PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการบีบอัดไฟล์ขนาดใหญ่ ให้กลายเป็นไฟล์ขนาดเล็ก ทั้งใน Windows และ macOS เลย จะบีบอัดไฟล์ได้มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของไฟล์ที่จะบีบอัด เวลาบีบอัดไฟล์เสียง ไฟล์วิดีโอ หรือไฟล์ภาพ แนะนำให้ใช้โปรแกรม audio, video หรือ image editor แต่เตือนกันก่อนว่าการบีบอัดไฟล์ media ให้เล็กลง จะเสียคุณภาพไปพอสมควร ส่วนไฟล์ประเภทอื่น เช่น เอกสาร หรือฐานข้อมูล ก็บีบอัดได้ด้วยโปรแกรมอย่าง 7-Zip, WinRAR หรือ Archive Utility ที่มีใน macOS

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ใช้ 7-Zip ใน Windows

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. 7-Zip เป็นโปรแกรมบีบอัดไฟล์ฟรี ใช้บีบอัดไฟล์และโฟลเดอร์ขนาดใหญ่ได้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง 7-Zip
    • เข้าเว็บ https://www.7-zip.org/ ในเบราว์เซอร์
    • คลิก Download ข้าง 7-Zip เวอร์ชั่นล่าสุด
    • เปิดไฟล์ .exe ในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ "Downloads"
    • คลิก Install
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Luigi Oppido

    ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์และเจ้าของ Pleasure Point Computers
    ลุยจิ ออปปิโดเป็นเจ้าของและผู้จัดการของ Pleasure Point Computers ในซานตาครูซ แคลิฟอร์เนีย เขามีประสบการณ์ซ่อมคอมพิวเตอร์ กู้คืนข้อมูล กำจัดไวรัส และอัพเกรดคอมพิวเตอร์มากว่า 16 ปี เขาภาคภูมิใจในการให้บริการลูกค้าและการตั้งราคาอย่างโปร่งใสของตน
    Luigi Oppido
    ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์และเจ้าของ Pleasure Point Computers

    รู้หรือไม่? การบีบอัดไฟล์เหมาะกับตอนอยากได้ไฟล์ขนาดเล็กลง หรือต้องการบีบอัดหลายไฟล์ไว้ในไฟล์เดียว เช่น ถ้าต้องส่งไฟล์ขนาด 12 MB ทางอีเมล แต่อีเมลที่ใช้จำกัดขนาดไฟล์แค่ 10 MB ก็ให้บีบอัดไฟล์เหลือ 7 MB แล้วคนปลายทางเขาก็แตกไฟล์ขนาดปกติออกมาได้เอง

  2. แล้วเมนูจะขยายออกมา
    • ถ้าจะเลือกมากกว่า 1 ไฟล์ในคราวเดียว ให้กดปุ่ม Control ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกแต่ละไฟล์
    • คุณบีบอัดได้แทบทุกไฟล์ แต่บางไฟล์ (โดยเฉพาะไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียง) จะบีบอัดลดขนาดได้เพียงเล็กน้อย เพราะไฟล์ต้นฉบับก็บีบอัดมาพอสมควรแล้ว [1]
  3. ตัวเลือกเพิ่มเติมจะขยายออกมา
  4. เพื่อเปิด 7-Zip
  5. เวลาบีบอัดไฟล์ด้วย 7-Zip จะมีให้เลือกเซฟเป็นไฟล์ได้หลายประเภท ส่วนประเภทไฟล์ที่บีบอัดได้เล็กที่สุด คือประเภทไฟล์เฉพาะของ 7-Zip เอง เรียกว่า .7z [2]
    • แต่ปลายทางจะแตกไฟล์ .7z ได้ ก็ต้องมีโปรแกรมเฉพาะด้วย คือ 7-Zip, WinZip และ Archive Utility ที่ติดมากับ Mac แต่แรก [3]
    • ถ้ากลัวปลายทางเปิดไฟล์ไม่ได้ ให้เลือก zip แทน เพราะเปิดไฟล์ ZIP ได้ง่ายมาก ในอุปกรณ์ไหนก็ได้ แถมยังเป็นไฟล์บีบอัดขนาดเล็ก
  6. เพื่อให้ 7-Zip บีบอัดไฟล์ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยจะบีบอัดได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประเภทไฟล์ที่จะบีบอัด
  7. ถ้าไม่เจอตัวเลือกนี้ ให้ลองใช้ LZMA แทน โดยประเภทไฟล์นี้เป็นการบีบอัดไฟล์ที่ทันสมัยที่สุดที่มี ใช้ได้กับแทบจะทุกอุปกรณ์เลย
  8. ตั้งค่า "Dictionary Size" ให้น้อยกว่าความจำของอุปกรณ์อย่างน้อย 10 เท่า. ยิ่ง dictionary size มีขนาดใหญ่ก็ยิ่งบีบอัดได้เยอะ แต่ความจำที่ต้องการคือ 10 เท่าของ dictionary size ส่วนใหญ่ตั้งไว้ 128 MB ก็พอแล้ว เพราะบีบอัดได้ดี ไม่ต้องรอนาน [4]
    • เช่น ถ้าคอมมี RAM 8 GB​ ให้ระบุค่า dictionary size ประมาณ 800 MB หรือต่ำกว่านั้น เพื่อให้บีบอัดไฟล์และแตกไฟล์ได้รวดเร็ว
  9. จะปล่อยค่าของตัวเลือกอื่นๆ ไว้ที่ default settings ก็ได้ แต่ถ้าไฟล์ค่อนข้างใหญ่ จะแบ่งไฟล์เป็นไฟล์ย่อยๆ ก็ได้ เช่น มีโฟลเดอร์ขนาด 12 GB แล้วแบ่งออกเป็น 3 ไฟล์เล็ก เพื่อให้พอดีกับ DVD โดยเลือกว่าอยากแบ่งไฟล์ให้แต่ละส่วนใหญ่แค่ไหน จากในเมนูที่ขยายลงมาล่าง "Split to volumes, bytes"
    • เวลาแตกไฟล์ ต้องมีไฟล์ทุกส่วนครบถ้วน ระวังอย่าเผลอลบหรือทำไฟล์ส่วนไหนหาย
  10. เพื่อบีบอัดไฟล์โดยใช้ settings ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ใช้ WinRAR ใน Windows

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. WinRAR เป็นโปรแกรมฟรี (จำกัดเวลา) สำหรับบีบอัดไฟล์ใน Windows ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง WinRAR
    • เข้าเว็บ https://www.win-rar.com/download.html ในเบราว์เซอร์
    • คลิกปุ่ม WinRAR 6.02 สีฟ้า (ชื่อเวอร์ชั่นจะต่างกันไป) เพื่อดาวน์โหลด
    • เปิดไฟล์ WinRAR ที่ลงท้ายด้วย ".exe"
    • คลิก Install แล้วทำตามขั้นตอนในหน้าจอ
  2. เมนูจะขยายออกมา
    • ถ้าจะเลือกทีละหลายไฟล์ ให้กด Control ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกแต่ละไฟล์
    • คุณบีบอัดได้แทบทุกประเภทไฟล์ แต่บางไฟล์จะบีบอัดเพิ่มเติมได้อีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น
  3. ไอคอนจะเป็นหนังสือซ้อนกันเป็นตั้ง
  4. จะมี RAR , RAR5 และ ZIP ให้เลือก โดย RAR และ RAR5 จะบีบอัดได้ดีกว่า ZIP แต่ตอนปลายทางแตกไฟล์ ก็ต้องมีโปรแกรมที่ "un-RAR" ไฟล์ได้ (WinRAR หรือ 7-Zip ใน Windows และ Unarchiver ใน macOS) [5] RAR5 เป็นประเภทไฟล์ RAR เวอร์ชั่นล่าสุด ถ้าเป็นโปรแกรมเก่าๆ จะแตกไฟล์นี้ไม่ได้ ส่วน ZIP ถือเป็นไฟล์บีบอัดมาตรฐาน เปิดได้ในทุกระบบ
  5. วิธีนี้จะบีบอัดไฟล์ได้มากที่สุด (ได้ไฟล์เล็กที่สุด)
  6. ตัวเลือก default จะเลือกไว้แล้วตามฟอร์แมตไฟล์บีบอัดที่เลือกไปก่อนหน้ายิ่งไฟล์ dictionary มีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งบีบอัดไฟล์ได้มากขึ้น แต่จะใช้เวลาบีบอัด (และแตกไฟล์) นานกว่า นอกจากนี้ยิ่ง dictionary size มีขนาดใหญ่ hardware ของคอมที่ใช้ก็ต้องยิ่งดี แนะนำให้ระบุขนาดน้อยกว่าความจำของเครื่อง 10 เท่า หรือใช้ค่า default ไปเลย ถ้านานเกินไป
    • เช่น ถ้า RAM ของคอมอยู่ที่ 4 GB อาจจะระบุ dictionary size ประมาณ 400 MB
  7. ถ้าไฟล์ค่อนข้างใหญ่ จะแบ่งไฟล์เป็นไฟล์ย่อยๆ ก็ได้ เช่น มีโฟลเดอร์ขนาด 12 GB แล้วแบ่งออกเป็น 3 ไฟล์เล็ก เพื่อให้พอดีกับ DVD โดยเลือกว่าอยากแบ่งไฟล์ให้แต่ละส่วนใหญ่แค่ไหน จากในเมนูที่ขยายลงมาล่าง "Split to volumes, size".
    • เวลาแตกไฟล์ ต้องมีไฟล์ทุกส่วนครบถ้วน ระวังอย่าเผลอลบหรือทำไฟล์ส่วนไหนหาย
  8. ที่มุมขวาล่าง เพื่อบีบอัดไฟล์
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ใช้ Archive Utility ใน Mac

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไอคอนจะเป็นหน้ายิ้ม 2 สี อยู่ใน Dock ที่ปกติอยู่ด้านล่างของหน้าจอ
  2. เพื่อขยายเมนู
    • ถ้าจะเลือกทีละหลายไฟล์ ให้กด Command ค้างไว้ แล้วคลิกเลือกแต่ละไฟล์ จากนั้นคลิกขวาไฟล์ที่เลือกไว้
    • คุณบีบอัดไฟล์ได้แทบทุกประเภทใน Mac โดยขนาดของไฟล์บีบอัด จะต่างกันไปตามประเภทไฟล์ที่จะบีบอัด ปกติไฟล์รูป ไฟล์ text และเอกสารอื่นๆ จะบีบอัดได้เล็กกว่าไฟล์วิดีโอและไฟล์เสียง [6]
  3. เพื่อบีบอัดไฟล์เป็นไฟล์ ZIP โดยขนาดไฟล์จะเล็กลง [7]
    • ไฟล์ใหม่จะกลายเป็นไฟล์ .ZIP ซึ่งเป็นฟอร์แมตบีบอัดที่คนนิยมใช้กันทั่วโลก เปิดในเครื่องระบบไหนก็ได้ ไม่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะ
    • ถ้าจะแตกไฟล์ ก็แค่ดับเบิลคลิก
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

บีบอัดไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าจะบีบอัดวิดีโอขนาดใหญ่เป็นไฟล์เล็กลง ต้องมีโปรแกรมบีบอัดวิดีโอโดยเฉพาะ Avidemux เป็นโปรแกรมฟรี ใช้ลดขนาดไฟล์วิดีโอได้เยอะพอสมควร ใช้ได้ทั้งใน Windows, Mac และ Linux ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม
    • เข้าเว็บ http://fixounet.free.fr/avidemux/download.html ในเบราว์เซอร์
    • คลิก FOSSHUB ข้างระบบปฏิบัติการที่ใช้
    • คลิกลิงค์ดาวน์โหลดของระบบปฏิบัติการที่ใช้
    • เปิดไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
    • ติดตั้งไปตามขั้นตอนในหน้าจอจนเสร็จสิ้น
  2. ปกติจะอยู่ในเมนู Start ของ Windows หรือในโฟลเดอร์ Applications ของ Mac
    • บีบอัดแล้วคุณภาพวิดีโอจะเสียไปบ้าง ต้องลองปรับแต่งตัวเลือกการบีบอัดดู ว่าอันไหนบีบอัดได้เยอะโดยที่ยังคงคุณภาพไฟล์ไว้
    • ไฟล์หนังที่ดาวน์โหลดมาจากในเน็ตอาจจะผ่านการบีบอัดมาแล้วก็ได้ ถ้าไปบีบอัดเพิ่มเติม ระวังคุณภาพเสียจนดูไม่ได้ หรือบีบอัดไปก็ขนาดไม่เล็กลงกว่าเดิมเท่าไหร่
    • ถ้าบีบอัดไฟล์แล้วจะย้อนกลับไม่ได้ ต้องเซฟเวอร์ชั่นบีบอัดแยกเป็นอีกไฟล์ เพื่อรักษาไฟล์ต้นฉบับไว้
  3. ตามขั้นตอนต่อไปนี้
    • คลิก File แล้วเลือก Open
    • เลือกไฟล์วิดีโอในคอม แล้วคลิก ' Open
  4. ฟอร์แมตนี้จะบีบอัดได้เยอะสุดโดยที่คงคุณภาพไฟล์ไว้ได้มากที่สุด [8]
  5. เพื่อบีบอัด track เสียงของวิดีโอให้ขนาดไฟล์เล็กลง
  6. เป็นฟอร์แมตวิดีโอที่ใช้ได้ทุกระบบอยู่แล้ว
  7. เป็นตัวเลือกแรกล่าง "Video Output"
  8. ในหัวข้อ "Rate Control" ทางด้านล่าง เป็นตัวเลือกที่ใช้ระบุขนาดวิดีโอที่ต้องการได้
    • ยิ่งไฟล์ขนาดใหญ่ ก็ยิ่งคุณภาพดี ถ้าเลือกขนาดไฟล์หลังบีบอัดเล็กเกินไป คุณภาพไฟล์จะเสียไปเยอะเลย
    • ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเลือกขนาดเท่าไหร่ดี ก็ใช้ค่า default ไปเลย
  9. Avidemux จะปรับ settings ให้ใกล้เคียงกับขนาดไฟล์ที่คุณต้องการมากที่สุด แต่อาจจะใหญ่กว่าหรือเล็กกว่าขนาดที่ต้องการเล็กน้อย
  10. เพื่อกลับไปยังหน้าจอที่แล้ว
  11. จะอยู่มุมซ้ายบนของโปรแกรม โดยจะมีให้ตั้งชื่อวิดีโอก่อนเริ่มบีบอัด ถ้าวิดีโอยาวและตั้ง quality settings ไว้สูง ก็ต้องรอนานกว่าจะบีบอัดเสร็จ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

บีบอัดไฟล์เสียงขนาดใหญ่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไฟล์เสียงส่วนใหญ่ที่ดาวน์โหลดมาจากในเน็ต เช่น MP3 หรือ AAC จะบีบอัดมาแล้ว ถ้าไปบีบอัดไฟล์ประเภทนี้เพิ่มเติม ระวังไฟล์เล็กลงแต่เสียคุณภาพเสียง ไฟล์ที่เหมาะจะนำมาบีบอัด คือไฟล์ที่ยังไม่ผ่านการบีบอัด เช่น WAV และ AIFF
  2. เป็นโปรแกรมตัดต่อเสียงฟรีแบบ open-source ใช้ได้ทั้งใน Windows, Mac และ Linux ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง Audacity
    • เข้าเว็บ https://www.audacityteam.org/download/ ในเบราว์เซอร์
    • คลิกลิงค์ติดตั้งตามระบบปฏิบัติการที่ใช้
    • เปิดไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา ในโฟลเดอร์ Downloads แล้วติดตั้งไปตามขั้นตอนในหน้าจอ
  3. ปกติจะอยู่ในเมนู Start ของ Windows และในโฟลเดอร์ Applications ถ้าใช้ Mac
  4. ขั้นตอนคือ
    • คลิกเมนู File แล้วเลือก Open
    • เลือกไฟล์เสียง แล้วคลิก Open
  5. ไม่แนะนำถ้าเป็นไฟล์เพลงหรืออื่นๆ ที่จำเป็นต้องเป็น stereo แต่ถ้าเป็นเสียงพูด หรือเสียงที่อัดมา ไม่ต้องคุณภาพสูงมาก ก็ให้เปลี่ยนเป็น mono (track เดียว) จะช่วยลดขนาดไฟล์ได้เยอะเลย ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการแปลงไฟล์ stereo เป็น mono
    • คลิกลูกศรชี้ลง ข้างชื่อไฟล์ในพื้นที่โปรเจ็คต์
    • เลือก "Split to Mono" จากในเมนู
  6. เพื่อเปิดหน้าต่างสำหรับกำหนดตำแหน่งเซฟไฟล์ รวมถึงฟอร์แมตที่ต้องการ ขั้นตอนคือ
    • คลิก File
    • คลิก Export
    • คลิก Export Audio…
  7. ฟอร์แมตทั้งหมดที่ขึ้นในเมนู "Save as type" เป็นฟอร์แมตสำหรับบีบอัดไฟล์ ยกเว้น .wav และ .aiff ส่วนจะเลือกฟอร์แมตไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน
    • ".mp3" จะเป็นฟอร์แมตยอดนิยมสำหรับไฟล์เพลง เพราะบีบอัดได้เยอะโดยไม่ค่อยเสียคุณภาพเสียง รวมถึงเป็นไฟล์ที่เปิดได้ในแทบทุกอุปกรณ์ด้วย
    • ".flac" เป็นฟอร์แมตบีบอัดแล้วเสียคุณภาพน้อยมาก เหมาะกับคนที่จะเปิดเพลงฟังในเครื่องเสียงดีๆ แต่ใช่ว่าจะเปิดได้ในทุกเครื่อง ข้อเสียคือ .flac จะใช้บีบอัดลดขนาดไฟล์ได้น้อยมาก
    • ".ogg" จะได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า MP3 ในขนาดไฟล์พอๆ กัน แต่ข้อเสียคือเปิดไม่ได้ทุกเครื่องแบบ MP3 [9]
  8. ยิ่งคุณภาพต่ำก็ยิ่งบีบอัดได้เยอะ แต่เสียงไม่ดีเท่าไฟล์ใหญ่ๆ แน่นอน
    • MP3: Medium และ Standard จะบีบอัดได้ดีพอประมาณ คุณภาพเสียงก็พอประมาณเช่นกัน ส่วน Extreme กับ Insane จะบีบอัดได้น้อยกว่า แต่คุณภาพเสียงดีกว่าแน่นอน
    • OGG/M4A(ACC): ลากแถบเลื่อนไปทางซ้าย เพื่อเพิ่มการบีบอัด โดยที่ลดคุณภาพเสียง หรือลากแถบเลื่อนไปทางขวา เพื่อบีบอัดน้อยลง โดยคงคุณภาพเสียงไว้
    • All other file types: เลือกคุณภาพเสียง/อัตราการบีบอัด ในเมนูที่ขยายลงมาล่าง "Bit Rate" หรือ "Bit Depth" ถ้า bit rate/bit depth ต่ำ ก็จะบีบอัดได้เยอะ แต่คุณภาพเสียงน้อยลง
  9. เพื่อเริ่มบีบอัดไฟล์ต้นฉบับเป็นไฟล์ใหม่ ตามชื่อและค่าที่คุณกำหนดไว้ก่อนหน้า โดยที่ไฟล์ต้นฉบับนั้นยังอยู่ในคอม
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

บีบอัดไฟล์ภาพขนาดใหญ่

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไฟล์ภาพส่วนใหญ่ที่ดาวน์โหลดมาจากในเน็ต จะผ่านการบีบอัดมาแล้ว อย่างไฟล์ .jpg, .gif, และ .png ก็เป็นไฟล์บีบอัดทั้งนั้น ถ้าไปบีบอัดเพิ่มเติม ภาพจะเสียความคมชัดได้ ภาพที่เหมาะจะนำมาบีบอัด คือไฟล์ภาพจากกล้องดิจิตอล หรือไฟล์ .bmp มากกว่า
    • การบีบอัดนั้นย้อนกลับไม่ได้ แนะนำให้เซฟภาพที่บีบอัดแล้วเป็นไฟล์แยก จะได้เก็บต้นฉบับไว้
  2. การบีบอัดไฟล์ภาพ หลักๆ แล้วมี 2 แบบด้วยกัน คือ "lossless" กับ "lossy" โดย Lossless compression คือการบีบอัดแบบที่ต้องการไฟล์ที่ถอดแบบมาจากต้นฉบับ เหมาะกับภาพวาด แผนภาพ และภาพทางการแพทย์ ส่วน Lossy compression เป็นการบีบอัดที่เสียคุณภาพเล็กน้อย แทบไม่สังเกต ส่วนใหญ่ใช้กับรูปถ่าย
    • .gif, .tiff และ .png เป็นไฟล์แบบ lossless
    • .jpg เป็นไฟล์ภาพแบบ lossy ที่พบบ่อยที่สุด
  3. แทบจะทุก image editor ใช้บีบอัดไฟล์ภาพได้ โดยการเซฟรูปเป็นไฟล์ประเภทอื่น ตอนเลือกฟอร์แมตของไฟล์บีบอัด จะมีให้เลือกว่าจะบีบอัดมากแค่ไหน
    • Photoshop, GIMP และ Paint ใช้เซฟไฟล์รูปแบบบีบอัดได้ แทบจะทุกโปรแกรม image editor ใช้ได้เหมือนกัน แต่บางโปรแกรมก็มีตัวเลือกคุณภาพไฟล์เยอะกว่า
    • Photoshop เป็น image editor ที่คนนิยมใช้กันมากที่สุด แต่ถ้าไม่ได้สมัครสมาชิก ก็ ดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม GIMP ได้ฟรี เป็นโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ส่วนใหญ่คล้ายกันกับ Photoshop
  4. แต่ละ image editor จะต่างกันเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่เปิดไฟล์คล้ายๆ กัน ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการเปิดรูปใน image editor
    • คลิก File ในแถบเมนู
    • คลิก Open
    • เลือกรูปแล้วคลิก Open
  5. เพื่อเซฟสำเนาไฟล์รูปต้นฉบับเป็นฟอร์แมตใหม่ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการเปิดเมนู Export
    • คลิก File
    • คลิก Save As (Photoshop, Paint) หรือ Export As (GIMP)
  6. ถ้าใช้ Paint ก็แค่คลิกเลือกฟอร์แมตรูปที่ต้องการ ถ้าใช้ Photoshop ให้เลือกฟอร์แมตรูปที่ต้องการ จากในเมนูที่ขยายลงมาข้าง "Format" ถ้าใช้ GIMP ให้คลิกเมนูที่เขียนว่า Select File by Type แล้วเลือกฟอร์แมตรูปที่ต้องการ จะเลือกฟอร์แมตไหน ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของรูปด้วย [10]
    • ถ้าจะบีบอัดรูปถ่าย ให้เลือก .jpg
    • ถ้าจะบีบอัดรูปที่มีน้อยกว่า 256 สี ให้เลือก .gif
    • ถ้าจะบีบอัด screenshot ภาพวาด หรือการ์ตูน และอื่นๆ ที่ไม่ใช่รูปธรรมชาติ ให้เลือก .png
    • ถ้าจะบีบอัดรูปที่มีเลเยอร์ที่อยากเก็บไว้ ให้เลือก .tiff (จริงๆ แล้ว .tiff ก็ไม่ถือเป็นฟอร์แมตไฟล์บีบอัดเสมอไป) [11]
  7. เพื่อเซฟรูปเป็นฟอร์แมตใหม่
  8. image editor อย่าง Photoshop และ GIMP จะมีให้เลือกคุณภาพและ settings การบีบอัด หลังคลิกปุ่ม "Export/Save" ปกติคือใช้แถบเลื่อนปรับการบีบอัดหรือคุณภาพไฟล์ได้เลย
    • ถ้าเพิ่มการบีบอัด (ลดคุณภาพ) จะได้ไฟล์เล็กลง แต่จะเพิ่ม artifacts และเปลี่ยนสีรูปไป อาจจะต้องลองปรับค่าดูจนเจอตัวเลือกที่ได้ทั้งขนาดไฟล์เล็กลงโดยคงคุณภาพไว้
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,876 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา