ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการติดต่อ Uber เพื่อปฏิเสธค่าโดยสารที่ถูกหักไปอย่างไม่ถูกต้อง โดย Uber จะคืนเงินจำนวนนี้ให้ก็ต่อเมื่อพิจารณาตามสมควรแล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ใช้แอพ Uber

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้ายังไม่ได้ล็อกอินเข้า Uber ให้ล็อกอินด้วยเบอร์มือถือกับรหัสผ่าน (หรือโปรไฟล์ Facebook) ก่อน
  2. ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ
  3. แตะ I was incorrectly charged a cancellation fee ถ้าจะปฏิเสธการจ่ายค่าปรับยกเลิกเที่ยวโดยสารล่าช้า. แล้วจะมีแบบฟอร์มสำหรับปฏิเสธค่าปรับขึ้นมา ก็ร้องเรียนไปตามที่คุณเห็นสมควร
    • คุณจะถูกปรับเมื่อยกเลิกรถ Uber หลังผ่านไป 2 - 5 นาที แต่เวลาแบบเป๊ะๆ ที่จะโดนปรับ ก็แล้วแต่ประเทศด้วย
  4. จะอยู่ในรายชื่อของหัวข้อ Help
  5. แตะเลือกปัญหาที่ตรงกับคำร้องเรียนของคุณมากที่สุด. คุณต้องแตะตัวเลือกที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณมากที่สุด เหตุผลที่จะปฏิเสธการชำระเงินก็เช่น
    • My driver didn't start or end my trip on time (คนขับมารับหรือไปส่งไม่ตรงเวลา) - บางทีระยะเวลาของทางฝั่ง Uber ก็ไม่ตรงกับทางคุณ ให้เลือกข้อนี้ถ้ารู้สึกว่าเที่ยวโดยสารใช้เวลานานเกินไปเพราะปัญหาที่เกิดจากคนขับ
    • My driver took a poor route (คนขับเลือกทางที่ไกลกว่า) - ถ้าคนขับอ้อมแบบเห็นๆ (เช่น จะไปดอนเมืองแต่พาไปสนามหลวง) Uber ก็จะคืนเงินค่าโดยสารให้เอง ถ้าคุณเลือกข้อนี้
    • My driver stopped mid-trip (คนขับหยุดกลางทาง) - ถ้าคนขับแวะที่ไหนนอกจุดแวะหรือจุดหมายปลายทางของคุณ ให้เลือกข้อนี้ แล้วจะได้ค่าโดยสารคืน
    • I did not take this trip (ถูกตัดเงินทั้งที่ไม่ได้ใช้บริการ) - ถ้ามีเที่ยวโดยสารหรือใบเสร็จที่คุณไม่ได้ใช้บริการ ไม่อยู่ใน tab "Trips" ก็ให้เลือกข้อนี้
    • I missed my flight or event (ตกเครื่องหรือไปไม่ทันงาน) - ปกติ Uber จะไม่รับผิดชอบกรณีนี้ แต่ลองเลือกไปก็ได้ถ้ารู้สึกว่าคนขับเป็นสาเหตุทำคุณพลาดงานสำคัญ
    • I was charged a cleaning fee (ถูกเก็บค่าล้างรถ) - ถ้าอยู่ๆ ถูกตัดค่าทำความสะอาดโดยใช่เหตุ ให้เลือกข้อนี้
    • I paid a toll for my driver (คนนั่งต้องจ่ายเงินสดเป็นค่าทางด่วน) - ปกติค่าทางด่วนจะรวมอยู่ในค่าโดยสารของ Uber โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มแทนคนขับอีก
    • I paid my driver cash (จ่ายเงินสดให้คนขับไป) - Uber เขาอุตส่าห์มีเพื่อให้คุณไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าจ่าย ถ้ามีเหตุให้ต้องจ่ายเงินสดให้คนขับละก็ เลือกข้อนี้ได้เลย
  6. ตัวเลือกที่ขึ้นจะต่างกันไปตามเหตุผลที่คุณเลือก
    • เช่น ถ้าเลือก "My driver took a poor route" จะมีช่อง "Share Details" ไว้อธิบายเหตุการณ์
    • แต่ถ้าเลือก "I paid my driver cash" จะมีตัวเลือกเพิ่ม เช่น "Did your driver ask for a cash tip?" (คนขับขอทิปเป็นเงินสดไหม) กับ "What was the amount of cash paid?" (คุณจ่ายสดไปเท่าไหร่)
    • กรอกข้อมูลให้ละเอียด ยิ่งรายละเอียดเยอะ Uber ก็ยิ่งมีหลักฐานประกอบการตัดสินใจ
  7. Uber จะตรวจสอบข้อมูลที่คุณแจ้งไป ถ้าเห็นว่าคุณถูกตัดเงินโดยมิชอบหรือเกิดข้อผิดพลาด ก็จะคืนเงินบางส่วน (หรือเต็มจำนวน) ภายใน 2 - 3 วัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ใช้เว็บ Uber

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้า หน้า Help ของเว็บ Uber . หน้า Help ของเว็บ Uber ใช้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธการชำระเงินได้ ถ้าคุณคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
  2. ที่มุมขวาบน แล้วล็อกอินด้วยบัญชี Uber เพื่อดูประวัติการใช้บริการ (trip history) แล้วยื่นคำร้องปฏิเสธการชำระค่าโดยสารของเที่ยวที่ต้องการ
  3. หรือล็อกอินด้วยเบอร์โทรแทนอีเมล
  4. ทางด้านซ้ายของหน้าต่าง
  5. ให้เลือกข้อนี้ถ้ารู้สึกว่าถูกตัดเงินผิดพลาด แต่ย้ำกันอีกทีว่าคุณจะถูกปรับถ้าเรียกรถแล้วรอนานเกิน 2 - 5 นาทีกว่าจะยกเลิก
  6. คลิกเลือกเหตุผลที่ตรงกับคำร้องของคุณที่สุด. คุณปฏิเสธการชำระเงินได้หลายสาเหตุ เช่น
    • คลิก "My driver didn't start or end my trip on time" (คนขับมารับหรือไปส่งไม่ตรงเวลา) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าคนขับมาสาย หรือไม่จบเที่ยวโดยสารหลังส่งคุณแล้ว
    • คลิก "My driver took a poor route" (คนขับเลือกทางที่ไกลกว่า) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าคุณรู้ว่ามีเส้นทางที่เร็วกว่าเยอะ หรือทางไปจุดหมายโดยตรงแบบไม่ต้องอ้อม แต่จะมีสิทธิ์ได้เงินคืนก็ต่อเมื่อคนขับพาอ้อมไกลจริงๆ ถ้าแค่เลี้ยวผิดนิดหน่อยไม่นับ
    • คลิก "My driver stopped mid-trip" (คนขับหยุดกลางทาง) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าคนขับแวะจอดตามอำเภอใจระหว่างทาง
    • คลิก "I did not take this trip" (ถูกตัดเงินทั้งที่ไม่ได้ใช้บริการ) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าอยู่ๆ มีเที่ยวโดยสารที่คุณไม่ได้ใช้บริการโผล่มา แต่ต้องเช็คให้ดีก่อน ว่าคนใกล้ชิดไม่ได้แอบใช้บัญชีคุณ
    • คลิก "I missed my flight or event" (ตกเครื่องหรือไปไม่ทันงาน) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าคุณพลาดอะไรไปหรือไปไม่ทันเพราะคนขับใช้เวลานานเกิน ถึง Uber จะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดกับเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ก็จะคืนค่าโดยสารให้ ถ้าพิสูจน์แล้วเที่ยวนั้นใช้เวลานานเกินจริง
    • คลิก "I was charged a cleaning fee" (ถูกเก็บค่าล้างรถ) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าคุณถูกเก็บค่าทำความสะอาดโดยที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุ แต่ถ้าคุณ ทำเลอะเทอะ จริง คนขับก็มีสิทธิ์เรียกค่าชดเชยเต็มๆ
    • คลิก "I paid a toll for my driver" (คนนั่งต้องจ่ายเงินสดเป็นค่าทางด่วน) - ให้เลือกข้อนี้ถ้าอยู่ๆ คนขับมาขอเงินสดเป็นค่าทางด่วน ปกติค่าทางด่วนจะรวมอยู่กับค่าบริการที่ถูกตัด เพราะงั้นถ้าคนขับขอเงินสดเพิ่ม ก็ขอคืนจาก Uber ได้เลย
  7. พอเลือกสาเหตุที่ต้องการแล้ว จะมีให้กรอกแบบฟอร์มก่อนยื่นเรื่อง แต่ละสาเหตุก็จะใช้แบบฟอร์มต่างกันไป เช่น ถ้าเลือก "I paid a toll for my driver" ก็จะมีช่องให้ใส่ว่าคุณจ่ายค่าทางด่วนไปเท่าไหร่
    • อธิบายให้ชัดเจนแต่สุภาพ ถ้าจัดเต็มระบายอารมณ์ ระวัง Uber ทำเฉยหรือไม่รับเรื่องร้องเรียน
  8. พอกรอกแบบฟอร์มเสร็จแล้ว ให้คลิก Submit เพื่อส่งเรื่องไปที่ Uber จากนั้น Uber จะตรวจสอบคำร้องแล้วติดต่อกลับมาพร้อมคำตอบใน 2 - 3 วันทำการ
  9. เวลาที่ใช้มีตั้งแต่ 24 ชั่วโมงไปจนถึงเป็นอาทิตย์และนานกว่านั้น พอผลออกแล้วจะส่งมาทางอีเมลที่ลงทะเบียนไว้กับ Uber
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ คงต้องลองยื่นคำร้องใหม่อีกครั้ง
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามติดต่อไกล่เกลี่ย (หรือโวยวาย) เรื่องปัญหาค่าโดยสารกับคนขับโดยตรงเด็ดขาด


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,196 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา