่มสร้างผลึกขึ้นบนเชือกหรือไม้ที่คุณใส่ลงไปแทน [8]
  4. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    ใส่สีหรือรสลงไปถ้าไม่ต้องการลูกอมน้ำตาลธรรมดาๆ. ลองทำให้สีเข้ากับรสชาติดู เช่น สีฟ้ากับรสบลูเบอร์รี่ สีแดงกับรสสตรอเบอร์รี่ สีม่วงกับรสองุ่น เพื่อที่จะได้รู้รสชาติชัดๆ ให้แน่ใจว่าคุณได้คนส่วนผสมให้ดี เพื่อที่รสชาติและสีจะได้เข้ากันทั่วถึง [9]
    • รสชาตินั้นหยดเพียงไม่กี่หยดก็ได้ แต่พยายามใส่สีให้เข้มหน่อยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด [10]
    • ลองผสมกับสิ่งที่ผสมกับเครื่องดื่ม อย่าง Kool-Aid (ผงสีใช้ผสมกับเครื่องดื่ม) เพื่อสีและรสชาติ
    • ให้ลองใส่น้ำผลไม้สักหน่อย อย่างน้ำเลมอน น้ำมะนาว น้ำส้ม หรือรสชาติที่นิยมนำมาทำลูกอม
    • ลองสารสกัดอื่นๆ อย่างเปปเปอร์มินต์ สตรอเบอร์รี่ วนิลา กล้วย
  5. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    เทสารละลายลงในแก้วหรือโหลที่ต้องการจะทำให้เกิดผลึกลูกอมขึ้น. แก้วหรือโหลควรสูงและเป็นทรงยาว และวัสดุทำมาจากแก้ว เพราะพลาสติกอาจละลายได้เมื่อคุณเทสารละลายที่ร้อนลงไป เติมลงไปให้เกือบถึงขอบของแก้วได้เลย
    • ล้างให้แก้วสะอาดและไม่มีฝุ่นหลงเหลืออยู่เลย เพราะฝุ่นอาจทำให้ผลึกน้ำตาลเข้าไปติดอยู่ด้วยได้ และคุณก็ต้องการให้ขึ้นมาติดกับเชือกหรือไม้เท่านั้นน่ะสิ [11]
    • ปิดแก้วไว้ด้วยกระดาษไขเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นลงไปในสารละลาย [12]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การทำลูกอมน้ำตาลใส่เชือก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    ผูกปมปลายด้านหนึ่งของเชือกเข้ากับดินสอ และอีกด้านผูกกับคลิปหนีบกระดาษ. คลิปหนีบกระดาษจะเป็นตัวถ่วงน้ำหนักและทำให้เชือกตึงเป็นเส้นตรงตลอด มันจะได้ไม่ไปติดกับด้านข้างของภาชนะ เชือกควรมีความยาวเป็น 2/3 ของความลึกของภาชนะ ไม่ควรยาวจนตัวถ่วงน้ำหนักแตะกับก้นแก้วได้ แบบนี้จะช่วยให้ผลึกน้ำตาลได้มีพื้นที่ในการก่อตัวเยอะๆ [13] การที่ตัวถ่วงน้ำหนักแตะหรือแขวนอยู่ใกล้กับก้นภาชนะจะทำให้ผลึกน้ำตาลออกมาเล็กและผิดรูปร่าง
    • ใช้เชือกที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ อย่างเชือกเกลียวหรือฝ้าย สายเอ็นตกปลาหรือเชือกไนล่อนนั้นเรียบเกินไป และทำให้ยากที่น้ำตาลจะสร้างผลึกขึ้นมาเกาะและโตขึ้นได้ [14]
    • จะใช้แหวนรองหรือน็อตถ่วงน้ำหนักเชือกก็ได้ หรือจะเป็นลูกอมน้ำตาลอีกลูกที่จะช่วยให้ตกผลึกเร็วกันก็ไม่เลว [15]
    • ดินสอจะต้องยาวพอที่จะวางไว้บนขอบภาชนะโดยไม่ตกลงไป คุณจะใช้มีดทาเนย ไม้เสียบลูกชิ้น หรือไม้ไอศกรีมแทนก็ได้ มีดทาเนยหรือไม้ไอศกรีมจะดูมั่นคงกว่า เพราะว่ามันสามารถวางแนวแบนๆ ไว้บนแก้วได้และหมุนไม่ได้ด้วย
  2. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    จุ่มเชือกลงไปในแก้วที่มีสารละลายน้ำตาล/น้ำอยู่ นำออก และวางบนกระดาษไขรอให้แห้ง. ยืดเชือกให้อยู่ในแนวตรง เพราะตอนมันแห้งมันจะแข็งขึ้น เมื่อน้ำระเหยไปแล้ว คุณจะเริ่มเห็นผลึกที่สร้างขึ้นบนเชือก มันคือเม็ดผลึกที่จะช่วยให้เกิดผลึกที่ใหญ่ขึ้นรอบๆ จุดนั้นนั่นเอง [16]
    • คุณต้องรอให้เชือกแห้งหมดจริงๆ ก่อนที่จะไปขั้นตอนต่อไป และระวังอย่าไปทำให้เม็ดผลึกหลุดหล่นขณะที่ใส่เชือกลงไปในสารละลายล่ะ [17]
    • คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้หรือลองเร่งด้วยการทำให้เชือกเปียกแล้วเอาไปถูกับน้ำตาลทรายขาวก็ได้ (ขอแค่ให้มั่นใจว่าเชือกแห้ง จริงๆ ก่อนที่จะใส่เข้าไปในแก้ว แล้วน้ำตาลก็จะไม่หลุดออก) แต่การทำเม็ดผลึกจะทำให้ลูกอมน้ำตาลก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำให้ผลึกก่อตัวขึ้นด้วย [18]
  3. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    จุ่มเชือกลงไปในแก้วที่มีสารละลายน้ำตาล/น้ำอยู่ พักดินสอเอาไว้บนขอบแก้ว. เชือกควรห้อยลงมาตรงๆ และไม่ชนกับก้นแก้วหรือด้านข้างของแก้ว [19] ใช้กระดาษทิชชู่แผ่นหนาปิดสารละลายเอาไว้ อย่าไปปิดแก้วด้วยสิ่งที่กันลมได้อย่างแรปพลาสติกล่ะ เพราะการระเหยก็ถือเป็นส่วนสำคัญของขั้นตอนนี้
    • เมื่อน้ำระเหย สารละลายที่เหลือก็จะอิ่มตัวกับน้ำตาล และน้ำก็จะขับน้ำตาลออกมา โมเลกุลน้ำตาลก็จะเข้าไปเกาะกับเชือก ทำให้เกิดผลึกลูกอมน้ำตาลขึ้น [20]
    • พันดินสอไว้ด้วยเทป เพื่อไม่ให้มันกลิ้งหรือขยับขณะที่ผลึกกำลังก่อตัว [21]
  4. เพื่อให้ได้ผลึกที่ใหญ่ที่สุด ให้นำไปไว้ในที่ที่เย็นและมืด ซึ่งน้ำจะระเหยได้ช้า ช่วยเพิ่มเวลาให้ผลึกได้ก่อตัวขึ้นเยอะๆ [22]
    • ถ้าคุณต้องการให้ผลึกก่อตัวขึ้นเร็วๆ โดยไม่สนว่าจะต้องมีขนาดใหญ่ ให้นำแก้วไปวางในที่ที่แสงแดดส่องถึงเพื่อให้น้ำระเหยได้อย่างรวดเร็ว [23]
    • แรงสั่นสะเทือนจะส่งผลลบต่อการก่อตัวของผลึกน้ำตาล ให้เก็บแก้วเอาไว้ให้ไกลจากพื้น (และจากแรงสั่นสะเทือนของคนที่เดินบนพื้น) และเก็บให้ไกลจากเสียงเพลงหรือเสียงอื่นๆ อย่างเครื่องเสียงหรือโทรทัศน์ [24]
  5. อย่าแตะต้องหรือเคาะตัวแก้ว ไม่อย่างนั้นอาจเป็นการไปรบกวนการก่อตัวของผลึกและบางทีก็อาจทำให้ผลึกร่วงจากเชือกได้ หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คุณจะเห็นผลึกรูปร่างเรียบเนียนขนาดใหญ่เกาะเชือกอยู่ [25]
  6. ค่อยๆ นำเชือกออกจากสารละลายและวางพักไว้บนกระดาษไขให้แห้ง. ตัดคลิปหนีบกระดาษออกจากกรรไกร
    • ถ้าลูกอมน้ำตาลติดอยู่กับแก้ว ให้เปิดน้ำร้อนใส่ก้นแก้ว มันจะทำให้น้ำตาลเกิดหลวมและหลุดให้ดึงออกมาได้โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย [26]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การทำลูกอมน้ำตาลใส่ไม้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    จุ่มไม้เสียบลูกชิ้นหรือไม้ไอศกรีมกับน้ำและกลิ้งกับน้ำตาลทราย. น้ำตาลทรายจะเป็นเม็ดผลึกที่จะทำให้น้ำตาลที่ละลายมาเกาะได้ และเกิดกระบวนการตกผลึก [27] เม็ดผลึกจะทำให้ผลึกคริสตัลก่อตัวขึ้นได้อย่างง่ายดาย และเป็นการช่วยเร่งกระบวนการโดยการสร้างเป้าหมายให้ผลึกน้ำตาลมาเกาะได้ง่ายๆ อีกด้วย
    • ทิ้งให้ไม้เสียบแห้งสนิทก่อนที่จะเริ่มขึ้นตอนต่อไป ถ้าน้ำตาลไม่ได้เกาะกับไม้แน่น มันอาจหลุดร่วงในแก้วได้ และกระบวนการตกผลึกก็จะลงไปเกาะกับน้ำตาลก้นแก้วแทนที่จะเป็นไม้ [28]
  2. ถือไม้เสียบไว้ตรงกลางแก้ว เพื่อที่ไม่ให้มันแตะกับด้านข้างของภาชนะ และไม่ให้ปลายไม้สัมผัสกับก้นแก้ว. ถ้าไม้สัมผัสกับแก้ว มันอาจไปขัดขวางการตกผลึก หรือไม้ลูกอมอาจติดอยู่กับก้นหรือข้างแก้วได้ [29]
    • พยายามให้ปลายไม้อยู่เหนือก้นแก้วขึ้นมาประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.) [30]
  3. Watermark wikiHow to ทำลูกอมน้ำตาล
    หนีบปลายด้านที่แห้งของไม้เสียบลูกชิ้นด้วยไม้หนีบผ้า และวางไม้หนีบผ้าพาดเอาไว้ขอบแก้ว. ไม้เสียบลูกชิ้นควรถูกหนีบอยู่ตรงกลางไม้หนีบผ้าให้ใกล้สปริงที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้ [31] โดยสามารถใช้ไม้หนีบผ้าขนาดใหญ่พิเศษได้ ถ้าหากว่าปากแก้วกว้าง
    • ไม้เสียบลูกชิ้นควรถูกหนีบอย่างแน่นและอยู่จุดกึ่งกลางของแก้วที่สุด
    • ปิดแก้วไว้ด้วยทิชชู่แผ่นหนา โดยจะเจาะรูเพื่อให้ไม้เสียบลูกชิ้นโผล่ทิชชู่ขึ้นมาก็ได้
  4. อย่างเสียงเพลง โทรทัศน์ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนซึ่งอาจไปรบกวนการตกผลึกหรือทำให้ผลึกร่วงลงจากไม้ได้ เพื่อการก่อตัวที่ดีที่สุด ให้นำแก้วไปไว้ในที่เย็นๆ หรืออยู่ในอุณหภูมิห้อง โดยห่างออกจากเสียงรบกวนและจุดที่เดินผ่านบ่อยๆ [32]
  5. รอให้ลูกอมออกมาเสร็จเรียบร้อยประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์. หลีกเลี่ยงที่จะไปสัมผัสหรือเคาะกับแก้ว เพราะมันอาจทำให้ผลึกร่วงหลุดจากไม้ได้ [33] เมื่อรู้สึกพอใจกับปริมาณของผลึกแล้ว (หรือรู้สึกว่ามันไม่ใหญ่ไปกว่านี้แล้ว) ให้ค่อยๆ นำไม้ขึ้นมาแล้ววางไว้บนกระดาษไข ทิ้งให้แห้ง
    • ถ้ามันมีตะกอนขึ้นบนผิวน้ำ ให้ใช้มีดทาเนยค่อยๆ ทำให้ผลึกแตกตัวออกจากกัน โดยเลี่ยงอย่าไปทำใกล้กับผลึกที่อยู่ใกล้กับไม้ [34]
    • ถ้าลูกอมน้ำตาลติดอยู่กับแก้ว ให้เปิดน้ำร้อนใส่ก้นแก้ว มันจะทำให้น้ำตาลเกิดหลวมและหลุดให้ดึงออกมาได้โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย [35]
  6. โฆษณา

เคล็ดลับ

  • วิธีนี้สามารถนำไปใช้เป็นโครงการในงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์หรือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้
  • ถ้าคุณไม่เห็นการตกผลึกบนเชือกหลังผ่านไปประมาณหนึ่งวันแล้ว ก็ให้นำดินสอและเชือกออกมา ต้มน้ำใหม่อีกรอบ และลองผสมน้ำตาลลงไปให้มากกว่าเดิม ถ้าน้ำตาลละลายรวมกันเข้าไปได้อีก แปลว่าในตอนแรกคุณใส่น้ำตาลเข้าไปผสมไม่พอ ตอนนี้ก็เริ่มใหม่ด้วยสารละลายอิ่มตัวได้แล้วล่ะ
  • อย่าใส่น้ำตาลน้อยเกินหรือมากเกิน เพราะผลึกน้ำตาลอาจไม่ก่อตัวได้
  • วิธีนี้อาจใช้เวลามากกว่าที่คิด ฉะนั้นต้องมีความอดทนเอาไว้
  • ขณะที่เวฟลูกอมน้ำตาลในไมโครเวฟ ให้จับตาดูน้ำเชื่อมไว้ให้ดี เพราะมันอาจเดือดได้
  • ถือด้ามจับของหม้อออกให้ไกลจากตัว เพื่อที่จะได้ไม่ชนและทำน้ำตาลเดือดๆ หกใส่ตัว
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าไปยุ่งกับโหลหรือจุ่มนิ้วลงไปในน้ำ มันจะไปรบกวนการก่อตัวของโครงสร้างผลึก มันไม่ได้ไปป้องกันไม่ให้ได้ผลหรอก แต่จะไปขัดขวางการตกผลึกนั่นเอง
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

สารละลายน้ำตาล

  • หม้อต้มน้ำหรือหม้อเคี่ยวซอส
  • ช้อนไม้

ลูกอมน้ำตาลบนเชือก

  • ไม้ไอศกรีม ไม้เสียบเนื้อ มีดทาเนย หรือดินสอ
  • เชือก
  • คลิปหนีบกระดาษ หรือ washer
  • โหลหรือแก้วทรงสูงแคบ (ไม่ใช่พลาสติก)

ลูกอมน้ำตาลบนไม้

  • ไม้เสียบลูกชิ้นหรือไม้ไอศกรีม
  • ไม้หนีบผ้า
  • โหลหรือแก้วทรงสูงแคบ (ไม่ใช่พลาสติก)
  1. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  2. http://sciencenotes.org/solutions-to-common-crystal-growing-problems/
  3. https://www.exploratorium.edu/cooking/candy/recipe-rockcandy.html#
  4. https://www.exploratorium.edu/cooking/candy/recipe-rockcandy.html#
  5. http://sciencenotes.org/solutions-to-common-crystal-growing-problems/
  6. https://www.exploratorium.edu/cooking/candy/recipe-rockcandy.html#
  7. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  8. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  9. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  10. http://www.sciencebuddies.org/science-fair-projects/project_ideas/FoodSci_p005.shtml#procedure
  11. https://www.exploratorium.edu/cooking/candy/recipe-rockcandy.html#
  12. http://www.sciencebuddies.org/science-fair-projects/project_ideas/FoodSci_p005.shtml#procedure
  13. http://sciencenotes.org/grow-table-salt-or-sodium-chloride-crystals/
  14. http://sciencenotes.org/grow-table-salt-or-sodium-chloride-crystals/
  15. http://sciencenotes.org/grow-table-salt-or-sodium-chloride-crystals/
  16. https://www.exploratorium.edu/cooking/candy/recipe-rockcandy.html#
  17. https://www.youtube.com/watch?v=HvKJz4M585c
  18. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  19. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  20. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  21. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  22. https://sciencebob.com/make-your-own-rock-candy/
  23. http://sciencenotes.org/grow-table-salt-or-sodium-chloride-crystals/
  24. https://www.exploratorium.edu/cooking/candy/recipe-rockcandy.html#
  25. https://www.youtube.com/watch?v=HvKJz4M585c
  26. https://www.youtube.com/watch?v=HvKJz4M585c
  27. วิดีโอจาก Todd's Kitchen

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 39,590 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา