ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ของเหลวที่ค้างอยู่ในหูสามารถก่อให้เกิดผลกระทบตั้งแต่ความรำคาญเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงความเสียหายของหูอย่างถาวรได้ หากมีอาการติดเชื้อและปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปโดยไม่ได้รักษา ของเหลวเหล่านี้มักจะค้างอยู่ในท่อยูสเทเชียน (Eustachian tubes) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหูชั้นใน ในบางครั้งเราสามารถทำให้ของเหลวที่ค้างอยู่ออกไปจากหูได้ เพียงแค่ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือทั่วไปที่มีอยู่ในบ้าน แต่ในบางกรณีก็ต้องใช้ยาจึงจะสามารถนำมันออกไปจากหูได้ ดังนั้นหากคุณรู้วิธีการนำของเหลวออกจากหูแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าหูของคุณจะมีสุขภาพและสมรรถภาพที่ดีไปอีกนานเลยทีเดียว
ขั้นตอน
-
ก่อนอื่น พยายามทำให้ของเหลวออกมาจากหูด้วยของใช้ทั่วไปหรือวิธีง่ายๆ. หากในเวลานั้นคุณอยู่นอกบ้านและไม่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆ ติดตัวเลย ให้ลองใช้เทคนิคเหล่านี้เข้าช่วย
- แหย่นิ้วเข้าไปในหูของคุณแล้วพยายามทำให้เกิดสุญญากาศ โดยลองใช้นิ้วชี้แหย่เข้าไปในหูแล้วค่อยๆ ขยับนิ้วขึ้นในแนวบน เนื่องจากหูของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ขั้นตอนนี้จึงต้องทำด้วยความระมัดระวังเสียเล็กน้อย ขยับนิ้วของคุณไปรอบๆ เบาๆ จนกว่าจะเกิดสุญญากาศ พยายามใช้ความเป็นสุญญากาศนั้นช่วยดูดเอาของเหลวออกมา
- ลองระบายความดันอากาศด้วยการค่อยๆ ทำวอลซัลวา (Valsalva maneuver/การเคลียร์หู) ดูสิ วิธีนี้ทำได้โดยการสูดลมหายใจเข้าไปแล้วปิดปาก และใช้นิ้วสองนิ้วอุดจมูกเอาไว้ จากนั้นจึงค่อยๆ เบ่งลมเพื่อบังคับให้ลมระบายออกทางหูผ่าน ท่อยูสเทเชียน แล้วเอียงศีรษะลงให้หูข้างที่มีปัญหานั้นขนานกับพื้น ถ้าวิธีดังกล่าวได้ผล คุณจะรู้สึกว่าภายในหูของคุณมีเสียงของการขยายตัว (เสียงดังป๊อบ)
- ยืนท่ากระต่ายขาเดียว เอียงศีรษะข้างที่หูมีของเหลวค้างอยู่ แล้วกระโดดขาเดียวโดยให้ศีรษะยังเอียงขนานกับพื้นเหมือนเดิม กระโดดช้าๆ และระวังอย่าให้ล้มหงายหลัง
-
เตรียมน้ำส้มสายชูและไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (ไอโซโพรพานอล) อย่างละครึ่งส่วน. นำทั้งสองอย่างมาผสมกันแล้วบรรจุในขวดน้ำยาหยอดตา จากนั้นหยอดน้ำยาดังกล่าว 2-3 หยดลงไปในหูพร้อมกับน้ำแล้วรอสักครู่ ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์และน้ำต่างเป็นสิ่งที่ละลายกันและกันได้อย่างดี กล่าวคือแอลกอฮอล์จะช่วยให้น้ำในหูระเหยได้เร็วขึ้นนั่นเอง- นอกจากนี้ส่วนผสมที่เกิดจากน้ำส้มสายชูและแอลกอฮอล์ ยังช่วยขจัดคราบมันที่ติดค้างอยู่ในหู ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ของเหลวที่ค้างอยู่ไม่สามารถออกจากหูได้
-
การเคี้ยวหมากฝรั่ง อาหาร หรือทำท่าเคี้ยวทั้งๆ ที่ไม่มีหมากฝรั่งหรืออาหารอยู่ในปากก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคุณได้. นั่นเป็นเพราะการเคี้ยวหรือการแกล้งทำเป็นเคี้ยวนั้นมักจะทำให้ท่อยูสเทเชียนเปิดออก ลองเคี้ยวหรือหาวระหว่างที่คุณเอียงศีรษะ เพื่อให้ท่อยูสเทเชียนเปิดโล่งและให้แรงโน้มถ่วงโลกได้ทำหน้าที่ของมันดูสิ
-
ไปนอนพักผ่อนโดยให้ศีรษะหนุนบนหมอน. ทั้งนี้ให้นอนตะแคงข้างที่หูมีของเหลวค้างอยู่ การทำเช่นนี้จะมีแรงโน้มถ่วงเป็นตัวช่วยทำให้ของเหลวต้องไหลออกมาจากหู
-
ใช้เครื่องเป่าผมเป่าลมเข้าไปในหูของคุณสิ. แต่ต้องตั้งค่าความแรงของลมให้ต่ำที่สุดและรักษาระยะห่างระหว่างเครื่องเป่าผมกับหูของคุณให้มากพอด้วยนะ ทำแบบนี้ลมจะถูกส่งเข้าไปช่วยให้ของเหลวที่ค้างอยู่ในหูแห้งลงได้บางส่วน
- อย่าใช้ความแรงลมสูงสุด (ลมร้อน) เด็ดขาด และต้องรักษาระยะห่างระหว่างเครื่องเป่าผมกับหูของคุณให้มากพออยู่เสมอ จำไว้ว่า การนำน้ำออกจากหูอย่างผิดวิธีไม่คุ้มเลยกับการที่หูของคุณต้องมาเสี่ยงกับการได้รับบาดเจ็บ
โฆษณา
-
ถ้าน้ำจากสระว่ายน้ำหรืออ่างอาบน้ำเข้าหู ก็เช็ดหูให้แห้งทั่วกันด้วยผ้าขนหนู. ขอให้แน่ใจว่าหูด้านนอกของคุณนั้นสะอาดและแห้งที่สุดเท่าที่จะแห้งได้ และอาจลองพักผ่อนโดยวางถุงร้อน (ความร้อนต่ำหรือปานกลาง) ไว้ใกล้กับหูของคุณ
-
ทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้มีของเหลวในหูชั้นกลาง เพื่อที่คุณจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนั้นอีกในอนาคต. สาเหตุที่ทำให้มีของเหลวค้างในหูได้แก่ ภูมิแพ้ประเภทต่างๆ การติดเชื้อที่ไซนัสหรือไข้หวัด ต่อมอะดีนอยด์โตหรือติดเชื้อ การสูบบุหรี่ หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่างๆ ที่อยู่แวดล้อมเรา สำหรับในเด็กเล็กสาเหตุอาจเป็นเพราะ มีปริมาณน้ำลาย เสมหะและน้ำมูกมากเกินไป
- หากหูชั้นกลางของคุณมีแนวโน้มเกิดของเหลวได้ง่าย การรู้สาเหตุของความผิดปกตินี้จะสามารถช่วยให้คุณระวังตนเองจากหวัด อาการแพ้ และสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เป็นโรคเกี่ยวกับไซนัส อันจะนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับหูได้ คุณควรเอาใจใส่ให้มากขึ้นในเรื่องการล้างมือ การทำความสะอาดโทรศัพท์หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่คุณใช้ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน รวมถึงการอยู่ให้ห่างจากที่ที่มีควันคลุ้ง นอกจากนี้หากคุณถูกสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ขอให้คุณทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่ออยู่ห่างจากสิ่งกระตุ้นเหล่านั้น และควรพกยารักษาอาการแพ้มาด้วยเสมอ
-
ปล่อยให้อาการติดเชื้อหายไปเองในเวลาที่ของเหลวน่าจะเริ่มแห้งได้เองตามธรรมชาติ. ระหว่างนั้น หากคุณรู้สึกเจ็บในหู ก็สามารถบรรเทาได้โดยการวางผ้าหรือขวดน้ำอุ่นๆบนหูข้างนั้น ยาหยอดหูสำหรับลดอาการเจ็บปวดก็สามารถช่วยได้เช่นเดียวกันกับยาแก้ปวดลดไข้ต่างๆ เช่น อะเซตามิโนเฟนและไอบูโพรเฟนที่วางอยู่ตามตู้ยาสามัญประจำบ้าน
-
ให้พบและปรึกษาแพทย์ในกรณีอาการของเหลวที่ค้างในหูไม่หายไป หลังจากที่ได้หยอดยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือหลังจากใช้ยาสามัญประจำบ้านไปแล้ว. ทั้งนี้แพทย์อาจเขียนใบสั่งยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกและยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงขึ้น เพื่อรักษาการติดเชื้อและทำให้ของเหลวระบายออก ซึ่งยาดังกล่าวมักจะออกฤทธิ์ภายใน 10 วันหรือเร็วกว่านั้น และในบางครั้งคุณจะต้องใช้ยาดังกล่าวเป็นเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์โดยประมาณ
-
นอกจากนี้คุณอาจเลือกการผ่าตัด หากไม่มีวิธีใดแล้วที่จะสามารถนำของเหลวที่ค้างในหูออกมาได้. วิธีนี้นับเป็นทางออกที่ใช่ สำหรับเด็กๆ ที่มีปัญหาของเหลวค้างในหูอย่างเรื้อรัง อันมีสาเหตุมาจากการเป็นหวัดบ่อยๆ และการติดเชื้อที่หูนั่นเอง อย่างไรก็ตามอาการของเหลวค้างในหูที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยา ก็เกิดขึ้นได้ในผู้ใหญ่เช่นเดียวกัน
- สำหรับเด็กๆ นั้น ท่อยูสเทเชียนมักจะยังสั้นและแคบอยู่ ทำให้พวกเขาบางคนมีปัญหาของเหลวในหูไม่ยอมระบายออกอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อเป็นหวัด หรือติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนการรักษา แพทย์จะทำรอยบากที่เยื่อแก้วหูให้สอดสายยางเข้าไปยังหูชั้นในได้ เพื่อระบายของเหลวออกจนกว่าท่อยูสเทเชียนจะมีขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้เวลา 6 เดือนหรือมากกว่านั้นในบางครั้ง
- ในกรณีของผู้ใหญ่ ระยะเวลาที่ต้องสอดสายยางเอาไว้จะสั้นกว่าในเด็ก นั่นคือ 4-6 สัปดาห์เท่านั้น เมื่อของเหลวถูกระบายออกจนหมดก็ถอดสายยางออกได้ แต่บ่อยครั้ง ในระหว่างที่แพทย์มาตรวจเยี่ยมอาการผู้ป่วยตามปกติ รอยบากที่เยื่อแก้วหูที่ทำไว้เพื่อสอดสายยางเข้าไปกลับสมานตัวอย่างรวดเร็ว
โฆษณา
เคล็ดลับ
- น้ำที่เข้าหูตอนอาบน้ำหรือว่ายน้ำนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะของเหลวค้างในหู หากที่เยื่อแก้วหูไม่ได้มีรูที่เกิดจากปัญหาของเหลวในหูครั้งก่อนหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว
- ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในบ้านคุณคือ หูของคุณมักมีของเหลวค้างอยู่และติดเชื้อ คุณสามารถหาซื้อเครื่องตรวจหูไฟฟ้า (electronic ear monitor) ซึ่งสามารถตรวจจับของเหลวได้ตามร้านขายยาใกล้บ้าน ในขณะที่คุณยังจำเป็นต้องให้แพทย์วินิจฉัยอาการติดเชื้อนั้น เจ้าเครื่องตรวจหูนี้ก็จะช่วยตรวจเช็คหูของคุณให้ก่อนที่บ้าน ก่อนที่คุณจะวิ่งไปพบแพทย์เพียงเพราะสงสัยว่ามีของเหลวอยู่ในหู
โฆษณา
คำเตือน
- การใช้คอตตอนบัดหรือวัตถุแปลกปลอมอื่นๆ มาปั่นหู อาจช่วยลดอาการคันหรือปวดได้เพียงชั่วคราว แต่สามารถทำให้เยื่อแก้วหูเสียหายได้ หรือทำให้น้ำที่อยู่นอกเยื่อแก้วหูเล็ดผ่านเข้าไปยังส่วนของหูที่สามารถติดเชื้อได้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
