ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การหาซื้อผลิตภัณฑ์หรือเรียกใช้บริการทำความสะอาดพรมมืออาชีพนั้นอาจมีราคาสูง แต่คุณสามารถทำน้ำยาทำความสะอาดพรมได้เองที่บ้าน โดยที่เอามาใช้กับเครื่องซักพรมหรือประยุกต์ใส่ในอุปกรณ์ทำความสะอาดประจำบ้านทั่วไปได้ น้ำยาทำความสะอาดพรมแบบทำเองนี้เหมาะสำหรับกำจัดคราบ รอยเปื้อนเฉพาะจุด ฟื้นสภาพบริเวณที่มีการใช้งานหนัก หรือจะแค่ทำความสะอาดทั่วไปก็ได้ มีสูตรการทำที่แตกต่างกันหลายสูตรที่คุณอาจลองทำเผื่อว่าบางสูตรใช้ไม่ได้ผลกับคราบฝังลึก ดังนั้นทดลองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณหาสูตรที่ถูกใจได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ทำส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาดพรม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำยาทำความสะอาดและฟื้นสภาพพรมสูตรนี้ใกล้เคียงกับน้ำยาที่วางขายมากที่สุด มันจะทำให้พรมของคุณสะอาด สดชื่น นุ่ม และมีกลิ่นหอม ถ้าจะทำน้ำยาทำความสะอาดนี้ ให้รวมส่วนผสมทั้งหมดต่อไปนี้ลงในถัง: [1]
    • ผงซักฟอกสูตรน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.)
    • น้ำยาทำความสะอาดเอนกประสงค์ ¼ ถ้วย (59 มล.)
    • ผลิตภัณฑ์ OxiClean 1 ทัพพี
    • น้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนชา (5 มล.)
    • น้ำร้อน 1 แกลลอน (3.8 ล.)
  2. ทำน้ำยาทำความสะอาดแบบไร้สารพิษและมีกลิ่นหอม. สำหรับครอบครัวที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยงนั้น น้ำยาทำความสะอาดแบบไร้สารพิษมักจะอยู่ในรายการของที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสำหรับใช้กับสิ่งที่ถูกใช้งานเป็นประจำทุกวันอย่างผืนพรมด้วยแล้ว การทำน้ำยาทำความสะอาดพรมแบบไร้สารพิษที่มีกลิ่นหอมด้วยนั้น ให้ผสมส่วนประกอบต่อไปนี้: [2]
    • น้ำส้มสายชูกลั่น 1 ถ้วย (235 มล.)
    • น้ำ 2 ถ้วย (470 มล.)
    • เกลือ 2 ช้อนชา (13 ก.)
    • น้ำมันสกัดหอมระเหย 15 หยด เช่น เลมอน ลาเวนเดอร์ หรือไพน์
  3. น้ำยาเช็ดกระจกไม่ได้มีไว้แค่ทำความสะอาดหน้าต่าง คุณสามารถนำมาผสมน้ำเพื่อทำน้ำยาทำความสะอาดพรมแบบง่ายราคาถูกแต่ได้ผลสำหรับทั้งที่บ้าน ในรถ หรือที่อื่นๆ
    • การทำน้ำยาแบบนี้ แค่ผสมน้ำร้อนกับน้ำยาเช็ดกระจกอย่าง Windex ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน [3]
  4. ลองน้ำยาที่ทำจากแอมโมเนียซึ่งออกฤทธิ์แรงกว่า. น้ำยาทำความสะอาดจากแอมโมเนียมีฤทธิ์สูงกว่าน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป แต่คุณต้องระมัดระวังหน่อยเพราะแอมโมเนียนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ดวงตา ปอด และวัสดุบางอย่างได้ ให้สวมถุงมือและผสมสิ่งต่อไปนี้ในถังอย่างระมัดระวัง: [4]
    • น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.)
    • แอมโมเนีย ¼ ถ้วย (59 มล.)
    • น้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย (59 มล.)
    • น้ำ 3 แกลลอน (11 ล.)
  5. ลองทำน้ำยาทำความสะอาดเลมอนผสมเปอร์ออกไซด์อย่างง่าย. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เป็นตัวทำความสะอาดที่ทรงพลังมาก และเลมอนก็มีคุณสมบัติลดไขมันที่ทำให้ทุกอย่างมีกลิ่นหอม ส่วนผสมที่หาได้ทั่วไปสองอย่างนี้สามารถนำมาผสมกันเป็นน้ำยาทำความสะอาดพรมได้ ถ้าจะทำ: [5]
    • เทไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ¾ ถ้วย (176 มล.) ลงในถัง
    • เติมน้ำ 1½ ถ้วย (352 มล.)
    • เติมน้ำมันสกัดจากเลมอน 5 หยด
    • คนให้เข้ากัน
  6. สารทำความสะอาดพรมชนิดเป็นผงเหมาะสำหรับคราบหกเลอะและคราบมัน คุณสามารถทำมันขึ้นเองได้ที่บ้านเช่นกัน สำหรับผงทำความสะอาดพรมแบบง่ายๆ นั้น ให้ผสมสิ่งต่อไปนี้ในถ้วยเล็ก: [6]
    • ผงฟู 1 ถ้วย (220 ก.)
    • แป้งข้าวโพด 1 ถ้วย (110 ก.)
    • ใบกระวาน 5 ใบบดละเอียด (สำหรับกลิ่น)
    • บุหงาแห้งบดละเอียดหนึ่งเหยาะ (ไม่จำเป็น)
  7. ทำผงทำความสะอาดระหว่างบอแร็กซ์กับเบกกิ้งโซดา. สำหรับผงที่ออกฤทธิ์แรงขึ้นและขจัดกลิ่นด้วย ให้ลองทำผงบอแร็กซ์กับเบกกิ้งโซดา คุณอาจเติมสมุนไพรหรือดอกไม้ที่ชอบเพื่อปรุงกลิ่นให้หอมตามใจคุณ สำหรับการทำผงทำความสะอาดสูตรนี้ ให้ผสมสิ่งต่อไปนี้ลงในถ้วย: [7]
    • บอแร็กซ์ 1 ถ้วย (409 ก.)
    • เบกกิ้งโซดา 1 ถ้วย (220 ก.)
    • สมุนไพรแห้งหรือดอกไม้แห้ง 1 ช้อนโต๊ะ (5 ก.)
    • น้ำมันสกัดหอมระเหย 20 หยด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ทำความสะอาดพรมด้วยมือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ่ายสารทำความสะอาดลงในขวดสเปรย์หรือขวดน้ำยาซักแห้ง. การทำความสะอาดพรมทั้งผืนหรือเฉพาะจุดด้วยมือ คุณจำต้องใช้สารทำความสะอาดเป็นชั้นบางๆ และสม่ำเสมอ วิธีที่ง่ายที่สุดคือให้ถ่ายสารทำความสะอาดลงในขวดสเปรย์หรือในขวดน้ำยาซักแห้ง ซึ่งจะทำให้คุณใช้สารได้ในปริมาณสม่ำเสมอกัน
    • คนส่วนผสมในน้ำยาทำความสะอาดให้เข้ากันก่อนถ่ายลงขวด ให้แน่ใจว่ามันผสมกันดีแล้ว
  2. เป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรทดสอบมันในพื้นผิวจริงสักเล็กน้อยก่อนลงมือในวงกว้าง โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องจัดการกับของอย่างพรม ผ้า หรือลูกไม้ การทดสอบจุดเล็กๆ จะช่วยให้มั่นใจว่าสารทำความสะอาดไม่ทำลายพรมหรือสีของพรม ถ้าจะทดสอบให้: [8]
    • เลือกบริเวณของพรมที่ไม่สะดุดตา เช่น ตรงมุมหรือใต้เฟอร์นิเจอร์
    • ฉีดหรือเหยาะสารทำความสะอาดลงไปบนจุดเล็กๆ บนพรมสักเล็กน้อย
    • รอ 24 ชั่วโมง
    • เมื่อได้เวลา ตรวจจุดทดสอบนั้นดูว่ามีสีซีด สีเพี้ยน หรือความเสียหายอื่นๆ หรือไม่
    • ทำความสะอาดต่อไปเพียงเมื่อพรมไม่เสียหายอะไร
  3. ในการทำความสะอาดคราบเฉพาะจุด ให้ลงสารทำความสะอาดเป็นชั้นบางๆ อย่างสม่ำเสมอบนบริเวณที่ต้องการทำความสะอาด [9] ส่วนการทำความสะอาดพรมทั้งผืนนั้น ให้แบ่งเนื้อที่บนพรมเป็นสามหรือสี่ส่วนและทำความสะอาดทีละส่วน
    • เวลาทำตวามสะอาดพรมทั้งผืนทีละส่วน ให้เริ่มจากส่วนที่อยู่ไกลจากประตูที่สุดก่อน แล้วค่อยๆ เลื่อนมายังประตูเพื่อหลีกเลี่ยงการทำแล้วออกมาไม่ได้
  4. ทิ้งไว้ให้สารทำความสะอาดได้ซึมเข้าเนื้อพรม. พอลงสารทำความสะอาดบนพรม ทิ้งมันไว้สัก 10 นาที เป็นการให้เวลาน้ำยาได้ซึมเข้าเนื้อพรม และแบบผงได้ดูดซับกลิ่นกับรอยคราบ
    • หากคุณรีบไม่มีเวลา ไม่บังคับตายตัวว่าต้องทิ้งไว้ให้มันซึมเข้าเนื้อ แต่มันจะทำให้พรมสะอาดกว่าถ้าคุณให้เวลามัน
  5. ใช้แปรงถูพรมหรือแปรงขนแข็งอย่างอื่นๆ ถูบริเวณที่คุณใส่สารทำความสะอาด มันจะช่วยดันสารให้ซึมเข้าเนื้อพรมลึกขึ้น และทำให้เศษผงหรืออนุภาคอื่นๆ ที่ฝังตัวอยู่ในเส้นใยของพรมหลุดออกมา [10]
    • พอคุณใช้แปรงถูทั่วทั้งบริเวณแล้ว ให้รอประมาณ 30 นาทีให้น้ำยาทำความสะอาดแห้งสนิท
  6. เมื่อน้ำยาทำความสะอาดมีเวลาแห้งสนิทและแบบผงมีเวลาดูดซับกลิ่นกับคราบจนหมดจดแล้ว ให้ดูดฝุ่นพรมทั้งผืนจนทั่วถึง ดูดซ้ำบริเวณนั้นสักสองหรือสามรอบให้แน่ใจว่าได้ดูดเอาฝุ่นผงออกมาจนหมด [11]
    • พอดูดฝุ่นพรมแล้ว ให้ทำซ้ำกับส่วนอื่นๆ ถ้าคุณจะทำความสะอาดพรมทั้งผืน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ใช้เครื่องซักพรม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนใช้สารทำความสะอาดสูตรใหม่แบบไหนก็ตามลงบนพื้นพรม คุณควรลองทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ก่อให้เกิดความเสียหายเสมอ เลือกบริเวณที่ไม่สะดุดตาของพรมแล้วลองใช้สารทำความสะอาดไม่ว่าน้ำยาหรือผงในปริมาณเล็กน้อย ทิ้งไว้สัก 24 ชั่วโมง [12]
    • หลังจาก 24 ชั่วโมงแล้ว ตรวจดูพท้นที่ทดสอบว่ามีสีซีดหรือเสียหายหรือไม่ ทำความสะอาดต่อถ้าไม่เกิดอะไร
  2. เครื่องซักพรมส่วนใหญ่จะมีถังเก็บเพียงถังเดียวไว้ใส่น้ำยาทำความสะอาด เติมน้ำยาชนิดที่คุณเลือก ถ้ามันมีฝาหรือจุกปิด ให้เปลี่ยนมันก่อนซักพรม
    • เครื่องซักพรมบางยี่ห้อมีถังแยกต่างหากสำหรับน้ำสะอาดกับน้ำยาทำความสะอาด ดูให้แน่ใจก่อนเติมทั้งสองถัง [13]
  3. เปิดเครื่องซักพรมและกดปุ่ม (ถ้ามี) เพื่อเริ่มทำการซัก เริ่มจากมุมห้องที่อยู่ไกลสุดจากประตู ซักพรมโดยใช้การขยับไปหน้าและถอยหลังเหมือนเวลาดูดฝุ่น ซักพรมแต่ละส่วนซ้ำสองหรือสามรอบเพื่อให้มั่นใจว่าพรมได้รับการทำความสะอาดถ้วนทั่ว [14]
    • ระหว่างทำความสะอาดพรม ก็ทำไล่ไปทางประตูจะได้ไม่ค้างเติ่งอยู่ในห้อง
  4. เครื่องซักพรมจะลงน้ำยาบนผืนพรมเป็นปริมาณมาก ดังนั้นหลังซักเสร็จให้ปล่อยพรมไว้ 24 ชั่วโมง นี่จะช่วยให้น้ำยาทำความสะอาดได้ซึมซับเข้าสู่เนื้อพรมและระเหย และยังเป็นกรให้เวลาพรมได้แห้งด้วย [15]
  5. พอพรมแห้งสนิทและลองใช้มือสัมผัสก็ไม่รู้สึกถึงคราบ ให้ดูดฝุ่นพรมทั้งผืนด้วยเครื่องดูดฝุ่นธรรมดา มันจะดูดฝุ่นผงและเศษละอองที่ติดอยู่ในพรมออก เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการทำความสะอาด
    • เครื่องซักพรมบางยี่ห้อเป็นเครื่องดูดฝุ่นได้ด้วย อย่าไปกดปุ่มซักพรมเลยเชียวถ้าคุณต้องการใช้งานมันเป็นเครื่องดูดฝุ่น
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,144 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา