ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อยากผมสวยเงางาม จริงๆ แล้วง่ายนิดเดียวถ้ารู้วิธี เริ่มจากอย่าสระผมบ่อยเกินไป พยายามเลือกผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ระวังอย่าจัดแต่งทรงด้วยความร้อนบ่อยๆ เพราะทำผมแห้งเสียได้ง่ายมาก รวมถึงให้หมั่นบำรุงผมแบบล้ำลึก เท่านี้ก็ผมสลวยสวยเก๋ เงางามอย่าบอกใคร

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

จัดแต่งทรงผม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เซรั่มนี่แหละดีสุด ถ้าไม่อยากให้ผมชี้ฟู โดยเฉพาะใครผมแห้งและกระด้าง ให้ลูบเซรั่มที่ผมหลังอาบน้ำ หรือตอนผมแห้งจนชี้ฟูระหว่างวัน [1]
  2. น้ำมันนี้ได้จากต้นอาร์แกนในโมร็อคโค เขาวิจัยกันมาแล้วว่ามีสรรพคุณฟื้นฟูเส้นผม ให้ผมนุ่มสลวย แข็งแรงสุขภาพดี แถมเป็นน้ำมันที่ไม่เหนียวผม ใช้เป็นครีมนวดแบบ leave-in คือไม่ต้องล้างออกได้เลย ให้ใช้อาร์แกนออยล์เล็กน้อย เน้นบริเวณปลายผม ตอนผมยังเปียกหมาดหลังสระ [2]
    • ไม่ต้องใส่น้ำมันนี้ถึงรากผม เพราะปกติรากผมแถวหนังศีรษะจะมีน้ำมันตามธรรมชาติ มันง่ายกว่าส่วนอื่นอยู่แล้ว
  3. ใส่ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนให้ผมก่อนจัดทรง. ถ้าต้องไดร์ผม หนีบผมตรง หรือม้วนผม แนะนำให้ลงผลิตภัณฑ์ป้องกันผมเสียจากความร้อนซะก่อน เพื่อปกป้องผมไม่ให้โดนความร้อนจนไหม้หรือแห้งเสียได้ จนผมด้านไม่เงางาม แค่ฉีดพ่นที่ผมแล้วรอจนแห้งสนิท จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมได้เลย [3]
  4. ข้อดีของการจัดแต่งทรงด้วยความร้อน คือทำให้ผมนุ่มเงางาม ให้ใช้แปรงกลมหวีผมทีละช่อเล็กๆ เริ่มจากรากผมลงมาช้าๆ จรดปลาย เป่าผมโดยจ่อไดร์เฉียงที่ช่อผมแล้วหวีไปพลางๆ ทำซ้ำหลายๆ ครั้งจนผมช่อนั้นแห้ง แล้วไดร์ช่ออื่นต่อไป [4]
    • แปรงกลมช่วยให้ผมเส้นเล็กและผมเส้นธรรมดาตรงสวยเรียบเนียนได้ ส่วนคนผมเส้นใหญ่ ให้ใช้แปรงโค้งๆ จัดแต่งทรงตามชอบ โดยที่รับกับรูปศีรษะของคุณ [5]
    • ฉีดพ่นผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนให้ผมก่อน จะช่วยให้ผมดูเรียบเนียนเงางาม
    • อย่าไดร์ผมทุกวัน เพราะอีกหน่อยผมจะแห้งเสีย แตกปลายได้ ให้ไดร์เฉพาะวันที่จะออกไปข้างนอกจะดีกว่า
  5. ที่หนีบผมทำให้เกล็ดผมเรียบ จนผมเรียบตรง ถ้าผมแห้งแล้วให้หวีอย่าให้พันกันเป็นปม จากนั้นเปิดเครื่องให้ที่หนีบผมร้อน แล้วรีดผมตรงทีละช่อ ขนาด 2.5 - 5 ซม. (1 - 2 นิ้ว) ระวังอย่าหนีบผมช่อเดิมซ้ำเกิน 1 ครั้ง เพราะจะทำให้ผมเสียได้ [6]
    • ข้อเสียคือทำบ่อยๆ แล้วผมเสียได้ แนะนำให้เก็บไว้ใช้เวลาออกงาน หรือวันที่ต้องการให้ผมเรียบเนี้ยบเป็นพิเศษแล้วกัน
    • ถ้าชอบผมตรง อาจจะไปยืดผมที่ร้านซะเลย ทุกร้านทำผมมีบริการยืดผมถาวรอยู่แล้ว แต่แนะนำว่าอย่าเลือกร้านที่ถูกเกินไป เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้อาจไม่ดีหรือปลอดภัยต่อสุขภาพผมมากพอ
  6. ถ้าชอบลอนเด้ง ไม่อยากให้ผมตรงทื่อๆ ก็ใช้แกนร้อนดัดผมม้วนผมซะเลย ให้พันช่อผมที่แห้งอยู่รอบแกน โดยกะให้ยาวประมาณ 1 - 8 ซม. (1/2 - 3 นิ้ว) โดยม้วนออกจากหน้า ค้างไว้ 10 - 30 วินาที แล้วคลายออก จากนั้นขยับไปม้วนช่อถัดไป ทำซ้ำจนได้ทรงตามต้องการ [7]
    • พยายามเลือกแกนม้วนเล็กๆ ประมาณ 1 - 2.5 ซม. (1/2 - 1 นิ้ว) ถ้าอยากได้ลอนแน่นๆ ส่วนลอนใหญ่ให้ใช้แกนม้วนขนาด 5 ซม. (2 นิ้ว)
    • ถ้าปกติผมหยิกหรือหยักศกอยู่แล้ว ก็อาจจะใช้แกนม้วนให้ลอนชัดขึ้น ไม่ชี้ฟู โดยม้วนตามลักษณะลอนธรรมชาติของคุณ
    • ถ้าอยากลอนเด้งแบบไม่ใช้ความร้อน ให้ใช้ครีมหรือเจลเพิ่มลอนโดยเฉพาะ โดยลงผลิตภัณฑ์พอประมาณ แล้วใช้นิ้วม้วนผมทีละช่อเล็กๆ ไปในทิศทางที่ผมคุณม้วนตามธรรมชาติ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

บำรุงล้ำลึก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้บำรุงผมอาทิตย์ละครั้ง โดยใช้น้ำมันมะพร้าว เพื่อให้ผมเนียน นุ่ม เงางาม ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวที่ละลายแล้ว (แต่ไม่ร้อนลวก!) 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) มานวดบำรุงผมให้ทั่วทั้งหัว จากรากจรดปลาย จากนั้นหวีผมแล้วใส่หมวกอาบน้ำหรือใช้แรปพลาสติกใสห่อไว้ ปล่อยให้น้ำมันซึมเข้าผมสัก 1 ชั่วโมงหรือข้ามคืนได้ยิ่งดี [8]
    • สระผม 1 - 2 ครั้งเพื่อล้างน้ำมันออกไป พอผมแห้งแล้ว จะเห็นความแตกต่างเลย
    • น้ำมันมะพร้าวปกติจะแข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ต้องอุ่นให้เหลวซะก่อน
    • ให้ใช้น้ำมันมะพร้าวที่ไม่ผ่านกระบวนการ (unrefined) เพราะเหมาะจะใช้ในการเสริมความงามมากกว่าแบบผ่านกระบวนการ (refined)
  2. หวีผมด้วยน้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) แล้วใส่หมวกอาบน้ำหรือใช้แรปพลาสติกใสห่อผม จากนั้นทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงค่อยถอดหมวก แล้วสระผมล้างน้ำมันออก สุดท้ายก็ไดร์ผมหรือปล่อยให้แห้งตามปกติได้เลย [9]
  3. ใช้แทนครีมนวดได้ด้วย ใช้ปุ๊บผมจะนุ่มและเงางามขึ้นทันตาเห็น ให้แยกไข่ 2 ฟอง แล้วตีไข่ขาวในชาม ตอนอาบน้ำราดน้ำให้ผมเปียกแล้วหวีผมด้วยไข่ขาวทั่วหัวจากรากผมจรดปลายผม ทิ้งไว้แบบนั้นระหว่างอาบน้ำ ต่อมาสระผมด้วยน้ำเย็นเพื่อล้างไข่ออก [10]
    • จะหยดน้ำมันเลมอนสัก 2 - 3 หยดลงในไข่ขาวด้วยก็ได้ ถ้าอยากได้กลิ่นหอมสดชื่น
    • อย่าล้างไข่ขาวจากผมด้วยน้ำร้อน เดี๋ยวจะไข่สุกคาผม!
  4. ลองหมักผมให้เงางามเป็นประกายด้วยกล้วยและน้ำผึ้ง. น้ำผึ้งช่วยให้ผมนุ่ม เนียน และเงางามขึ้นได้ ส่วนกล้วยช่วยบำรุงผมให้ชุ่มชื้น ให้บดกล้วยผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (5 มล.) พออาบน้ำก็ราดผมให้เปียก จากนั้นหมักผมด้วยกล้วยกับน้ำผึ้งสูตรนี้ แล้วหวีผมจากรากจรดปลาย ทิ้งไว้ระหว่างอาบน้ำ สุดท้ายสระผมให้สะอาด [11]
  5. จะเห็นผลที่สุด ถ้าไปทำทรีตเม้นท์ที่ร้านเสริมสวย. ร้านทำผมแทบทุกร้านมีบริการดูแลบำรุงผมอยู่แล้ว โดยใช้ทรีตเม้นท์ที่เป็นน้ำมันชนิดพิเศษกับส่วนผสมอื่นๆ ที่จะซึมลึกสู่เส้นผม ให้ผมเงางามนุ่มสลวยไปอีกพักใหญ่ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง คนเลยนิยมทำทรีตเม้นท์แบบนี้กันเฉพาะโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่ง งานรับปริญญา หรือเวลาออกงานเท่านั้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ดูแลเส้นผม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สระผม อาทิตย์ละแค่ 2 - 3 ครั้ง อย่าสระทุกวัน. ถ้าอยากให้ผมนุ่มสลวยอยู่เสมอ ก็ต้องอย่าขจัดน้ำมันผมตามธรรมชาติไป ปกติหนังศีรษะจะขับน้ำมันนี้ออกมาบำรุงให้ผมสวยสุขภาพดี ถ้าสระผมทุกวัน เท่ากับขจัดน้ำมันบำรุงผมนี้ไป ทำให้ผมแห้ง กระด้าง ไม่นุ่มสลวย เงางาม [12]
    • ดูลักษณะสภาพผมของตัวเองแล้วกำหนดวันสระผมตามนั้น บางคนก็สระผมอาทิตย์ละ 2 - 3 ครั้ง ส่วนอีกส่วนสระวันเว้นวัน โดยเฉพาะคนผมมันง่าย
    • ถ้ากว่าจะถึงกำหนดสระผมครั้งใหม่ รู้สึกผมมันเป็นพิเศษ ให้ ใช้ dry shampoo โดยใส่ที่รากผมแล้วนวดเข้าหนังศีรษะ สุดท้ายหวีผมเบาๆ ให้กระจายทั่วถึง
  2. สระผมน้ำเย็นบางคนไม่ชิน อาจจะทำให้ขนลุกไปบ้าง แต่ถ้าอยากให้ผมนุ่มสลวย ไม่ชี้ฟู ก็ต้องทน สระน้ำเย็นมากเท่าไหร่ยิ่งเห็นผล น้ำเย็นจัดจะช่วยปิดเกล็ดผม พอผมแห้งก็สลวยเงางาม ถ้าเป็นน้ำอุ่นจัดจะให้ผลตรงกันข้าม คือผมแห้งชี้ฟู [13]

    ถ้าขี้หนาว สระผมด้วยน้ำเย็นไม่ไหว ให้อาบน้ำอุ่นแล้วสระผมแยกกันแทน

  3. ซัลเฟต (sulfate) พบมากในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ รวมถึงน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า และอื่นๆ ซัลเฟตใช้ขจัดความมันและน้ำมันได้ดี แต่พอมาใช้กับผมจะแรงไปจนผมชี้ฟูแห้งเสียได้ ให้ใช้แชมพูที่ไม่มีซัลเฟต ผมจะได้สะอาดโดยไม่สูญเสียน้ำมันที่คอยปกป้องผมตามธรรมชาติไป [14]
  4. ครีมนวดใช้แล้วผมสลวยเงางาม เพราะนุ่มชุ่มชื้น ผมไม่พันกัน ให้เลือกครีมนวดที่บำรุงแต่ไม่หนักผม แนะนำให้ใช้ครีมนวดแบบไม่มีซิลิโคนจะดีที่สุด เพราะซิลิโคนใช้ไปนานๆ แล้วสะสมตกค้างที่ผมจนผมด้านได้ ให้เปลี่ยนไปใช้อะไรที่มีกลีเซอรีนแทน [15]

    ครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออกนี่แหละดี โดยเฉพาะผมที่กระด้าง แห้งเสียง่าย พอไม่ต้องล้างออก ทำให้มีชั้นป้องกันผมจากอากาศแห้งๆ และความชื้น ที่เป็นต้นเหตุทำผมชี้ฟู

  5. ตอนผมเปียก ถ้าค่อยๆ สางผมแทนการใช้แปรงมาหวี จะช่วยให้ผมไม่เสียไม่ขาด ผมจะเปราะมากเวลาเปียก ถ้าใช้หวีซี่ห่างก็สางผมไม่ให้พันกันได้ ให้เริ่มจากปลายผมก่อน แล้วไปหวีจากรากผมลงมา [16]
  6. เป็นแปรงที่ขนแปรงทำจากวัสดุธรรมชาติ ใกล้เคียงกับผมคนมาก หวีแล้วช่วยให้น้ำมันผมตามธรรมชาติที่หนังศีรษะ เคลือบมาตามเส้นผมจรดปลาย ช่วยบำรุงผมทั้งเส้น การหวีผมด้วยแปรงขนหมูป่าเหมาะจะใช้บำรุงผมแบบล้ำลึก ผมจะนุ่มสลวยอย่าบอกใคร [17]
    • อย่าใช้แปรงตอนผมเปียก เพราะผมจะขาดง่าย
    • ให้ใช้แปรงขนหมูป่า หรืออื่นๆ ที่ทำช่วยกระจายน้ำมันผมตามธรรมชาติ ถ้าเป็นขนแปรงพลาสติกจะไม่ได้ผลแบบเดียวกัน แถมอาจทำผมเสียด้วย
  7. เล็มผมแตกปลายหรือปลายผมที่แห้งเสียออก จะทำให้ผมดูเบา นุ่มสลวยขึ้น พยายามเล็มปลายผมเรื่อยๆ จะได้ไม่มีผมแตกปลายหรือแห้งเสีย ไม่ต้องตัดเยอะในแต่ละครั้ง แค่เล็มประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม. ) ก็พอ [18]
  8. ปลอกหมอนผ้าคอตตอนจะดูดซับความชื้นจากผม ทำให้ผมแห้ง ด้าน ให้เปลี่ยนเป็นปลอกหมอนผ้าไหม หรือคลุมผมด้วยผ้าพันคอไหมตอนนอนแทน ตื่นมาก็จะผมนุ่มสวยแน่นอน [19]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ามัดผมตึงเกินไป
  • อย่าจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนบ่อยเกินไป เพราะทำให้ผมเสียได้
  • อย่าจับหรือเสยผมบ่อย เพราะทำให้ผมชี้ฟูได้
  • ลองใช้หวีที่ทำจากเขาควายดู เพราะถนอมผมดี แนะนำให้หวีสัก 100 ครั้ง จะทำให้ผมสวย สุขภาพดี เงางามแน่นอน!
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าสระผมบ่อยเกินไป เพราะทำให้สูญเสียน้ำมันตามธรรมชาติ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 60,100 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา