ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เห็ดกินได้ทั้งหลายมีสารพัดรูปแบบและขนาด คุณจึงนำเห็ดเหล่านี้มาปรุงอาหารได้มากมาย เริ่มจากจานง่ายๆ ที่ใช้เพียงแค่เห็ด ไปจนถึงใช้เห็ดทำซอส และปรุงอาหารทั้งมื้อ เห็ดเต็มไปด้วยสารอาหาร รวมทั้งวิตามินบี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น ซีลีเนียม ทองแดง และโปแตสเซียม เห็ดจึงเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารของคุณ [1] บทความนี้จะเล่าถึงวิธีหาเห็ด และการใช้เห็ดปรุงอาหารจานมหัศจรรย์ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ปรุงอาหารจานง่ายๆ ด้วยเห็ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องทำให้เห็ดสะอาดและแห้งตอนนำไปปรุงให้สุก [2]
    • ห้ามล้างเห็ด ไม่สมควรแช่เห็ดในน้ำ
    • เห็ดจะดูดซับน้ำหากถูกนำไปแช่น้ำ และจะไม่เป็นสีน้ำตาลในระหว่างการปรุง กับจะทำให้รสชาติที่มีอยู่น้อยลดลงไปอีกด้วย
    • เช็ดเห็ดด้วยผ้าชื้นๆ หรือด้วยกระดาษอเนกประสงค์สำหรับใช้ในครัว แต่ทำเฉพาะที่จำเป็นเพื่อขจัดฝุ่นและเศษผงต่างๆ
    • อาจใช้แปรงสำหรับทำความสะอาดเห็ดโดยเฉพาะก็ได้
  2. เห็ดมีรสชาติเฉพาะตัว ซึ่งอาจดึงออกมาได้ด้วยการปรุงแต่งอย่างง่ายๆ เช่น ด้วยเนยหรือน้ำมันมะกอก เห็ดมีน้ำมากจึงจะหดตัวมากพอดูในระหว่างการปรุง และคุณยังสมควรตระหนักด้วยว่าเห็ดดูดซับไขมันอย่างทันทีทันใด จงใช้เนยหรือน้ำมันปรุงอาหารคุณภาพดีเสมอ [3]
    • ย่างเห็ดเพื่อดึงรสหวานตามธรรมชาติออกมา เคลือบเห็ดด้วยน้ำมันแล้วย่างในเตาอบด้วยความร้อน 400 องศาจนเป็นสีน้ำตาลสวย
    • โรยเห็ดด้วยเศษขนมปังแบบเดียวกับที่ทำกับไก่ และทอดในน้ำมันร้อน ทำให้แน่ใจด้วยว่าคุณใช้น้ำมันคุณภาพสูงตอนทอด
    • ผัดเห็ดที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ด้วยซอสถั่วเหลืองกับน้ำมัน เพื่อเป็นอาหารจานง่ายๆ จานหนึ่ง
    • ย่างเห็ดในฤดูร้อน ทำง่ายๆ เพียงแค่วางเห็ดโดยตรงบนกระทะย่าง แล้วย่างจนเห็ดเป็นสีน้ำตาล ลองเหยาะน้ำซอสเพื่อเพิ่มรสชาติ
    • ทอดในกระทะ โดยใช้น้ำมันขลุกขลิก เป็นหนึ่งในวิธีธรรมดาสามัญที่สุด เริ่มด้วยการใช้เนย หรือน้ำมันที่ร้อนจัดจำนวนมาก ก่อนจะทอดจนเป็นสีน้ำตาลโดยใช้น้ำมันขลุกขลิก


  3. เห็ดกับไข่ไปกันได้ดีมากในอาหารจานง่ายๆ และแสนจะธรรมดามาก [4]
    • คุณสามารถทำให้ไข่คนมีรสชาติดีขึ้นโดยเติมเห็ดกับกระเทียม
    • เห็ดต่างๆ ใส่ได้อร่อยดีในไข่เจียว
    • เติมเห็ดในไข่เจียวสเปน และคีช (พายเปิดหน้าไส้คาว) เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่ดูติดดิน
  4. ทำเห็ดยัดไส้เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ทำได้อย่างรวดเร็ว. เป็นอาหารโดดเด่นตามภัตตาคารและงานปาร์ตี้จำนวนมาก [5]
    • เริ่มด้วยการเอาครีบเห็ดออก เพราะไม่ใช้ครีบเห็ดเวลาทำเห็ดยัดไส้ แต่ต้องการพื้นที่สำหรับยัดไส้
    • คุณสามารถทำไส้เห็ดได้ง่ายๆ และรวดเร็ว โดยใช้เกล็ดขนมปังป่น ไข่ หัวหอมทอด เครื่องเทศต่างๆ และชีส
    • ยัดไส้เห็ดจนขึ้นเป็นเนินนูนเล็กๆ บนหมวกเห็ด
    • อบในเตาอบด้วยอุณหภูมิ 400 องศาจนเห็ดเป็นสีน้ำตาล และไส้ในเป็นสีทอง
    • ทดลองใช้ไส้ชนิดต่างๆ กัน เป็นเรื่องที่สร้างสรรค์และสนุก!
  5. เมื่อเติมเห็ดลงในเมนูอาหารเดิมที่มีอยู่ เห็ดสามารถเพิ่มความลึกของรสชาติและความซับซ้อนได้
    • ทำซอสพาสต้าด้วยเห็ด เห็ดเป็นส่วนผสมอันดีเลิศที่คุณจะเติมลงในซอสพาสต้า และคุณสามารถเติมเห็ดลงในซอสอัลเฟรโดได้ด้วย
    • เห็ดใช้เป็นไส้ที่เยี่ยมยอดมากสำหรับราวิโอลี่ และทาร์ต
    • คุณสามารถเติมเห็ดเป็นไส้ในแซนวิช พานินี่ ตอติญ่า และเป็นวัตถุดิบในอาหารกลางวันอื่น ๆ สำหรับรสชาติและการเพิ่มน้ำหนักตัว คุณสามารถทำแซนวิสเห็ดพอร์โทเบลโลได้ด้วย
    • ใช้เห็ดเป็นทอปปิ้งบนหน้าพิซซา
    • เสริมเห็ดในอาหารจานเนื้อเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยเหมาะสมมากเป็นพิเศษกับเนื้อหรือไก่ นิยมใช้เห็ดโรยหน้าบนอาหารประเภทสเต็ก และปิ้งย่าง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ใช้เห็ดทำซอสเห็ดแบบง่ายๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะทำซอสได้ง่ายและเร็วมากขึ้นหากมีทุกสิ่งพร้อมสรรพ คุณจะต้องการสิ่งต่อไปนี้: [6]
    • เนย
    • เห็ดหั่นบางๆ 8 ออนซ์
    • หอมแดงหั่นลูกเต๋าเล็กๆ 1 หัว
    • น้ำซุปรสเนื้อ 3/4 ถ้วยตวง
    • สมุนไพรสดชนิดต่างๆ
  2. ใช้กระทะทอดด้ามยาวขนาดใหญ่พอที่จะสามารถแผ่เห็ดออกโดยที่เห็ดไม่ซ้อนกัน [7]
    • อย่าทอดโดยใช้ไฟแรงเกินไป เพราะเนยจะเริ่มเป็นสีน้ำตาล
    • คอยจับตาดูเนยที่กำลังละลาย ทำให้แน่ใจว่าเนยเคลือบก้นกระทะทั่วดีแล้ว
    • เมื่อเนยหยุดเป็นฟองฟู่ แสดงว่าร้อนมากพอที่จะเติมส่วนผสมอื่นๆ แล้ว
  3. เติมเห็ดหั่นบางๆ จำนวน 8 ออนซ์ กับหอมแดงหั่นลูกเต๋าขนาดเล็กลงในกระทะ. ทำให้แน่ใจว่าเห็ดไม่แน่นกระทะมากเกินไป [8]
    • ทอดเห็ดเร็วๆ ในเนยแบบขลุกขลิกจนเห็ดเป็นสีทองและนุ่ม
    • ระวังไม่ทำหอมแดงไหม้ หอมแดงจะเสียรสชาติได้ง่าย
    • ปรับไฟเป็นปานกลาง/สูง
    • เติมน้ำซุปรสเนื้อ 3/4 ถ้วย แล้วเคี่ยวเร็วๆ นาน 5 นาที จะทำให้ซอสข้นขึ้น
    • เคี่ยวด้วยไฟปานกลางจนถึงไฟอ่อน
    • คนซอสบ่อยๆ เพื่อไม่ให้อาหารชิ้นเล็กๆ ติดกระทะ
    • เฝ้าดูอย่างระมัดระวังไม่ให้เดือดจนล้นกระทะ
  4. ยกขึ้นจากเตา .คลุกเคล้ากับเนยหนึ่งช้อนโต๊ะ และสมุนไพรสดตามชอบ [9]
    • คุณสามารถเติมใบโหระพา หรือ ใบทาร์รากอน เพื่อปรุงรสเพิ่มเป็นพิเศษ ใบต้นหอมจีน หรือใบกระเพราก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
    • คลุกเคล้าให้ทั่วเพื่อให้เนยกับสมุนไพรผสมผสานกันดีในซอส
    • ตักซอสราดบนอาหารในตอนที่ยังร้อนอยู่ เหมาะทั้งกับไก่ เนื้อวัว หรือแม้แต่พาสต้า
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ทำซุปเห็ดแบบง่ายๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจะจำเป็นต้องมีทุกอย่างพร้อมสรรพ เพื่อที่คุณจะสามารถทำซุปได้อย่างรวดเร็ว คุณจะต้องการดังต่อไปนี้: [10]
    • หอมใหญ่สับ 1/4 ถ้วยตวง
    • เนย
    • เห็ดสับ 3 ถ้วยตวง
    • แป้ง 6 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำซุปไก่ 2 กระป๋อง
    • เกลือกับพริกไทย
  2. กระทะต้องใหญ่พอที่จะรองรับเห็ดกับน้ำซุป 3 ถ้วยตวง [11]
    • อย่าละลายเนยด้วยไฟแรงเกินไป เพราะเนยจะกลายเป็นสีน้ำตาลอย่างรวดเร็ว
    • ลองใช้ไฟปานกลาง/สูง ทำให้แน่ใจว่าเนยเคลือบก้นกระทะในระหว่างละลาย
    • เมื่อเนยหยุดเป็นฟองฟู่ ก็ร้อนพอที่จะเต็มส่วนผสมอื่นๆ ได้แล้ว
  3. ตอนนี้ คุณทำให้หอมใหญ่สุกในเนยได้แล้ว [12]
    • คลุกเคล้าหอมใหญ่บ่อยๆ เพื่อให้สุกสม่ำเสมอ
    • ทอดหอมใหญ่แบบขลุกขลิกจนโปร่งใส และออกสีน้ำตาลเล็กน้อย
    • ลดไฟลงเหลือปานกลาง
  4. เติมเห็ดสับลงในหอมใหญ่ที่ทอดแบบขลุกขลิก.ปรุงต่ออีกหลายนาที [13]
    • ปรุงจนเห็ดเป็นสีทองและนุ่ม
    • หลีกเลี่ยงไม่ปรุงเห็ดจนสุกเกิน ไม่อย่างนั้นจะได้เห็ดเนื้อเหนียวเหมือนยาง
    • หากต้องการ อาจเติมกระเทียมในขั้นตอนนี้ได้
    • เมื่อปรุงเห็ดจนสุกแล้ว คุณสามารถทำขั้นตอนต่อไปของซุปได้
  5. แล้วเติมส่วนผสมลงในเห็ด [14]
    • นำส่วนผสมไปต้มให้เดือด คนเป็นระยะๆ เพื่อเห็ดจะได้ไม่ติดกระทะ
    • ปรุงนานสองนาที เมื่อถึงตอนนี้ส่วนผสมจะข้นขึ้นแล้ว
    • หากหลังจากสองนาที ซุปของคุณยังไม่ข้นมากขึ้น ให้ลองปรุงต่ออีกสี่ห้านาที
  6. เติมนมฮาล์ฟ แอนด์ ฮาล์ฟ กับเกลือและพริกไทยเหยาะหนึ่ง เป็นการปรุงขั้นตอนสุดท้าย [15]
    • ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน
    • เคี่ยวซุปนาน 15 นาที
    • เติมเกลือกับพริกไทยหากจำเป็น
    • เสิร์ฟอุ่นๆ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ใช้เห็ดแห้ง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าส่วนใหญ่ในตลาด เห็ดแห้งเคยมีราคาแพงกว่านี้ แต่ราคาในปัจจุบันลดลงแล้ว ข้อได้เปรียบของการใช้เห็ดแห้งคือ คุณต้องใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติได้มากในอาหารจานเห็ด [16]
    • เห็ดแห้งตามปกติจะแบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ: เห็ดเอเชีย (เช่น เห็ดชิตาเกะ และเห็ดหูหนูดำ) หรือ เห็ดยุโรป-อเมริกา (เห็ดมอเรล เห็ดพอร์ชินี เห็ดออรินจิ ฯลฯ)
    • เห็ดเหล่านี้จะเก็บได้นานหนึ่งปี หากอยู่ในภาชนะบรรจุที่ปิดแน่นและแห้ง
    • มักใช้เห็ดแห้งปนกับเห็ดสดซึ่งมีราคาถูกกว่าเพื่อเสริมรสชาติให้อร่อยขึ้น
  2. คุณจำเป็นต้องทำก่อนจะใช้ปรุงอาหาร [17]
    • ยังมีประโยชน์ด้านอื่นจากการทำให้เห็ดแห้งคืนตัวด้วย เห็ดแห้งคืนตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อแช่น้ำ น้ำแช่เห็ดเปี่ยมไปด้วยรสชาติ และใช้ได้ในอาหารหลากหลายเมนู
    • ก่อนที่คุณจะเริ่มทำสิ่งอื่นใดในเมนูอาหารที่ต้องใช้เห็ด ให้เริ่มการทำให้เห็ดแห้งคืนตัวก่อนเป็นอย่างแรก
    • ใช้น้ำที่อุณหภูมิห้อง ใส่น้ำให้ท่วมเห็ดจนเกินพอ
    • เห็ดที่หั่นบางๆ น่าจะจำเป็นต้องแช่น้ำประมาณ 1/2 ชั่วโมง
    • หมวกเห็ดทั้งชิ้น หรือเห็ดหั่นชิ้นหนา จำเป็นต้องแช่นาน 8 ชั่วโมงหรือมากกว่า
    • หลังจากแช่เห็ด ให้ล้างเห็ดเพื่อเอากรวดทรายใดๆ ออก หนึ่งในอันตรายแอบแฝงของการใช้เห็ดแห้งคือ หลายชนิดมีกรวดทรายที่ไม่พึงประสงค์ปะปนมา การล้างน้ำหลังแช่เห็ดจะช่วยเอากรวดทรายออก
  3. น้ำจะเปี่ยมไปด้วยรสชาติและเป็นส่วนเสริมที่มหัศจรรย์มากสำหรับสูตรอาหารที่ต้องใช้น้ำสต็อก [18]
    • หากคุณไม่ต้องใช้น้ำแช่เห็ดในทันที ให้ใส่ในภาชนะบรรจุ และแช่ตู้เย็น จะเก็บไว้ได้นานหลายวัน
    • คุณอาจแช่แข็งน้ำแช่เห็ดได้นานกว่านั้นหากจำเป็น
    • น้ำแช่เห็ดที่เหลืออยู่จะมีกรวดทรายเป็นจำนวนมากจากเห็ด
    • คุณจะจำเป็นต้องกรองน้ำแช่เห็ดก่อนใช้ เพื่อไม่ให้มีกรวดทรายลงไปอยู่ในอาหาร
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

หาเห็ดชนิดที่ต้องการใช้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณจำเป็นต้องมีความรู้ดีมากว่าเห็ดสายพันธุ์ใดปลอดภัยที่จะกินหรือไม่ หน้าตาเป็นอย่างไร และปลูกที่ไหน [19]
    • มีเห็ดป่ายอดนิยมหลากหลายชนิด ซึ่งรวมทั้ง เห็ดมอเรล เห็ดนางฟ้าภูฎาน และเห็ดปุยฝ้าย
    • จงใช้ความระมัดระวัง เห็ดพิษบางสายพันธุ์อาจมองดูคล้ายกันมาก หรือดูเหมือนกันกับเห็ดกินได้ยอดนิยมหลายชนิด
    • ตัวอย่างเช่น เห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อนซึ่งมีพิษร้ายแรง แต่หน้าตาคล้ายกันกับเห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง ซึ่งคุณจะพบเห็นได้ตามร้านขายของชำ
    • จงกินแต่เห็ดที่คุณแน่ใจ 100% ว่าเป็นสายพันธุ์ที่กินได้อย่างปลอดภัย
    • แม้หลังจากระบุได้ว่าเป็นเห็ดสายพันธุ์ที่ปลอดภัย ให้คุณเริ่มชิมเพียงเล็กน้อยก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่เลวร้ายหลังจากกินเห็ดชนิดนั้น
    • ใช้คู่มือภาคสนามหลากหลายเพื่อระบุสายพันธุ์ของเห็ด หากคุณไม่แน่ใจว่าเป็นเห็ดชนิดใดแน่ ให้สอบถามผู้เชี่ยวชาญก่อนที่คุณจะปรุงอาหาร
    • หากมีข้อสงสัย ให้โยนเห็ดทิ้ง
  2. ไม่ใช่พฤติกรรมสำหรับผู้หาอาหารเป็นครั้งคราว เห็ดพิษมีอันตรายร้ายแรงมาก สามารถทำให้ป่วยหนักและตายได้ [20]
    • เห็ดบางชนิดเติบโตบนต้นไม้ที่โค่นล้มลงมา หรือบนรากของต้นไม้ ขณะที่ชนิดอื่น ๆ งอกงามบนพื้นดิน
    • เป็นความคิดที่ดีที่คุณจะพกพาคู่มือจำแนกชนิดเห็ดไปด้วย เพื่อช่วยให้คุณสามารถระบุบริเวณที่เห็ดจะงอกขึ้นมา และสายพันธุ์ของเห็ด
    • เห็ดมีฤดูกาลที่หลากหลาย ฤดูกาลของเห็ดในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาเหนือคือช่วงระหว่างปลายฤดูใบไม้ผลิ กับต้นฤดูใบไม้ร่วง
    • ช่วงเวลาดีที่สุดที่จะมองหาเห็ด คือหลังจากช่วงฤดูฝน เห็ดต้องการความชื้นจำนวนมากที่จะเติบโต
    • หากคุณออกหาเห็ดในสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย ให้ขอคำแนะนำจากคนในท้องถิ่น เพราะมีเห็ดฝาแฝดที่เป็นพิษอยู่ เห็ดสายพันธุ์ที่กินได้ปลอดภัยในสถานที่หนึ่ง อาจจะเป็นพิษในอีกสถานที่หนึ่งทั้งที่หน้าตาดูเหมือนกัน
  3. จงทำให้แน่ใจว่าคุณได้เก็บเห็ดแต่ละชนิดแยกกัน เพราะหากคุณบังเอิญเก็บเห็ดพิษมา พิษอาจปนเปื้อนเห็ดสายพันธุ์อื่นๆ ที่เหลือด้วยได้ [21]
    • ใส่เห็ดในตะกร้าก้นแบน คุณยังสามารถใช้ถุงผ้าก้นแบนที่เสริมความแข็งแรงของก้นถุงด้วยแผ่นกระดาษแข็งได้ด้วย
    • หลีกเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติกจากร้านค้า เพราะถุงประเภทนี้จะทำให้มีการสะสมความชื้นเป็นจำนวนมากเกินไป อาจลดทอนรสชาติ และคุณภาพของเห็ดลง
    • ถุงพลาสติกของร้านค้ายังปกป้องเห็ดไม่มากพออีกด้วย หากคุณใส่เห็ดไว้ในถุงดังกล่าว เห็ดอาจจะถลอกหรือเสียหายหากคุณชนเข้ากับสิ่งใด ๆ
    • ใช้มีดพับตัดเห็ดตรงโคนข้างล่าง
  4. คุณไม่ต้องการเห็ดที่มีตำหนิ หรือเป็นเห็ดเก่า [22]
    • เห็ดจะสดหากหมวกเห็ดสะอาด สดใส และไม่มีตำหนิ หรือรอยถลอก
    • ครีบเห็ดสมควรเป็นสีชมพูซีด หรือไม่เป็นสีเข้มจนเกินไป
    • หากคุณสงสัยเรื่องความสดหรือความสมบูรณ์ของเห็ดดอกไหน อย่าเก็บมา
  5. หากคุณไม่ต้องการจะมีปัญหา ไม่อยากจะออกไปค้นหาเห็ดด้วยตัวเอง หรือไม่มีความรู้ที่จำเป็นสำหรับการทำเช่นนั้น สามารถหาซื้อเห็ดได้ตามร้านค้าในราคาที่ไม่ค่อยแพง [23]
    • ร้านค้าปลีกที่ขายเห็ดส่วนใหญ่จะมีเห็ดกระดุม และเห็ดพอร์โทเบลโล เป็นอย่างน้อย
    • ร้านค้าที่ขายเห็ดโดยเฉพาะจะมีเห็ดสายพันธุ์ที่หายากและราคาแพงกว่า เช่น เห็ดมอเรล เห็ดชองทาเรลล์ เห็ดทรัฟเฟิล และเห็ดไมตาเกะ
    • ในปัจจุบัน มีหลายร้านที่ขายเห็ดสายพันธุ์หายาก หรือเห็ดนำเข้าในรูปของเห็ดแห้ง ซึ่งมักจะราคาถูกกว่าเห็ดสด และสามารถนำมาคืนตัวเพื่อใช้ปรุงอาหาร
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • หลีกเลี่ยงเห็ดที่ลื่นมือหรือมีจุด
  • ห้ามแช่เห็ดในน้ำ เพราะจะดูดซับน้ำเอาไว้มากจนเกินไป
  • เห็ดจำเป็นต้องหายใจ จึงไม่สมควรเก็บไว้ในถุงพลาสติก ถุงพลาสติกยังอาจทำให้มีไอน้ำเกาะซึ่งทำให้เห็ดชุ่มน้ำ
  • เก็บเหตุไว้ในตู้เย็นได้นาน 1-2 วันโดยใส่ในถุงกระดาษ
  • อย่าปรุงเห็ดจนสุกเกินไป เพราะเนื้อจะเหนียวคล้ายกับยาง
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามกินเห็ดที่คุณพบในป่า นอกเสียจากจะแน่ใจแล้วว่าเป็นเห็ดสายพันธุ์ใด การกินเห็ดที่ไม่รู้จักนั้นอันตรายมาก เพราะมีโอกาสที่คุณกำลังจะเก็บเห็ดพิษมากิน!
  • ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับใดๆ เกี่ยวกับพืชและสัตว์ป่าที่ห้ามเก็บเห็ด ไม่อย่างนั้น คุณอาจจะถูกจับปรับ
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องเห็ดหากต้องการจะมั่นใจเต็ม 100% ว่าเห็ดป่าที่เก็บได้คือเห็ดสายพันธุ์ใด


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,897 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา