ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ตอนนี้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานช้า ส่งเสียงหวือๆ ขณะพยายามตามให้ทันคำสั่งของคุณใช่ไหม ก่อนที่คุณจะต้องหมดเงินเป็นพันเป็นหมื่นกับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ คุณอาจพบว่าการทำให้คอมพิวเตอร์ระบบ Windows หรือ Mac ของคุณทำงานได้เร็วขึ้นนั้น มีขั้นตอนง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอนเอง

ก่อนลงมือปฏิบัติ

  1. พวกเราหลายคนคงรู้สึกว่า คอมพิวเตอร์ของเรานั้นเก็บบันทึกชีวิตของเราทั้งชีวิตเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่ายความทรงจำสุดหวงแหน วิวัฒนาการของรสนิยมการฟังเพลง การบ้าน รายการลดหย่อนภาษี และอีกสารพัดสิ่งที่เราต้องใช้งาน ดังนั้น ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การสำรองข้อมูลไฟล์สำคัญๆ เอาไว้จึงเป็นความคิดที่ดี [1]
    • ซื้อฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกที่มีความจุมากกว่าฮาร์ดไดรฟ์ที่คุณต้องการสำรองข้อมูล [2] เมื่อเสียบ USB ของฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก คอมพิวเตอร์ของคุณจะถามขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่าจะใช้งานไดรฟ์ดังกล่าวเพื่อสำรองข้อมูลหรือไม่
    • ถ้าคุณกังวลว่าจะทำฮาร์ดไดรฟ์ภายนอกหายหรือพัง คุณสามารถสำรองข้อมูลไฟล์ที่สำคัญๆ ออนไลน์ได้ โดยให้สมัครใช้งานบริการสำรองข้อมูลที่มีความปลอดภัย (เช่น Carbonite หรือ SOS Online Backup เป็นต้น) คุณสามารถตั้งค่าให้คอมพิวเตอร์ทำการสำรองข้อมูลไปยังระบบ Cloud ตามกำหนดเวลาหรือทุกครั้งที่คุณทำการเปลี่ยนแปลงกับไฟล์ก็ได้ [3]
    • คุณสามารถสำรองข้อมูลลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้ตลอดเวลา แต่ควรเก็บรักษาแผ่นไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย เพื่อให้ไม่เกิดรอยขีดข่วน แตกหัก หรือเสียหาย
  2. การเริ่มระบบของคอมพิวเตอร์ใหม่สามารถเพิ่มความเร็วให้กับคอมพิวเตอร์ที่ทำงานช้าได้ชั่วคราวด้วยการรีเฟรชหน่วยความจำ ให้รีสตาร์ท หรือปิดเครื่องก็ได้ แล้วรอสักพัก จากนั้นเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ [4]
    • อย่าลืมบันทึกงานที่ทำอยู่ก่อนปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ล่ะ!
    โฆษณา
วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปยัง My Computer คลิกขวาที่ Local Drive จากนั้นคลิก Properties คุณจะเห็นแผนภูมิวงกลมแสดงเนื้อที่ว่างกับเนื้อที่ที่ใช้งานแล้วบนฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากมีการใช้งานเนื้อที่เกือบทั้งหมด คุณจะต้องลบโปรแกรมและไฟล์ต่างๆ ออก แต่ถ้ายังมีที่ว่างเหลืออยู่เยอะ แสดงว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นกับระบบปฏิบัติการของคุณ
    • ตามกฎแล้ว คุณควรเหลือพื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์อย่างน้อย 15% เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่น
    • ถ้าคุณพบว่าคุณต้องใช้พื้นที่เพิ่มขึ้น ให้พิจารณาซื้อไดรฟ์ Solid State (SSD) มาติดตั้งเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพหรือใช้แทนฮาร์ดดิสก์ของคุณ ไดรฟ์ประเภทนี้ทำงานได้เร็วและปลอดภัยมากกว่าฮาร์ดไดรฟ์
  2. ไปยัง Control Panel แล้วคลิกที่ Add or Remove Programs (หรือ "Uninstall a Program" ขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่คุณใช้) เพื่อหารายการหลักของโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่บนคอมพิวเตอร์ จะมีบางโปรแกรมที่คุณสังเกตได้ทันทีว่าไม่มีประโยชน์ ซึ่งคุณสามารถลบโปรแกรมนั้นออกไปได้เลย ส่วนโปรแกรมอื่นๆ ที่เหลือจะดูไม่ค่อยคุ้นตานักและอาจต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมสักหน่อย
    • การดูว่าคุณใช้งานโปรแกรมนั้นบ่อยแค่ไหนก็ช่วยได้เช่นกัน ถ้าคุณคลิกขวาที่ชื่อคอลัมน์เหนือรายการโปรแกรม คุณจะสามารถเพิ่มลักษณะเพิ่มเติมที่ช่วยจัดเรียงโปรแกรมของคุณได้ ให้เลือกที่ Last Used On แล้วคอลัมน์แสดงเวลาล่าสุดที่คุณใช้งานแต่ละโปรแกรมจะปรากฏขึ้นมา การทำเช่นนี้จะแสดงให้คุณเห็นอย่างรวดเร็วว่ามีโปรแกรมใดบ้างที่คุณใช้อยู่บ่อยๆ และมีโปรแกรมใดบ้างที่คุณไม่ได้ใช้มาเป็นปีๆ แล้ว
    • อย่าลืมล้างข้อมูลในถังรีไซเคิล
  3. ป้องกันไม่ให้โปรแกรมที่ไม่จำเป็นเริ่มต้นทำงานเมื่อเริ่มระบบคอมพิวเตอร์. บางโปรแกรมอาจเริ่มทำงานทันทีที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะทำงานอยู่เบื้องหลังเพื่อให้โหลดได้เร็วขึ้นเวลาที่คุณเปิดใช้โปรแกรม ให้เปิด Start Menu และเรียกใช้ "msconfig" จากนั้น ให้คลิกแท็บ Startup เพื่อดูรายชื่อโปรแกรมทั้งหมดที่จะทำงานเมื่อคุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วยกเลิกการเลือกโปรแกรมที่ไม่จำเป็น
    • คุณยังสามารถดูที่แถบงานได้ว่ามีโปรแกรมไหนบ้างที่ทำงานเมื่อเริ่มระบบ (อย่าลืมคลิกที่ Show Hidden Icons ด้วย จะได้ไม่พลาดโปรแกรมอะไรไป)
  4. เปลี่ยนแผนการใช้พลังงานของคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเป็น High Performance. ไปยัง Control Panel และเลือก Power Options คุณจะเห็นรายการแผนการใช้พลังงาน ซึ่งตามปกติแล้วจะประกอบด้วย Balanced, Power Saver และ High Performance การตั้งค่าพวกนี้จะควบคุมการใช้พลังงานของคอมพิวเตอร์ โดยการลดประสิทธิภาพการทำงานเพื่อให้ใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุด ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้สูงสุดพร้อมกับใช้พลังงานแบตเตอรี่อย่างหนัก หรือสร้างสมดุลระหว่างการทำงานทั้งสองอย่าง การเลือกแบบ High Performance อาจเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของคอมพิวเตอร์ได้ [5]
    • การเลือกแผนการใช้พลังงานแบบนี้จะให้ผลดีเมื่อใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเท่านั้น การใช้การตั้งค่าแบบ High Performance บนแล็ปท็อปจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว
  5. Context Menu คือเมนูที่จะเด้งขึ้นมาเวลาที่คุณคลิกขวา บางครั้งโปรแกรมจะขอให้เพิ่มโปรแกรมนั้นลงในเมนูดังกล่าว แต่โปรแกรมอื่นๆ มักจะเพิ่มตัวเองลงในเมนูโดยอัตโนมัติ สำหรับการลบโปรแกรมออก ให้กด Win + R เพื่อเปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมา จากนั้นพิมพ์ regedit ลงไปแล้วคลิก OK [6] คลิกที่ HKEY_CLASSES_ROOT → * → shellex → ContextMenuHandlers จากนั้น ให้ลบโปรแกรมประยุกต์ที่คุณไม่ต้องการให้รวมอยู่ใน Context Menu ออกจากรายการที่ปรากฏ
    • ควรใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเวลาแก้ไขการตั้งค่าโดยใช้ Registry เพราะถ้าใช้งานไม่ถูกต้องอาจทำให้ระบบของคุณเสียหายได้ หากคุณรู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องรัน regedit ให้ลองหาฟรีแวร์ที่คุณสามารถนำมาใช้แก้ไข Context Menu ได้
  6. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส สปายแวร์สแกนเนอร์ และโปรแกรมป้องกันมัลแวร์. ยิ่งคอมพิวเตอร์ของคุณต้องจัดการกับบั๊ก ไวรัส และแอดแวร์น้อยเท่าไหร่ คอมพิวเตอร์ก็จะยิ่งมีเวลาในการให้ความสำคัญกับการทำงานอื่นๆ มากขึ้นเท่านั้น [7]
    • อัพเดต Windows อยู่เสมอ การทำให้ Windows เป็นรุ่นล่าสุดอยู่เสมอไม่เพียงแต่จะทำให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นเท่านั้น แต่การอัพเดต Windows ที่ดาวน์โหลดหลังจากมีการอัพเดตออกมานานแล้วจะมีไวรัสรวมอยู่ด้วย (ซึ่งจะไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดนัก) [8]
  7. การทำเช่นนี้จะสามารถล้างข้อมูลเป็นร้อยๆ เมกะไบต์ออกไปได้โดยการลบแฟ้มชั่วคราว แฟ้มระบบที่ไม่จำเป็น และล้างข้อมูลในถังรีไซเคิลของคุณ [9] ให้คลิกที่ My Computer คลิกขวาที่ฮาร์ดไดรฟ์ แล้วคลิก Properties จากนั้น ให้คลิก Disc Cleanup (อยู่ในแท็บ General) จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาถามว่าต้องการลบไฟล์ใดออกบ้าง ให้เลือกไฟล์ที่คุณต้องการลบออกและสั่งใช้งานการล้างข้อมูล [10]
    • คุณควรเก็บไฟล์เกมเอาไว้ (ยกเว้นว่าคุณต้องการลบเกมที่บันทึกไว้) และไฟล์ติดตั้ง
    • ถ้าคุณมีหลายไดรฟ์หรือแบ่งดิสก์ออกเป็นพาร์ติชัน คุณจะต้องเลือกไดรฟ์ที่คุณต้องการล้างข้อมูล [11]
  8. เมื่อข้อมูลมีการแยกส่วน คอมพิวเตอร์ของคุณจะต้องทำการค้นหาส่วนต่างๆ ของไฟล์ที่กระจายไปทั่วฮาร์ดไดรฟ์ การจัดเรียงข้อมูลจะช่วยจัดการข้อมูลและเพิ่มพื้นที่ว่างเพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น [12] ให้คลิกที่ My Computer จากนั้นคลิกขวาที่ฮาร์ดไดรฟ์ หลักจากที่คุณคลิกขวาแล้ว ให้คลิกที่ Properties และ Tools แล้วก็คลิก Defragment Now
    • ข้อมูลที่แยกส่วนอาจอยู่บนฮาร์ดดิสก์ หรือไดรฟ์แบบถอดได้ก็ได้ เช่น USB และแฟลชไดรฟ์ [13]
  9. มีลักษณะการแสดงผลอยู่ 20 รายการที่คุณสามารถปิดหรือเปิดการทำงานได้ หากต้องการปิดลักษณะการแสดงผลทั้งหมดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ ให้คลิกที่ Control Panel และ System จากนั้นคลิกการตั้งค่า Advanced System Settings ให้เลือกหัวข้อที่เขียนว่า "Adjust for best performance" [14]
    • ถ้าคุณไม่อยากจะเสียการแสดงผลที่ดูดีไป ให้ลองเลือกตัวเลือกที่เขียนว่า Let windows choose what's best for my computer [15]
  10. สำหรับการดูว่าคุณต้องใช้ RAM เพิ่มหรือไม่ ให้เรียก Windows Task Manager ขึ้นมาโดยการกด Ctrl + Alt + Del ใต้แท็บ Performance ให้หาพื้นที่ที่แสดงหน่วยความจำจริง (MB) ถ้าตัวเลขในส่วน "Available" นั้นต่ำกว่า 25% ของหน่วยความจำทั้งหมด แสดงว่าคุณอาจต้องเพิ่ม RAM [16]
    • การเพิ่มหน่วยความจำไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เร็วขึ้น ถ้าคอมพิวเตอร์สลับหน้าต่างหรืองานต่างๆ ได้ช้า หรือถ้าคุณมักจะเปิดแท็บในบราวเซอร์พร้อมกันหลายๆ แท็บ การเพิ่ม RAM อาจช่วยได้ [17]
    • คุณสามารถนำคอมพิวเตอร์ไปหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่ม RAM อย่างเช่น ศูนย์บริการ iFix ที่ IT City หรือคุณอาจจะตัดสินใจเพิ่ม RAM ด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน เพียงแต่ควรศึกษาหาข้อมูลก่อนลงมือทำด้วยตนเอง
  11. คลิกขวาบนเดสก์ท็อป แล้วคลิก Gadgets จากนั้น คลิกขวาบนโปรแกรมเบ็ดเตล็ดที่คุณต้องการลบแล้วคลิก Uninstall [18]
  12. คอมพิวเตอร์จะใช้เวลามากมายในการอ่านบรรดาไฟล์ชั่วคราวทุกครั้งที่คุณบู้ตเครื่องหรือเปิดโปรแกรม มันใช้จำนวนพื้นที่มากมาย ซึ่งทำให้ระบบทำงานช้าลง คุณควรล้างมันทุกครั้งที่เริ่มเห็นว่าคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงกว่าปกติ วิธีคือให้กด Win + R ค้างไว้แล้วพิมพ์ "%temp%" (โดยไม่ใส่เครื่องหมายคำพูด) ลบ ( Shift + Delete ) ไฟล์ทั้งหมดที่อยู่ในโฟลเดอร์ แค่ข้ามไฟล์ที่ระบบแจ้งว่าไม่สามารถลบได้
  13. ที่คอมพิวเตอร์ทำงานช้าอาจเป็นเพราะฮาร์ดแวร์เก่าที่ต้องใช้เปิดทำงานซอฟท์แวร์ใหม่ๆ เวลาที่คอมพิวเตอร์ออกขายนั้น ตัวฮาร์ดแวร์จะถูกออกแบบมาสำหรับรองรับการทำงานของซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นที่ระบุเอาไว้ เวลาซอฟท์แวร์ออกเวอร์ชั่นใหม่ๆ มันอาจยังใช้กับฮาร์ดแวร์ตัวเก่าได้ก็จริง แต่อาจทำงานช้าลงเพราะมันต้องพยายามจัดการซอฟท์แวร์ใหม่เหล่านี้ ลองเปลี่ยนชิ้นส่วนอาจทำให้มันกลับมาทำงานเร็วขึ้นได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

Macintosh

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไปยังเมนู Apple (ไอคอน Apple ตรงมุมซ้ายบนของหน้าจอ) แล้วคลิกที่ About This Mac และ More Info จากนั้นคลิก Storage คำสั่งนี้จะแสดงปริมาณเนื้อที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์และแบ่งการใช้งานในปัจจุบันของคุณให้เห็นว่าคุณใช้เนื้อที่ไปกับไฟล์ภาพยนตร์, เพลง, ภาพถ่าย และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ไปเท่าใดบ้าง [19]
    • การรู้ว่าไฟล์ประเภทไหนที่กินเนื้อที่มากที่สุดจะทำให้คุณเห็นจุดเริ่มต้นว่าคุณควรลบไฟล์แบบไหนออก (โดยการลบหรือย้ายไปยังที่เก็บภายนอก) ถ้าคุณพบว่าคอลเลกชันเพลงขนาดมหึมาของคุณใช้เนื้อที่ไปเกือบทั้งหมด คุณก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็วโดยการโอนย้ายคลังข้อมูลใน iTunes ไปยังไดรฟ์ภายนอก
    • พยายามเหลือเนื้อที่ว่างไว้อย่างน้อย 15% เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของคุณสามารถทำงานบำรุงรักษาโดยทั่วไปได้ [20]
    • ถ้าดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยมีที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์เพียงพอเลย ควรพิจารณาซื้อไดรฟ์ Solid State (SSD) มาติดตั้ง เพราะไดรฟ์ประเภทนี้จะทนทานและทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดไดรฟ์มาก แล้วคอมพิวเตอร์ของคุณก็จะทำงานได้เร็วเหมือนซื้อเครื่องใหม่ [21]
  2. ใช้เครื่องมือ Activity Monitor เพื่อดูว่ามีแอปพลิเคชั่นใดบ้างที่ใช้หน่วยความจำมากที่สุด. ไปยัง Library เลือก Applications จากนั้นคลิก Utilities ให้เปิด Activity Monitor ขึ้นมาโดยคลิกที่เครื่องมือจากรายการที่ปรากฏ เลือกคอลัมน์ % CPU และดูว่าโปรแกรมใดที่อยู่ด้านบนสุด หากโปรแกรมนั้นใช้หน่วยความจำเกิน 50% การเปิดโปรแกรมนั้นจะทำให้ทุกอย่างทำงานช้าลง [22]
    • ถ้าคุณพบว่ามีแอปพลิเคชั่นอันใดอันหนึ่งที่ทำให้หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ทำงานช้าลง คุณสามารถทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานเร็วขึ้นโดยการลบแอปพลิเคชั่นนั้นๆ และเลือกใช้ตัวเลือกอื่นที่ทำงานได้เร็วกว่า หรือปิดโปรแกรมอื่นทั้งหมดทุกครั้งที่คุณใช้แอปพลิเคชั่นดังกล่าว
    • Safari มักจะอยู่ด้านบนสุดของรายชื่อแอปที่ถ่วง CPU ควรเปลี่ยนไปใช้บราวเซอร์อื่นอย่าง Firefox หรือ Chrome [23]
  3. คุณสามารถถอนการติดตั้งด้วยตนเองโดยการลากแอปไปใส่ลงในถังขยะ หรือจะดาวน์โหลดโปรแกรมมาช่วยในการจัดเรียงและลบออกก็ได้เช่นกัน [24] iMovie, Garage Band และ iPhoto เป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ที่หลายคนไม่ได้ใช้งาน โปรแกรมพวกนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
    • หากไม่แน่ใจ ห้ามลบไฟล์ที่คุณไม่รู้จักเด็ดขาด ไฟล์พวกนั้นอาจมีความสำคัญในการทำงานของคอมพิวเตอร์หรือแอปพลิเคชั่นอื่น
  4. ทำการลบ บีบอัด หรือกำจัดไฟล์ขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็น. คุณสามารถค้นหาไฟล์ใหญ่ๆ ได้โดยการเปิด Finder แล้วกด Command + F เพื่อค้นหา ให้คลิกที่ปุ่ม Kind และเลือก Other เลื่อนลงมาจนถึงส่วนที่เขียนว่า Size และทำเครื่องหมายในช่องเพื่อรวมขนาดใน "In Menu" จากนั้นคลิก OK เมื่อทำเสร็จแล้ว คุณก็สามารถค้นหาไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ได้ โดยตั้งค่าเป็น "files greater than 200 MB to begin with" จากนั้น ให้ลบ บีบอัด หรือย้ายไฟล์ที่คุณต้องการบันทึกลงในไดรฟ์สำรอง
    • สำหรับการบีบอัดไฟล์ ให้คลิกไฟล์นั้นในขณะที่กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้ แล้วเลือก Compress การดับเบิลคลิกที่ไฟล์ Zip จะเป็นการยกเลิกการบีบอัดไฟล์ดังกล่าว
    • เปิดโฟลเดอร์ Downloads ขึ้นมา ตรวจสอบว่าคุณกำลังดูไฟล์แบบรายชื่อ จากนั้นคลิกที่หัวข้อ Size เพื่อให้ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ด้านบน ให้กำจัดไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกไป [25]
    • โดยทั่วไปแล้ว ภาพยนตร์จะเป็นไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีขนาดประมาณ 1-2GB ควรลบไฟล์ที่คุณไม่ดูหรือไม่ได้วางแผนว่าจะดูในเร็วๆ นี้ [26]
    • อย่าลืมล้างข้อมูลในถังขยะ ถ้าคุณลบภาพถ่ายใน iPhoto หรือ Aperture คุณจะต้องทำการล้างข้อมูลในถังขยะที่อยู่ในโปรแกรมนั้นๆ ด้วย ไม่อย่างนั้น ไฟล์จะไม่ถูกลบออก [27]
  5. ป้องกันไม่ให้โปรแกรมที่ไม่จำเป็นเริ่มทำงานเวลาที่ Mac เริ่มต้นระบบ. ยิ่งมีโปรแกรมพยายามเริ่มทำงานขณะที่คอมพิวเตอร์ของคุณเริ่มต้นระบบมากเท่าใด ทุกอย่างก็จะช้าลงมากเท่านั้น จากเมนู Apple ให้ไปยัง System Preferences เลือก Accounts จากนั้นคลิก Login Items ให้เลือกรายการที่ไม่จำเป็นและคลิกเครื่องหมายลบ ( - ) เพื่อนำโปรแกรมนั้นออก
    • การทำความสะอาดเดสก์ท็อปของคุณที่เต็มไปด้วยไอคอนจะช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะต้องโหลดโปรแกรมเหล่านี้เมื่อเริ่มต้นระบบ ให้ย้ายไฟล์ที่อยู่บนเดสก์ท็อปไปไว้ในโฟลเดอร์ หรือลบไอคอนออก และพยายามอย่าดาวน์โหลดไฟล์มาที่เดสก์ท็อปโดยตรง [28]
  6. ไปยัง Applications และ Utilities จากนั้นคลิก Run Disk Utility แล้วเลือกดิสก์ที่ใช้เริ่มต้นระบบ จากนั้น ให้เลือก First Aid และคลิกที่ Repair Disk Permissions ในการทำขั้นตอนนี้ คอมพิวเตอร์ของคุณจะค้นหาการตั้งค่าการอนุญาตใช้งานบนฮาร์ดไดรฟ์ของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้และแอปพลิเคชั่นที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงไฟล์ได้ [29] ให้ทำการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ทุกครั้งหลังจากทำการซ่อมแซมดิสก์เสร็จ
    • ถ้าการอนุญาตใช้งานดิสก์ของคุณไม่ได้รับการตั้งค่าอย่างเหมาะสม คุณอาจมีปัญหากับการใช้งานเบื้องต้นบนคอมพิวเตอร์ เช่น การสั่งพิมพ์ การล็อกอิน หรือการเปิดโปรแกรม [30]
    • ขอแนะนำให้คุณทำขั้นตอนนี้ทุกๆ สองสามเดือน เพื่อตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่มันจะขัดขวางการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณ [31]
  7. แม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันแดชบอร์ด วิดเจ็ตเหล่านี้จะกินเนื้อที่ RAM โดยการทำการอัพเดตอยู่เบื้องหลังในขณะคุณทำงานอื่นอยู่
    • ถ้าคุณใช้ OS X 10.4.2 หรือใหม่กว่า ให้ใช้โปรแกรม Widget Manager โดยไปที่ Dashboard และเปิดแถบ Widget Bar ขึ้นมาโดยการคลิกที่เครื่องหมายบวก ( + ) ที่อยู่ตรงมุม จากนั้น ให้คลิก Manage Widgets แล้วทำการยกเลิกการเลือกวิดเจ็ตเพื่อปิดการทำงาน หรือถ้าหากเป็นวิดเจ็ตของบุคคลที่สาม ให้ลบวิดเจ็ตนั้นออกไปโดยการกดปุ่มลบในกรอบสีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปวงกลมที่มีเส้นแนวนอนขีดตรงกลาง เมื่อทำเสร็จแล้วให้คลิก OK เพื่อยืนยัน
  8. ถ้าคุณใช้ Mac OS X ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีที่ชื่อ Monolingual เมื่อใช้ระบบ OS X เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์จะหมดไปมากกับหน่วยความจำเสมือนและซอฟแวร์ที่มีหลายๆ ภาษาให้ใช้งาน โปรแกรม Monolingual จะทำให้คุณสามารถลบภาษาต่างๆ ที่คุณไม่ได้ใช้งานออกไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างได้
    • ไม่ว่าคุณจะใช้ภาษาอะไร ห้ามลบไฟล์ภาษาอังกฤษเด็ดขาด การทำเช่นนั้นอาจทำให้ OS X ทำงานผิดปกติได้ [32]
  9. การทำเช่นนี้จะช่วยได้มากหากคอมพิวเตอร์ทำงานช้าเวลาเปิดแอปพลิเคชั่นหรือเวลาสลับไปมาระหว่างโปรแกรมที่ทำงานอยู่ [33] หากต้องการดูว่าคุณต้องใช้ RAM เพิ่มหรือไม่ ให้เปิด Activity Monitor ขึ้นมา (Library → Applications → Utilities) และคลิก System Memory จากนั้นดูที่สีของแผนภูมิวงกลม ถ้าส่วนใหญ่เป็นสีเขียวและสีฟ้า แสดงว่า RAM ของคุณนั้นปกติดี แต่ถ้าแผนภูมิวงกลมส่วนใหญ่เป็นสีแดงและสีเหลือง แสดงว่าคุณอาจต้องติดตั้ง RAM เพิ่ม [34]
    • สำหรับการดูว่าเครื่อง Mac ของคุณใช้งาน RAM ชนิดไหน ให้ไปยังเมนู Apple จากนั้นคลิกที่ About This Mac และ More Info ใต้หัวข้อ Memory ในแท็บ Hardware คุณจะเห็นหน่วยความจำ ขนาด และชนิดของ RAM ที่คอมพิวเตอร์ใช้งาน [35]
    • ถ้าคุณเลือกที่จะติดตั้ง RAM ด้วยตัวเอง ให้ค้นหาคำว่า "RAM" และรุ่นของคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้บนหน้าเพจการสนับสนุนของ Apple ทางบริษัทจะมีคำแนะนำในการติดตั้ง RAM บนคอมพิวเตอร์หลายๆ รุ่นที่ Apple เป็นผู้ผลิต [36]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่แบบทั้งหมดจะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เร็วขึ้นมาก แต่ก็จะลบไฟล์ทั้งหมดของคุณออกไปด้วย
  • กฎโดยทั่วไปที่ควรปฏิบัติตามก็คือ ไม่ควรปรับแต่งส่วนที่คุณไม่มั่นใจ ลองหาอ่านคำแนะนำตามเว็บไซต์หลายๆ ที่เพื่อทำความเข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ ก่อนที่จะลงมือแก้ไข
  • ควรสร้างจุดคืนค่าระบบ (System Restore) ก่อนถอนการติดตั้งโปรแกรมหรือเปลี่ยนแปลงค่าต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถย้อนคอมพิวเตอร์ของคุณกลับสู่จุดปลอดภัยหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามลบไฟล์ system32 บน Windows ออกเด็ดขาด ไฟล์พวกนี้จำเป็นต่อการทำงานอย่างถูกต้องของระบบปฏิบัติการ และคุณจะไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เลย
โฆษณา
  1. http://windows.microsoft.com/en-us/windows-vista/start-disk-cleanup
  2. http://windows.microsoft.com/en-us/windows-vista/start-disk-cleanup
  3. http://windows.microsoft.com/en-us/windows/improve-performance-defragmenting-hard-disk#1TC=windows-7
  4. http://windows.microsoft.com/en-us/windows/improve-performance-defragmenting-hard-disk#1TC=windows-7
  5. http://windows.microsoft.com/en-us/windows/optimize-windows-better-performance#optimize-windows-better-performance=windows-7
  6. http://windows.microsoft.com/en-us/windows/optimize-windows-better-performance#optimize-windows-better-performance=windows-7
  7. http://www.pcworld.com/article/2691193/do-the-research-before-you-upgrade-your-ram.html
  8. http://www.pcadvisor.co.uk/how-to/pc-upgrades/should-i-boost-my-pcs-memory-3464779/
  9. http://windows.microsoft.com/en-us/windows7/desktop-gadgets-frequently-asked-questions
  10. http://www.cnet.com/news/options-for-checking-free-hard-drive-space-in-os-x/
  11. http://macs.about.com/od/faq1/f/How-Much-Free-Drive-Space-Do-I-Need.htm
  12. http://www.pcmag.com/article2/0,2817,2404258,00.asp
  13. http://www.macworld.com/article/2026650/mac-troubleshooting-what-to-do-when-your-computer-is-too-slow.html#tk.nl_mwhelp
  14. http://www.macworld.com/article/2026650/mac-troubleshooting-what-to-do-when-your-computer-is-too-slow.html#tk.nl_mwhelp
  15. http://www.maclife.com/article/howtos/ask-how-remove-unwanted-apps
  16. http://www.macworld.com/article/2599241/how-to-free-up-space-on-a-packed-hard-drive.html
  17. http://www.cnet.com/news/options-for-checking-free-hard-drive-space-in-os-x/
  18. http://www.macworld.com/article/2599241/how-to-free-up-space-on-a-packed-hard-drive.html
  19. http://www.hongkiat.com/blog/ways-to-speed-up-mac
  20. http://www.macworld.com/article/1052220/repairpermissions.html
  21. http://www.macworld.com/article/1052220/repairpermissions.html
  22. http://www.macworld.com/article/1052220/repairpermissions.html
  23. https://ingmarstein.github.io/Monolingual/faq.html
  24. http://www.macworld.com/article/1049263/speedram.html
  25. http://www.macworld.com/article/1049263/speedram.html
  26. http://www.macworld.com/article/1049263/speedram.html
  27. http://www.macworld.com/article/1049263/speedram.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 28,758 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา