ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่าการตั้งเป้าหมาย และทำให้กลายเป็นจริงได้อีกแล้ว เหมือนดั่งความรู้สึก “ปิติสุข” หลังจากที่นักวิ่งเพิ่งชนะการแข่งขันมาหมาดๆ การบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ก็สามารถทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้นได้เหมือนกัน ซึ่งบทความต่อไปนี้จะแนะนำวิธีการอันหลากหลาย ให้คุณนำไปใช้ตั้งเป้าหมายเพื่อทำมันให้สำเร็จ เพียงแค่เริ่มลงมือทำ ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง คุณก็จะสามารถทำเป้าหมายให้กลายเป็นจริงได้ตามที่หวัง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

กำหนดเป้าหมาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พยายามถามตัวเองว่าคุณต้องการสิ่งใดกันแน่ ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นคาดหวังจากคุณ จงตั้งเป้าเพื่อตัวเอง [1] ผลการศึกษาพบว่า หากเป้าหมายดังกล่าวมีความหมายต่อชีวิตคุณมาก คุณก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วย [2]
    • บ่อยครั้งที่ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด ยากยิ่งกว่าการทำให้สำเร็จเสียอีก เพราะว่าการค้นหาว่าคุณต้องการสิ่งใด มักทำให้หลายคนสับสนระหว่างความต้องการของผู้อื่น กับความต้องการของตนเองอย่างแท้จริง และคำว่า “ซื่อสัตย์ต่อตนเอง” มักถูกแทรกแซงด้วยความคาดหวังของคนรอบข้าง ดังนั้น คุณควรโฟกัสไปที่เป้าหมายซึ่งจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น และเกิดความสมดุลมากที่สุด อันจะส่งผลดีต่อคนที่คุณรักและคนรอบข้างโดยปริยาย
    • การใช้คำถามอย่างเช่น “ฉันอยากทำอะไรให้แก่ครอบครัว ชุมชน หรือสังคมที่ฉันอยู่?” หรือ “ฉันอยากเห็นภาพตัวเองเป็นอย่างไรในวันข้างหน้า” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการตั้งเป้าหมาย [3]
    • หากเป้าหมายของคุณดูกว้างเกินไปก็ไม่เป็นไร ยังมีขั้นตอนต่อไปที่จะช่วยให้มันจำเพาะเจาะจงมากขึ้นได้
  2. 2
    เรียงลำดับความสำคัญ. หลังจากที่พอทราบแล้วว่า คุณต้องการอะไรบ้าง ก็ถึงเวลาเอามันมาเรียงลำดับความสำคัญ เพราะหากพยายามทำมันในคราวเดียว คุณจะรู้สึกหนักอึ้งจนเกินไป กระทั่งไม่สามารถบรรลุสิ่งใดเลย [4]
    • แยกเป้าหมายออกเป็นสามหมวด: คือ ระดับที่หนึ่ง สอง และสาม. เป้าหมายระดับที่หนึ่งสำคัญที่สุด และยังเด่นชัดที่สุดด้วย ส่วนเป้าหมายที่สองและสาม ก็รองลงมา และมีความเจาะจงมากกว่า
    • ตัวอย่างเช่น เป้าหมายระดับที่หนึ่งอาจจะเป็น “เสริมสร้างสุขภาพ” หรือ “ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น” เป้าหมายระดับที่สองก็อาจจะเป็น “รักษาความความสะอาด และเล่นกีฬา” และเป้าหมายระดับที่สามก็อาจจะเป็น “หมั่นทำงานบ้าน และฝึกทำอาหาร”
  3. พยายามตั้งเป้าหมายเจาะจงและมีความเป็นไปได้จริงๆ ผลการศึกษาพบว่า การตั้งเป้าหมายแบบเจาะจง รวมถึงการแตกเป้าหมายใหญ่ๆ ให้เป็นเป้าหมายย่อยลงมา จะช่วยให้ทำสำเร็จได้ง่ายขึ้น และยังทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นด้วย [5]
    • ถามตัวเองด้วยคำถามพื้นฐาน เช่น อะไร ที่ฉันอยากทำให้สำเร็จ? ใคร จะมีส่วนร่วมบ้าง? เมื่อไร ที่ฉันต้องการเห็นผลสำเร็จ?
    • ตัวอย่างเช่น “เสริมสร้างสุขภาพ” อาจยังฟังดูคลุมเครืออยู่ ซึ่งหากจะเจาะจงให้มากขึ้น ก็อาจจะเขียนว่า “กินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายบ่อยขึ้น”
    • “กินผักผลไม้วันละ 3 เวลา และออกกำลังกายวันละ 3 เวลา” ยิ่งฟังดูเจาะจงมากขึ้นอีก และให้ความรู้สึกว่าจะทำง่ายกว่าด้วย
    • คุณยังควรระบุ วิธีการ ด้วยว่าจะบรรลุเป้าหมายอย่างไร เช่น หากคุณตั้งเป้าหมายว่าจะทานผักผลไม้วันละ 3 เวลา คุณก็ควรแวะหาซื้อไว้ตั้งแต่เช้า หรือคืนก่อนหน้า เพื่อที่จะพร้อมรับประทานได้ทันที แทนที่จะหาซื้อแบบฉุกละหุก หรือเอาแต่ทานของขบเคี้ยวตามที่เคยปฏิบัติมา ส่วนเป้าหมายเรื่องการออกกำลังกาย คุณก็ควรระบุว่าจะเลือกไปที่ฟิตเนส หรือเล่นกีฬาภายในบริเวณพื้นที่บ้าน เป็นต้น พยายามคิดว่าคุณต้องทำสิ่งใดบ้าง ในการบรรลุเป้าหมายโดยรวม
    • หากวิธีการแบ่งเป็นหลายขั้นตอน คุณก็ควรจะระบกรอบเวลาด้วย เช่น หากคุณตั้งเป้าเอาชนะการวิ่งมาราธอน คุณก็ควรกำหนดระยะเวลาฝึกซ้อมเป็นลำดับขั้น ตามความเหมาะสม
  4. 4
    คำนึงถึงความเป็นไปได้. หากคุณตั้งเป้าว่าจะ “ซื้อคอนโด 3 ห้องนอน ย่านใจกลางสุขุมวิท ภายในสิ้นปี” แต่ปัจจุบันคุณยังมีงบประมาณแค่เพียง “ห้องสตูดิโอ ย่านบางบัวทอง” ก็ขอให้คุณปรับเป้าหมายใหม่ ให้มีความเป็นไปได้สักนิด
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณอยากซื้อบ้านจัดสรรย่านพระราม 5 คุณก็ควรแตกย่อยเป้าหมายออกเป็นขั้นตอนเล็กๆ เช่น เริ่มเก็บเงิน ทำสเตทเม้นท์บัญชีเงินฝากให้ดูดีมีเครดิต มองหารายได้เสริม และศึกษาหาข้อมูลดอกเบี้ยธนาคารต่างๆ เป็นต้น โดยแต่ละเป้าหมายย่อยดังกล่าว ก็ควรมีกรอบเวลาที่เหมาะสมและเป็นไปได้ด้วย
  5. พยายามเจาะจงให้ชัดเจน ทั้งในแง่รายละเอียด วิธีการ และกรอบเวลา ซึ่งจะช่วยให้มันดูมีโอกาสเป็นจริงมากขึ้น เสร็จแล้วก็เก็บไว้ในที่ๆ หยิบมาอ่านได้สะดวก เพื่อนำมันกลับมาทบทวนบ่อยๆ จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คุณได้อย่างต่อเนื่อง [6]
    • ใช้คำในเชิงบวก การเขียนในเชิงบวก จะช่วยให้โอกาสทำสำเร็จมีมากขึ้น เช่น เขียนว่า “ทานผักผลไม้มากขึ้น” แทนที่จะเขียนว่า “ทานจุกจิกให้น้อยลง” [7]
  6. คุณควรกำหนดมาตรการวัดผลของแต่ละเป้าหมายไว้ เช่น หากคุณตั้งเป้าซื้อบ้านหรือคอนโด คุณก็จะรู้ได้ว่าเริ่มเห็นผลสำเร็จแล้ว ในวันที่ไปเซ็นสัญญากับผู้ขาย แต่สมมติคุณตั้งเป้าแค่ว่า อยากเป็นนักร้องที่เก่งกว่าเดิม คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงจุดนั้นแล้ว? หากระบุให้มันพอวัดผลได้ ก็จะดียิ่งขึ้น [8]
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะระบุว่า “จำเนื้อเพลงได้แม่นขึ้น” “ร้องไปเต้นไปโดยไม่หลุดคีย์” หรือ “ร้องและเล่นดนตรีไปพร้อมๆ กัน” เห็นไหมว่า การระบุในลักษณะดังกล่าว จะช่วยให้คุณเห็นภาพความคืบหน้าของเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น [9]
    • ระดมสมองเพื่อบรรลุผล มีวิธอื่นอีกไหมที่จะช่วยให้คุณบรรลุแผนการ? เพราะการไปถึงเป้าหมายมักจะเห็นผลเร็วขึ้น หากใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น หากคุณตั้งเป้าว่าอยากมีหุ่นนางแบบ ก็อาจต้องไปเข้าฟิตเนส ปรับเปลี่ยนโภชนาการ เข้าคอร์สลดน้ำหนัก รวมถึงวิธีเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเดินขึ้นลงอาคาร แทนการใช้ลิฟท์ เป็นต้น พยายามนึกถึงทางเลือกในการเป้าหมายอื่นๆ ไว้ให้มากที่สุด เพราะโดยทั่วไปแล้วมันมักมีมากกว่าหนึ่งทาง
  7. 7
    เขียนเป้าหมายในเชิงให้ความสำคัญกับการลงมือทำ. มากกว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะมันจะช่วยให้คุณยังมีไฟอยู่ ในกรณีที่ผลลัพธ์ผิดคาด หรือเกิดความผิดพลาดบางอย่างขึ้นมา เช่น การเขียนเป้าหมายว่า “เป็นนักร้องชื่อดัง” ย่อมมีความไม่แน่นอนในผลลัพธ์ เนื่องจากมันขึ้นอยู่กับการยอมรับของผู้บริโภคด้วย ดังนั้น คุณควรเขียนว่า “มีวงดนตรีของตัวเอง และเป็นนักร้องนำ” จะช่วยเน้นความสำคัญที่การได้ทำมากกว่าผลลัพธ์ [10]
    • พยายามระบุอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงวางแผนรับมือไว้บ้าง เพราะคุณไม่สามารถควบคุมได้ทุกปัจจัย
    • มองเป้าหมายให้เป็นดั่งกระบวนการ เช่น การตั้งเป้าหมายว่า “เป็นนายกรัฐมนตรี” เป้าหมายดังกล่าวนี้ ย่อมขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการเลือกตั้ง รวมถึงการตอบสนองของผู้อื่น (ผู้ลงคะแนน) ดังนั้น จะเป็นการเหมาะสมกว่า หากคุณระบุเป้าหมายเช่นว่า “ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกถึงความสำเร็จได้ แม้ว่าอาจจะแพ้การเลือกตั้งดังกล่าวก็ตาม
  8. คุณไม่จำเป็นต้องกำหนดกรอบเวลาให้ได้อย่างลงตัว ขอแค่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดก็ใช้ได้แล้ว เช่น หากคุณเป็นลูกจ้างค่าแรงขั้นต่ำอยู่ในตอนนี้ การตั้งเป้าว่าจะเก็บเงินเพิ่มให้ได้ 1 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ ก็ดูทะแม่งๆ อยู่ ทั้งนี้ การมีเป้าหมายใหญ่ไม่ใช่เรื่องน่าขบขัน แต่มันต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมด้วย [11]
    • กำหนดกรอบเวลา เพราะคุณอาจจะมีผลัดวันประกันพรุ่งบ้าง แต่การกำหนดกรอบเวลาเอาไว้ อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณเร่งมือในตอนท้าย [12]
    • เป้าหมายแต่ละอย่าง ย่อมใช้เวลามากน้อยต่างกันไป เช่น “เดินออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 3 ชั่วโมง” เป็นเป้าหมายที่คุณสามารถออกไปเริ่มได้ทันที แต่เป้าหมายบางอย่าง จำเป็นต้องมีการเผื่อเวลาเอาไว้มากกว่า [13]
    • คุณอาจไม่ต้องกำหนดกรอบเวลาด้วยตนเองในบางขั้นตอน แต่สามารถนำเอากำหนดเส้นตาย ที่อาจมีอยู่แล้วในบางสถานการณ์มาใช้แทน เช่น การ “หางานใหม่” คุณก็ย่อมต้องกำหนดกรอบเวลาว่า ต้องหาให้ได้ภายในก่อนวันครบอายุสัญญาจ้าง ของที่ทำงานปัจจุบัน เป็นต้น
    • กำหนดเงื่อนไขให้รางวัลตนเอง จะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจอย่างต่อเนื่อง คุณควรจะให้รางวัลตนเองตามความเหมาะสม เช่น หากบรรลุเป้าหมายย่อย ก็ตบรางวัลเล็ก หากบรรลุเป้าหมายใหญ่ ก็ตบรางวัลแบบเต็มเหนี่ยวไปเลย ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณเอง
    • ให้อภัยตนเอง ในกรณีที่ทำพลาดหรือล้มเหลว เพราะหากคุณลงโทษหรือตำหนิตัวเอง จะยิ่งทำให้จิตใจท้อถอย และยิ่งสำเร็จช้าลงไปอีก
  9. 9
    ระบุอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น. โดยอาจเรียกมันว่าปัญหาก็ได้ ถึงแม้จะไม่มีใครอยากได้ยินคำนี้ หรือเผชิญหน้ากับมันก็ตาม แต่อย่างน้อย มันจะช่วยให้คุณสามารถป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ในแต่ละขั้นตอน [14]
    • อุปสรรคบางอย่างอาจมาจากปัจจัยภายนอก เช่น หากคุณต้องการตั้งวงดนตรี อุปกรณ์บางอย่างที่คุณต้องซื้อ อาจจะแพงเกินไป หรือเกินงบประมาณที่คุณมีในช่วงเวลาดังกล่าว
    • ระบุทางเลือกในการเอาชนะอุปสรรค เช่น ยืมเงินจากญาติหรือเพื่อนที่มีความสนใจเดียวกันก่อน โดยคุณก็สามารถชวนเขาหรือเธอมาร่วมวงเดียวกัน และระหว่างนี้ ก็ออกไปหาสถานที่เล่นตามงานต่างๆ เพื่อระดมเงินทุนส่วนที่ยืมมา ไปคืนให้จนครบ เป็นต้น
    • อุปสรรคบางอย่าง ก็เป็นเรื่องของปัจจัยภายในได้เช่นกัน เช่น คุณอาจเกิดอาการวิตกกังวลจนทำให้ไม่กล้าทำในสิ่งใหม่ๆ หรืออาจจะมีความตั้งใจ แต่ขาดทักษะในการเรียนรู้สิ่งนั้นๆ
    • การแก้ปัญหาอุปสรรคภายใน จำเป็นต้องยึดหลัก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน พยายามเอาชนะจุดอ่อนของตัวเองด้วยการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และใช้เวลาในการพัฒนาตนเอง โดยอาจต้องอาศัยการลองผิดลองถูกบ้าง
    • รู้ขีดจำกัดตัวเอง หากคุณต้องการเป็นตัวตั้งตัวตี ในการประสานรอยร้าวของคนในครอบครัว แต่คุณเป็นเพียงลูกคนเล็กในตระกูลดังกล่าว คุณอาจไม่สามารถมีบารมีมากพอที่จะทำเช่นนั้น แต่สิ่งที่คุณพอทำได้ในส่วนของตัวเอง คือ แสดงความเห็นและความรู้สึกของคุณออกมาให้ทุกคนในบ้านได้ทราบ เผื่อว่าพวกเขาจะเห็นดีเห็นงามด้วย เป็นต้น
  10. บางคนไม่กล้าบอกเป้าหมายตนเองให้ใครรู้ เพราะกลัวว่าหากทำไม่ได้แล้วจะเสียหน้า ดังนั้น คุณควรคิดตรงกันข้าม พยายามบอกเป้าหมายกับใครบางคน เพื่อเป็นการแสดงให้ตัวเองเห็นว่า ไม่ยี่หระต่อความรู้สึกด้านลบ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกเป็นอิสระ และยังช่วยให้เชื่อมต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่นแน่นแฟ้นขึ้น [15] นอกจากนี้ คนรอบข้างอาจจะช่วยเหลือคุณให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้นได้ ในบางเรื่องด้วย
    • ทั้งนี้ อย่าคาดหวังว่าพวกเขาจะตื่นเต้นหรืออินไปกับคุณ บางคนอาจจะวิพากษ์วิจารณ์ด้วยซ้ำ แต่หากมันเหมาะสมก็รับฟังไว้บ้าง ขอแค่เดินหน้าต่อไปตามแผนที่ตั้งใจไว้ก็พอแล้ว [16]
    • บางคนอาจจะคัดค้านเป้าหมายของคุณ ซึ่งหากคุณพบคนประเภทแง่ลบดังกล่าว พยายามสื่อให้พวกเขารู้ว่า คุณไม่สนใจการตัดสินและการคัดค้านของพวกเขา เพราะเป้าหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อชีวิตที่ดีของคุณ
  11. ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายอันใด ในสังคมมักจะมีคนที่มีเป้าหมายเดียวกับคุณอยู่ด้วย จงมองหาและคบหากับพวกเขาไว้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ หรืออย่างน้อยก็แลกเปลี่ยนเทคนิคความรู้กันได้ นอกจากนี้เวลาที่คุณถึงจุดหมายแล้ว ยังจะมีคนร่วมยินดีด้วย
    • เข้าสังคมออนไลน์ และท่องไปในที่ๆ ส่งเสริมเป้าหมายของคุณ ในยุคดิจิตอลนี้ มีหลายวิธีที่จะสร้างและสานสัมพันธ์ รวมถึงก่อตั้งกลุ่มของคุณขึ้นมาเอง
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เริ่มลงมือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การเริ่มต้นมักเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด ดังนั้น คุณควรกำหนดงานสักชิ้นที่พอจะลงมือได้ทันที หากไม่มีชิ้นงานอะไรที่พอจะเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้เลย คุณก็สามารถนำชิ้นงานแต่ละอย่าง มาสำรวจดูว่า มีชิ้นงานใดที่จำเป็นต้องเตรียมการบางอย่างล่วงหน้าหรือไม่ จากนั้น ก็เริ่มลงมือทำไปเลย [17] คุณจะมีแนวโน้มในการประสบความสำเร็จมากกว่า หากรู้สึกถึงความคืบหน้าตั้งแต่เริ่มต้น [18]
    • ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือ “ทานผักผลไม้วันละ 3 เวลา” แต่ปรากฏว่ามันดึกมากแล้ว ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน คุณก็อาจจะใช้เวลาค่ำคืนดังกล่าว ในการหาข้อมูลผักผลไม้และสารอาหารที่คุณต้องการเป็นพิเศษ ไปพลางๆ ก่อน
    • การอ่านบทความพัฒนาตนเอง หรือเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อหาข้อมูลเตรียมตัวก่อนลงมือจริง ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการเริ่มลงมือทำทันที
  2. และมีความรับผิดชอบในการลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัดด้วย [19]
    • ตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือ “ซื้อบ้านจัดสรรย่านพระราม 5” คุณควรเริ่มหาข้อมูลแต่ละโครงการ ดูรายละเอียดของย่านและทำเลดังกล่าว เริ่มเก็บเงินและหารายได้เพิ่ม คำนึงถึงงบประมาณในปัจจุบัน คำนวณเงินดาวน์และระยะเวลาผ่อน มองหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม ฯลฯ
  3. ผลการวิจัยพบว่า การฝึกจินตภาพจะช่วยให้คุณลงมือทำภารกิจ โดยได้ผลดีขึ้น [20] การใช้จินตภาพในหัว มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ ใช้ภาพความสำเร็จ และ ใช้ภาพกระบวนการ ซึ่งถ้าจะให้ดีล่ะก็ คุณควรใช้ทั้งสองแบบผสมผสานกัน [21]
    • วิธีใช้จินตภาพความสำเร็จ ให้จินตนาการว่าคุณกำลังทำเป้าหมายสำเร็จลุล่วงแล้ว ซึ่งก็เหมือนตอนที่เราแนะนำให้คุณใช้จินตภาพ ถึงตัวตนในอุดมคติของคุณนั่นเอง คุณควรจะลงในรายละเอียดให้แจ่มชัดและจำเพาะเจาะจงมากที่สุด พยายามครอบคลุมประสาทสัมผัสทุกส่วน เช่น นึกภาพว่าในสถานการณ์อันยิ่งใหญ่นั้น คุณกำลังรู้สึกอย่างไร มีเสียงอะไรเกิดขึ้นบ้าง บรรยากาศเป็นเช่นไร เสื้อผ้าแบบไหนที่คุณกำลังสวมใส่อยู่ หรือแม้กระทั่งกลิ่นต่างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ ด้วย เป็นต้น
    • วิธีใช้จินตภาพกระบวนการ ก็ให้จินตนาการถึงลำดับขั้นตอนต่างๆ ที่คุณจะต้องผ่านไป ก่อนที่จะไปถึงเป้าหมายหรือความสำเร็จที่ตั้งไว้ เช่น หากคุณต้องการเป็นนักกฎหมาย ก็สามารถใช้เทคนิคจินตภาพกระบวนการ เพื่อจินตนาการว่าคุณกำลังนั่งเรียนอยู่ในชั้นเรียน ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้น และคุณยังสามารถใช้เทคนิคเดียวกันนี้ กับกระบวนการอื่นๆ ได้เช่นกัน
    • ขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นการช่วย “ป้อนรหัสความทรงจำเสมือน” ตามที่นักจิตวิทยาเรียกกัน ซึ่งก็คือ การทำให้ตนเองรู้สึกเหมือนกับว่าเหตุการณ์ๆ หนึ่ง ได้กำลังเกิดขึ้นกับคุณแล้วนั่นเอง [22]
  4. นำมันมาอ่านเตือนตัวเองอยู่เสมอ อย่างน้อยวันละครั้งว่า คุณต้องทำอะไรอีกบ้างเพื่อลงมือไปสู่เป้าหมาย จะช่วยเสริมสร้างวุฒิภาวะของคุณให้แข็งแกร่ง มีแรงจูงใจ และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
    • คุณควรย้ายเป้าหมายที่ทำสำเร็จแล้ว ไปไว้ในหมวด “รายการความสำเร็จ” อันจะช่วยเป็นกำลังใจให้กับตัวคุณเอง ทุกครั้งที่เหลือบไปเห็นลิสท์รายการดังกล่าว แทนที่จะเหนื่อยหน่ายอยู่กับรายการที่ยังไม่ได้ทำ หรือหลงลืมสิ่งที่ทำสำเร็จไปแล้ว
  5. พยายามมองหาคนชี้แนะ แต่อย่าให้ใครมาชี้นำ เลือกเอาคนที่มีประสบการณ์และวุฒิภาวะ ซึ่งจะช่วยให้ปัญญาและคอยให้คำปรึกษาแก่คุณ เกี่ยวกับโอกาสและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการบรรลุเป้าหมาย พยายามปรึกษาพวกเขาบ่อยๆ
    • ลองนึกภาพเหมือนตอนที่คุณเรียนหนังสือดูว่า ระหว่างการทำความเข้าใจโจทย์คณิตศาสตร์เอง กับการมีคนคอยติวให้ แบบไหนจะช่วยให้คุณเข้าถึงได้เร็วกว่า แน่นอนว่า การมีครูหรือผู้ที่ติวให้นั้นง่ายกว่าเยอะ ซึ่งหากคุณมีคนที่รู้ “สูตรลัดความสำเร็จ” ในบางเรื่องคอยชี้แนะ และอาจเป็นคนที่รอชื่นชมในความสำเร็จของคุณอยู่ด้วย เหมือนดั่งเป็นเป้าหมายของเขาหรือเธอเอง แค่นี้เป้าหมายของคุณก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ประคองตนไว้บนเส้นทาง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ระวังภาวะ “ฝันลมๆ แล้งๆ.” คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับภาวะดังกล่าวมาบ้างแล้ว ซึ่งอาจเกิดกับคนที่ชอบตั้งปณิธาน หรือเป้าหมายแบบลมๆ แล้งๆ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ โดยหลักๆ ประกอบด้วยสามลำดับการณ์: 1) ตั้งเป้า 2) รู้สึกว่ามันทำยากกว่าที่คิด 3) ล้มเลิก [23]
    • ภาวะดังกล่าว มักเกิดขึ้นกับคนที่คาดหวังผลสำเร็จอย่างใจเร็วด่วนได้ ดังนั้น วิธีการวางแผนงานและกำหนดกรอบเวลาที่เราแนะนำไป จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณตกอยู่ในวงจรดังกล่าว
    • วงจรแห่งการล้มเลิกกลางคัน มักเกิดขึ้นเมื่อความรู้สึก “ตื่นเต้น” จางหาย และคนที่ตั้งเป้าไว้ ก็จะเริ่มรู้สึกได้ถึงภาระและความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง ดังนั้น เราจึงแนะนำให้แตกย่อยแผนงานออกเป็นชิ้นงาน เพื่อที่คุณจะได้ลงมือทำและเห็นความสำเร็จ รวมถึงให้รางวัลแก่ตนเองได้เป็นระยะๆ อีกด้วย
  2. ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่เรียนรู้จากความล้มเหลว มักมีแนวโน้มที่ดี รวมถึงมีความหวังในการบรรลุเป้าหมาย ความหวังยังช่วยให้คุณมองไปข้างหน้าอยู่เสมออีกด้วย [24] หากคุณพยายามเรียนรู้ว่าได้อะไรจากความผิดพลาดล้มเหลว แทนที่จะเอาแต่ตำหนิตนเอง จะเป็นการช่วยไม่ให้คุณเอาตัวเองไปผูกติดกับอดีต
    • คนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลวนั้น ต่างก็ต้องพบเจอกับความผิดพลาดล้มเหลวมากพอๆ กัน เพียงแต่ผู้ประสบความสำเร็จ เลือกที่จะมองมันต่างออกไป และคุณเองก็เลือกที่จะมองหาบทเรียนในความล้มเหลวครั้งต่อไปได้ [25]
    • การพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ มักเป็นไปไม่ได้ และไม่สามารถกันให้คุณออกห่างจากเรื่องเลวร้ายได้อยู่ดี แถมยังเป็นการกดดันตัวเองเปล่าๆ และทำให้คุณพลาดโอกาสในการเรียนรู้เพื่อเติบโต [26] [27]
    • คุณควรรู้จักเมตตาต่อตนเองมากกว่า [28] เตือนตัวเองไว้ว่า การเกิดเป็นมนุษย์ย่อมหนีไม่พ้นความผิดพลาดและล้มเหลวบ้าง [29]
    • ผลการวิจัยพบว่า การคิดในแง่บวก สามารถช่วยให้คนเราเรียนรู้และปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนแปลงตนเองได้สำเร็จ มากกว่ากรณีที่เราหมกมุ่นอยู่กับจุดบกพร่อง หรือข้อผิดพลาดของตัวเอง ดังนั้น หากล้มเหลวในคราใด ก็ขอให้พยายามมองหาบทเรียนบางอย่าง [30]
  3. บ่อยครั้งที่การพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมาย นับได้ว่าเป็นรางวัลในตัวมันเองอยู่แล้ว และการทำมันสำเร็จ ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ดังนั้น อย่าลืมฉลองให้แก่ตัวเองตามเหมาะสม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำขั้นตอนต่อๆ ไปด้วย [31]
    • ฉลองในทุกระยะความสำเร็จ. โดยเฉพาะเป้าหมายที่ใช้เวลายาวนาน คุณควรฉลองให้ตัวเองอย่างสมน้ำสมเนื้อกับความพยายามที่ทุ่มลงไปด้วย [32]
    • เรื่องเล็กๆ อย่างการปฏิเสธของขบเคี้ยวที่เพื่อนของคุณยื่นให้ ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้ว
  4. เป้าหมายของคุณถือเป็นเรื่องที่มีความหมายต่อชีวิต และอนาคตของคุณ ดังนั้น พยายามรักษาความปรารถนาอันแรงกล้า ในการที่จะบรรลุผลสำเร็จไว้ ให้คงที่ตลอดระยะทาง โดยไม่คำนึงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในบางเวลา [33] บางครั้ง ยิ่งเป้าหมายใหญ่ หัวใจต้องยิ่งแกร่ง
  5. หากบางครั้งเจอโจทย์ประเภทที่ว่า หนึ่งบวกหนึ่งทำไมไม่เท่ากับสอง ก็ขอให้ลองพิจารณาด้วยเลขฐานอื่นดู ในการเดินทางสู่เป้าหมาย อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูก หรือออกนอกกรอบบ้าง
    • ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา มันอาจทำให้คุณหยุดชะงัก แต่อย่าให้มันมาทำให้คุณล้มเลิก หรือเดินถอยกลับ [34]
    • คว้าโอกาสเฉพาะหน้า เพราะบางครั้งอาจมีโอกาส หรือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า รอคุณอยู่ระหว่างทาง ดังนั้น อย่าลังเลที่จะคว้าไว้ โดยใช้ไหวพริบปฏิภาณ
  6. จดจำความสำเร็จในแต่ละขั้นตอน เพื่อใช้สร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง ในทุกครั้งที่ประสบปัญหา การทำสำเร็จในก้าวเล็กๆ แต่ละก้าว จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะคุณจะตระหนักได้ว่า คุณสามารถทำสิ่งที่คุณวางแผนเอาไว้ จดจำความสำเร็จในวันวานเอาไว้เมื่อพบอุปสรรค [35]
    • ความผิดพลาดกับความล้มเหลว เป็นคนละเรื่องกัน ตัวอย่างเช่น เจ. เค. โรวลิ่ง ผู้แต่งนิยายเด็กเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ ก็เคยพลาดโอกาสในการตีพิมพ์หนังสือเรื่องดังกล่าว มากถึง 12 ครั้ง ก่อนที่จะโด่งดังไปทั่วโลก [36] นักประดิษฐ์อย่าง โธมัส เอดิสัน ก็เคยถูกครูตราหน้าว่า “โง่เกินเรียน” [37] ขนมขบเคี้ยวอย่างเถ้าแก่น้อย ก็เคยถูกปฏิเสธจากทางเซเว่น อีเลฟเว่น แต่ทุกวันนี้ มันได้เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว [38]
    • บางครั้ง คำสบประมาท กลับมีค่าและมีแรงผลักดันเรา ให้ประสบความสำเร็จมากกว่าคำชม
    โฆษณา
  1. http://www.mindtools.com/page6.html
  2. http://www.forbes.com/sites/glassheel/2013/03/14/6-ways-to-achieve-any-goal/
  3. http://www.forbes.com/sites/glassheel/2013/03/14/6-ways-to-achieve-any-goal/
  4. https://www.psychologytoday.com/blog/notes-self/201308/how-set-goals
  5. http://www.selfgrowth.com/articles/the-9-obstacles-that-keep-you-from-achieving-your-goals
  6. https://www.ted.com/talks/brene_brown_on_vulnerability/transcript?language=en
  7. http://www.forbes.com/sites/glassheel/2013/03/14/6-ways-to-achieve-any-goal/
  8. http://www.entrepreneur.com/article/228279
  9. https://www.psychologytoday.com/blog/notes-self/201308/how-set-goals
  10. http://leavingworkbehind.com/how-to-set-goals/
  11. http://www.psychologytoday.com/blog/flourish/200912/seeing-is-believing-the-power-visualization
  12. http://www.ijiet.org/papers/389-N10002.pdf
  13. http://news.stanford.edu/news/2015/january/resolutions-succeed-mcgonigal-010615.html
  14. http://news.stanford.edu/news/2015/january/resolutions-succeed-mcgonigal-010615.html
  15. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/how_to_help_students_develop_hope
  16. http://news.stanford.edu/news/2015/january/resolutions-succeed-mcgonigal-010615.html
  17. https://www.psychologytoday.com/blog/communication-success/201407/the-problem-perfectionism-how-truly-succeed
  18. http://www.yorku.ca/khoffman/Psyc3010/Flett'92_PerfProcr.pdf
  19. http://nymag.com/scienceofus/2014/09/alarming-new-research-on-perfectionism.html
  20. http://psychcentral.com/blog/archives/2012/06/27/5-strategies-for-self-compassion/
  21. http://greatergood.berkeley.edu/article/item/the_neuroscience_of_good_coaching
  22. http://leavingworkbehind.com/how-to-set-goals/
  23. http://www.success.com/article/1-on-1-how-to-set-a-goal-and-achieve-it
  24. http://news.stanford.edu/news/2015/january/resolutions-succeed-mcgonigal-010615.html
  25. http://www.sparkpeople.com/resource/motivation_articles.asp?id=113
  26. http://www.actionforhappiness.org/take-action/set-your-goals-and-make-them-happen
  27. http://www.literaryrejections.com/best-sellers-initially-rejected/
  28. http://www.businessinsider.com/successful-people-who-failed-at-first-2014-3
  29. http://www.businessinsider.com/15-people-who-failed-before-becoming-famous-2012-10

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,947 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา