ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ใบหน้าของคุณเป็นสิ่งแรกที่ผู้คนสังเกตเห็นและเป็นจุดสนใจเมื่อคุณมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวของเราก็จะเริ่มเปลี่ยนและทำให้เราไม่มั่นใจในใบหน้าของตัวเองอีกต่อไป การมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และผิวพรรณที่เปล่งปลั่งเป็นสัญญาณของสุขภาพกายและใจที่ดีและเป็นที่สนใจของคนรอบข้างยิ่งขึ้น [1] เพียงแค่บำรุงผิวเป็นประจำ ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และฟื้นฟูผิวด้วยวิธีทางการแพทย์ คุณก็จะมีใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยและผิวพรรณที่ดูสดใสเหมือนเด็กวัยรุ่น

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

บำรุงผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งสกปรกหรือแม้แต่สิวเป็นสาเหตุทำให้ผิวของคุณดูสดใสน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเริ่มมีอายุมากขึ้น การดูแลผิวหน้าให้สะอาดอยู่เสมอจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกหรือสิวที่ก่อให้เกิดรอยย่นหรือริ้วรอยเส้นเล็กๆ และป้องกันไม่ให้เกิดสิวทั่วใบหน้า
    • ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนที่มีค่า pH เป็นกลาง โดยธรรมชาติแล้วผิวหนังของคนเราจะมีค่า pH ประมาณ 5 คุณจึงควรมองหาคลีนเซอร์ที่ช่วยคงความสมดุลนี้ไว้ สังเกตดูฉลากผลิตภัณฑ์ที่ระบุค่า pH ไว้หรือระบุว่า “pH balanced” หรือ “pH neutral” [2]
    • หากคุณมีผิวที่มัน ให้เลือกใช้คลีนเซอร์สูตรออยล์ฟรี ส่วนคลีนเซอร์ชนิดกลีเซอรีนหรือชนิดครีมนั้นจะเหมาะกับผิวที่แห้ง
    • นวดคลีนเซอร์เบาๆ บนใบหน้า การนวดแรงเกินไปจะทำให้ผิวหนังของคุณระคายเคืองและอาจทำให้ดูแก่กว่าวัยได้
    • ล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น น้ำที่ร้อนจนเกินไปจะชะล้างเอาน้ำมันที่จำเป็นต่อผิวออกไปหรือก่อให้เกิดการระคายเคือง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวดูมีอายุมากขึ้นได้
  2. แม้ว่าการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำจะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำมากจนเกินไป การใช้สบู่และชำระล้างด้วยน้ำบ่อยครั้งจะชะล้างเอาน้ำมันบนใบหน้าออกไป ทั้งยังทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังดูเปล่งปลั่งและสดใสน้อยลง
    • ไม่ควรล้างหน้าเกิน 2 ครั้งต่อวันยกเว้นในวันคุณเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษ หากคุณเคลื่อนไหวร่างกายมากหรือเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ ให้ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนหากรู้สึกว่ามีเหงื่อออกหรือสกปรกมากหรือเมื่อคุณกำลังอาบน้ำอยู่
  3. ทามอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นประจำทุกวัน การรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผิวของคุณกระชับ ป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอย และทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
    • ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แม้ว่าคุณจะมีผิวที่มัน โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรออยล์ฟรี
    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยซิลิโคนและกรดไฮยาลูโรนิกที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน แต่ยังช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์มากขึ้นอีกด้วย อ่านข้อมูลบนฉลากเพื่อดูว่ามีส่วนประกอบเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าผู้ผลิตหลายรายมักอ้างผลลัพธ์ที่เกินจริง ดังนั้นคุณจึงควรค้นหาข้อมูลจากเว็บบอร์ดออนไลน์ เช่น Paula’s Choice ที่รวบรวมคำวิจารณ์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นจากผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และผู้ที่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์นั้น
    • ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ร่วมกับครีมกันแดดเพื่อช่วยป้องกันริ้วรอย
    • ลองใช้เครื่องทำความชื้นในห้องของคุณในช่วงกลางคืนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังของคุณ [3]
  4. เซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกจะฝังตัวอยู่ในรูขุมขน ริ้วรอยเส้นเล็กๆ และรอยย่น ทำให้ผิวของคุณดูสดใสน้อยลงได้ ใช้สครับสูตรอ่อนโยนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและป้องกันไม่ให้เกิดสิวทั่วใบหน้า
    • การขัดผิวเป็นเพียงการขจัดเซลล์ผิวด้านนอกออกไปเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดรอยย่นหรือริ้วรอยเส้นเล็กๆ ได้
    • เลือกใช้สครับที่ประกอบด้วยเม็ดบีดส์ทั้งแบบสังเคราะห์และจากธรรมชาติเพื่อลดการระคายเคือง
    • ขัดผิวเบาๆ ด้วยผ้าเนื้อนุ่ม
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ดูแลผิวจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การยืดและออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้าจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการเกิดริ้วรอยเส้นเล็กๆ หรือรอยย่นบนใบหน้า บริหารกล้ามเนื้อใบหน้าวันละ 1-2 ครั้งเพื่อให้ผิวของคุณกระชับขึ้นและดูอ่อนกว่าวัย
    • วางมือไว้ที่หน้าผากและดันศีรษะเข้ามา ค้างไว้นาน 10 วินาที
    • นั่งตัวตรงและเงยหน้าไปด้านหลังให้คางชี้ไปทางผนังในขณะที่ปิดปากอยู่ ทำท่าเคี้ยวในปากและรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทำซ้ำ 20 ครั้ง
    • เงยหน้าขึ้นมองเพดานอีกครั้งและยื่นริมฝีปากออกในท่าจูบ ทำซ้ำ 2 ครั้ง ครั้งละ 20 วินาที
  2. เมื่อไรก็ตามที่คุณได้ใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้า ร่องลึกใต้ผิวหนังก็จะถูกสร้างขึ้นมา เมื่อคุณอายุเพิ่มขึ้นและผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ร่องลึกนี้ก็จะไม่ได้รับการเติมเต็มและเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยเส้นเล็กๆ และรอยย่นขึ้น การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าที่หลากหลายช่วยให้ผิวหน้าของคุณกระชับยาวนานยิ่งขึ้น
    • พยายามออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้คุณสุขภาพดีเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อีกด้วย
  3. ผลการวิิจัยบางชิ้นพบว่าการทานอาหารสมส่วนที่อุดมไปด้วยสารอาหารสามารถช่วยปกป้องผิวของคุณและทำให้ผิวพรรณดูมีอายุและสูญเสียความยืดหยุ่นช้าลง การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างเช่นผักและผลไม้จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันและน้ำตาล เพราะจะทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลงและทำให้ผิวของคุณดูแก่กว่าวัย
    • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนอย่างผักและผลไม้เพื่อเพิ่มการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดียิ่งขึ้น ผักและผลไม้สีเหลืองและสีส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน
    • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีอย่างผลไม้รสเปรี้ยวที่ผลการวิจัยส่วนใหญ่พบว่ามีส่วนช่วยในการทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย
    • ทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น เช่น วอลนัทหรือน้ำมันมะกอก เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของเซลล์ผิวหนัง
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่ทำให้ผิวของคุณดูขาดความสดใส
    • เลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารแทนอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเพื่อให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดี
  4. ผิวที่ชุ่มชื้นทั้งจากภายในและภายนอกจะดูอวบอิ่มและกระชับยิ่งขึ้น การดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มอื่นๆ อย่างเพียงพอเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและดูอ่อนกว่าวัย [4]
    • ผู้หญิงควรดื่มน้ำอย่างน้อย 9 แก้วต่อวันเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง ส่วนผู้ชายควรดื่มน้ำวันละประมาณ 13 แก้ว
    • เลือกดื่มน้ำเปล่าเพื่อให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ หรือจะเลือกดื่มชาและน้ำอัดลมที่ไม่มีคาเฟอีนหรือน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน
    • คุณยังสามารถรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายได้โดยการทานผักและผลไม้เยอะๆ
    • คุณสามารถดื่มกาแฟหรือชาและน้ำอัดลมที่มีคาเฟอีนได้เป็นครั้งคราว แต่เครื่องดื่มเหล่านี้อาจทำให้ร่างกายสูญเสียความชุ่มชื้นได้
  5. รังสีอัลตร้าไวโอเลตจากแสงอาทิตย์จะไปเร่งกระบวนการชราภาพตามธรรมชาติจากการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินที่มีส่วนช่วยให้ผิวของคุณกระชับ เนื่องจากการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานทำให้ผิวของคุณดูแก่ลงอย่างรวดเร็ว คุณจึงควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการสัมผัสแสงแดด [5]
    • ทาครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB และมีค่า SPF สูงเป็นประจำทุกวัน
    • สวมหมวกที่มีปีกกว้างเพื่อช่วยป้องกันผิวของคุณจากการสัมผัสแสงแดด
    • นั่งอยู่ใต้ร่มเมื่ออยู่ที่ชายหาด สระว่ายน้ำ หรือสนามกอล์ฟ
  6. การสูบบุหรี่สามารถเร่งกระบวนการชราภาพได้เช่นเดียวกับการสัมผัสแสงแดด การเลิกบุหรี่จะช่วยให้ผิวของคุณกระชับอย่างยาวนานและทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น [6]
    • ลองสังเกตดูผิวหนังของผู้ที่สูบบุหรี่โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ริมฝีปาก การสูบบุหรี่ไม่เพียงทำให้ผิวดูแห้งเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยเส้นเล็กๆ หรือรอยย่นบนใบหน้าอีกด้วย [7]
    • ลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเลิกบุหรี่ โดยแพทย์จะช่วยวางแนวทางการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพให้กับคุณได้
  7. ความเครียดที่ควบคุมได้ยากจะทำให้ผิวของคุณบอบบางลง เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ อย่างการดูแก่กว่าวัย ดังนั้นการควบคุมความเครียดจึงช่วยให้ผิวของคุณยังคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
    • จัดระเบียบชีวิตประจำวันโดยการกำหนดขอบเขตและตัดทอนรายการสิ่งที่ต้องทำ และกำหนดเวลาสำหรับพักผ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเครียดที่ไม่จำเป็น
    • หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีความตึงเครียด
    • เก็บมือถือ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ให้ห่างจากตัวในช่วงเวลาที่กำหนดเป็นประจำทุกวันเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอกชั่วครู่หนึ่ง นอกจากนี้ การแช่น้ำอุ่นยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาความเครียดได้อีกด้วย
    • การออกไปเดินเล่นหรือออกกำลังกายเบาๆ สามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ พยายามบริหารร่างกายด้วยวิธีเบาๆ เช่น โยคะ เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อของคุณตึงจนเกินไป
    • ลองทำสมาธิ การทำสมาธิมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เช่น ลดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความกังวลและความหดหู่ ลดความเครียด ทั้งยังช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและเสริมสร้างชีวิตให้มีความสุข
  8. หนึ่งในมุมมองแนวบวกเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอายุคือการรู้จักตัวเองและมีความมั่นใจ มีความสุขกับทุกส่วนบนใบหน้าของคุณ และมองว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเป็นเครื่องหมายของการสั่งสมประสบการณ์และสติปัญญา
    • แสดงให้ทุกคนเห็นถึงความสวยงามจากภายใน ซึ่งสามารถแสดงออกมาได้ผ่านทางสีหน้าและทำให้ผิวหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ผิวสุขภาพดีและรอยยิ้มที่สดใสจะช่วยสร้างความน่าประทับใจต่อรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวทุกคน [8]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

ดูแลรักษาผิวด้วยตัวเองที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เรตินอยด์เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ประกอบด้วยวิตามินเอ ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวหนังและลดเลือนริ้วรอย รอยด่าง และความหยาบกร้าน ทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
    • ปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ผิวหนังเกี่ยวกับการใช้ยาเทรทิโนอินหรือทาซาโรทีนที่สั่งโดยแพทย์ในการชะลอการเสื่อมสภาพของผิว
    • บริษัทประกันหลายรายจะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายยาเรตินอยด์ที่มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงาม
    • การใช้ครีมบำรุงผิวชนิดไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ที่ผสมเรตินอยด์เกรดต่ำจะมีประสิทธิภาพไม่ดีเท่าเรตินอยด์ที่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ จึงไม่ช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ได้ในระยะยาว
    • การใช้เรตินอยด์อาจก่อให้เกิดรอยแดง ความแห้ง และอาการแสบร้อนบนผิวหนังได้ การคงความชุ่มชื้นให้กับผิว รวมถึงการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด สามารถช่วยลดรอยแดงบนผิวได้ [9]
  2. มีคำกล่าวที่ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ การใช้อายครีมเป็นประจำทั้งกลางวันและกลางคืนจะช่วยลดรอยย่นและริ้วรอยเส้นเล็กๆ ความหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา และรอยคล้ำรอบดวงตา ทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
    • เลือกใช้อายครีมชนิดลูกกลิ้งที่สามารถช่วยลดถุงใต้ตาและทำให้ดวงตาของคุณมีชีวิตชีวามากขึ้น
    • ในระหว่างวัน ให้ใช้อายครีมที่ผสมสารอีมอลเลียนท์เพื่อให้ใต้ตาดูอวบอิ่มและไมก้าเพื่อให้รอยคล้ำรอบดวงตาดูกระจ่างใสขึ้น
    • เลือกซื้ออายครีมสำหรับกลางวันและกลางคืนที่มีส่วนประกอบอย่างวิตามินเอ วิตามินซี คอลลาเจน และเปปไทด์ที่ช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวรอบดวงตาต่างๆ อ่านฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อดูว่ามีส่วนประกอบเหล่านี้หรือไม่ และเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ คุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหาข้อมูลจากเว็บบอร์ดออนไลน์ที่รวบรวมคำวิจารณ์จากแพทย์และผู้ใช้จริงก่อนซื้อทุกครั้ง
    • ทาครีมด้วยนิ้วนาง เนื่องจากผิวรอบดวงตาบอบบางอย่างมาก จึงเกิดการดึงรั้งได้ง่ายและเป็นสาเหตุทำให้เกิดความหย่อนคล้อย การใช้นิ้วนางทาครีมเบาๆ จึงช่วยป้องกันการดึงรั้งอย่างรุนแรงบริเวณรอบดวงตาได้
  3. ในสมัยก่อนคุณสามารถทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นได้จากโรงพยาบาลหรือคลินิกเท่านั้น แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตสกินแคร์หลายรายได้เริ่มวางจำหน่ายอุปกรณ์ไมโครเดอร์มาเบรชั่นสำหรับทำเองที่บ้านที่มีประสิทธิภาพรองลงมา คุณสามารถซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มาทำเองที่บ้านได้หากไม่ต้องการการเข้ารับการดูแลทางการแพทย์
    • หาซื้ออุปกรณ์ไมโครเดอร์มาเบรชั่นได้จากร้านขายยาหรือห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวโดยส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยคุณในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด
    • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้อุปกรณ์ไมโครเดอร์มาเบรชั่น แพทย์ของคุณอาจช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับยี่ห้อที่เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอาการแพ้ของคุณ
    • ปฏิบัติตามขั้นตอนที่แนะนำบนกล่องบรรจุ การใช้อุปกรณ์อย่างไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผิวของคุณได้
    • จำไว้ว่าอุปกรณ์ไมโครเดอร์มาเบรชั่นสำหรับทำเองที่บ้านจะประกอบด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ากับอุปกรณ์ที่แพทย์ใช้ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจนมากนัก แต่ก็ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติกว่าการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นกับผู้เชี่ยวชาญ
  4. ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมีการพัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เครื่องสำอางสูตรใหม่ในปัจจุบันไม่เพียงช่วยปกปิดสัญญาณแห่งวัยเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย การแต่งหน้าด้วยเทคนิคที่เหมาะสมช่วยให้ใบหน้าของคุณดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น [10]
    • พยายามแต่งหน้าแบบน้อยแต่มาก การแต่งหน้าหนักเกินไปอย่างเช่นอายแชโดว์หรือรองพื้นจะให้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามและทำให้คุณดูแก่กว่าอายุจริง
    • ใช้ไพร์เมอร์เพื่อปรับสภาพสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ไพร์เมอร์จะทำหน้าที่กระจายแสงบนใบหน้า ทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
    • ใช้รองพื้นชนิดน้ำหรือทินท์มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อปกปิดผิวให้ดูเรียบเนียนและลงบลัชออนได้เนียนสนิทกับผิว หลีกเลี่ยงการใช้รองพื้นชนิดครีมที่อาจตกอยู่ตามร่องริ้วรอยได้ ลงแป้งฝุ่นโปร่งแสงตามเพื่อเซ็ตไพรเมอร์และรองพื้นให้ติดทนนานขึ้น
    • ปิดท้ายด้วยการลงครีมบลัชที่ช่วยให้ผิวของคุณเปล่งปลั่งและดูสุขภาพดี ลงบลัชออนบนพวงแก้มเพื่อให้พวงแก้มของคุณดูสวยอิ่มเอิบ
    • แต่งตาเพื่อปกปิดความหย่อนคล้อยของผิวรอบดวงตาและทำให้ดวงตาดูโตและเปล่งประกาย ลงอายแชโดว์สีนู้ดอ่อนๆ เช่น สีเบจหรือสีมอคค่า บนเปลือกตาไปจนถึงโหนกคิ้ว และเน้นขอบตาด้วยอายแชโดว์สีเทา สีน้ำตาล หรือสีดำเพื่อสร้างลุคเบาๆ ให้กับดวงตาของคุณ ปิดท้ายด้วยการปัดมาสคาร่าลงไป 1 ชั้นเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ทำให้ผิวกระชับด้วยด้วยวิธีทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รักษาด้วยการฉายแสง เลเซอร์ หรือคลื่นความถี่วิทยุ. การฟื้นฟูผิวโดยการฉายแสง การทำเลเซอร์ หรือการใช้คลื่นความถี่วิทยุจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง คอลลาเจนที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังและทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ลองดูข้อมูลด้านล่างนี้หากคุณกำลังสนใจการรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้
    • การฉายแสงและการทำเลเซอร์จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยการส่งความร้อนลงไปใต้ชั้นผิวหนัง ผิวของคุณจะนุ่มและกระชับยิ่งขึ้นภายหลังการฉายแสงหรือการทำเลเซอร์
    • การฉายแสงหรือการทำเลเซอร์อาจใช้เวลาเป็นเดือนจึงจะเริ่มเห็นผลและอาจเกิดเป็นรอยแผลเป็นหรือรอยด่างขาวหรือดำได้
    • ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการทำเลเซอร์ชนิดที่ไม่ทำให้เกิดแผล (Non-ablative) ที่อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าหากผิวของคุณมีหย่อยคล้อยหรือริ้วรอยไม่มากนัก
    • หรือจะลองวิธีการรักษาที่ไม่ทำให้เกิดแผลเช่นกันอย่างการใช้คลื่นความถี่วิทยุ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาด้วยวิธีนี้จะเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าการทำเลเซอร์หรือการฉายแสง โดยคุณอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยหรือปานกลางเท่านั้น
    • สอบถามบริษัทประกันเกี่ยวกับการครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้
  2. หากคุณรู้สึกกลัวการทำเลเซอร์หรือการฉายแสง ลองพิจารณาการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ที่รุกรานผิวน้อยกว่า การผลัดเซลล์ผิว การทำเดอร์มาเบรชั่น และการทำไมโครเดอมาเบรชั่นจะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง ทำให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ลองดูข้อมูลด้านล่างนี้หากคุณกำลังสนใจการรักษาด้วยวิธีการเหล่านี้
    • แพทย์จะทากรดลงบนผิวหน้าของคุณในระหว่างการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งช่วยให้รอยย่น ริ้วรอยเส้นเล็กๆ และกระลดลงได้ การผลัดเซลล์ผิวจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อผ่านไปหลายสัปดาห์ และคุณอาจต้องทำการผลัดเซลล์ผิวติดต่อกันนานหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์
    • การทำเดอร์มาเบรชั่นเป็นการกรอผิวชั้นนอกออกบางส่วน จึงช่วยกระตุ้นให้เกิดสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น คุณอาจเห็นผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงจากการทำเดอร์มาเบรชั่นได้ภายใน 2-3 เดือน
    • การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นมีขั้นตอนการทำเช่นเดียวกับเดอร์มาเบรชั่น แต่จะลอกเพียงผิวหนังชั้นนอกตื้นๆ เท่านั้น คุณอาจต้องทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นติดต่อกันนานหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ แต่จะใช้เวลาในการเห็นการเปลี่ยนแปลงสั้นกว่าการทำเดอร์มาเบรชั่น อย่างไรก็ตาม การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่นอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเสมอไป
    • บริษัทประกันหลายรายมักไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการรักษาด้วยวิธีเหล่านี้
  3. โบท็อกซ์เป็นสารสกัดที่ได้จากโบทูลินั่มท็อกซินชนิดเอ ช่วยให้ผิวของคุณเนียนนุ่มและมีริ้วรอยลดลง ลองพิจารณาการทำโบท็อกซ์หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงวิธีการผลัดเซลล์ผิวหรือวิธีอื่นๆ ที่รุกรานผิวมากกว่า ลองดูข้อมูลด้านล่างนี้หากคุณกำลังสนใจการรักษาด้วยโบท็อกซ์
    • ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน พยายามฉีดโบท็อกซ์ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาประสิทธิภาพของโบท็อกซ์ไว้
    • โบท็อกซ์จะยับยั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัวและทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับยากยิ่งขึ้น จึงอาจทำให้คุณแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้ค่อนข้างจำกัด
    • เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์เป็นการรักษาเพื่อความงาม บริษัทประกันหลายรายจึงไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการฉีดโบท็อกซ์
  4. นอกจากโบท็อกซ์แล้ว ยังมีการฟื้นฟูผิวด้วยการฉีดสารอีกวิธีหนึ่งที่เรียกว่าฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดสารเติมเต็มอย่างไขมัน คอลลาเจน และกรดไฮยาลูโรนิกเพื่อทำให้ผิวของคุณดูอวบอิ่มและกระชับยิ่งขึ้น ลองดูข้อมูลด้านล่างนี้หากคุณกำลังสนใจการรักษาด้วยฟิลเลอร์
    • การฉีดฟิลเลอร์มีผลข้างเคียงทำให้เกิดการบวม รอยแดง หรือรอยฟกช้ำได้
    • เช่นเดียวกับโบท็อกซ์ คุณอาจต้องฉีดฟิลเลอร์ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประสิทธิภาพของฟิลเลอร์โดยส่วนใหญ่จะอยู่ได้นาน 2-3 เดือน
    • เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์เป็นการรักษาเพื่อความงาม บริษัทประกันหลายรายจึงไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการฉีดฟิลเลอร์
  5. หากคุณกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการทำให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้าอาจเป็นวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการคุณ การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีการขั้นสูงสุดในการทำให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ดังนั้น คุณจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาก่อนเข้ารับการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ลองดูข้อมูลด้านล่างนี้หากคุณกำลังสนใจการรักษาด้วยการผ่าตัดดึงหน้า
    • การผ่าตัดดึงหน้านั้นมีความเสี่ยงด้านสุขภาพค่อนข้างมาก
    • การผ่าตัดดึงหน้าเป็นการกำจัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินและทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันบนใบหน้ากระชับยิ่งขึ้น
    • การผ่าตัดดึงหน้าจะใช้เวลาค่อนข้างนานในการเห็นการเปลี่ยนแปลงและอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดรอยฟกช้ำและรอยบวมเป็นเวลานานหลายสัปดาห์หลังการผ่าตัด
    • ประสิทธิภาพของการผ่าตัดดึงหน้าจะอยู่ได้นานถึง 5-10 ปี
    • เนื่องจากการผ่าตัดดึงหน้าเป็นการรักษาเพื่อความงาม บริษัทประกันหลายรายจึงไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของการผ่าตัดดึงหน้า
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,978 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา