PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าอยากมีผมเงางามสุขภาพดี ไม่สำคัญว่าจะมีเส้นผมแบบไหน ถ้าบำรุงให้ถูกวิธีก็สลวยเงางามได้ อาจจะหมักผมสูตรบำรุงให้เงางาม แล้วจัดทรงในแบบที่เพิ่มความเงางามเช่นกัน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือต้องหมั่นดูแลบำรุงเส้นผม ให้แข็งแรง สุขภาพดี ถึงจะเงางามสมใจ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

หมักผม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าเพิ่งงง เพราะไข่นี่แหละใช้เสริมสวยให้ผมคุณได้ ไข่แดงเป็นอาหารผม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ผมจะไม่ด้าน ส่วนไข่ขาวช่วยให้ผมสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกตกค้าง ไข่มีโปรตีนช่วยให้ผมแข็งแรง ทั้งหมดนี้ แค่ครั้งเดียวก็ช่วยบำรุงให้เส้นผมของคุณเงางามเป็นพิเศษได้แล้ว ขั้นตอนคือ
    • ตอกไข่ 1 ฟองใส่ถ้วย
    • ราดน้ำให้ผมเปียก
    • ราดไข่ใส่ผม แล้วใช้หวีซี่ห่างสางจนถึงปลายผม
    • หมักผมไว้ 15 นาทีขึ้นไป
    • สระผมด้วยแชมพูตามปกติ ล้างออกด้วยน้ำเย็นจะยิ่งเงางาม
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Laura Martin

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาต
    ลอรา มาร์ตินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาตในจอร์เจีย เธอเป็นนักออกแบบทรงผมมาตั้งแต่ปี 2007 และเป็นครูสอนศาสตร์ด้านความงามตั้งแต่ปี 2013
    Laura Martin
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาต

    "เวลาเข้าร้านเสริมสวย ถ้าอยากให้ผมออกมาเงางาม ให้ปรึกษาช่างผมประจำตัวเรื่อง บำรุงผมเพิ่มความเงางาม โดยเป็นการใช้สารเคมีเดียวกับการทำสีกึ่งถาวร แค่ไม่มีสีติดมา เป็นการเพิ่มประกายเงางามและปิดเกล็ดผม ผมจะนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"

    โฆษณา
  1. เดี๋ยวนี้คนนิยมใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลบำรุงผมให้เงางามตามธรรมชาติ เพราะช่วยปรับสมดุลค่า pH ของเส้นผม และบำรุงให้ผมนุ่มลื่นไม่พันกัน พอผมแห้งแล้ว ไม่ต้องกลัวฉุนกลิ่นน้ำส้มสายชู ขั้นตอนก็ดังต่อไปนี้เลย [1]
    • สระผมด้วยแชมพูตามปกติ แต่ไม่ต้องลงครีมนวด
    • ผสมน้ำส้มสายชูกลั่นจากแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วราดหัว จากนั้นสางจนถึงปลายผม ถ้าใครผมยาวมากๆ อาจจะต้องใช้สัก 2 - 3 ช้อนโต๊ะ
    • หมักผมไว้ 5 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นตอนอาบน้ำเสร็จ
  2. อะโวคาโดมีไขมันตามธรรมชาติ เป็นอาหารบำรุงผมให้เงางามได้ ให้คุณใช้อะโวคาโดสุก จะทาผมได้ง่ายกว่า [2] ให้หมักผมด้วยอะโวคาโดตอนผมแห้ง ต้องการความชุ่มชื้นโดยด่วน
    • ให้บดอะโวคาโดจนเนียนละเอียด จะใช้เครื่องปั่นแทนก็ได้
    • ราดน้ำให้ผมเปียก
    • ทาอะโวคาโดจากรากถึงปลายผม
    • หมักผมไว้ 15 นาทีขึ้นไป
    • สระผมด้วยแชมพูตามปกติ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
  3. น้ำผึ้งมีสรรพคุณให้ความชุ่มชื้นและขจัดสิ่งสกปรก รวมกันแล้วทำให้เหมาะจะใช้หมักผมฟื้นคืนผมเสียให้เงางามมาก น้ำผึ้งดิบนี่แหละเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น แต่จริงๆ แล้วจะชนิดไหนก็ได้ ขั้นตอนคือ [3]
    • ให้ผสมน้ำผึ้ง 1/4 ถ้วยตวง กับน้ำอุ่น 1/4 ถ้วยตวง
    • ราดน้ำให้ผมเปียก
    • ลงส่วนผสมที่ผม แล้วใช้หวีสางจากรากถึงปลาย
    • หมักผมไว้ 15 นาทีขึ้นไป
    • สระผมด้วยแชมพูตามปกติ แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
  4. ถ้าผมแห้ง ไม่เงางาม แถมชี้ฟู แนะนำให้บำรุงผมอย่างล้ำลึก จะซื้อครีมนวดเข้มข้น หรือใช้น้ำมันมะพร้าว/น้ำมันมะกอกก็ได้ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
    • ราดน้ำให้ผมเปียก
    • ลงน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก 1 - 3 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้หวีสางจากรากจรดปลาย จากนั้นคลุมผมด้วยหมวกอาบน้ำหรือพลาสติกใสห่ออาหาร
    • หมักผมไว้ 30 นาที
    • สระผมด้วยแชมพูตามปกติ อาจจะต้องสระ 2 - 3 ครั้งเพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกิน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

จัดแต่งทรงผม

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าผมค่อนไปทางแห้ง พอแห้งสนิทแล้วจะดูด้านๆ หน่อย ให้ใช้ครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก เพื่อไม่ให้ผมแห้งด้าน ตอนผมยังเปียก ให้ลงครีมนวดที่ผม ขนาดประมาณเท่าเหรียญ 50 สตางค์ถึงเหรียญ 5 บาท แล้วใช้หวีสางจากรากถึงปลาย
  2. หลายคนชอบไปทำ Brazilian blowout ให้ผมตรงสวยเงางาม แต่พอผ่านไปสักพัก การเป่าผมยืดผมบ่อยๆ จะทำให้ผมเสียและแห้งด้านในที่สุด ถ้าผึ่งลมจนผมแห้งไปเอง ก็ไม่เสี่ยงโดนความร้อนจนผมเสีย พอผ่านไป 2 - 3 อาทิตย์หรือเป็นเดือนๆ จะเริ่มเห็นความแตกต่างเลย ว่าผมนุ่มสลวย เงางามขึ้น
    • พยายามอย่าจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน พวกที่หนีบผมตรง แกนร้อนม้วนผม ใช้แล้วสวยทันที แต่ถ้าใช้เป็นประจำ ผมจะเสียความเงางามได้
    • จะเห็นผลดีที่สุด ถ้ามุ่นผมหลวมๆ หรือถักเปีย ผมจะได้ไม่ชี้ฟูตอนแห้ง ถ้าใครผมหยิกหรือหยักศก ให้ค่อยๆ บีบ แต่งทรงตามต้องการ ก่อนผมจะแห้งสนิท
  3. พอผมโดนลมจนแห้งดีแล้ว ให้ลงน้ำมันบำรุงขั้นตอนสุดท้ายให้ทั่วปอยผม เพราะช่วยให้ผมเงางามขึ้นในทันที ปกป้องผมให้แข็งแรงสุขภาพดี แต่จะดีที่สุดถ้ารอจนผมแห้งสนิทก่อน ลงน้ำมันแค่นิดเดียวก็พอแล้ว อย่าใช้เกินขนาดของเหรียญ 50 สตางค์ แต่ก็แล้วแต่ว่าผมยาวแค่ไหนด้วย จะซื้อน้ำมันบำรุงผมโดยเฉพาะ หรือใช้น้ำมันต่อไปนี้ก็ได้ [4]
    • น้ำมันมะกอก
    • อาร์แกนออยล์
    • น้ำมันอัลมอนด์
    • โจโจ้บาออยล์
    • น้ำมันละหุ่ง
    • น้ำมันมะพร้าว
  4. เป็นผลิตภัณฑ์สูตรเพิ่มความเงางามให้ผมโดยเฉพาะ เซรั่มบำรุงสูตรนี้ จะมีส่วนผสมของซิลิโคนและอื่นๆ ที่ทำให้ผมเงางามทันทีหลังใช้ ส่วนใหญ่ใช้ได้ทั้งตอนผมเปียกและแห้ง
    • แต่ใช้เซรั่มนี้ทุกวันอาจจะได้ผลตรงกันข้าม เพราะซิลิโคนที่ทำให้เงางาม จะสะสมที่ผม นานไปจะทำผมด้านได้ แนะนำให้ใช้เซรั่มนี้เฉพาะตอนที่อยากให้ผมเงางามเป็นพิเศษเท่านั้น
    • ให้เลือกเซรั่มที่ปราศจากแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผมแห้งได้
  5. ผมชี้ฟูนี่แหละ เลยไม่เงางาม ผมจะดูหยาบด้าน ไม่นุ่มสลวยเป็นประกาย ไม่ว่าคุณจะผมตรงหรือหยิก ก็ป้องกันผมชี้ฟูได้ด้วยขั้นตอนต่อไปนี้
    • สระผมด้วยน้ำเย็น อุณหภูมิต่ำๆ ช่วยปิดเกล็ดผม เส้นผมจะเนียนเรียบ ไม่ชี้ฟู แค่ขั้นตอนง่ายๆ นี้ก็ช่วยเปลี่ยนผมเสียเป็นสวยแบบคุณยังต้องแปลกใจ
    • อย่าเช็ดผมให้แห้งแรงๆ ให้ใช้วิธีบีบๆ ซับๆ แทน แล้วปล่อยให้โดนลมจนแห้งไปเอง การเช็ดผมด้วยผ้าแห้งแรงๆ ทำให้ผมยิ่งชี้ฟู
    • เปลี่ยนจากแปรงเป็นหวีซี่ห่าง เพราะแปรงทำผมขาดง่าย โดยเฉพาะคนที่ผมหยิกหรือหยักศก ถ้าผมขาด สั้น จะชี้โด่ชี้เด่ กลายเป็นผมชี้ฟู ให้ใช้หวีซี่ห่างค่อยๆ สางผมตอนแห้ง โดยเริ่มจากปลายผมขึ้นไปที่ราก
    • เปลี่ยนปลอกหมอนเป็นผ้าไหมหรือซาติน ถ้าใครผมหยิกจะรู้ดีว่าช่วยแก้ผมชี้ฟูได้ดี ถ้าเป็นผ้าคอตตอนจะดูดความชื้น ทำให้ผมแห้งชี้ฟู แต่ปลอกหมอนผ้าซาตินหรือผ้าไหม นอนแล้วผมคงสภาพตามธรรมชาติ ไม่ชี้ฟู [5]
  6. เล็มผมแตกปลายออก แล้วผมจะดูเงางามขึ้นได้ รวมถึงเวลาไปทำผม ให้ปรึกษาช่างเรื่องผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยกับเส้นผม เน้นธรรมชาติ สารเคมีน้อยๆ และอย่าใช้ความร้อนจัดแต่งทรงบ่อยๆ
  7. หลายคนคิดว่าต้องใช้ความร้อนเท่านั้น ผมถึงจะอยู่ทรง แต่จริงๆ แล้วการใช้ลมเป่าต้องอาศัยเทคนิคหน่อย โดยลงผลิตภัณฑ์จัดทรงเบาๆ แล้วใช้นิ้วสางผมช่วย สุดท้ายหวีให้ได้ทรงตามต้องการ พอแห้งแล้ว ให้ล็อคผมโดยบิดปลาย ติดกิ๊บ หรือขยี้เบาๆ ให้พองๆ ก็แล้วแต่ชอบ พอความชื้นระเหยไปหมด ก็ค่อยเก็บงานด้วยปลายนิ้วกับน้ำมันใส่ผมเล็กน้อย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

บำรุงเส้นผมให้แข็งแรงสุขภาพดี

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. สระผมบ่อยเกินไป จะสูญเสียน้ำมันผมตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยปกป้องให้ผมแข็งแรงสุขภาพดี ถ้าขาดน้ำมันตามธรรมชาติ ผมจะเปราะ ขาดง่าย และไม่เงางาม ถ้าอยากให้ผมมันขลับ พยายามสระผมประมาณ 1 - 2 ครั้งต่ออาทิตย์ก็พอ
    • ต้องใช้เวลา 2 อาทิตย์ขึ้นไป กว่าผมจะปรับตัวรับตารางการสระผมใหม่นี้ได้ ระหว่างนั้นให้รวบผมหรือมุ่นผมไปก่อน
    • ก่อนจะถึงเวลาสระผมแต่ละครั้ง ถ้ากลัวผมลีบให้ใช้ dry shampoo ผมจะพองขึ้น ช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินโดยไม่ทำร้ายผม
  2. สระและจัดทรงด้วยผลิตภัณฑ์ที่สารเคมีเยอะๆ บ่อยๆ จะทำให้ผมเสียได้ แชมพู ครีมนวด และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมส่วนใหญ่จะมีบางส่วนผสมที่ใช้ไปนานๆ แล้วอาจส่งผลเสียได้ ให้เลือกที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีส่วนประกอบต่อไปนี้
    • ซัลเฟต - พบมากในแชมพู เป็นสารทำความสะอาดที่ค่อนข้างแรง ทำให้ผมเสียน้ำมันตามธรรมชาติได้
    • ซิลิโคน - พบมากในครีมนวดและผลิตภัณฑ์เพิ่มความเงางามแบบไม่ต้องล้างออก ใช้ไปนานๆ จะสะสมที่ผม ทำให้ผมดูด้าน [6]
    • แอลกอฮอล์ - พบมากในเจล สเปรย์ฉีดผม และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมต่างๆ ใช้นานๆ แล้วผมแห้งได้
  3. ทั้งย้อม กัดสี และยืดผมถาวร หรือม้วนผมด้วยความร้อนบ่อยๆ ก็ทำผมเสียได้ทั้งนั้น สรุปแล้วการจัดแต่งทรงหรือเปลี่ยนสภาพผมไปจากเดิม ล้วนแล้วแต่เสี่ยงทำผมแห้งเสีย ขาดง่าย แนะนำให้พักผมเมื่อมีโอกาส
    • ย้อมเฮนน่า และสีธรรมชาติอื่นๆ เช่น เกลือของโลหะ (metallic salt) ก็ทำให้ผมแห้งแบบสุดๆ ได้ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นทำสีกึ่งถาวร จะถนอมผมกว่า
    • ใช้น้ำผึ้งหรือชาคาโมไมล์แทน ถ้าอยากได้สีผมอ่อนลงอย่างเป็นธรรมชาติ
  4. ไม่ว่าจะทำอะไรกับผม หรือบำรุงแค่ไหน ผมก็เงางามไม่ได้ ถ้าไม่บำรุงจากภายในด้วย เลยต้องกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ รับรองจะช่วยให้ผมสวยขึ้นอีกเยอะ ต่อไปนี้คืออาหารแนะนำ สำหรับคนที่อยากผมสลวยสวยเก๋
    • เนื้อปลา เนื้อวัว เนื้อสัตว์ปีก ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง และอื่นๆ ที่เน้นโปรตีน ผมนั้นมาจากโปรตีน แน่นอนว่าต้องสภาพแย่ลงเมื่อร่างกายขาดโปรตีน รวมถึงต้องกินคาร์โบไฮเดรตเพิ่มพลังงานควบคู่ไปกับโปรตีน แล้วจะยิ่งเห็นผล
    • อะโวคาโดและถั่วต่างๆ มีไขมันดี ช่วยให้ผมหนาเงางาม
    • พืชที่อุดมสารอาหาร ผักใบเขียวอย่างปวยเล้งและเคลนี่แหละที่แนะนำ
  5. เวลาร่างกายขาดน้ำ ผมจะขาดความเงางาม เริ่มลีบ ให้ดื่มน้ำเยอะๆ ผมจะได้สุขภาพดี พยายามดื่มให้ได้วันละ 8 แก้วด้วยกัน
    • ผักผลไม้ฉ่ำน้ำนี่แหละทำให้ร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ เช่น แตงโม เบอร์รี่ต่างๆ แอปเปิ้ล แตงกวา ผักกาดหอม และกะหล่ำ
    • ดื่มน้ำสมุนไพร และชาไร้คาเฟอีน ก็ช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้
  6. ทั้งแสงแดด อุณหภูมิร้อนจัดเย็นจัด และมลภาวะรอบตัว ต่างก็ทำร้ายผมได้ทั้งนั้น ต้องกันไว้ก่อนโดยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
    • สวมหมวกเวลาแดดแรง บอกเลยว่าแสงแดดทำร้ายผมได้มากกว่าที่คุณคิด ถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อน จะเสียเวลามาฟื้นฟูภายหลัง
    • ว่ายน้ำต้องใส่หมวก เพราะคลอรีนทำให้ผมแห้ง แถมมีสารตกค้าง ถ้าต้องว่ายน้ำแล้วไม่มีหรือไม่ได้ใส่หมวก ขึ้นจากสระแล้วให้รีบสระผมทันที
    • ตอนผมเปียกๆ อย่าออกข้างนอกตอนอากาศหนาว อย่างตามเมืองนอกที่หิมะตกหรืออากาศติดลบ ผมอาจจะแข็งได้ ทีนี้ก็ชี้ฟูแน่นอน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ดูแลผมแต่ละประเภท

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าผมหยิก หยักศก เส้นหนา แล้วไม่ดูแล แสงตกกระทบแล้วจะหักเห ไม่สะท้อนให้เห็นเงางาม แก้ได้โดยใช้ครีมนวดทั้งแบบล้างออกและไม่ต้องล้าง รวมถึงเซรั่มบำรุงในขั้นตอนสุดท้าย จะช่วยให้ผมชุ่มชื้น ปิดเกล็ดผมให้เรียบเนียน สะท้อนแสงเงางาม [7]
    • ราดด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล เพราะช่วยปิดเกล็ดผมให้เรียบเนียน ดูเงางามขึ้น ให้ผสมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ถ้วยตวง แล้วใช้ราดหัวหลังสระผม
    • ใช้ครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก หรือใช้ส่วนผสมธรรมชาติแทน อย่างว่านหางจระเข้ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก และโจโจ้บาออยล์ โดยใช้ประมาณ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ ลูบไล้ให้ทั่วผมตอนยังเปียกหลังอาบน้ำ จากนั้นผึ่งลมให้แห้ง
    • ขั้นตอนสุดท้ายให้ลงเซรั่มเพิ่มความเงางาม เลือกซื้อเซรั่มที่ใช้น้ำมันแร่ (mineral oil) ผมจะยิ่งเงางาม หรือใช้น้ำมันโมรอคโค ไม่ก็น้ำมันมะพร้าว บำรุงให้ผมชุ่มชื้นเงางาม
  2. ผมที่ทำสีหรือกัดสีมา มักจะแห้งและชี้ฟูได้ง่าย นอกจากบำรุงให้เงางามแล้ว ยังต้องฟื้นฟูสภาพผมไปในเวลาเดียวกัน ถ้าดูแลบำรุงผมดีๆ สีก็จะติดทนนาน
    • ทำ hair gloss treatment เพิ่มความเงางามแทนการทำสี เพราะเป็นขั้นตอนที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนสีผม แต่เคลือบชั้นใสช่วยบำรุงผมและป้องกันผมแห้งเสีย ทำให้ผมมันวาวสมชื่อ [8]
    • สระผมด้วยน้ำเย็น เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ช่วยให้สีติดทนนาน (ขนาดซักผ้าด้วยน้ำเย็น ยังช่วยให้สีไม่ตกเลย) นอกจากนี้ยังปิดเกล็ดผมให้เรียบเนียน ทำให้ผมดูเงางาม
    • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรงๆ พวกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สเปรย์ฉีดผมแข็งๆ และอื่นๆ ที่ผสมซัลเฟตและแอลกอฮอล์ พวกนี้ทำให้ผมเสียความชุ่มชื้น กัดสี และทำให้ผมเงางามน้อยลง หันมาใช้ผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาติที่กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผมดีกว่า
  3. เพราะอยากมีผมสวยเงางาม หลายคนเลยทั้งเป่าผมยืดผมแทบทุกวัน พอนานๆ ไปเลยทำให้ผมเสีย ขาดง่าย ถ้าอยากให้ผมเงางาม กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง ก็ถึงเวลางดใช้ความร้อนชั่วคราว
    • ปล่อยให้ผมแห้งเองแบบนี้หลายๆ เดือน อะไรที่ใช้จัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนให้เก็บไปเลย เปิดโอกาสให้ผมได้ฟื้นฟูตัวเองหน่อย
    • เน้นบำรุงผม ด้วยครีมนวดเข้มข้น หมักผมเพิ่มความชุ่มชื้น และใช้แปรงขนหมูป่าฟื้นฟูสุขภาพผม จะช่วยลดผมชี้ฟู ผมเงางามกว่าเดิม
    • ใส่น้ำมันผมหรือเซรั่มหลังสระผมและผมแห้งแล้ว เพราะช่วยปกป้องผมได้ดีกว่าครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก จะทำให้ผมดูเงางามกว่าเดิม ลองใช้น้ำมันโมรอคโค น้ำมันมะพร้าว หรือโจโจ้บาออยล์ดู โดยเน้นบำรุงปลายผมที่แห้งเสียได้ง่ายกว่า [9]
  4. ถ้าผมเริ่มบาง สำคัญว่าจะทำอะไรต้องถนอมผมหน่อย ถึงจะเพื่อสุขภาพผมที่ดีที่เงางามก็เถอะ เป้าหมายคือผมหนาและเงางามได้ แต่ห้ามทำผมเสียไปกว่าเดิม
    • ปล่อยให้ผมแห้งเองเป็นส่วนใหญ่ ผมจะได้ไม่ยิ่งบาง เพราะถ้าใช้อุปกรณ์จัดทรงบ่อยๆ ก็เสี่ยงผมเสียแน่นอน ระหว่างรอผมแห้ง ให้ใช้กิ๊บติดทั่วหัวเพื่อยกรากผมจากหนังศีรษะ แบบนี้จะมีวอลลุ่ม ผมดูหนาพองแบบไม่ต้องใช้ไดร์เป่า
    • ม้วนผมโดยไม่ใช้ความร้อน ให้ลองดัดผมโดยใช้ผ้าหรือเศษผ้าแทนแกนร้อนม้วนผม แบบนี้ผมจะหนามีวอลลุ่มขึ้น แต่ผมไม่เสียไม่ร่วงเพราะโดนความร้อนจัดๆ
    • ปิดท้ายด้วยเซรั่มไม่ต้องเข้มข้นมาก ถ้าเป็นครีมนวดข้นๆ แบบไม่ต้องล้างออก หรือเจลและมูสต่างๆ จะยิ่งเป็นภาระหนักหัว ผมยิ่งบาง ถ้าอยากให้ผมหนาเงางามจริงๆ ต้องใช้น้ำมันหรือเซรั่มที่เจือจางหน่อย ที่แนะนำก็คือว่านหางจระเข้ หรือทำสเปรย์ฉีดผมใช้เองจากว่านหางจระเข้ซะเลย [10]
    • ถ้ารู้ตัวว่าผมบาง พยายามใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความเงางามแค่เฉพาะปลายผม เพราะถ้าใส่ใกล้หนังหัว ผมจะยิ่งดูบางเข้าไปอีก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้น้ำมันบำรุงแล้วผมจะยาวเร็วและเงางามขึ้น ให้นวดน้ำมันซึมเข้าหนังศีรษะสัก 1 ชั่วโมงก่อนอาบน้ำ จากนั้นค่อยล้างออก
  • พกหวีเล็กๆ ติดกระเป๋าไปด้วย เวลาไปเรียน/ทำงาน/ท่องเที่ยว พอมีโอกาสจะได้แวะเข้าห้องน้ำไปจัดแต่งทรง หลังโดนลมพัดหรือใส่หมวกมานานๆ
  • ให้ใส่ครีมนวดตอนสุดท้ายตอนอาบน้ำ แล้วล้างออกอย่านานนัก จะได้เคลือบบำรุงผมให้ผมหนา นุ่มสลวย
  • พอใส่ครีมนวดแล้ว ให้ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีค่อยล้างออก โดยใช้น้ำเย็นหรือเย็นจัด
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าหวีผมแรงเกินไป เพราะยิ่งทำให้แตกปลาย แถมปวดหัวจี๊ด (แถมปวดแขนได้ถ้าใครผมยาว)
  • พยายามอย่าใช้มากไป ทั้งแชมพูและครีมนวด เพราะยิ่งทำให้ผมแห้งกว่าเดิม
  • ตอนล้างครีมนวดขั้นสุดท้าย อย่าล้างนานเกินไป แต่ก็ต้องล้างให้สะอาด คือรู้สึกว่าผมนุ่ม แต่ไม่เหนียวลื่น ถ้าล้างไม่สะอาด ผมแห้งแล้วจะพันกัน แถมเหลือเศษครีมนวดกรังเป็นก้อน ทีนี้ผมจะแข็งเป็นช่อเลย!
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,403 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา