ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แม้ว่าการเข้ารับบริการทำสปาผิวหน้าโดยผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีราคาที่สูงไม่น้อย ทว่ายังมีอีกหนึ่งทางเลือกราคาประหยัดอย่างการทำสปาผิวหน้าด้วยตัวเองที่บ้านที่สามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ปรับสมดุลของผิวไม่ให้แห้งหรือมันจนเกินไป กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมทั้งผ่อนคลายและฟื้นฟูผิวที่โทรมและเหนื่อยล้าได้ดีไม่แพ้กัน นอกจากนี้ การทำสปาผิวหน้าด้วยตัวเองที่บ้านยังใช้เพียงผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่คุณสามารถหาได้ง่ายๆ ในตู้เก็บของในห้องน้ำของคุณ หรือคุณจะทดลองสูตรการทำสปาใหม่ๆ จากธรรมชาติได้ด้วยส่วนผสมต่างๆ ที่หาได้ภายในห้องครัวก็ได้เช่นกัน บทความนี้ได้รวบรวมคำแนะนำในการทำสปาผิวหน้าโดยเน้นที่ขั้นตอนการทำสปาให้กับคนอื่นเป็นหลัก ดังนั้นลองชวนเพื่อนๆ ของคุณมาผลัดกันทำสปาผิวหน้าให้กันเพื่อให้ทั้งคุณและเพื่อนรู้สึกผ่อนคลายกันถ้วนหน้า

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ทำความสะอาดผิวหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อขจัดเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกบนมือของคุณที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิวหรือการระคายเคืองต่อผิวได้
    • หากเป็นไปได้คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เนื่องจากน้ำหอมโดยส่วนใหญ่มักประกอบด้วยสารก่อภูมิแพ้ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวแพ้ง่ายหรือปฏิกิริยาภูมิแพ้ได้ [1]
  2. ใช้ยางมัดผมรวบผมที่ยาวไปทางด้านหลังรวมทั้งเก็บผมหน้าม้า ไรผม หรือผมที่สั้นด้วยที่คาดผมเพื่อไม่ให้ตกลงมาปรกหน้าในระหว่างการทำสปา การมัดผมให้เรียบร้อยจะช่วยเปิดผิวหน้าอย่างเต็มที่เพื่อให้คุณสามารถทำสปาอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  3. ใช้หมอนวางรองไว้ที่ใต้ศีรษะเพื่อให้เพื่อนรู้สึกสบายและผ่อนคลายยิ่งขึ้นในระหว่างการทำสปา
    • กำจัดสิ่งรบกวนด้วยการปิดโทรทัศน์และโทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งเปิดเพลงที่ฟังสบายๆ คลอไปด้วย
  4. เทผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางลงบนสำลีและนำไปเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางบนดวงตา ริมฝีปาก ใบหน้า และลำคอ ซึ่งคุณอาจต้องเช็ดด้วยสำลีจำนวนหลายก้อนเพื่อให้แน่ใจว่าผิวหน้าของคุณสะอาดหมดจด
    • ห้ามขัดถูแรงๆ โดยเด็ดขาดในทุกขั้นตอนของการทำสปาผิวหน้า โดยพยายามลูบไล้ผิวหน้าอย่างเบามือโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณรอบดวงตาที่บอบบางเป็นพิเศษ
  5. เลือกใช้คลีนเซอร์ที่เหมาะสำหรับประเภทผิว (ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา ผิวเป็นสิวง่าย ผิวมีอายุ) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังต่างแนะนำให้เลือกใช้คลีนเซอร์ที่ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ [2] เริ่มจากเทคลีนเซอร์ลงบนฝ่ามือในปริมาณที่พอเหมาะและถูให้กระจายทั่วฝ่ามือทั้งสองข้างเพื่อให้ง่ายขึ้นต่อการลูบไล้ลงไปบนผิวหน้า จากนั้นใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเป็นวงกลมโดยไล่จากคางขึ้นมาให้ทั่วใบหน้า
  6. ใช้แปรงทำความสะอาดผิวหน้าระบบโซนิคร่วมกับคลีนเซอร์. คุณอาจตัดสินใจลงทุนซื้อแปรงทำความสะอาดผิวหน้าระบบโซนิคสักอันหนึ่งเพื่อการทำความสะอาดที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น ซึ่งแปรงทำความสะอาดผิวหน้าไฟฟ้าตัวนี้สามารถทำความสะอาดผิวหน้าของคุณได้อย่างอ่อนโยน ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีโซนิคที่มีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของการขัดผิวและขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก [3] แปรงทำความสะอาดผิวหน้าระบบโซนิคแต่ละรุ่นอาจมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำตามที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งาน
  7. เช็ดคลีนเซอร์ออกให้สะอาดด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำหมาดๆ หรือสำลีแผ่น
  8. ใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับผิวหน้าให้แห้งอย่างเบามือ โดยห้ามถูแรงๆ โดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ขัดผิวหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บีบสครับขัดผิวสูตรอ่อนโยนลงบนฝ่ามือในปริมาณที่พอเหมาะและถูให้กระจายทั่วฝ่ามือทั้งสองข้างเช่นเดียวกับขั้นตอนการนวดด้วยคลีนเซอร์ จากนั้นนำมาขัดวนเป็นวงกลมให้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอโดยหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา (ตรงบริเวณใต้ท้องคิ้วหรือเหนือเบ้าตา) พยายามขัดผิวอย่างเบามือและไม่จำเป็นต้องออกแรงกดมากจนเกินไป
    • สครับขัดผิวมีส่วนช่วยในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่สะสมบนผิวหน้าให้หลุดออกไป จึงช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และเผยผิวที่ดูเรียบเนียนและกระจ่างใสยิ่งขึ้น
    • หากไม่มีสครับขัดผิว คุณสามารถทำสครับผิวใช้เองได้โดยผสมคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน (คุณอาจเลือกใช้คลีนเซอร์ตัวเดียวกับที่ใช้ในส่วนที่ 1 ก็ได้เช่นกัน) เข้ากับน้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนชา
  2. ใช้มาส์กผลัดเซลล์ผิวจากเอนไซม์ธรรมชาติแทนสครับขัดผิว. ปั่นสตรอว์เบอร์รี่ 6 ลูกและนมสด ¼ ถ้วย (60 มล.) ให้เข้ากันด้วยเครื่องปั่น จากนั้นนำไปขัดให้ทั่วผิวหน้าด้วยวิธีเดียวกับที่คุณขัดด้วยสครับขัดผิวในขั้นตอนที่ 1
    • เอนไซม์ในสตรอว์เบอร์รี่จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ส่วนนมสดมีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิวได้อย่างดีเยี่ยม
    • หลีกเลี่ยงการใช้มาส์กผลัดเซลล์ผิวและสครับขัดผิวควบคู่กันเพราะอาจทำให้ผิวหน้าของคุณถูกขัดมากเกินไปจนเป็นการทำลายผิวแทนได้
  3. เปิดน้ำร้อนจัดให้ไหลผ่านผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนนำไปประคบบนใบหน้าและทิ้งไว้ 5 นาที [4]
    • ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซียหรือมีผิวที่แพ้ง่ายอาจจำเป็นต้องข้ามขั้นตอนนี้ เนื่องจากไอน้ำอาจส่งผลให้อาการรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
  4. ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุณหภูมิห้องหมาดๆ หรือสำลีแผ่นเช็ดสครับหรือมาส์กออกให้สะอาด
  5. ซับผิวหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกด้วยมาส์ก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ป้ายมาส์กลงไปเป็นชั้นบางๆ ให้เสมอกันทั่วทั้งใบหน้าโดยหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาที่บอบบางกว่าส่วนอื่น มาส์กบำรุงผิวหน้ามีอยู่มากมายหลายสูตรซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณควรเลือกใช้มาส์กให้เหมาะสมกับความต้องการในการดูแลผิวของเพื่อน โดยคุณสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทมาส์กที่มีขายอยู่ในท้องตลาดหรือจะทำมาส์กเองด้วยส่วนผสมที่หาได้จากในบ้านก็ได้เช่นกัน
    • สำหรับผิวมันหรือผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย: ใช้ส้อมบดบลูเบอร์รี่ ½ ถ้วย (ประมาณ 50 กรัม) ให้ละเอียดและผสมเข้ากับโยเกิร์ต (ที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์มีชีวิต) 2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ และวิชฮาเซล 2 ช้อนโต๊ะ พอกทิ้งไว้นาน 15 นาที
    • สำหรับผิวแห้ง: บดอะโวคาโดสุก ½ ลูกให้ละเอียดและผสมเข้ากับโยเกิร์ต (ที่ประกอบด้วยจุลินทรีย์มีชีวิต) 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง ½ ช้อนชา และน้ำมัน (เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันอัลมอนด์) ½ ช้อนโต๊ะ พอกทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที [5]
    • หากต้องการให้รูขุมขนดูกระชับยิ่งขึ้น ให้คุณทำมาส์กจากไข่ขาวโดยผสมไข่ขาวดิบ 1 ฟองเข้ากับน้ำเลมอน 5 หยดและมายองเนสเล็กน้อย พอกทิ้งไว้นาน 20 นาที
  2. ระยะเวลาในการพอกมาส์กที่เหมาะสมอยู่ที่ประมาณ 15 นาที หรือคุณอาจทิ้งไว้มากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับประเภทของมาส์กที่เลือกใช้
    • เพิ่มเติมด้วยการนำแตงกวาฝานบางๆ ที่แช่เย็นแล้วมาวางไว้บนเปลือกตาของเพื่อนเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดอาการตาบวม [6]
    • ปล่อยทิ้งไว้จนมาส์กแห้งดีแต่ต้องไม่แห้งเกินไปจนแตกร่วน
  3. เช่นเดียวกับขั้นตอนการขัดผิวหน้า ให้คุณเปิดน้ำร้อนจัดให้ไหลผ่านผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนนำไปประคบบนใบหน้าและทิ้งไว้ 5 นาที [7]
    • ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ให้คุณข้ามขั้นตอนนี้หากคุณเป็นโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซียหรือมีผิวที่แพ้ง่าย
  4. ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุณหภูมิห้องให้พอหมาดและนำมาเช็ดมาส์กออกให้สะอาดอย่างเบามือ
  5. ใช้ผ้าขนหนูสะอาดซับผิวหน้าให้แห้งลงแต่ยังพอหลงเหลือความชื้นอยู่บ้าง
  6. เทโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่นเล็กน้อยและนำไปเช็ดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า โทนเนอร์ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารบำรุงต่างๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยในการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวได้อย่างดีเยี่ยม จึงมีส่วนช่วยในการปรับสภาพผิวให้พร้อมหลังการล้างหน้าและก่อนการทามอยเจอร์ไรเซอร์ ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ประเภทโทนเนอร์มีวางจำหน่ายมากมายตามท้องตลาด หรือคุณจะทำโทนเนอร์ใช้เองก็ได้เช่นกันด้วยส่วนผสมที่หาได้จากในบ้าน มองหาโทนเนอร์ที่เหมาะกับประเภทผิวของเพื่อนมากที่สุด แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้โทนเนอร์ตัวใดก็ตาม คุณควรแน่ใจว่าโทนเนอร์ที่คุณเลือกใช้เป็นสูตรปราศจากแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังถูกทำลายจากอนุมูลอิสระจนอาจส่งผลให้ผิวไม่สามารถผลิตคอลลาเจนได้ดีเท่าเดิม [8]
    • สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ให้คุณเลือกใช้วิชฮาเซลชนิดบริสุทธิ์
    • สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย ลองเลือกใช้น้ำมันอัลมอนด์สำหรับเป็นโทนเนอร์ [9]
    • สำหรับผู้ที่มีผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย คุณสามารถทำโทนเนอร์ใช้เองได้โดยผสมชาเขียวเข้มข้น ¾ ถ้วย (180 มล.) เข้ากับแอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ที่ไม่ผ่านกรรมวิธี ¼ ถ้วย (60 มล.) ชาเขียวมีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบและต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่วนแอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์มีประสิทธิภาพในการปรับค่า pH ของผิวให้สมดุลยิ่งขึ้น [10]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

บำรุงผิวหน้าด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทามอยเจอร์ไรเซอร์โดยใช้วิธีลูบไล้ขึ้นไปทางด้านบน. คุณสามารถใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เพื่อนใช้ตามปกติได้ในขั้นตอนนี้ เพียงแต่ให้คุณพิถีพิถันในการทามอยเจอร์ไรเซอร์มากยิ่งขึ้นด้วยการลูบไล้จากบริเวณลำคอไล่ขึ้นไปจนถึงหน้าผากพร้อมใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ โดยวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้มอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ดียิ่งขึ้น
    • ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำให้เลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ประกอบด้วยสารกันแดดที่มีสเปกตรัมกว้าง (SPF 30) [11] หากคุณต้องการออกไปข้างนอก แต่ในวันที่คุณอยู่บ้านและไม่ได้ออกไปไหน ให้คุณพักผิวหน้าจากสารเคมีด้วยการเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ปราศจากส่วนผสมของสารกันแดด
  2. เนื่องจากผิวหนังจะบอบบางลงกว่าปกติภายหลังการทำสปา คุณจึงควรบอกให้เพื่อนระมัดระวังไม่ให้ผิวหน้าสัมผัสถูกแสงแดด สภาพอากาศ มลภาวะ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผิว
  3. ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าผิวหนังจะบอบบางลงกว่าปกติภายหลังการทำสปา ดังนั้นคุณจึงควรบอกให้เพื่อนงดการแต่งหน้าตลอดทั้งวันเพื่อให้ผิวหน้าได้หายใจและกลับสู่สภาพเดิมได้โดยเร็ว
  4. การหมั่นทำสปาผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการบำรุงผิวหน้าเป็นประจำทุกวันจะช่วยดูแลให้ผิวมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากต้องการทำสปาผิวหน้าที่บ้านของคุณ อย่าลืมบอกเพื่อนให้นำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น คลีนเซอร์และมอยเจอร์ไรเซอร์ ที่พวกเขาชื่นชอบและใช้ตามปกติพกติดตัวมาด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าของเพื่อนเกิดการระคายเคืองโดยไม่คาดคิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่
โฆษณา

คำเตือน

  • วางแผนการทำสปาผิวหน้าล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันก่อนถึงวันสำคัญ เนื่องจากผิวหน้าของเพื่อนอาจแดงหรือบอบบางลงภายหลังการทำสปาได้
  • ลองสังเกตดูว่าผิวหน้าของเพื่อนมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ตัวใหม่รวมถึงส่วนผสมจากธรรมชาติหรือไม่ ซึ่งหากเพื่อนมีอาการเจ็บปวดหรือรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมา ให้คุณล้างผลิตภัณฑ์ออกด้วยน้ำอุ่นทันทีและหยุดพักการทำสปาสักครู่
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • สบู่ล้างมือ
  • คลีนเซอร์สำหรับผิวหน้า
  • สครับขัดผิวสำหรับผิวหน้า (หาซื้อตามท้องตลาดหรือทำเองที่บ้าน)
  • มาส์กบำรุงผิวสำหรับผิวหน้า (หาซื้อตามท้องตลาดหรือทำเองที่บ้าน)
  • โทนเนอร์ (หรือเลือกใช้วิชฮาเซลหรือน้ำมันอัลมอนด์)
  • มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวหน้า
  • ผ้าคาดผม
  • ผ้าขนหนูผืนเล็ก
  • สำลีก้อนและ/หรือสำลีแผ่น
  • ผ้าขนหนู

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,623 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา