ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ


เสื้อผ้าสีดำที่ซีดจางลงอาจเกิดจากความผิดพลาดระหว่างการซักรีดซึ่งน่าผิดหวังเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีหลักปฏิบัติที่สำคัญในการซักผ้าสี่ห้าประการ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าสีดำตัวโปรดของคุณซีดจางได้ และหากหลักปฏิบัติเหล่านั้นยังช่วยคุณไม่ได้มากพอ ก็ยังมีเทคนิคพิเศษเพิ่มเติมอีกสี่ห้าอย่างที่คุณอาจลองใช้ดูด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

หลักปฏิบัติที่สำคัญในการซักผ้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [1] ไม่ว่าคุณจะปฏิบัติเป็นพิเศษอย่างไรกับเสื้อผ้าสีดำของคุณ และไม่ว่าจะระมัดระวังมากแค่ไหนตอนซัก การซักเองก็ทำให้สีค่อยๆ จางลงอยู่แล้ว และในที่สุดจะเห็นว่าสีซีด คุณจึงสมควรซักเสื้อผ้าสีดำเฉพาะเมื่อจำเป็น เพื่อลดปัญหาสีซีด หากละเว้นไม่ซักในบางครั้งได้ ก็จงทำเพื่อถนอมสีที่ย้อมไว้
    • กางเกงขายาวสีดำและสเวตเตอร์ที่สวมทับเสื้อผ้าอื่นๆ สามารถสวมได้ 4-5 ครั้งก่อนจะจำเป็นต้องซัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่เฉพาะในที่ร่ม และเช่นเดียวกัน หากคุณสวมเสื้อผ้าดังกล่าวเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงก็น่าจะเก็บไว้ก่อน และนำมาสวมใส่ครั้งต่อไปโดยไม่ต้องซัก
    • อย่างไรก็ตาม สมควรจะซักชุดชั้นในสีดำและถุงเท้าสีดำหลังจากสวมใส่เพียงครั้งเดียว
    • ในระหว่างซัก คุณสามารถขจัดคราบเปื้อนโดยใช้น้ำยาล้างคราบ และใช้ฟองน้ำแห้งๆ กำจัดเศษตกค้างคล้ายกับปูนขาวซึ่งเกิดจากยาระงับกลิ่นกาย
  2. เมื่อไรก็ตามที่ทำได้ ให้ซักเสื้อผ้าสีดำของคุณพร้อมกับเสื้อผ้าสีดำอื่นๆ หรือเครื่องแต่งกายสีเข้ม เพราะสีดำที่ย้อมไว้มีแนวโน้มจะสีตกในช่วงซัก ซึ่งหากไม่มีเสื้อผ้าสีอ่อนที่สีดำจะตกใส่ได้ สีย้อมผ้าเหล่านั้นก็จะถูกดูดกลับเข้าไปในเสื้อผ้าสีดำที่ทำสีตก
    • นอกเหนือจากการแยกซักผ้าตามสี คุณยังสมควรแยกเสื้อผ้าตามน้ำหนักด้วย เพราะจะช่วยปกป้องสีและรูปแบบการถักทอของเสื้อผ้าสีดำชนิดบอบบางที่เสียหายง่ายได้มากขึ้น
  3. ผิวผ้าที่ผ่านกระบวนการซักโดยตรงจะเสื่อมสภาพไวที่สุด ผลก็คือผ้าด้านที่หันออกด้านนอกในช่วงซักจะมีสีซีดจางเป็นอันดับแรก คุณจึงต้องถนอมผ้าด้านนอกของเสื้อผ้าสีดำของคุณ โดยกลับเอาด้านในของเสื้อผ้าออกข้างนอกก่อนจะซัก
    • เสื้อผ้าสีดำซีดจางเพราะการเสียดสีซึ่งเป็นผลจากการถูไถกันในเครื่องซักผ้า
    • ที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นก็คือการเสียดสีทำให้ใยผ้าแตก เผยให้เห็นปลายสุดของใยผ้าเหล่านั้น และเพราะผิวผ้าแตก สายตาของมนุษย์จึงมองเห็นสีน้อยลง แม้ที่จริงนั้น สีดำไม่ได้หายไปเลย
    • คุณสามารถลดปริมาณรอยขีดข่วน และการเสียดสีบนเสื้อผ้าให้น้อยลงได้อีก โดยรูดซิปปิดและเกี่ยวติดทุกตะขอที่มี
  4. น้ำอุ่นกระตุ้นให้สีย้อมผ้าคลายตัวจากเนื้อผ้าและหลุดออก ดังนั้น เสื้อผ้าสีสดใสต่างๆ กับสีดำจึงมีแนวโน้มจะซีดจางเร็วกว่าเมื่อซักในน้ำอุ่น และในทางตรงกันข้าม การซักเสื้อผ้าเหล่านี้ในน้ำเย็นสามารถถนอมรักษาสีที่ย้อมไว้ได้นานกว่า
    • น้ำอุ่นจะทำให้ใยผ้าแตกออก จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสีจึงซีดจางได้เร็วกว่าเมื่อซักผ้าด้วยน้ำอุ่น
    • การซักผ้าด้วยน้ำเย็นสมควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิระหว่าง 60 และ 80 องศาฟาห์เรนไฮต์ (15.6 และ 26.7 องศาเซลเซียส) และไม่ใช้น้ำที่อุ่นกว่านี้
    • โปรดสังเกตว่า คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนอุปนิสัยเรื่องซักผ้าในอากาศหนาวเย็นของฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอุณหภูมิกลางแจ้งหนาวระดับเยือกแข็ง ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิของน้ำในเครื่องซักผ้าลดลงต่ำกว่า 40 องศาฟาห์เรนไฮต์ (4.4 องศาเซลเซียส) ในอุณหภูมิที่ต่ำขนาดนี้ แม้แต่น้ำยาซักผ้าก็อาจจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากอุณหภูมิกลางแจ้งลดต่ำกว่า 0 องศาฟาห์เรนไฮต์ (-17.8 องศาเซลเซียส) คุณสมควรพิจารณาเรื่องซักด้วยน้ำอุ่นแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
  5. [2] นอกจากคุณจะสมควรซักผ้าสีดำน้อยครั้งที่สุด สิ่งสำคัญพอๆ กันคือสมควรใช้เวลาซักผ้าให้สั้นที่สุดที่จะทำได้ด้วย ยิ่งเสื้อผ้าอยู่ในเครื่องซักผ้านานน้อยลงเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยลงที่สีย้อมผ้าจะตกและซีดจาง
    • หากไม่แน่ใจ สมควรเลือกโปรแกรมซักสำหรับผ้าบอบบางที่เสียหายง่าย แต่ตามกฎทั่วไปนั้น คุณยังสมควรตั้งโปรแกรมการซักที่เหมาะสมกับความสกปรกของผ้า และตามชนิดของเนื้อผ้าที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณด้วย
  6. ปัจจุบัน มีผงซักฟอกชนิดพิเศษที่ถูกคิดสูตรมาเพื่อใช้ซักผ้าสีเข้มด้วย ผงซักฟอกเหล่านี้จะช่วยตรึงสีย้อมให้อยู่กับที่ในช่วงซัก ทำให้สีย้อมมีโอกาสจะสีตกน้อยลง และเสื้อผ้าก็น่าจะมีสีซีดจางน้อยลงเช่นกัน
    • หากคุณไม่ได้ใช้ผงซักฟอกที่ติดฉลากไว้ว่าใช้สำหรับเสื้อผ้าสีเข้ม ก็ให้ใช้ชนิดที่เป็นสูตรสำหรับซักด้วยน้ำเย็น ผงซักฟอกชนิดนี้สามารถทำให้บางส่วนของคลอรีนในน้ำประปาเป็นกลางได้ จึงมีความสำคัญเพราะคลอรีนจะฟอกสีและทำให้เสื้อผ้าสีเข้มมีสีอ่อนลง
    • โปรดสังเกตว่าไม่จำเป็นว่าผงซักฟอกจะเป็นต้นเหตุทำให้สีซีดจาง แม้ว่าผงซักฟอกบางชนิดจะช่วยป้องกันไม่ให้ผ้าสีซีดจางลงมากกว่าบางชนิดก็ตาม ส่วนน้ำยาซักฟอกแบบไหน ๆ ก็เหมาะสมทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใช่ผงฟอกขาว
    • หากเป็นน้ำเย็น จะใช้น้ำยาซักผ้าได้ดีกว่าผงซักฟอก ผงซักฟอกมีแนวโน้มจะไม่ละลายอย่างสมบูรณ์แบบในน้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เวลาน้อย
  7. ความร้อนคือศัตรูหากว่าคุณกำลังพยายามป้องกันเสื้อผ้าสีดำไม่ให้ซีด สมควรแขวนตากเสื้อผ้าสีดำหรือวางผึ่งให้แห้ง หลีกเลี่ยงการใช้วิธีอบผ้านอกเสียจากจะจำเป็นจริงๆ ถ้าคุณต้องใช้เครื่องอบผ้า หากเป็นไปได้ ให้งดการใส่แผ่นปรับผ้านุ่ม
    • เวลาตากเสื้อผ้าสีดำไว้บนราวนอกบ้าน ทำให้แน่ใจว่าคุณได้จัดวางไว้ในบริเวณที่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์ แสงแดดทำหน้าที่เป็นสารฟอกสีตามธรรมชาติชนิดหนึ่งซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าสีดำของคุณซีดจางเร็วขึ้น
    • หากจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องใช้เครื่องอบผ้า ให้ใช้อุณหภูมิต่ำสุดที่จะเป็นไปได้ โดยยึดหลักว่าเสื้อผ้าทำจากวัสดุใด คุณสมควรตรวจดูเสื้อผ้าอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่แห้งเกินไปหรืออุ่นเกินไป และเพื่อความปลอดภัยให้นำเสื้อผ้าสีดำออกจากเครื่องอบน้ำในขณะที่ยังมีความชื้นเล็กน้อย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เคล็ดลับเพิ่มเติม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [3] ในช่วงล้างน้ำ ให้เติมน้ำส้มสายชูกลั่นสีขาว 1 ถ้วยตวง (250 มิลลิลิตร โดยเติมโดยตรงลงในถังซักที่มีเสื้อผ้าสีดำอยู่ อย่าเติมในช่องใส่ผงซักฟอกหากมีช่องแยกไว้ให้
    • การเติมน้ำส้มสายชูในช่วงล้างน้ำมีประโยชน์หลายอย่าง รวมทั้งถนอมรักษาเสื้อผ้าสีดำ น้ำส้มสายชูยังเป็นของใช้มหัศจรรย์ในครัวที่ยังสามารถช่วยไม่ให้ผ้าสีต่างๆ ตก และกำจัดเศษตกค้างของผงซักฟอกออกจากผ้าด้วย ไม่อย่างนั้นเศษตกค้างเหล่านี้อาจจับเป็นคราบบนเสื้อผ้าของคุณ ทำให้สีดูซีดจาง
    • น้ำส้มสายชูยังเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มตามธรรมชาติตัวหนึ่งด้วย
    • น้ำส้มสายชูสมควรจะระเหยหายไปในช่วงล้างน้ำ ดังนั้นตามปกติจะไม่มีกลิ่นหลงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม หากยังมีกลิ่นอ้อยอิ่งอยู่ การนำออกตากแดดให้แห้งน่าจะกำจัดกลิ่นให้หมดไปได้
  2. เติมเกลือสมุทร 1/2 ถ้วยตวง (125 มิลลิลิตร) ลงในช่วงซักพร้อมกับเสื้อผ้าสีดำของคุณ โดยควรใส่เกลือไว้โดยตรงในถังซักหลักของเครื่องซักผ้า อย่าเติมในช่องที่แยกต่างหาก
    • เกลือช่วยป้องกันสีย้อม รวมทั้งสีดำไม่ให้สีแตก และช่วยได้เป็นพิเศษเวลาใช้กับเสื้อผ้าใหม่ แต่ก็ช่วยนำกลับมาซึ่งความสดใสของเสื้อผ้าเก่าได้ด้วย โดยช่วยขัดคราบของผงซักฟอกทิ้งไป
  3. ทำง่ายๆ แค่เติมพริกไทยดำ 1 - 2 ช้อนชา (5 to 10 ml) ลงไปในถังซักพร้อมกับเสื้อผ้าสีดำในตอนต้นของช่วงซัก อย่าเติมลงไปในช่องแยกสำหรับผงซักฟอกหากมี
    • การขัดสีจากเมล็ดพริกไทยจะช่วยกำจัดคราบที่ทำให้สีของเสื้อผ้าซีด และสีดำของพริกไทยสามารถช่วยเสริมความเข้มให้กับโทนสีของผ้า
    • พริกไทยดำสมควรจะถูกล้างออกไปในช่วงล้างน้ำ
  4. โรยเบกกิ้ง โซดา 1/2 ถ้วยตวง (125 มิลลิลิตร) ลงในถังซัก หลังจากใส่เสื้อผ้าที่ต้องการถนอมลงไปแล้ว. ทั้งนี้ เบกกิ้ง โซดาสมควรอยู่ในส่วนเดียวกันกับเสื้อผ้าในเครื่องซักผ้า และนับจากจุดนี้ไปให้ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าตามปกติ
    • โดยทั่วไปจะใช้เบกกิ้งโซดาช่วยทำให้ผ้าขาวสดใสมากขึ้น เพราะเป็นสารฟอกขาวปลอดคลอรีนรูปแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การที่เป็นสารฟอกขาวปลอดคลอรีน จึงใช้เพิ่มความสดใสให้กับสีอื่นๆ ได้ด้วย รวมทั้งสีดำ
  5. [4] ต้มกาแฟหรือชาดำจำนวน 2 ถ้วย (500 มิลลิลิตร) แล้วเทใส่โดยตรงในช่วงล้างน้ำ หลังจากเสื้อผ้าสีดำในเครื่องซักผ้าของคุณผ่านช่วงซักมาแล้ว
    • ใช้ทั้งกาแฟกับชาดำเป็นสีย้อมผ้าตามธรรมชาติ แม้เวลาใช้ย้อมผ้าสีอ่อนจะได้เป็นสีน้ำตาล แต่เมื่อนำมาใช้่ย้อมเสื้อผ้าสีดำ จะช่วยเสริมความเข้มของสีดำและยิ่งช่วยเสริมความดำให้กับโทนสีโดยรวมของผ้า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ในอนาคต ให้มองหาเสื้อผ้าสีดำที่ตัดเย็บจากวัสดุที่สีย้อมติดทนนานมากขึ้น เนื้อผ้าที่มีแนวโน้มว่าสีย้อมจะติดทนได้ดีกว่า รวมทั้งผ้าขนสัตว์ผสมไนลอน แต่ในทางตรงกันข้าม ผ้าใยสังเคราะห์จากเซลลูโลส และผ้าลินินมีแนวโน้มที่เส้นใยจะแตก และสีซีดจางอย่างง่ายดาย
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ผงซักฟอกชนิดพิเศษ
  • น้ำส้มสายชู
  • เกลือ
  • พริกไทยดำ
  • เบกกิ้ง โซดา
  • ชา
  • กาแฟ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 39,782 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา