ริมฝีปากแตกมักจะเกิดจากความแห้งเสียถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นผลของอาการแพ้หรืออาการป่วย คุณจะสามารถรักษาริมฝีปากแตกโดยไม่ต้องพึ่งแพทย์ได้ด้วยการใช้ลิปบาล์มบำรุงและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายริมฝีปาก เมื่อคุณได้แก้ปัญหาอาการริมฝีปากแตกแล้วคุณต้องรักษาริมฝีปากและป้องกันริมฝีปากแตกและเสียหายในอนาคต
ขั้นตอน
-
มองหาผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากที่มีสารขี้ผึ้ง. ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารขี้ผึ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือวาสลีนแต่ผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นก็ได้ผลเช่นกัน ถึงแม้ว่าตลาดฝั่งยุโรปจะมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารขี้ผึ้งแต่ปัญหาเหล่านั้นได้ถูกแก้ไขแล้วและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารขี้ผึ้งได้รับการรีวิวว่ามีความปลอดภัย สารขี้ผึ้งสร้างชั้นปกป้องบนผิวซึ่งกักเก็บความชุ่มชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้ริมฝีปากแห้งแตก [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีดีเมติโคนกับริมฝีปาก. ดีเมติโคนคือสารให้ความชุ่มชื้นที่ช่วยบำรุงรักษาผิวลอกและผิวแห้งที่ระคายเคืองและแก้ปัญหาของการแตกแห้ง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง คุณต้องระมัดระวังเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีดีเมติโคนมีกับริมฝีปากเพราะการกลืนสารเหล่านี้มากเกินไปอาจเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าสิ่งนี้มักจะไม่ค่อยเกิดขึ้นแต่คนที่ชอบเลียริมฝีปากควรระวัง
-
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารอันตราย. คุณอาจจะรู้สึกดีเมื่อทาลิปบาล์มที่รู้สึกเย็นแต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกมากขึ้น ถ้าหากผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของยูคาลิปตัส เมนทอลหรือการบูรก็ควรหาผลิตภัณฑ์อื่นแทน [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทาลิปบาล์มก่อนเข้านอน. วิธีนี้จะช่วยให้ลิปบาล์มทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นชั่วข้ามคืนและคุณจะตื่นมาพร้อมกับริมฝีปากที่นุ่มและแตกระแหงน้อยลง วิธีนี้ได้ผลเป็นอย่างดีสำหรับคนที่ชอบทาลิปสติกเพราะรอยแตกลอกของผิวที่สังเกตเห็นได้เมื่อคุณทาลิปสติกจะน้อยลงเมื่อคุณทาลิปสติกในตอนเช้า
-
พิจารณาว่าริมฝีปากสัมผัสสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือไม่. ถ้าหากริมฝีปากของคุณแตกเป็นประจำถึงแม้ว่าคุณใช้ลิปบาล์มก็ตาม คุณอาจจะกำลังมีปฏิกิริยาแพ้อะไรบางอย่าง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง มันอาจจะเป็นสิ่งที่คุณรับประทาน เช่น ถั่วหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้บนริมฝีปาก อาการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับริมฝีปากที่พบมากคือขี้ผึ้ง เชียบัตเตอร์ น้ำมันละหุ่งและน้ำมันถั่วเหลือง [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณต้องเปลี่ยนจากมอยส์เจอไรเซอร์ที่ทำจากพืชมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสารขี้ผึ้งแทน
- คุณอาจจะต้องรักษาด้วยครีมคอร์ติโคสเตอรอยด์ที่คุณสามารถทาบนริมฝีปากได้ด้วยปลายนิ้วเพื่อลดการระคายเคืองหรืออาการแพ้บนริมฝีปากที่เรียกว่าโรคริมฝีปากอักเสบ
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ. การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีและมีสุขภาพโดยรวมดีขึ้น ถ้าหากร่างกายของคุณขาดน้ำ อวัยวะที่ใหญ่ที่สุด เช่น ผิวก็จะแห้งและทำให้ริมฝีปากแห้งแตกได้ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง สถาบันแพทย์แนะนำว่าผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงควรดื่มของเหลวอย่างน้อย 9 ถ้วยต่อวันและผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชายควรดื่ม 13 ถ้วยต่อวัน [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ของเหลวเหล่านี้ ได้แก่ กาแฟ น้ำผลไม้และอื่นๆ และแม้แต่ของเหลวที่อยู่ในอาหาร
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำร้ายริมฝีปากมากกว่าเดิม. การบำรุงและทำให้ริมฝีปากแห้งแตกชุ่มชื่นอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ขัดขวางไม่ให้คุณบำรุงริมฝีปากได้อย่างรวดเร็ว พฤติกรรมที่ทำให้ริมฝีปากแห้งแตกเหล่านี้ ได้แก่ การดึงหรือกัดริมฝีปากที่แห้งแตกและพยายามขัดริมฝีปากในขณะที่ริมฝีปากแห้งแตก [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง. ถ้าหากริมฝีปากของคุณไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้กับการรักษาที่กล่าวมาข้างต้นก็อาจเป็นเพราะมันคืออาการของโรคที่ต้องรักษา เช่น ริมฝีปากบวมอาจเป็นอาการของโรคโครห์นซึ่งทำให้ท่อน้ำเหลืองอักเสบทั่วทั้งร่างกาย [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่สามารถตรวจอาการของคุณอย่างละเอียดโฆษณา
-
ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากเพื่อป้องกัน. อย่ามัวรอบำรุงริมฝีปากจนริมฝีปากของคุณบวมและแตก บำรุงริมฝีปากด้วยลิปบาล์มที่ช่วยเพิ่มความนุ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นและทาขี้ผึ้งเพื่อไม่ให้ริมฝีปากแห้งแตกอีกครั้งถึงแม้ว่าริมฝีปากของคุณยังมีสุขภาพดีก็ตาม
-
ขัดริมฝีปาก. [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ถึงแม้ว่าคุณไม่ควรทำให้ริมฝีปากที่แตกระแหงระคายเคืองแต่การขัดริมฝีปากที่มีสุขภาพดีเป็นสิ่งสำคัญของขั้นตอนการดูแลผิว คุณสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ขัดริมฝีปากได้ตามร้านขายทั่วไป ผลิตภัณฑ์ดูเหมือนแท่งลิปสติกแต่ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอยู่ชั้นบนของริมฝีปากออก คุณยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนเพื่อขัดริมฝีปากที่มีสุขภาพดี ผสมน้ำตาลและน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกันจากนั้นจึงขัดส่วนผสมบนริมฝีปากด้วยปลายนิ้ว
- อย่าขัดริมฝีปากแรงเกินไปเพราะอาจจะทำให้ริมฝีปากแห้งแตกและอักเสบได้
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยลิปบาล์มทันทีหลังการขัด
-
อย่าเลียริมฝีปาก. บางคนเลียริมฝีปากบ่อยๆ โดยไม่รู้ตัว คุณอาจจะคิดว่ามันไม่เป็นไรเพราะน้ำลายของเราควรทำให้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้นใช่หรือไม่? ข้อเท็จจริงเป็นไปในทางตรงกันข้าม เมื่อน้ำลายระเหยก็จะทำให้ริมฝีปากแห้งและคุณเลียน้ำมันตามธรรมชาติที่ช่วยให้ริมฝีปากดูมีสุขภาพดีออกหมด [11] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ National Health Service (UK) ไปที่แหล่งข้อมูล คุณต้องพยายามหยุดพฤติกรรมการเลียริมฝีปาก
-
ปกป้องริมฝีปากจากแสงแดด. ริมฝีปากมีเมลานินน้อยมาก (เม็ดสีที่ป้องกันรังสี UV) เมื่อเทียบกับผิวส่วนอื่นของร่างกาย ริมฝีปากจึงถูกทำลายจากแสงแดดทุกครั้งที่คุณออกนอกบ้านทำให้ริมฝีปากแห้งแตกและในกรณีที่รุนแรงก็อาจเกิดมะเร็งได้ การสัมผัสแสงแดดอาจทำให้เกิดแผลพุพองอย่างเฉียบพลัน คุณต้องปกป้องริมฝีปากด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ปกป้องแสงแดดสำหรับริมฝีปากส่วนใหญ่มีค่า SPF 15 ซึ่งเพียงพอสำหรับชีวิตประจำวันแต่ถ้าหากคุณไปทะเลหรือทำงานนอกบ้านก็ควรทาริมฝีปากด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF สูงกว่านั้นเช่นเดียวกับที่คุณต้องการปกป้องผิว
-
รักษาสุขภาพในช่องปากที่ดี. รักษาสุขภาพของริมฝีปาก ฟัน เหงือกและปากให้ดีโดยการทำตามคำแนะนำสำหรับสุขภาพในช่องปากซึ่งรวมไปถึงการแปรงฟัน 2 ครั้งต่อวันหรือหลังการรับประทานอาหารและการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ล้างแปรงสีฟันหลังการใช้ทุกครั้งและเก็บในที่ที่แห้งเพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย [12] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูล คุณต้องใช้ไหมขัดฟันและพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี การรักษาสุขภาพในช่องปากที่ดีสามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและช่วยป้องกันและทำให้ริมฝีปากที่แห้งแตกหายเร็วขึ้นโฆษณา
เคล็ดลับ
- ใช้น้ำแข็งประคบถ้าหากคุณมีแผลพุพอง
- ใช้เครื่องทำความชื้นในห้องตอนกลางคืนและทาลิปบาล์มก่อนเข้านอน
- การใช้เจลปิโตรเลียมอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยรักษาริมฝีปากแห้งแตกได้
- ทาเจลปิโตรเลียมบนริมฝีปากก่อนนอน วิธีนี้จะช่วยให้ริมฝีปากของคุณนุ่มและเมื่อคุณตื่นนอนในตอนเช้าก็จะไม่มีปัญหาริมฝีปากแห้งแตกอีกต่อไป
- พยายามอย่าสัมผัสริมฝีปาก แบคทีเรียบนมืออาจกระจายสู่ริมฝีปากซึ่งทำให้ริมฝีปากแห้งแตกและทำให้ขั้นตอนการรักษาช้าลงได้
- อย่าใช้ลิปบาล์มที่มีน้ำหอมเพราะอาจทำให้ริมฝีปากของคุณระคายเคืองมากยิ่งขึ้น
- พยายามใช้ลิปบาล์มแท่งแทนลิปบาล์มที่เป็นกระปุก แบคทีเรียบนนิ้วของคุณอาจจะกระจายสู่ริมฝีปากและทำให้ติดเชื้อได้
- ถูริมฝีปากด้วยลิปบาล์มใสหรือน้ำแข็ง
- พยายามอย่าแกะริมฝีปากแห้ง
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าแกะริมฝีปากแห้งออกเพราะจะทำให้เป็นแผลมีเลือดออกได้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/lips-smile/end-chapped-lips
- ↑ http://www.webmd.com/drugs/2/drug-18321/dimethicone-top/details
- ↑ http://6abc.com/health/preventing-chapped-lips-in-extreme-cold/525512/
- ↑ http://www.dailymail.co.uk/health/article-7323/What-lips-say-health.html
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/lips-smile/end-chapped-lips
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/lips-smile/end-chapped-lips
- ↑ http://www.nationalacademies.org/hmd/Reports/2004/Dietary-Reference-Intakes-Water-Potassium-Sodium-Chloride-and-Sulfate.aspx
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/lips-smile/end-chapped-lips
- ↑ http://www.dailymail.co.uk/health/article-7323/What-lips-say-health.html
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,415 ครั้ง
โฆษณา