ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทารกของคุณจะบิดไปบิดมาและกลับตัวบ่อยๆ เมื่ออยู่ในมดลูกของคุณ มันอาจจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกและมหัศจรรย์ที่ได้รู้สึกการเคลื่อนไหวของทารกและเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่ได้คาดคะเนว่าทารกอยู่ในท่าทางใด ไม่ว่าคุณจะแค่อยากรู้หรืออยู่ในช่วงใกล้คลอด คุณสามารถใช้ทั้งวิธีทางการแพทย์และแบบชาวบ้านเพื่อดูท่าทางของทารกในมดลูกถึงแม้ว่าบางวิธีอาจจะแม่นยำกว่าวิธีอื่น ลองใช้บางวิธีและถ้าหากคุณสงสัยก็สามารถปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

การสำรวจท้องของคุณและสังเกตสิ่งที่คุณรู้สึก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันอาจเป็นเรื่องที่สนุกที่ได้สังเกตท่าทางต่างๆ ของทารกในขณะที่ตั้งครรภ์ เขียนไดอารี่ บันทึกหรือสมุดจดเพื่อบันทึกสิ่งนี้ ลงวันที่ เขียนอายุครรภ์และท่าทางของทารกในช่วงเวลาเหล่านั้น
  2. ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่วิทยาศาสตร์แต่คุณสามารถหาตำแหน่งศีรษะหรือก้นของทารกได้ด้วยการสัมผัสท้อง กดเบาๆ และพยายามผ่อนคลายเมื่อทำสิ่งนี้ กดลงในขณะที่คุณหายใจออก ก้อนแข็งกลมๆ เหมือนลูกโบว์ลิ่งอาจจะเป็นศีรษะของทารก ก้อนกลมๆ แต่นิ่มกว่าอาจจะเป็นก้นของทารก ใช้แนวทางพื้นฐานเหล่านี้เพื่อคาดคะเนท่าทางของทารก: [1]
    • คุณมีก้อนทางด้านซ้ายหรือด้านขวาของท้องหรือไม่? กดเบาๆ ถ้าหากทารกเคลื่อนไหว เขาก็อาจจะอยู่ในท่ากลับหัว
    • การสัมผัสได้ถึงก้อนแข็งกลมๆ ใต้ซี่โครงอาจจะเป็นศีรษะของทารกซึ่งแปลว่าทารกอยู่ในท่าตั้งปกติ
    • ถ้าหากมีบริเวณแข็งๆ กลมๆ 2 ที่ (ศีรษะและก้น) ด้านข้างท้องของคุณ ทารกอาจจะนอนเป็นแนวตั้ง ทารกมักจะเคลื่อนไหวเป็นท่านี้เมื่ออายุ 8 เดือน [2]
  3. ทารกเตะได้และมันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อดูท่าทางของทารกในมดลูก ถ้าหากคุณรู้สึกถึงการเตะเหนือสะดือก็อาจเป็นเพราะทารกอยู่ในท่ากลับหัว ถ้าหากคุณรู้สึกถึงการเตะใต้สะดือก็อาจเป็นเพราะทารกอยู่ในท่าตั้งปกติ นึกภาพว่าเท้าและขาของทารกอยู่ที่ไหนจากจุดที่คุณรู้สึกถึงการเตะ [3]
    • ถ้าหากคุณรู้สึกถึงการเตะบริเวณช่วงกลางท้องด้านหน้า ทารกอาจจะอยู่ในท่ากลับหัวและหันหลังเข้าหาคุณ ท้องของคุณอาจจะดูแบนราบกว่าท่าขดตัว
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

การใช้วิธีทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แพทย์ที่ฝึกฝนแล้วสามารถบอกท่าทางของทารกได้โดยการสัมผัสท้องของคุณ ครั้งถัดไปที่พวกเขาทำสิ่งนี้ ขอให้พวกเขาสอนคุณทำบ้าง พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและเคล็ดลับว่าคุณต้องสัมผัสอะไรที่บ้าน [4]
    • ขอสัมผัสไปพร้อมกับพวกเขาเพื่อให้คุณคุ้นเคยว่าส่วนต่างๆ ของทารกรู้สึกอย่างไรจากภายนอกมดลูก
  2. ถึงแม้ว่ามันจะไม่บอกคุณทุกอย่างเกี่ยวกับท่าทางของทารกแต่การหาตำแหน่งหัวใจของทารกสามารถบ่งชี้ว่าทารกมีท่าทางอย่างไร ถ้าหากคุณมีที่ฟังเสียงหัวใจที่บ้านก็สามารถใช้มันเพื่อฟังเสียงในช่องท้อง ถ้าหากคุณไม่มีก็สามารถบอกให้คู่รักหรือคนรักของคุณแนบหูฟังเสียงท้องของคุณในห้องที่เงียบ คุณจะสามารถได้ยินเสียงหัวใจด้วยวิธีนี้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ถึงแม้ว่าการระบุตำแหน่งของหัวใจอาจทำได้ยากก็ตาม [5] เคลื่อนที่ไปตามจุดต่างๆ เพื่อดูว่าตรงไหนที่เสียงหัวใจดังและชัดเจนมากที่สุด
    • ถ้าหากเสียงหัวใจดังที่สุดบริเวณใต้สะดือของแม่ ทารกก็อาจจะกลับหัวอยู่แต่ถ้าเสียงหัวใจดังที่สุดเหนือสะดือ ทารกก็อาจจะอยู่ในท่าตั้งปกติ
    • ลองฟังผ่านแกนกระดาษทิชชูเพื่อได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น
  3. การตรวจอัลตร้าซาวด์เป็นวิธีเดียวเพื่อบอกได้อย่างแม่นยำว่าทารกอยู่ในท่าทางใด อัลตร้าซาวด์ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างรูปภาพของทารกในมดลูก นัดตรวจอัลตร้าซาวด์กับแพทย์หรือสูตินรีแพทย์เป็นประจำเพื่อตรวจทารกหรือแค่ระบุว่าทารกอยู่ในท่าทางใด [6]
    • นัดตรวจอัลตร้าซาวด์ในช่วงไตรมาสแรกและอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 หรือบ่อยกว่านั้นถ้าหากสุขภาพของทารกจำเป็นต้องตรวจเป็นประจำ ขอให้แพทย์ระบุรายละเอียดว่าคุณต้องตรวจอัลตร้าซาวด์เมื่อไหร่ [7]
    • เทคโนโลยีใหม่ของการอัลตร้าซาวด์สามารถสร้างภาพที่ชัดเจนของทารกแต่ไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีนี้
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

การทำแผนผังในช่องท้อง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำแผนผังในช่องท้องอาจจะเป็นสิ่งที่ท้าทายแต่เป็นเรื่องที่สนุก ลองทำแผนผังในช่องท้องหลังจากที่คุณพบแพทย์เพื่อตรวจอัลตราซาวด์หรือตรวจหัวใจอย่างถี่ถ้วนในช่วง 8 เดือนของการตั้งครรภ์ กลับบ้านและหาสีที่ไม่เป็นพิษและตุ๊กตาที่สามารถเคลื่อนไหวแขนขาได้ [8]
  2. นอนหงายราบให้สบายและเปิดเสื้อขึ้น กดและสัมผัสบริเวณท้องน้อยเพื่อหารูปร่างที่แข็งและกลม ใช้อุปกรณ์ศิลปะเพื่อวาดวงกลมในจุดที่เป็นศีรษะของทารก [9]
  3. วาดรูปหัวใจบริเวณที่เป็นตำแหน่งหัวใจของทารก แพทย์ของคุณอาจจะเพิ่งแสดงให้คุณเห็นเมื่อคุณนัดพบ ถ้าไม่เช่นนั้น คุณสามารถใช้ที่ฟังเสียงหัวใจถ้าหากคุณมีหรือขอให้คนรักแนบหูกับท้องของคุณเพื่อฟังดูว่าได้ยินเสียงหัวใจชัดที่สุดตำแหน่งใด [10]
  4. ค่อยๆ สัมผัสไปรอบๆ เพื่อหาก้นของทารกซึ่งจะเป็นก้อนแข็งและกลมแต่นุ่มกว่าศีรษะ เขียนตำแหน่งบนท้องของคุณ [11]
  5. บริเวณเรียบๆ ทางยาวอาจจะเป็นหลังของทารก ที่เป็นก้อนอาจจะเป็นหัวเข่าหรือข้อศอก ลองนึกว่าคุณสัมผัสการเตะที่ใด ทำเครื่องหมายบริเวณเหล่านี้ [12]
  6. เริ่มเล่นกับตุ๊กตา เคลื่อนไหวตุ๊กตาในท่าทางต่างๆ ที่ศีรษะและหัวใจของทารกอยู่ วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณเห็นภาพท่าทางของทารกได้ดีขึ้น [13]
  7. วาดรูปหรือระบายสีทารกเหมือนเป็นชิ้นงานศิลปะหรือถ่ายรูปแบบสนุกๆ สิ่งนี้สามารถเป็นความทรงจำที่ดีได้ [14]

เคล็ดลับ

  • คุณอาจจะไม่สามารถสัมผัสส่วนต่างๆ ของทารกได้ถ้าหากคุณเป็นคนมีกล้ามหรือมีไขมันหน้าท้องปริมาณมาก [15] ตำแหน่งของรกในครรภ์อาจจะมีผลกับสิ่งที่คุณสามารถรู้สึกคุณอาจจะไม่รู้สึกการเคลื่อนไหวและการเตะด้านหน้าของท้องถ้าหากรกในครรภ์ตั้งขึ้นด้านหน้า
  • คุณจะใช้วิธีที่ทำได้ด้วยตัวเองง่ายขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ได้ 30 สัปดาห์แต่ก่อนหน้านั้น การใช้อัลตราซาวด์คือวิธีที่ดีที่สุด
  • ทารกมักจะเคลื่อนไหวมากที่สุดหลังจากที่คุณทานอาหาร นี่คือเวลาที่ดีเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวและการเตะ [16]

คำเตือน

  • วางแผนกับแพทย์หรือสูตินรีแพทย์ถ้าหากคุณใกล้คลอดและทารกของคุณอยู่ในท่าตามขวาง คุณอาจจะต้องทำการผ่าตัดคลอดถ้าหากทารกไม่สามารถเปลี่ยนท่าทางที่ดีกว่าเดิมได้สำหรับการคลอด
  • ถ้าหากคุณสัมผัสท่าทางของทารกและมีอาการเจ็บท้องเนื่องจากมดลูกบีบตัว คุณต้องหยุดและปล่อยให้อาการหายไปก่อน มันไม่เป็นอันตรายกับคนหรือทารกแต่คุณจะไม่สามารถสัมผัสทารกได้จนกว่าอาการนี้จะหายไป [17]
  • คุณควรเริ่มสังเกตท่าทางของทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป คุณน่าจะสัมผัสการเตะประมาณ 10 ครั้งหรือการเคลื่อนไหวอื่นๆ ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมง ถ้าหากคุณไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวก็อย่าตกใจ เพียงรอ 2-3 ชั่วโมงและลองอีกครั้ง ถ้าหากคุณยังคงไม่สามารถสัมผัสการเตะได้ถึง 10 ครั้งในช่วงที่ 2 ก็ควรปรึกษาสูตินารีแพทย์ [18]

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,068 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม