ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

อาการมึนศีรษะนั้นสามารถพบได้ทั่วไป เป็นคำกว้างๆ ที่มีอาการได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น รู้สึกจะเป็นลม, วิงเวียนศีรษะ, คลื่นไส้อาเจียน, อ่อนแรง หรือ เดินไม่มั่นคง ถ้าหากว่าอาการวิงเวียนศีรษะนั้นทำให้คุณรู้สึกเหมือนรอบๆตัวหมุนอยู่ตลอด นั่นมักหมายถึงว่าคุณมีภาวะเวียนศีรษะบ้านหมุน หรือ vertigo [1] โดยอาการวิงเวียนศีรษะนั้นมักทำให้ต้องไปพบแพทย์ก็ต่อเมื่อแค่มีความรู้สึกไม่สบายหรือรู้สึกรำคาญเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วอาจจะอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เราจึงมีวิธีบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะด้วยตนเองได้ที่บ้าน แต่อย่างไรก็ตามก็ควรจะต้องรู้สัญญาณอันตรายต่างๆ ที่ถ้าเกิดขึ้นแล้วจะต้องรีบไปรักษาทันที

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะง่ายๆ ได้ที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การที่มีความเครียดสะสมมากๆนั้น เป็นสาเหตุให้อัตราการหายใจและระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียน โดยโรควิตกกังวล หรือตระหนกตกใจกับเรื่องต่างๆนั้นเป็นสาเหตุให้วิงเวียนศีรษะได้ [2] ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือลดความเครียดและความกังวลต่างๆในชีวิตลงให้มากเท่าที่จะทำได้ โดยพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ลดความขัดแย้งในความสัมพันธ์ต่างๆลง ก็จะช่วยให้วิงเวียนศีรษะได้น้อยลง
    • หรือในบางทีคุณอาจจะต้องลองเปลี่ยนงาน ลดชั่วโมงการทำงาน หรือปรับเปลี่ยนตารางชีวิต อยู่บ้านให้มากขึ้น
    • ลดความเครียดด้วยวิธีการทางธรรมชาติที่ฝึกทำเองได้ที่บ้าน ได้แก่ นั่งสมาธิ เล่นโยคะ ฝึก Tai Chi และสูดหายใจเข้าลึกๆ อาจจะหาคลิปวิดีโอดูเป็นตัวอย่างแล้วลองทำตาม ก็ช่วยได้ไม่น้อยเลยล่ะ
  2. ภาวะร่างกายขาดน้ำแบบเฉียบพลัน หรือ เป็นมาอย่างเรื้อรัง ก็เป็นสาเหตุให้มีอาการวิงเวียนศีรษะแบบที่รู้สึกจะเป็นลมได้ [3] ถ้าในร่างกายมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอจากการอาเจียน ท้องร่วง เป็นไข้ หรือดื่มน้ำไม่พอในวันที่อากาศร้อน ภาวะเหล่านี้จะทำให้เลือดหนืดขึ้น สมองได้รับออกซิเจนจากเลือดไม่เพียงพอ นำไปสู่อาการวิงเวียนศีรษะ นอกจากนั้นภาวะร่างกายขาดน้ำ ยังทำให้เกิดความร้อนในร่างกายที่มากกว่าปกตินำไปสู่อาหารวิงเวียนศีรษะได้อีกเช่นกัน เพราะฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำให้มาก โดยเฉพาะวันที่อากาศร้อนหรือชื้น แล้วลองสังเกตว่าอาการวิงเวียนศีรษะดีขึ้นหรือไม่
    • ดื่มน้ำให้ได้เท่าแก้วความจุประมาณ 250 มิลลิลิตร จำนวน 8 แก้ว/วัน โดยเฉพาะในวันที่ทำกิจกรรมหนักๆ หรืออากาศร้อน
    • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือ คาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาดำ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากแอลกอฮอล์และคาเฟอีนมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย และร่างกายก็จะสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ
  3. อาการวิงเวียนศีรษะนั้น อาจมาจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ [4] ซึ่งมักพบในผู้ป่วยเบาหวานที่ต้องได้รับอินซูลินในปริมาณมาก ไม่ได้รับประทานอาหารเช้า และเร่งรีบไม่มีเวลาพักตลอดวัน ซึ่งสมองของเรานั้นต้องการน้ำตาลกลูโคสจากเลือดในปริมาณที่เหมาะสม วิธีแก้ไขคือ แพทย์อาจจะต้องปรับลดปริมาณการฉีดอินซูลินลงหากคุณเป็นโรคเบาหวาน รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและรวดเร็ว แล้วสังเกตว่าอาการวิงเวียนศีรษะดีขึ้นหรือไม่ โดยภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่สังเกตได้เอง คือ วิงเวียนศีรษะร่วมกับมีเหงื่อออกหรือรู้สึกสับสน
    • รับประทานผลไม้สดรสหวาน (โดยเฉพาะกล้วยหรือบลูเบอร์รี่สุก), น้ำผลไม้ (โดยเฉพาะน้ำแอปเปิ้ลหรือน้ำองุ่น), ขนมปังขาวขัดสี, ไอศกรีม และน้ำผึ้ง ซึ่งอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว
    • แต่ในทางกลับกัน การมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ จากภาวะร่างกายขาดน้ำร่วมกับมีกรดมากเกินไป โดยภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังเป็นเวลานานนั้นมักพบในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่เคยได้รับการตรวจวินิจจัย หรือ ไม่เคยได้รับการรักษา [5]
  4. การลุกขึ้นเร็วๆนั้นมักเป็นสาเหตุที่ทำให้วิงเวียนศีรษะได้มาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งเรียกว่า Orthostatic hypotension [6] โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ โดยเฉพาะค่าความดันตัวบน (systolic) การที่ลุกขึ้นจากท่านอนหงายหรือท่านั่งที่เร็วเกินไป จะทำให้ความดันในหลอดเลือดแดงที่จะช่วยทดแทนหัวใจที่ต้องบีบนำเลือดไปเลี้ยงสมองนั้นเกิดขึ้นไม่ทัน ทำให้สมองได้รับออกซิเจนช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือรู้สึกหน้ามืดชั่วคราว ถ้าหากว่ามีอาการแบบนี้ ให้เปลี่ยนมาลุกช้าๆพร้อมกับหาที่จับที่มั่นคงขณะลุกขึ้น เพื่อไม่ให้ล้ม
    • หากต้องการจะลุกขึ้นยืนจากท่านอนหงาย ให้ลุกมาอยู่ในท่านั่งแล้วนั่งสักครู่ก่อนจึงจะลุกขึ้นยืน
    • ภาวะความดันโลหิตต่ำเรื้อรัง อาจเป็นผลมาจากการรับประทานยาบางชนิดเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือ ยาขยายหลอดเลือด ตัวอย่างเช่น ยาไวอากร้า หรือยารักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพในเพศชาย
    • เส้นประสาทส่วนปลายมีภาวะผิดปกติ ภาวะร่างกายขาดน้ำ หรือการรับประทานยาต่างๆ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตต่ำได้
  5. การนอนหลับที่ไม่เพียงพอทั้งทางปริมาณ คือ จำนวนชั่วโมงน้อย หรือทางคุณภาพ คือ นอนหลับไม่สนิท คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้วิงเวียนศีรษะ ความคิดความจำไม่แจ่มใส และมีอาการมึนงงทั้งหลาย การนอนหลับที่ไม่ดีนั้นมีผลทำให้มีระดับความเครียดที่สูงขึ้น ความดันโลหิตสูง ซึมเศร้า และเกิดโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยมีความรุนแรงที่แตกต่างกันได้ [7] ภาวะที่รบกวนการนอนนั้น เป็นผลจากความวิตกกังวลเรื้อรัง อารมณ์หรือการได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ การบาดเจ็บเรื้อรัง การรับประทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาการขาอยู่ไม่สุขต้องเขย่าขาตลอดเวลา และสาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะง่วงตลอดเวลา นอนกรน ดังนั้นควรปิดโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์ล่วงหน้าก่อนนอน และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาดำ น้ำอัดลม ก่อนนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
    • การนอนตื่นสายในวันหยุดนั้น อาจทำให้รู้สึกดีและพักผ่อนเต็มที่มากขึ้น แต่ไม่ต้องถึงกับนอนชดเชยให้เท่ากับจำนวนชั่วโมงที่หายไปในวันทำงาน
    • ยานอนหลับจากธรรมชาติ ก็สามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น เช่น ชาคาโมไมล์ สารสกัดจากรากวาเลเรี่ยน แมกนีเซียม (ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ) และ เมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ช่วยปรับวงจรการหลับตื่นให้เป็นปกติ)
  6. การบาดเจ็บที่ศีรษะจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และกีฬาที่ต้องปะทะ มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สมองได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่ระดับน้อยถึงปานกลาง คือทำให้สมองเกิดการฟกช้ำ หรือ สมองได้รับการกระทบกระเทือน โดยอาการหลักของสมองที่ฟกช้ำคือวิงเวียนศีรษะ ซึ่งจะทำให้รู้สึกปวดศีรษะแบบตื้อๆ คลื่นไส้ ความคิดความจำไม่แจ่มใส หรือรู้สึกได้ยินเสียงวิ้งๆในหู [8] การบาดเจ็บของสมองอาจจะสะสมไปเรื่อยๆทำให้อาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นควรลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้น
    • กีฬา เช่น ชกมวย ฟุตบอล รักบี้ หรือ ฮอกกี้น้ำแข็ง ซึ่งเป็นกีฬาที่เสียงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะ
    • คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะขับรถ (เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะและคอจากแรงเหวี่ยงของรถ) และ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ศีรษะและคอสั่นสะเทือน เช่น กระโดดบนแทรมโพลีน บันจี้จัมพ์ หรือ เล่นเครื่องเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เข้ารับการรักษาทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงและปฏิกิริยาของยาที่ใช้อยู่. โดยส่วนมากแล้ว ยาแทบทุกชนิดล้วนมีผลข้างเคียงคืออาการวิงเวียนศีรษะ โดยเฉพาะยาที่ใช้เพื่อจุดประสงค์เฉพาะต่างๆ [9] โดยเฉพาะยาเกี่ยวกับความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ ยานอนหลับหรือระงับประสาท และยาคลายกังวล หากสงสัยว่ายาต่อไปนี้จะมีผล
    • ห้ามหยุดใช้ยาเองทันที โดยไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากแพทย์ แม้คุณจะคิดว่ายาเหล่านี้ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ เพราะแพทย์จะหยุดยาให้ถูกต้อง หรือเปลี่ยนตัวยาอื่นที่ให้ผลใกล้เคียงกันมาแทน
    • เนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีที่ซับซ้อนของยาชนิดต่างๆต่อร่างกาย โดยเฉพาะการใช้ยามากกว่า 2 ชนิด ทำให้อาจเกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมาได้
  2. การติดเชื้อไวรัสเป็นสาเหตุให้เป็นไข้หวัด ซึ่งส่งผลต่อการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ซึ่งมักมีผลต่อปอด ลำคอ โพรงอากาศบริเวณหน้าและจมูก (ไซนัส) และหูชั้นใน โดยการมีน้ำมูก เมือก หรือสารคัดหลั่งออกมาจำนวนมากจากการเป็นไข้หวัดนั้น ทำให้ไปอุดกั้นทางเดินหายใจและหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและเสียการทรงตัวได้ ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุของการวิงเวียนศีรษะแล้ว รอให้หายเองเพียงไม่กี่วัน ดื่มน้ำมากๆและทำความสะอาดโพรงจมูกโดยใช้กระดาษชำระเช็ดเบาๆ หรือ ใช้น้ำเกลืออุ่นๆเช็ดล้างทำความสะอาด
    • สั่งน้ำมูกออกเพื่อไม่ให้อุดตันท่อยูสเตเชี่ยนซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมลำคอกับหูชั้นกลาง ท่อนี้จะช่วยทำให้แรงดันในเยื่อแก้วหูสองข้างสมดุลกัน และปัญหาวิงเวียนศีรษะหรือเสียการทรงตัวมักมาจากการอุดตันของท่อนี้ [10]
    • สาเหตุอื่นๆที่ทำให้วิงเวียนศีรษะได้แก่ ภูมิแพ้ ไมเกรน ปวดศีรษะ และ โลหิตจางซึ่งมีจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ [11]
  3. จากที่กล่าวไปแล้ว ทั้งภาวะความดันโลหิตต่ำและสูง ล้วนเป็นสาเหตุให้วิงเวียนศีรษะได้ ดังนั้นควรให้สมาชิกในครอบครัวของคุณเข้ารับการวัดความดันโลหิตจากแพทย์ ซึ่งค่าปกติของความดันโลหิตคือ ค่าบน (systolic) ต้องต่ำกว่า 120 ส่วนค่าล่าง(diastolic)ต้องไม่เกิน 80 มิลลิเมตรปรอท [12] เมื่อเทียบกันในสองภาวะนี้ ความดันโลหิตสูงจะอันตรายกว่าและทำให้เกิดโรคหัวใจตามมา ซึ่งโรคหัวใจที่อาการรุนแรง ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจโต หัวใจวาย และหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหัวใจดังกล่าวนั้นก็เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงและเพิ่มความเสี่ยงของการวิงเวียนศีรษะอย่างเรื้อรังได้ [13]
    • ถ้าคุณเคยมีภาวะหัวใจขาดเลือดในระดับไม่รุนแรง หรือ เส้นเลือดสมองตีบมาก่อน จะทำให้เลือดไปเลี้ยงที่สมองน้อยลง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและอาการอื่นๆตามมา แพทย์จะทำการวินิจฉัยคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อวินิจฉัยว่าภาวะวิงเวียนศีรษะนี้เกิดจากความผิดปกติของหัวใจหรือไม่
    • การสูญเสียแร่ธาตุในร่างกายจากการใช้ยาลดความดัน ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้วิงเวียนศีรษะได้เช่นกัน
  4. ดังที่กล่าวข้างต้น ทั้งภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำและสูง ก็ล้วนทำให้วิงเวียนศีรษะได้ ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวานแล้วมีภาวะน้ำตาลต่ำ แพทย์จะลดระดับอินซูลินลง อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดของคุณสูง นั่นบ่งบอกว่าคุณเป็นโรคเบาหวาน แพทย์จะทำการส่งตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล โดยดูจากปริมาณกลูโคสในเลือดซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของสมองและเซลล์ในร่างกาย ระดับน้ำตาลในเลือดหรือที่เรียกว่า Fasting blood glucose ที่ปกตินั้นคืออยู่ในช่วง 70-100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร [14]
    • เครื่องวัดระดับน้ำตาลมีจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไป โดยวิธีใช้คือกดที่เครื่องวัดแล้วจะมีเข็มเล็กๆ จิ้มบริเวณปลายนิ้วมือ หากไม่ได้อดอาหารมาก่อน ค่าปกติจะต้องต่ำกว่า 125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
    • ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงระยะสั้น อาจเกิดจากการรับประทานน้ำตาลฟอกสีเป็นจำนวนมาก (เรียกว่าภาวะน้ำตาลมากเกินไป หรือ Sugar rush) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะร่วมด้วย
  5. หากคุณมีอาการวิงเวียนศีรษะร่วมกับรู้สึกโลกหมุนอย่างชัดเจน แสดงว่าคุณอาจมีภาวะวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน(vertigo) ซึ่งภาวะนี้ อาจเกิดจากมีเนื้องอก ทำให้รู้สึกวิงเวียนขณะขยับศีรษะในท่าต่างๆ , หูชั้นในอักเสบจากการติดเชื้อ หรือ โรค Meniere จากการมีของเหลวที่มากเกินไปในหูชั้นใน [15] โดยลักษณะสำคัญของการวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนนี้ เกิดจากการกลไกการช่วยทรงตัวของร่างกายที่อยู่ในหูชั้นในเกิดความผิดปกติไป หรือกลไกของหูชั้นในที่เชื่อมต่อกับสมองเกิดความผิดปกติ ซึ่งทำให้ระบบที่ช่วยในการทรงตัวในหูนั้นเข้าใจว่าร่างกายขยับทั้งที่อยู่เฉยๆ จึงทำให้คุณรู้สึกว่าเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน อย่างไรก็ตามภาวะวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนนี้มักจะสามารถหายไปได้ เมื่อพบสาเหตุที่แท้จริง
    • การมีเนื้องอกหรือสิ่งแปลกปลอมในหูชั้นในนั้น มักเกิดจากการมีผลึกที่หลุดมาอยู่ภายในหู ทำให้รบกวนการทำงานของท่อที่ช่วยทรงตัวอยู่ภายในหู [16]
    • ในบางครั้งภาวะวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนที่รุนแรง สามารถทำให้ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ และสูญเสียการทรงตัวคงค้างเป็นเวลานานหลายชั่วโมงได้
  6. พบผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและกล้ามเนื้อ หรือการจัดกระดูก. ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะมีความเชี่ยวชาญด้านกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้กระดูกสันหลังกลับมาเคลื่อนไหวและทำงานได้อย่างปกติ เนื่องจากสาเหตุที่มักทำให้วิงเวียนศีรษะมักเกิดจากการยึดติดของข้อต่อ แนวการเรียงตัวของกระดูก หรือการทำงานของข้อต่อบริเวณคอที่ผิดปกติไป ซึ่งข้อต่อเหล่านี้เชื่อมกับกระโหลกศีรษะ การขยับหรือดัดข้อต่อจะช่วยให้การเรียงตัวของกระดูกกลับมาอยู่ในแนวปกติ การทำงานก็จะปกติตามมา โดยขณะทำอาจจะได้ยินเสียง “ป๊อก” ขณะทำ
    • แม้การจัดกระดูกสันหลังจะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนที่เกิดจากความผิดปกติของคอได้ แต่ควรได้รับการรักษาต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง จึงจะเห็นผล
    • การอักเสบของข้อต่อบริเวณคอส่วนบนนั้น มักพบในผู้ที่เป็นโรคข้อเสื่อมรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้วิงเวียนศีรษะอย่างเรื้อรังได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ผู้สูงอายุมักจะมีโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดภาวะวิงเวียนศีรษะได้จากการรับประทานยาหลายชนิดรวมๆกัน
  • หลีกเลี่ยงการขับรถยนต์ หรือรถตักดินขนาดใหญ่ ถ้าคุณมีอาการปวดหัว หรือหน้ามืดบ่อยๆ
  • ถ้าคุณรู้สึกทรมานจากอาการวิงเวียนศีรษะ หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้อาการแย่ลง
  • ถ้าคุณรู้สึกคลื่นไส้จากอาการวิงเวียนศีรษะ ให้รีบหาถุงหรือกระโถนเตรียมไว้ใกล้ตัว เผื่อต้องอาเจียน
  • ฝึกโยคะ โดยเฉพาะถ้าที่ต้องห้อยหัวลงพื้น เพื่อให้เลือดมาเลี้ยงสมองมากขึ้น และช่วยให้ภาวะความดันโลหิตต่ำดีขึ้น
  • ถ้ารู้สึกวิงเวียนศีรษะ อย่าดูโทรทัศน์หรือเล่นโทรศัพท์มือถือ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้ารู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง คือ มองเห็นไม่ปกติ อาเจียน หรือจะเป็นลม ให้รีบพบแพทย์ทันที
  • แจ้งแพทย์ หากอาการวิงเวียนดังกล่าวรุนแรงกว่าปกติ เพราะอาจรุนแรงถึงภาวะของโรคหัวใจและหลอดเลือด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,527 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา