ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผู้คนมากมายนั้นได้มีความคิดที่จะหมักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มันทั้งทำง่ายและมีราคาที่ไม่แพงอีกด้วย ในการที่จะทำแอลกอฮอล์จากน้ำตาลปรุงรส (ซูโครส) คุณต้องใช้อุปกรณ์หมัก น้ำตาล และยีสต์ในการหมัก และความสามารถในการกลั่นแอลกอฮอล์ให้บริสุทธิ์นั่นเอง เมื่อคุณหมักแอลกอฮอล์ออกมาได้แล้ว ก็สามารถใช้ไปหมักเป็นสุราหรือผสมกับเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ได้เลยล่ะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ทำอุปกรณ์หมัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณควรใช้ถังพลาสติกเกรดอาหารหรือโหลแก้วในการทำอุปกรณ์หมัก ดูให้แน่ใจว่าฝาก็เป็นเกรดที่ใช้กับอาหารได้เช่นกัน ถังหมักขนาด 28 ลิตรจะทำออกมาได้ 21 ถึง 23 ลิตรเลยล่ะ จำไว้ว่าคุณอาจต้องคอยคนส่วนผสม ฉะนั้นอุปกรณ์ที่เลือกใช้กันส่วนใหญ่จะเป็นถังนะ [1]
  2. คุณต้องปล่อยให้มีช่องว่าง 5.7-7.6 ลิตร ในถังขนาด 28 ลิตร เพื่อเป็นการทิ้งช่องว่างให้ฟองและก๊าซที่จะก่อตัวขึ้นขณะที่ทำการหมัก ถ้าคุณไม่ปล่อยให้มีส่วนที่ว่างเลย แรงดันก็จะเปิดฝาถังออกและก่อให้เกิดการปนเปื้อนได้ [2]
  3. คุณจะต้องเจาะรูที่ฝาให้ได้ขนาดที่เหมาะสม เพื่อใช้กับยางแหวนและแอร์ล็อค (สำหรับหมัก) โดยให้ใส่ยางแหวนเอาไว้ในรู จากนั้นก็เสียบแอร์ล็อคเข้าไปด้านบน แล้วติดปะเก็นรอบๆ ขอบฝาเพื่อให้ระหว่างฝากับภาชนะติดกันในสภาวะสุญญากาศ [3]
  4. ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อถังหมัก (และยางสำหรับถังแก้วหรือฝาถังพลาสติก) แอร์ล็อค และช้อนขนาดใหญ่ โดยการเทน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างไอโอโดฟอร์ลงไปถึงขอบถัง โดยไอโดฟอร์นี่จะเหมาะสำหรับการใช้ในการหมักและ ทำไวน์ . อุปกรณ์ทั้งหมดนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านที่มีของใช้หมักและทำไวน์จำหน่ายอยู่ [4]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การหมักน้ำตาล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยิ่งใช้น้ำตาลมาก ยิ่งได้แอลกอฮอล์มามาก ตราบใดที่ยีสต์สามารถทำกระบวนการนี้ได้ทั้งหมดด้วย ถ้าคุณอยากได้ส่วนผสมอ่อนๆ (มีแอลกอฮอล์น้อยๆ) ก็เติมน้ำตาลให้น้อยลงได้ ตามคำแนะนำเบื้องต้น ในถุงยีสต์แต่ละถุงจะบอกเอาไว้ว่าสามารถใช้น้ำตาลได้ในปริมาณเท่าไรต่อถุงนั่นเอง [5]
    • ถ้าจะทำสองชุด ก็ต้องใช้ยีสต์ให้มากขึ้นสองเท่า (สองซอง) นะ
  2. ผสมน้ำตาลเข้ากับน้ำอุ่นๆ ในหม้อเพื่อละลายมัน คุณจะใช้น้ำประปาหรือน้ำดื่มก็ได้ โดยอุณหภูมิของน้ำควรอยู่ที่ประมาณ 32 °C ให้ใช้ละลายน้ำตาลปริมาณ 7-9 กิโลกรัม [6]
  3. เมื่อน้ำตาลละลายเข้ากับน้ำหมดแล้ว ให้ค่อยๆ รินส่วนผสมนี้ลงในถังพลาสติกหรือโหลแก้วที่จะใช้เป็นอุปกรณ์หมัก สำหรับถังหมักที่มีความจุ 28 ลิตร ให้เทส่วนผสมลงไป 5.7-7.6 ลิตร แล้วน้ำตาลนี้จะแตกตัวโดยยีสต์ และเกิดการก่อตัวเป็นแอลกอฮอล์นั่นเอง [7]
    • คุณไม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อสารละลายน้ำตาลซูโครสก่อนจะนำมาหมัก แต่ถ้าอยากจะทำล่ะก็ ให้ต้มส่วนผสมน้ำตาลนั้นประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาที อย่าลืมว่าน้ำบางส่วนจะระเหยออกไป ฉะนั้นก่อนต้มก็ต้องเพิ่มน้ำอีกสักเล็กน้อยด้วยล่ะ
  4. แกะถุงยีสต์แล้วเทลงในส่วนผสมน้ำตาล ถ้าใช้ถังพลาสติกในการหมัก ก็ให้คนให้ยีสต์ละลายเข้ากับส่วนผสม สำหรับโหลแก้ว ให้ตอนเทยีสต์ผ่านที่กรองแห้งๆ ที่ฆ่าเชื้อแล้ว เพื่อไม่ให้หกเลอะเทอะเนื่องจากปากโหลแคบนั่นเอง [8]
    • ใช้ยีสต์เพียงถุงเดียวพอ ยิ่งใช้มากก็จะยิ่งทำให้กระบวนการผ่านไปเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ได้แอลกอฮอล์ออกมาดีขึ้นเลย
    • อย่าเพิ่งเทยีสต์ลงในน้ำตาลจนกว่าส่วนผสมจะเย็นลงแล้ว ถ้าน้ำร้อนเกินไปมันก็จะเป็นการฆ่ายีสต์เอาได้
  5. ในวันแรกของการหมัก ยีสต์จะใช้พลังงานแทบทั้งหมดของมันในการเพิ่มจำนวนตัวเอง เพราะกระบวนการนี้ต้องการใช้ออกซิเจน จึงต้องเปิดฝาออกไว้ก่อนใน 24 ชั่วโมงแรก ถ้าคุณปิดทางไม่ให้ออกซิเจนเข้ามาในทันที กระบวนการในการหมักจะใช้เวลานานขึ้นมาก และอาจผ่านไปอย่างเอื่อยๆ [9]
  6. ถ้าใช้ถังพลาสติก ก็ให้ปิดฝาถังให้แน่นจนลมเข้าไม่ได้ มันอาจดูยุ่งยากและอาจต้องใช้แรงสักหน่อย แต่ภาชนะที่กันลมเข้านั้นถือว่าจำเป็นที่จะไว้ใช้ในการหมักอย่างเหมาะสมอยู่ดี [10]
    • การหมักถือเป็นกระบวนการแบบไม่ใช้ออกซิเจน (อนาโรบิค)
  7. ถ้าคุณยังไม่ได้ใส่แอร์ล็อค ก็ให้กดแอร์ล็อคลงไปที่ฝาถ้าใช้ถังพลาสติก แต่ถ้าใช้โหลแก้ว ก็ให้กดแอร์ล็อคลงไปตรงวงยางให้แน่นกับปากโหล เทน้ำสะอาดหรือวอดก้าลงไปในแอร์ล็อค แล้วคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกปล่อยออกมาจากส่วนผสมที่หมักอยู่ได้นั่นเอง ออกซิเจนที่น้อยลงจะทำให้ยีสต์หยุด เพิ่มจำนวน และเริ่มสร้างเอทานอลกับคาร์บอนไดออกไซด์แทน [11]
  8. คงอุณหภูมิให้อยู่ที่ 21-27 ํC อุณหภูมิเท่านี้จะไปกระตุ้นประสิทธิภาพสูงสุดของยีสต์ เวลาที่ใช้ยีสต์จะใช้ในการหมักแอลกอฮอล์จะอยู่ที่สองถึงสิบวัน โดยระยะเวลาที่ทิ้งไว้นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของยีสต์ใช้ และขึ้นอยู่กับว่าใส่น้ำตาลลงไปมากแค่ไหนด้วย ถ้ายิ่งมีน้ำตาลมาก ก็ยิ่งใช้เวลานานขึ้นในการหมักให้สมบูรณ์ [12]
  9. แอร์ล็อคจะมีฟองผุดขึ้นระหว่างการหมักอยู่มาก โดยฟองจะผุดน้อยลงเมื่อกระบวนการเริ่มช้าลง และฟองจะหยุดเมื่อน้ำตาลถูกหมักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่มั่นใจ ก็ให้ทิ้งเอาไว้อีกสักวันสองวัน และเมื่อกระบวนการหมักสิ้นสุดลง ก็ได้เวลากลั่นแอลกอฮอล์แล้วล่ะ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การกลั่นแอลกอฮอล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลังจากกระบวนการหมักเสร็จสิ้นแล้ว ใช้สารช่วยตกตะกอนอย่าง Isinglass เพื่อกำจัดยีสต์และวัสดุอื่นๆ ที่อาจปรากฎขึ้นได้ โดยพยายามหา Isinglass ที่ไม่มีส่วนผสมของซัลไฟต์ เพราะคนบางคนก็อาจแพ้ซัลไฟต์ได้ เมื่อใช้สารช่วยตกตะกอนแล้ว ให้ปิดฝาหรือยางเหมือนเดิม เสียบแอร์ล็อคกลับเข้าที่ และปล่อยให้มันแยกตัวออกโดยใช้เวลาประมาณสองสามวัน [13]
    • ใช้ isinglass ปริมาณ 0.5 ถึง 1.0 กรัมต่อส่วนผสม 19 ลิตร
  2. ลัก (สูบฉีดน้ำ) หรือค่อยๆ เทแอลกอฮอล์ออกไปยังขวดโหลแก้วหรือภาชนะอื่นที่กันลมเข้าได้อย่างถังเข็ก โดยทิ้งตะกอนเอาไว้ในถังหมัก จะเทลงผ่านแผ่นกรอง อย่างแผ่นกรองไวน์ เพื่อแยกระหว่างของเหลวกับยีสต์ที่เหลืออยู่ออกจากกันก็ได้ จากนั้นก็จุแอลกอฮอล์ลงขวดเพื่อเก็บเอาไว้ต่อไป [14]
    • อย่าเก็บแอลกอฮอล์ไว้ในโหลแก้วนานกว่าหนึ่งเดือน เพราะมันอาจเกิดปฎิกิริยาออกซิไดซ์ได้ เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว
    • กรองด้วยที่กรองคาร์บอนได้ถ้าต้องการ โดยใช้ที่กรองคาร์บอนเกรดอาหารกำจัดสารระเหยที่ไม่ต้องการ เพื่อให้แอลกอฮอล์ออกมาบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณใส่รสชาติไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็อย่าใช้ที่กรองคาร์บอนล่ะ เพราะมันจะไปลบรสชาตินั้นเอาได้
  3. เทแอลกอฮอล์ลงในจังเกิ้ลจู๊ซ (เหล้าแรงๆ) ได้โดยตรง หรือเพิ่มรสชาติให้กับเหล้า แต่จะเก็บเอาไว้ในขวดปิดฝาแน่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้ โดยเฉพาะถ้าอยากจะทำเหล้าด้วยแล้ว ส่วนขวดใหม่ๆ นั้นก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านที่ขายของเกี่ยวกับการหมักนี่แหละ
    • นำขวดเหล้า ขวดไวน์ หรือขวดเบียร์เก่ามาใช้ หรือจะใช้โหลเมสันจาร์ก็ย่อมได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าปิดถังหมักเอาไว้โดยไม่ได้เสียบแอร์ล็อคเพื่อระบายก๊าซที่เกิดจากการหมักออกไปล่ะก็ ถังอาจระเบิดและทำให้เละไปทั่วเลยก็เป็นได้
  • อุณหภูมิสูงสุดที่เซลล์ยีสต์จะใช้ในกระบวนการที่ไม่ใช้ออกซิเจนคือ 38C°.
  • คุณสาาารถกลั่นผลสุดท้ายออกมาเพื่อทำวอดก้าของตัวเองได้เช่นกัน โดยรู้ไว้ว่ามันถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างอันตราย เนื่องจากไอที่ระเหยออกมานั้นค่อนข้างจะไวไฟ และถือว่ายังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในหลายๆ ประเทศอยู่
  • จะใช้โซดาแทนน้ำผลไม้ก็ได้นะ
  • เพื่อรสชาติที่ดีกว่า ให้ลองกรองด้วยที่กรองคาร์บอนดูสิ
โฆษณา

คำเตือน

  • แอลกอฮอล์ประเภทหยาบๆ นี้มักจะมีรสชาติที่ไม่ค่อยน่าลิ้มรสถ้าไม่ได้ผสมกับอะไรสักอย่างที่จะกลบรสมันได้ และถ้าคุณดื่มมากไป เป็นไปได้ว่าจะได้รับประสบการณ์การแฮงค์จนลืมไม่ลงเลยเลย
  • เฉพาะผู้ที่บรรลุนิติภาวะจึงจะสามารถหมักแอลกอฮอล์เองได้อย่างถูกกฎหมาย และยังมีกฎหมายข้ออื่นที่ว่าด้วยการหมักแอลกอฮอล์ด้วยนะ อย่าลืมศึกษาให้ดี และดื่มอย่างมีความรับผิดชอบด้วยล่ะ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 37,872 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา