ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การนำเศษส่วนมายกกำลังสองเป็นวิธีการทางคณิตศาสตร์ที่ง่ายที่สุดวิธีการหนึ่ง ที่จริงแล้วก็คล้ายกับการนำจำนวนเต็มมายกกำลังสอง เพราะเวลายกกำลังสอง เราต้องนำตัวเศษและตัวส่วนมาคูณกับตัวของมันเอง [1] ถ้านำเศษส่วนมาทำให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำก่อน ก็จะทำให้นำเศษส่วนจำนวนนั้นมายกกำลังสองได้ง่ายขึ้น ถ้าอยากรู้ว่าจะนำเศษส่วนมายกกำลังสองได้อย่างไร อ่านขั้นตอนการนำเศษส่วนมายกกำลังสองของบทความนี้ดูสิ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

นำเศษส่วนมายกกำลังสอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความเข้าใจวิธีการนำจำนวนเต็มมายกกำลังสองก่อน. เมื่อเห็นเลขชี้กำลังเป็นสอง แสดงว่าเราต้องนำตัวเลขนั้นมายกกำลังสอง เราจะนำตัวเลขนั้นมาคูณกับตัวของมันเองเพื่อเป็นการยกกำลังสอง [2] ตัวอย่างเช่น
    • 5 2 = 5 × 5 = 25
  2. รู้ว่าการนำ เศษส่วน มายกกำลังสองก็เป็นแบบเดียวกัน. ในการนำเศษส่วนมายกกำลังสองเราต้องนำเศษส่วนมาคูณกับตัวของมันเอง หรือพูดอีกอย่างคือนำตัวเศษมาคูณกับตัวของมันเองและนำตัวส่วนมาคูณกับตัวของมันเอง [3] ตัวอย่างเช่น
    • ( 5 / 2 ) 2 = 5 / 2 × 5 / 2 หรือ ( 5 2 / 2 2 ).
    • เมื่อนำตัวเศษและตัวส่วนมาคูณกับตัวของมันเองแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือ ( 25 / 4 ).
  3. นำตัวเศษมาคูณกับตัวของมันเองและนำตัวส่วนมาคูณกับตัวของมันเอง. เราจะนำตัวไหนมาคูณกับตัวของมันเองก่อนก็ได้ ขอเพียงให้ตัวเศษและตัวส่วนได้คูณกับตัวของมันเองก็พอ แต่ถ้าจะให้ง่ายและไม่สับสน เริ่มนำตัวเศษมาคูณกับตัวของมันเองก่อนก็ได้ จากนั้นค่อยนำตัวส่วนมาคุูณกับตัวของมันเอง
    • ตัวเศษจะอยู่ที่ด้านบนของเศษส่วนและตัวส่วนจะอยู่ที่ด้านล่างของเศษส่วน
    • ตัวอย่างเช่น ( 5 / 2 ) 2 = ( 5 x 5 / 2 x 2 ) = ( 25 / 4 ).
  4. เมื่อต้องแก้โจทย์เศษส่วน ขั้นตอนสุดท้ายของการแก้โจทย์คือทำคำตอบให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำหรือเปลี่ยนเศษเกินให้เป็นจำนวนคละ [4] ในตัวอย่างของเรา 25 / 4 เป็นเศษเกินเพราะตัวเศษมากกว่าตัวส่วน
    • ในการแปลงให้เป็นจำนวนคละ นำ 4 ไปหาร 25 ผลหารคือ 6 (6 x 4 = 24) เหลือเศษ 1 ฉะนั้นจำนวนคละคือ 6 1 / 4
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

นำเศษส่วนที่มีเครื่องหมายลบมายกกำลังสอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สังเกตว่ามีเครื่องหมายลบอยู่หน้าเศษส่วนไหม. ถ้าเห็นเครื่องหมายลบอยู่หน้าเศษส่วนจำนวนหนึ่งที่มีเลขชี้กำลังสอง แสดงว่าเราต้องนำเศษส่วนที่มีเครื่องหมายลบนั้นมายกกำลังสอง พยายามใส่วงเล็บให้กับเศษส่วนที่มีเครื่องหมายลบทุกครั้งเพื่อให้รู้ว่าเครื่องหมาย “–“ หมายถึงจำนวนนั้นติดลบ ไม่ใช่การลบ [5]
    • ตัวอย่างเช่น (– 2 / 4 )
  2. นำเศษส่วนมายกกำลังสองด้วยการนำตัวเศษมาคูณกับตัวของมันเองและนำตัวส่วนมาคูณกับตัวของมันเอง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือนำเศษส่วนมาคูณกับตัวของมันเอง
    • ในตัวอย่างของเรา (– 2 / 4 ) 2 = (– 2 / 4 ) x (– 2 / 4 )
  3. รู้ว่าถ้าจำนวนลบสองจำนวนมาคูณกันจะได้จำนวนบวก. เมื่อเห็นเครื่องหมายลบ แสดงว่าเศษส่วนนั้นเป็นจำนวนลบ เมื่อนำเศษส่วนมายกกำลังสอง ก็เหมือนนำจำนวนลบสองจำนวนมาคูณกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่นำจำนวนลบสองจำนวนมาคูณกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือจำนวนบวก [6]
    • ตัวอย่างเช่น (-2) x (-8) = (+16)
  4. นำเครื่องหมายลบออกหลังจากนำเศษส่วนมายกกำลังสองแล้ว. หลังจากนำเศษส่วนมายกกำลังสองแล้ว แสดงว่าเราได้นำจำนวนลบสองจำนวนมาคูณกันเรียบร้อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเศษส่วนที่เป็นจำนวนบวก คำตอบสุดท้ายของเราต้องเป็นเศษส่วนที่ไม่มีเครื่องหมายลบ [7]
    • ในตัวอย่างที่ยกมาผลลัพธ์ของการนำเศษส่วนมายกกำลังสองคือเราได้เศษส่วนที่เป็นจำนวนบวก
    • (– 2 / 4 ) x (– 2 / 4 ) = (+ 4 / 16 )
    • โดยปกติจะไม่มีการเขียนเครื่องหมาย “+” หน้าจำนวนบวก [8]
  5. ขั้นตอนสุดท้ายของการคำนวณเศษส่วนคือการทำคำตอบให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำ ถ้าผลลัพธ์เป็นเศษเกิน ก็ต้องทำเป็นจำนวนคละก่อน ถึงจะค่อยทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำ
    • ตัวอย่างเช่น ( 4 / 16 ) มีตัวประกอบร่วมกันคือสี่
    • นำ 4 มาหารทั้งเศษและส่วน 4/4 = 1 และ 16/4= 4
    • เขียนเป็นเศษส่วนอย่างต่ำได้เป็น ( 1 / 4 )
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ทำเศษส่วนให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำและใช้วิธีลัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดูสิว่าเราสามารถทำเศษส่วนจำนวนนั้นให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำก่อนนำมายกกำลังสองได้ไหม. การทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำก่อนนำมายกกำลังสองจะง่ายกว่า เราจะทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำด้วยการนำตัวประกอบร่วมมาหารทั้งตัวเศษและตัวส่วนจนกระทั่งเหลือแค่หนึ่งเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถหารทั้งตัวเศษและตัวส่วนได้ลงตัว [9] การทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำตั้งแต่ตอนแรกจะทำให้เราไม่ต้องทำผลลัพธ์ให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำในตอนสุดท้าย
    • ตัวอย่างเช่น ( 12 / 16 ) 2
    • 12 และ 16 สามารถหารด้วย 4 ได้ลงตัว 12/4 = 3 และ 16/4 = 4 ฉะนั้น 12 / 16 พอทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำ ก็จะได้ 3 / 4
    • คราวนี้นำ 3 / 4 มายกกำลังสอง
    • ( 3 / 4 ) 2 = 9 / 16 เศษส่วนจำนวนนี้ไม่สามารถทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำได้อีก
    • ถ้าอยากรู้ว่าคำตอบที่ได้ตรงกันไหม ให้นำเศษส่วนตัวเดิมมายกกำลังสองโดยไม่ต้องทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำ
      • ( 12 / 16 ) 2 = ( 12 x 12 / 16 x 16 ) = ( 144 / 256 )
      • ( 144 / 256 ) มีตัวประกอบร่วมกันคือ 16 นำ 16 หารทั้งตัวเศษและตัวส่วน ก็จะกลายเป็นเศษส่วนอย่างต่ำนั่นคือ ( 9 / 16 ) ซึ่งเป็นเศษส่วนตัวเดียวกับที่เราทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำก่อนหน้านั้น
  2. ถ้าเราเจอสมการเศษส่วนที่ซับซ้อนมากขึ้น เราอาจสามารถตัดตัวประกอบทิ้งไปสักตัวได้ ถ้าเจอกรณีนี้ ให้ทำเป็นเศษส่วนอย่างต่ำที่หลัง ขอปรับตัวอย่างด้วยการเพิ่มตัวประกอบสักหนึ่งตัวเพื่อให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนขึ้น
    • ตัวอย่างเช่น 16 × ( 12 / 16 ) 2
    • เขียนเศษส่วนให้คูณกับตัวของมันเองและตัดตัวประกอบร่วม 16 ออกไป 16 * 12 / 16 * 12 / 16
      • ในสมการมี 16 ตัวหนึ่งเป็นจำนวนเต็มและมี 16 สองตัวเป็นตัวส่วน เราสามารถตัดสิบหกที่เป็นตัวส่วนออกไปได้ตัวหนึ่ง
    • เขียนให้เป็นสมการอย่างง่ายได้เป็น 12 × 12 / 16
    • ทำ 12 / 16 ให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำด้วยการนำ 4 หารทั้งตัวเศษและตัวส่วนก็จะได้ 3 / 4
    • นำจำนวนทั้งสองมาคูณกัน 12 × 3 / 4 = 36/4
    • นำจำนวนทั้งสองมาหารกัน 36/4 = 9
  3. อีกวิธีหนึ่งที่จะสามารถแก้สมการเดียวกันนี้ได้คือทำให้เลขชี้กำลังอยู่ในรูปอย่างง่ายก่อน ผลลัพธ์ที่ได้จะเหมือนกัน แต่ใช้วิธีต่างกัน
    • ตัวอย่างเดิมของเราคือ 16 * ( 12 / 16 ) 2
    • เขียนสมการใหม่พร้อมกับนำตัวเศษและตัวส่วนมายกกำลังสอง จึงได้เป็น 16 * ( 12 2 / 16 2 )
    • ตัดตัวเลขชี้กำลังในตัวส่วน 16 * 12 2 / 16 2
      • ให้ถือว่า 16 ตัวแรกมีเลขชี้กำลังเป็น 1 ก็จะได้ 16 1 ใช้กฎการหารตัวเลขที่มีเลขชี้กำลังเพื่อนำตัวเลขชี้กำลังมาลบกัน 16 1 /16 2 ผลลัพธ์คือ16 1-2 = 16 -1 หรือ 1/16
    • คราวนี้เราก็จะเหลือ 12 2 / 16
    • เขียนสมการใหม่และทำเศษส่วนให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำ 12*12 / 16 = 12 * 3 / 4
    • นำจำนวนทั้งสองมาคูณกัน 12 × 3 / 4 = 36/4
    • นำจำนวนทั้งสองมาหารกัน 36/4 = 9
    โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • กระดาษหรือไวท์บอร์ด
  • ดินสอ ปากกา หรือปากกาไวท์บอร์ด

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 111,000 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา