ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการบังคับรีสตาร์ท iPhone ที่ค้าง ไม่ตอบสนอง การทำ hard-reset iPhone นั้น ขั้นตอนคือต้องกดปุ่มที่กำหนด ตามรุ่นที่ใช้ ถ้าบังคับรีสตาร์ท iPhone ไม่ได้ผล อาจจะต้องศึกษาวิธีการซ่อมแซมแก้ไขระบบปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยเสียบ iPhone กับคอม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

บังคับรีสตาร์ท iPhone 8 หรือใหม่กว่า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปุ่มนี้จะอยู่ทางซ้ายของเครื่อง แถวๆ ขอบด้านบน
    • ขั้นตอนนี้ใช้ได้กับ iPhone 8, 8 Plus, XR, XS, XS Max, 11, 11 Pro, 11 Pro Max และ iPhone SE (2nd Generation) [1]
  2. ปุ่มนี้จะอยู่ทางซ้ายของมือถือ ล่างปุ่มเพิ่มเสียง
  3. ปุ่มนี้จะอยู่ทางขวาของเครื่อง ให้กดปุ่มนี้ค้างไว้จนโลโก้ Apple โผล่มา
  4. เท่านี้ก็บังคับรีสตาร์ท iPhone ที่ค้างได้แล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

บังคับรีสตาร์ท iPhone 7 หรือ 7 Plus

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปุ่ม Volume Down หรือปุ่มลดเสียง จะอยู่ทางซ้ายของ iPhone ส่วนปุ่ม Sleep/Wake จะอยู่ด้านบนสุด ให้กดปุ่มที่ว่าค้างไว้พร้อมกัน จนโลโก้ Apple โผล่มา
  2. ถ้ารีเซ็ตเครื่องสำเร็จ iPhone จะรีสตาร์ทได้ตามปกติ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

บังคับรีสตาร์ท iPhone 6, 6s Plus หรือ iPhone SE (1st Generation)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปุ่ม Sleep/Wake จะอยู่ด้านบนสุดของ iPhone ส่วนปุ่ม Home คือปุ่มกลมๆ ใหญ่ๆ ตรงกลางขอบล่างของเครื่อง ให้กดปุ่มที่ว่าค้างไว้ จนโลโก้ Apple โผล่มา
  2. เท่านี้ iPhone ก็จะรีสตาร์ทตามปกติ ถ้ารีเซ็ตสำเร็จ
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

แก้ปัญหาบังคับรีสตาร์ท iPhone ไม่ได้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้า iPhone ค้างอยู่ที่โลโก้ Apple หรือหน้าจอเป็นสีทึบตอนบังคับรีสตาร์ท ให้ลองเสียบกับ PC หรือ Mac แล้วแก้ไขดู ไม่ต้องกลัวข้อมูลหาย เริ่มจากเสียบ iPhone กับคอมด้วยสายชาร์จซะก่อน
  2. ถ้าใช้ Mac Catalina หรือใหม่กว่า ให้คลิกไอคอนหน้า 2 สีที่ Dock เพื่อเปิด Finder ถ้าใช้ Windows หรือ macOS เวอร์ชั่นก่อนๆ ให้เปิด iTunes จากในเมนู Start หรือโฟลเดอร์ Applications
  3. ถ้าใช้ Finder ให้คลิกชื่อ iPhone ในกรอบซ้ายมือ ล่าง "Locations" ถ้าใช้ iTunes ให้คลิกปุ่มไอคอน iPhone ที่มุมซ้ายบนของแอพ (ทางขวาของเมนูที่ขยายลงมา) [3]
  4. ขั้นตอนจะต่างกันไปตามรุ่นที่ใช้
    • รุ่นที่ใช้ Face ID ได้: กดปุ่ม Volume Up แล้วปล่อย แล้วกดปุ่ม Volume Down จากนั้นปล่อย ให้กดปุ่มบนสุดของเครื่องค้างไว้ จน iPhone รีสตาร์ทเข้า recovery mode
    • iPhone 8 หรือใหม่กว่า: กดปุ่ม Volume Up แล้วปล่อย กดปุ่ม Volume Down แล้วปล่อย จากนั้นกดปุ่มด้านขวาค้างไว้ จน iPhone บูทเครื่องเข้า recovery mode
    • iPhone 7/7 Plus: กดปุ่มบนสุด (บางรุ่นจะเป็นปุ่มทางขวา) กับปุ่ม Volume Down ค้างไว้พร้อมกัน พอเครื่องบูทเข้า recovery mode ก็ปล่อยมือได้เลย
    • iPhone รุ่นที่มีปุ่ม Home และ iPhone 6 หรือเก่ากว่า: กดปุ่ม Home กับปุ่มบนสุด (หรือขวาสุด) ค้างไว้พร้อมกัน พอหน้า recovery mode โผล่มา ก็ปล่อยมือได้เลย
  5. ปุ่มนี้จะอยู่ในหน้าต่าง pop-up ที่โผล่มาใน Finder หรือ iTunes หลัง iPhone เข้า recovery mode แล้ว ให้เลือกตัวเลือกนี้ เพื่อลองแก้ไข iOS โดยไม่ทำข้อมูลหาย
    • ถ้าได้ผล iPhone จะรีสตาร์ทตามปกติ
    • ถ้าใช้เวลาดาวน์โหลดอัพเดทนานเกิน 15 นาที iPhone จะออกจาก recovery mode โดยอัตโนมัติ แบบนี้ให้กลับไปทำขั้นตอนที่ 4 ซ้ำ เพื่อกลับเข้า recovery mode แล้วลองใหม่อีกรอบ
    • ถ้าอัพเดท iPhone สำเร็จ แต่ยังเปิดเครื่องใช้งานไม่ได้ คงต้องรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงาน (factory reset) แทน โดยทำซ้ำตามขั้นตอน แล้วเลือก Restore แทน Update ย้ำว่าวิธีนี้ข้อมูลทั้งหมดใน iPhone จะถูกลบหายไป เพราะงั้นขอให้เก็บไว้ใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย
  6. Apple แนะนำให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุน ถ้ายังพบปัญหาการใช้งานต่อไปนี้ เช่น จอดำหรือจอค้างเป็นสีอื่น หน้าจอสว่าง แต่แตะแล้ว iPhone ไม่ตอบสนอง หรือ iPhone ขึ้นโลโก้ Apple ค้างไม่ไปไหน [4] คุณติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้โดยเข้าเว็บ https://getsupport.apple.com เลือกรุ่น iPhone แล้วทำตามขั้นตอนในหน้าจอ
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 125,878 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา