ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ไม่ว่าคุณจะรู้สึกไม่ดีหรือต้องการรู้สึกดีกว่าเดิม ก็มีหลายวิธีเพื่อปรับปรุงรูปร่างหน้าตาและทำให้ตัวเองรู้สึกดี ตั้งแต่การออกกำลังกายไปจนถึงทรงผม บทความนี้สามารถช่วยให้คุณได้เปลี่ยนแปลงตัวเองและมีความมั่นใจอย่างที่คุณคู่ควร!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 7:

การมองที่ภายใน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงต้องการปรับปรุงรูปร่างหน้าตาของตัวเอง. คุณกำลังทำสิ่งนี้เพื่อตัวเองหรือเพื่อคนอื่น? คุณหวังว่าจะได้อะไรจากการปรับปรุงรูปร่างหน้าตา?
    • ถ้าหากคุณพยายามเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา โดยหวังว่าจะดึงดูดใครบางคน ก็ควรระมัดระวังและซื่อสัตย์กับตัวเองในขณะที่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ทำสิ่งที่รู้สึกใช่สำหรับคุณเท่านั้น
  2. ระบุว่าคุณชอบและไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง. คนส่วนใหญ่คิดว่าการระบุสิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับตัวเองนั้นง่ายกว่า แต่คุณจำเป็นต้องระบุสิ่งที่ดีด้วยเช่นกัน
    • เมื่อคุณรู้ว่าคุณชอบอะไรมากที่สุดเกี่ยวกับตัวเองก็ควรหาวิธีใส่ลูกเล่นกับมัน
  3. ตั้งอยู่บนหลักความจริงว่าคุณสามารถหรือไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้. คุณอาจจะคิดว่าการเขียนสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบจะเป็นประโยชน์ และพิจารณาโดยตั้งอยู่บนหลักความจริงว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้าง
    • เช่น คุณไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณตัวเตี้ย แต่ถ้าต้องการ คุณก็สามารถสร้างภาพลวงตาให้ตัวเองดูสูงขึ้นโดยการใส่รองเท้าส้นสูง (ผู้หญิง) หรือรองเท้าที่มีส้นหนาขึ้น (ผู้หญิงหรือผู้ชาย) มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำกับเสื้อผ้าและทรงผมเพื่อให้คุณดูสูงขึ้นได้ (เช่น ถ้าหากคุณตัวเตี้ย คุณต้องหลีกเลี่ยงการไว้ผมยาวหรือสวมแจ็คเก็ตยาวเลยเข่า เพราะจะทำให้คุณดูตัวเตี้ยกว่าเดิม)
  4. บางทีคุณอาจจะเกลียดรูปร่างหน้าตาส่วนใหญ่ของตัวเอง แต่มันไม่เกี่ยวกับว่าคุณดูน่าดึงดูดแค่ไหน ลองเปลี่ยนสิ่งที่คุณไม่ชอบให้เป็นสิ่งที่คุณชอบในขณะที่คุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้
    • บางทีคุณอาจจะเกลียดที่ผมของคุณหนามากแต่ถ้าคุณมีทรงผม ผลิตภัณฑ์และการจัดทรงที่เหมาะสมคุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงและชอบสิ่งที่คุณสามารถทำกับผมได้
  5. การปรับปรุงรูปร่างหน้าตาคือการปลดปล่อยตัวเองให้เปล่งประกาย และไม่ใช่การพยายามทำตัวให้เข้ากับมาตรฐานของความน่าดึงดูดที่สังคมได้กำหนดไว้โดยรวม จำสิ่งนี้ไว้ในขณะที่คุณปรับปรุงรูปร่างหน้าตาของตัวเอง
    • บางทีคุณรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดด้วยผมและผิวสีธรรมชาติโดยการสวมเสื้อผ้าสีกลางๆ บางทีคุณรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดเมื่อย้อมผมให้เป็นสีสัน เจาะร่างกายและสวมเสื้อผ้าแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนใคร อย่าปล่อยให้สังคมกำหนดว่าคุณจะดูดีที่สุดอย่างไร คุณคือคนที่รู้จักตัวเองมากที่สุด
  6. การที่ได้รู้สึกดีมากขึ้นเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาอาจจะทำได้ง่ายแค่เพียงตัดผมทรงใหม่สำหรับบางคน แต่สำหรับบางคนก็อาจจะเป็นขั้นตอนที่ยาวนานขึ้นและยากขึ้น รับรู้ว่าเราทุกคนเคยประสบปัญหากับความมั่นใจในตัวเองและการรักษาพฤติกรรมเพื่อให้มีสุขภาพดี สิ่งสำคัญคือคุณต้องคิดบวกและสำคัญที่สุดคือคุณต้องอ่อนโยนกับตัวเอง
    • ถ้าคุณตัดสินใจว่าส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อปรับปรุงรูปร่างหน้าตาคือการออกกำลังกายบ่อยขึ้น การอ่อนโยนกับตัวเองก็แปลว่าคุณต้องนึกถึงหลักความจริงว่าคุณสามารถทำอะไรได้ เช่น ถ้าหากคุณออกกำลังกายไม่บ่อยก็ควรเริ่มออกกำลังกาย 2 วันต่อสัปดาห์และเพิ่มจำนวนวันขึ้น การอ่อนโยนกับตัวเองยังหมายถึง เมื่อคุณมีวันที่ไม่ดีหรือทำผิดพลาด ก็ไม่ควรโกรธตัวเองแต่ควรรับรู้ข้อผิดพลาด ให้อภัยตัวเองและสัญญาว่าจะเริ่มต้นใหม่ให้ดีในวันพรุ่งนี้
  7. การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณจดจ่อและมีวินัย เมื่อคุณวางแผนทำสิ่งใดก็อย่าตั้งเป้าหมายเยอะเกินไปในเวลาเดียวกัน ถ้าหากคุณเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในเวลาเดียวกันก็จะเสี่ยงกับการรู้สึกท่วมท้นและไม่สามารถทำตามแผนได้เลย
    • ถ้าหากคุณตัดสินใจลดน้ำหนัก บำรุงผิวและนอนหลับให้ดีขึ้น คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเป็นขั้นตอน
      • เช่น คุณสามารถเริ่มด้วยการออกกำลังกาย 2 ครั้งต่อสัปดาห์และพยายามล้างหน้า 2 ครั้งต่อวันด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม (เหมาะกับสภาพผิว ผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมันเกิดสิวง่าย) ในช่วงหนึ่งหรือสองสัปดาห์แรก
  8. เมื่อคุณพิจารณาแรงกระตุ้นและแผนการสำหรับการปรับปรุงรูปร่างหน้าตา ก็ควรจดบันทึกความคิดและความรู้สึกในสมุดบันทึก เขียนเกี่ยวกับการปรับปรุงรูปร่างหน้าตา เขียนแผนการในสมุดเพื่อให้คุณมีบันทึกเพื่อย้อนกลับมาดู
    • จดบันทึกพฤติกรรมใหม่ๆ ของการปรับปรุงรูปร่างหน้าตา วิธีนี้จะช่วยให้คุณประเมินว่าอะไรที่ได้ผลและไม่ได้ผล
  9. คุณจะไม่เห็นผลลัพธ์ในทันทีนอกจากว่าคุณมีเงินมากพอและพร้อมที่จะใช้วิธีการศัลยกรรม คุณต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อปรับปรุงรูปร่างหน้าตาระยะยาว ให้เวลาและพื้นที่ที่ตัวเองต้องการ รับรู้ว่าสิ่งนี้จะแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 7:

การมีสุขภาพดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คนส่วนใหญ่ดื่มน้ำให้เพียงพอ การทำให้ร่างกายมีน้ำเพียงพอไม่เพียงแต่จะปรับปรุงผิวของคุณ แต่ยังช่วยให้คุณจดจ่อและมีพลังและอาจจะช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
    • ปริมาณน้ำที่แต่ละคนควรดื่มแตกต่างกันแต่โดยเฉลี่ยแล้วคือ 8 แก้วๆ ละ 240 มิลลิลิตรต่อวัน
    • เพื่อให้มั่นใจว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอก็ควรดูสีของปัสสาวะว่ามีลักษณะใสและมีสีอ่อน ไม่เข้ม เพราะปัสสาวะสีเข้มบ่งบอกว่าคุณขาดน้ำอย่างรุนแรง
  2. การทานอาหารที่มีประโยชน์แตกต่างกันสำหรับแต่ละคนและขึ้นอยู่กับสารเคมีในร่างกาย โดยทั่วไปคุณต้องทำให้มั่นใจว่าคุณได้รับโปรตีนที่เพียงพอ (เนื้อไร้ไขมันหรือทางเลือกเสริม ถั่ว) ไขมันที่มีประโยชน์ (น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ อะโวคาโด) และสารอาหารอื่นๆ จากผักและผลไม้และคุณควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและน้ำตาลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • ถ้าหากคุณแพ้นม ทานมังสวิรัติ เป็นโรคในช่องท้องหรือมีความต้องการทางอาหารที่เฉพาะเจาะจง ก็ควรปรึกษานักโภชนาการเกี่ยวกับอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
    • จำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงอาหารไม่ใช่การอดอาหาร หลีกเลี่ยงการตัดแคลอรี่หรืออาหารที่มีประโยชน์ออกเพื่อลดน้ำหนัก นอกเสียจากว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงการรักษาของแพทย์เพื่อลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว การอดอาหารมักจะทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อคุณหิวและเหนื่อยจากการอดอาหาร คุณก็จะมีพลังงานน้อยลงเพื่อยังชีพ
  3. คุณควรพิจารณาว่ากระดูก สมองและพลังงานของคุณรู้สึกอย่างไรแทนที่จะมองเข็มตาชั่งทุกเช้า เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะพบว่าสิ่งเหล่านี้จะดีขึ้น เมื่อคุณเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น นอกเสียจากว่าคุณกำลังต่อสู้กับโรคอะไรบางอย่าง
    • ถ้าหากคุณเป็นโรคก็ควรปรึกษาแพทย์และได้รับคำอนุญาตก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
    • ถ้าหากคุณสูง 180 เซนติเมตรและคุณอ่านในหนังสือว่าดาราคนโปรดของคุณหนักเพียง 50 กิโลกรัมก็ควรยึดถึงหลักความจริง การมีความสูง 180 เซนติเมตรและหนักเพียง 50 กิโลกรัมไม่ใช่สิ่งที่ดี คุณจะผอมเหลือแต่กระดูก
  4. เลือกกิจกรรมที่คุณชอบและได้ผลกับร่างกายของคุณและค่อยๆ ใส่กิจกรรมนี้ลงในวิถีชีวิตของคุณ หาเวลาออกกำลังกาย 3 วันต่อสัปดาห์ให้ได้ถ้าหากคุณออกกำลังกาย 2 วันต่อสัปดาห์อยู่แล้ว โดยทั่วไปคุณจะต้องผสมผสานความยืดหยุ่น ความแข็งแรงและคาดิโอเข้าด้วยกัน
    • คุณจะต้องเริ่มด้วยการออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน จากนั้นจึงใช้เวลามากขึ้นจนถึงประมาณ 3-5 วันต่อสัปดาห์
    • การออกกำลังกายจะรู้สึกทรมานน้อยลงและรู้สึกเหมือนการผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อคุณเลือกกิจกรรมที่คุณชอบ เรียนการเต้นหรือเข้าร่วมทีมกีฬา
    • ถ้าหากคุณมีปัญหาหัวเข่าก็ไม่ควรไปวิ่ง การว่ายน้ำจะเหมาะสมมากกว่า
  5. ฝึกสมาธิ . การฝึกสมาธิช่วยให้คุณรับรู้ถึงจิตใจและร่างกายของตัวเองมากขึ้น มันไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณจดจ่อกับเป้าหมาย แต่ยังช่วยให้คุณมีความสงบและราบรื่นจากภายใน เพื่อคุณจะสามารถยอมรับตัวเองได้ง่ายขึ้นไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงไหนของกระบวนการก็ตาม
  6. เมื่อคนเรานอนหลับไม่เพียงพอก็จะไม่สามารถเป็นตัวตนที่ดีที่สุดของตัวเองได้ มันแสดงออกทางอารมณ์ ภาษากาย (หลังห่อ ตาละห้อย) และทำให้เราดูน่าดึงดูดน้อยลง พยายามนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืนและนอนให้เป็นเวลา (เช่น นอนตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 7 โมงเช้าเป็นประจำ)
    • ถ้าหากคุณมีปัญหาด้านการนอนก็อาจจะพบว่าการผ่อนคลายกล้ามเนื้อสามารถช่วยได้
      • นอนราบบนเตียง หลับตาและสูดหายใจลึกๆ รับรู้ถึงร่างกายของตัวเอง เริ่มจากศีรษะลงมาเรื่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อและคลาย ขั้นตอนที่ถูกต้องคือ: เริ่มจากหน้าผาก คิ้ว ตา แก้ม จมูก ปาก ขากรรไกร คอ หัวไหล่ แขนด้านบน หน้าแขน มือ นิ้ว (กำมือ) หน้าอก ท้องส่วนบน ท้องส่วนล่าง เชิงกราน ก้นกบ น่อง หัวเข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า เท้า นิ้วเท้า เมื่อเสร็จสิ้นก็ควรเกร็งร่างกายอีกครั้ง ค้างเอาไว้สักพักและคลายออก
    • สำหรับคนที่ทำงานที่บ้านก็อาจจะเคลื่อนย้ายตัวเองจากงานไปนอนได้ยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากบ้านที่อยู่อาศัยเล็กหรือไม่มีบริเวณทำงาน ถ้าหากคุณมีปัญหาด้านการนอนก็ควรหาพื้นที่สำหรับนอนหลับโดยเฉพาะ อย่าทำงานในบริเวณนี้ ทำให้เตียงเป็นที่พักผ่อนของคุณ
    • น้ำมันและสมุนไพรสามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายก่อนนอนได้ น้ำมันสกัดจากดอกไม้ เช่น ลาเวนเดอร์และดอกจากต้นส้มและสมุนไพร เช่น รากของต้นวาเลอเรี่ยน ถ้าหากคุณเลือกทานอาหารเสริมก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำให้มั่นใจว่ามันปลอดภัยกับสิ่งอื่นที่คุณทานอยู่ในขณะนี้หรือกับโรคที่คุณเป็น
  7. ถ้าหากคุณพยายามปรับปรุงรูปร่างหน้าตาก็อาจจะประสบปัญหากับความมั่นใจของร่างกาย คุณอาจจะพบว่าการปรับปรุงรูปร่างหน้าตาเป็นสิ่งที่ยากถึงแม้ว่าคุณไม่ได้ประสบปัญหาใดๆ ก็ตาม ทำให้มั่นใจว่าคุณใช้เวลาเพื่อให้รางวัลกับตัวเองหลังจากที่พยายามอย่างหนัก
    • รางวัลที่ให้ตัวเอง ได้แก่ การซื้อเสื้อผ้าสวยๆ หรือใช้เวลาทั้งวันที่สปาหรือแม้แต่ซื้อวีดีโอเกมที่คุณชอบ (ตราบใดที่มันไม่ได้ดึงเวลาจากการออกกำลังกายของคุณ) หรือเก็บเงินและจ่ายค่าเรียนออกกำลังกายหรือค่าสมาชิกชมรมที่คุณต้องการ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 7:

การปรับปรุงผิวของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซื้อผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ. ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อที่คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปช่วยทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยการเขียนบนฉลากว่าผลิตภัณฑ์นี้เหมาะกับผิวประเภทใด
    • คุณน่าจะเห็นประเภทของผิว 4 ประเภท: ผิวธรรมดา (มีสิวบ้างประปรายแต่ไม่มีปัญหา) ผิวผสม (ผิวแห้งบริเวณแก้มและมันบริเวณหน้าผาก จมูกและคาง) ผิวมันและเป็นสิวง่ายและผิวแห้งและแพ้ง่าย (ผิวลอกเป็นขุยและแพ้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม)
  2. ล้างหน้าอย่างระมัดระวัง ห้ามขัดแรงจนเกินไปเพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวหรือทำให้สิวที่มีอยู่แย่กว่าเดิม
  3. ใช้โทนเนอร์เช็ดเบาๆ ด้วยสำลีแผ่นหลังการล้างหน้า โทนเนอร์ช่วยปรับค่า pH ของผิว (ค่าความเป็นกรดด่าง) และทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้น หลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง
  4. ทามอยเจอไรเซอร์หลังการล้างหน้าและใช้โทนเนอร์. ยี่ห้อที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปจะระบุบนฉลาก ว่าผลิตภัณฑ์เหมาะกับผิวประเภทใดเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
  5. การขัดผิวหน้าช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้ผิวดูกระจ่างใส ถ้าหากคุณเป็นสิวรุนแรงก็ควรหลีกเลี่ยงการขัดหน้า เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองและการขัดสามารถกระจายเชื้อแบคทีเรียจากสิวไปยังบริเวณอื่นๆ ของผิว
  6. คุณสามารถใช้น้ำมันทีทรีหรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกเมื่อคุณเป็นสิว อย่าพยายามบีบสิวเพราะจะทำให้มันแย่ลง
  7. ถ้าหากคุณเป็นสิวรุนแรงและพยายามควบคุมมันก็ควรปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ผิวหนัง แพทย์มืออาชีพสามารถช่วยระบุปัญหาและหาวิธีการเพื่อลดหรือกำจัดสิวได้
    • แพทย์หรือแพทย์ผิวหนังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับยารับประทาน ยาทาหรือทั้งสองอย่างได้
    • ถ้าคุณเป็นผู้ชายและคุณโกนหนวดก็ควรโกนในทิศทางเดียวกับเส้นขนเพื่อป้องกันการเกิดสิวจากการระคายเคือง
  8. มอยเจอไรเซอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของ SPF ระหว่าง 15 ถึง 30 มองหาคำว่า “SPF 15” หรือ “SPF 30” บนฉลาก เมื่อคุณเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ก็ควรทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่อุดตันรูขุมขน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครีมกันแดดสำหรับใบหน้า (ไม่ก่อให้เกิดสิว) หลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
  9. ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจเกี่ยวกับสภาพผิว ก็สามารถทามอยเจอไรเซอร์หรือคอนซีลเลอร์ที่มีสีซึ่งมีสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย มองหาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดสิว (ไม่อุดตันรูขุมขน) และเหมาะกับสภาพผิวของคุณ (ผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมันเป็นสิวง่าย ผิวแห้งและแพ้ง่าย)
    • คุณสามารถใช้คอนซีลเลอร์สีเขียวเพื่อปกปิดสิวหรือบริเวณที่ผิวแดงอักเสบ ก่อนที่จะลงคอนซีลเลอร์ที่เหมาะกับสีผิว
    • จำไว้ว่าการแต่งหน้าสามารถเร่งการเกิดสิวถึงแม้ว่าบางยี่ห้อระบุว่าสามารถช่วยป้องกันสิวได้ก็ตาม
  10. ทำให้ผิวของคุณโดดเด่นด้วยดวงตาใส ลดถุงใต้ตาและรอยคล้ำด้วยครีมและคอนซีลเลอร์ ลดอาการตาแดงด้วยยาหยอดตา
    • ถ้าหากคุณมีโรคที่เกี่ยวกับดวงตาก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ยาหยอดตา
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 7:

การทำตัวให้หอม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อาบน้ำทุกวันนอกเสียจากว่าคุณมีผิวที่แห้งมากหรือเป็นโรคหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถอาบน้ำได้ คุณต้องอาบให้ทั่วร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่มีเหงื่อออกได้ง่าย (รักแร้และจุดซ่อนเร้น)
    • เมื่อคุณเลือกสบู่ก็อาจจะต้องการเลือกแบบที่มีกลิ่นหอม แต่สบู่ที่มีกลิ่นแรงเกินไปสามารถทำให้ผิวระคายเคืองได้ คุณควรเลือกซื้อสบู่ที่ไม่มีกลิ่นหรือออกแบบมาเพื่อผิวแต่ละประเภท (เช่น ถ้าหากคุณมีผิวมันและมีสิวที่หลังก็ควรเลือกสบู่ที่ออกแบบมาเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่าย)
  2. ถ้าหากฟันของคุณมีสุขภาพดีและผิวเคลือบฟันไม่บาง คุณก็สามารถใช้ยาสีฟันที่ฟอกสีฟันได้ ถ้าหากฟันของคุณบางก็อาจจะต้องใช้ยาสีฟันที่เหมาะสำหรับฟันที่ไวต่อความรู้สึกและช่วยกันเคลือบฟัน
  3. สิ่งนี้จะช่วยกำจัดเศษอาหารและคราบฟันทำให้ฟันมีสุขภาพดีและลมหายใจหอมสดชื่น
  4. มีผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายมากมายสำหรับวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ถ้าหากคุณกังวลเรื่องของสุขภาพ ก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่มีอลูมิเนียม เพราะงานวิจัยเสนอว่ามันทำให้เกิดมะเร็งได้ [1]
  5. ทำให้เสื้อผ้าสะอาดและรีดเสื้อผ้าถ้าจำเป็น (คุณน่าจะต้องรีดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คหลังการซัก)
    • กฎข้อสำคัญคือคุณต้องซักเสื้อชั้นใน ชุดชั้นในและเสื้อผ้าออกกำลังกายหลังการสวมใส่ทุกครั้ง (ยกเว้นเสื้อชั้นในซึ่งคุณสามารถใส่ได้หลายครั้งก่อนซัก) ซักเสื้อหลังการใส่ 1-2 ครั้งโดยขึ้นอยู่กับว่าคุณเหงื่อออกมากแค่ไหน ซักกางเกงหลังการใส่ 5-6 ครั้งและซักเสื้อโค้ททุก 1-2 เดือน [2]
    • การซักชุดนอนบ่อยครั้ง (หลังการใส่ 3-4 ครั้ง) สามารถช่วยลดสิวได้ถ้าหากคุณมีสิวบริเวณอื่นนอกเหนือจากใบหน้า
  6. หาผลิตภัณฑ์ที่รู้สึกไม่เหมือนใครให้เป็น “กลิ่นเฉพาะตัว” ของคุณ กลิ่นที่แตกต่างกันเหมาะกับสารเคมีของร่างกายที่แตกต่างกัน ทางที่ดีคุณควรไปยังร้านขายยาหรือห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายน้ำหอมหรือโคโลญ และลองกลิ่นจนกว่าจะพบกลิ่นที่คุณชอบ ที่เอาไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังจากที่คุณฉีดบนผิวเพราะกลิ่นสามารถเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา
    • กลิ่นมีหลายแบบ: กลิ่นอะโรมาติก (ใบหญ้า-เครื่องเทศ) ชีเพรอ (มอส แพทชูลี มะกรูด) ซิตรัส (กลิ่นเปรี้ยว เช่น เกรปฟรุตหรือส้มแมนดาริน) ดอกไม้ (ดอกไม้ที่เพิ่งเด็ดมา กลิ่นดอกไม้และผลไม้มักจะคล้ายกัน) หนัง (ควัน ทาร์ผสมกับดอกไม้และกลิ่นเปรี้ยว) ตะวันออก (มัสค์ วานิลลา ยางสน ไม้ผสมกับกลิ่นดอกไม้และเครื่องเทศ) เป็นไม้ (อุ่นๆ ไม้จันทน์ สนแห้งเฝื่อน เย็นๆ ผสมกับอะโรมาติกและซิตรัส) [3]
    • อย่าฉีดน้ำหอมหรือโคโลญมากเกินไป การฉีดน้ำหอมมากเกินไปแย่กว่าการไม่ฉีดเลย ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าต้องฉีดมากเท่าไหร่ก็ควรลองดมหลังจากฉีดเล็กน้อย คุณสามารถฉีดด้านหน้าและเดินผ่านละอองน้ำหอม
  7. ถ้าหากคุณกำลังจะเจอใครบางคนและกังวลเรื่องของกลิ่นปากก็ควรอมลูกอมรสมินต์หรือใช้สเปรย์ฉีดปาก ถ้าหากคุณเลือกที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งก็ควรคายออกก่อนที่จะเข้าประชุมสำคัญ เพราะบางคนคิดว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นสิ่งที่หยาบคายหรือน่ารำคาญ บางคนอาจจะมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาท
    โฆษณา
ส่วน 5
ส่วน 5 ของ 7:

การแต่งตัวให้ดูดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางทีคุณอาจจะรู้แล้วว่าคุณเป็นคนอย่างไรและชอบแต่งตัวแบบไหน ถ้าหากคุณไม่รู้ก็ควรเริ่มจดบันทึกสไตล์ของตัวเองหรือหาแฟ้มเพื่อเก็บสะสมสไตล์ที่คุณชอบ การหาสไตล์ของตัวเองคือการพิจารณาเสื้อผ้าและทรงผม (และเครื่องสำอาง ถ้าคุณแต่งหน้า) ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณได้ดีที่สุด
    • คุณเป็นคนเฉียบเฉี่ยว หรือเรียบง่าย? คุณชอบเก็บตัวหรือชอบเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง? หรือคุณชอบเป็นที่สนใจแต่ต้องการสวมเสื้อผ้าที่เป็นกลางและทำให้ทุกคนประหลาดใจด้วยนิสัยของคุณ
    • บางครั้งคุณจำเป็นต้องรู้ว่าการหาสไตล์ที่เป็นตัวคุณนั้นเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของเงินทุนหรือการทำงาน เช่น ถ้าหากคุณเป็นนางพยาบาลก็ต้องสวมชุดเครื่องแบบ คุณอาจจะสามารถแสดงนิสัยของตัวเองผ่านทางลวดลายของเครื่องแบบได้
  2. การหารูปร่างของตัวเองจะช่วยให้คุณหาแบบของเสื้อผ้าที่ดูดีที่สุดและส่วนของร่างกายที่คุณต้องการเน้น รูปร่างของทุกคนแตกต่างกันและเราควร แต่งตัวให้เหมาะกับรูปร่าง
    • ทั่วไปผู้หญิงมีรูปร่าง 4 แบบ: แอปเปิ้ล (ท่อนบนหนา ช่วงอกใหญ่และขาเล็ก) ตรง/สี่เหลี่ยมผืนผ้า (เอวและสะโพกเท่ากัน “บอยๆ”) แพร์ (ท่อนล่างใหญ่ สะโพกใหญ่กว่าช่วงอก) และนาฬิกาทราย (สะโพกและช่วงอกเท่ากันแต่เอวคอด)
    • โดยทั่วไปผู้ชายมีรูปร่าง 4 แบบเช่นกัน: เฉลี่ย (ไหล่กว้างไล่ลงมาถึงบริเวณเอว) สามเหลี่ยมคว่ำ (หุ่นนักกีฬา มีกล้ามเนื้อปานกลางถึงมาก) สี่เหลี่ยมผืนผ้า (หุ่นผอมหรือคอด เอวและช่วงไหล่เท่ากัน) หรือสามเหลี่ยม (ช่วงลำตัวหนาและช่วงไหล่แคบ) [4]
  3. ใช้เสื้อผ้าเพื่อเน้นสิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับร่างกาย สำหรับผู้หญิงหลายคนสิ่งนี้แปลว่าการเน้นเอว หน้าอก แผ่นหลังหรือเรียวขา สำหรับผู้ชายสิ่งนี้หมายถึงการเน้นช่วงไหล่ที่กว้าง อกผายหรือแผ่นหลังที่สวยงาม
    • ถ้าคุณเป็นผู้หญิงและคุณมีรูปร่างแบบแอปเปิ้ล ก็ควรสวมเสื้อผ้าที่เน้นเรียวขาและดึงความสนใจออกจากช่วงไหล่ที่กว้างหรือช่วงลำตัวที่หนา
    • ถ้าหากคุณเป็นผู้ชายและมีหุ่นแบบสามเหลี่ยมก็ต้องพยายามทำให้ช่วงไหล่ดูกว้างขึ้นและช่วงลำตัวดูแคบลงโดยสวมเสื้อเชิ้ตที่มีทรง [5]
  4. สวมเสื้อผ้าโดย เลือกสีที่เหมาะกับสีผิว . สีผิวที่แตกต่างกันปรากฏอยู่ใน 2 กลุ่มพื้นฐานคือที่ผิวโทน “อุ่น” และโทน “เย็น” และการหาว่าสีผิวของคุณเป็นโทนใดคือจุดเริ่มต้นที่ดี
    • ถ้าหากคุณมีสีผิวโทนอุ่นก็จะมีอันเดอร์โทนสีเหลือง สีผิวโทนอุ่นมักจะมีเส้นเลือดสีเขียว คนที่มีสีผิวโทนอุ่นดูดีในเสื้อผ้าสีเอิร์ธโทน: ส้มแก่ ครีม เหลืองสว่าง น้ำตาล เขียวเข้ม แดงเข้ม [6]
    • ถ้าคุณมีสีผิวโทนเย็นก็จะมีอันเดอร์โทนสีชมพู สีผิวโทนเย็นมักจะมีเส้นเลือดสีฟ้า คนที่มีสีผิวโทนเย็นดูดีในเสื้อผ้าสีเย็น: ดำ ฟ้าเข้ม น้ำเงิน เทา [7]
  5. เมื่อคุณรู้สไตล์ของตัวเองและเสื้อผ้าที่จะทำให้คุณดูดีแล้ว ก็ควรจัดการตู้เสื้อผ้าและกำจัดเสื้อผ้าที่คุณใส่ไม่สวยซึ่งรวมไปถึงชุดออกกำลังกายและชุดนอน ถ้าหากคุณสามารถทําได้
    • การปรับปรุงรูปร่างหน้าตาคือการปรับปรุงความมั่นใจ เพราะฉะนั้นคุณต้องรู้สึกดีกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองถึงแม้ว่าคุณกำลังใส่ชุดนอนอยู่ก็ตาม
    • ถ้าหากคุณไม่แน่ใจว่าควรกำจัดหรือเก็บเสื้อผ้าชิ้นไหนก็ควรชวนเพื่อนมาที่บ้านเพื่อขอคำแนะนำ คุณสามารถหาช่วงเย็นของวันหนึ่งเพื่อจัดการตู้เสื้อผ้าและทำอาหารเย็นให้เพื่อนเป็นการตอบแทน
  6. ซื้อเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับที่ทำให้คุณรู้สึกดี. คุณอาจจะต้องการซื้อทุกอย่างที่ลดราคาแต่คุณสามารถประหยัดเงินด้วยการซื้อเฉพาะสิ่งที่คุณใส่แล้วดูดี
  7. ขอให้เพื่อนไปซื้อเสื้อผ้าใหม่กับคุณ ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าคุณใส่อะไรแล้วดูดีและคุณมีเงินทุนเพียงพอ ก็สามารถจ้างผู้ช่วยส่วนตัวเพื่อช่วยคุณเลือกเสื้อผ้า
  8. สวมเครื่องประดับ เช่น นาฬิกา แว่นกันแดด เนคไท สร้อยคอ เป็นต้น เล็มและทาเล็บอยู่เสมอ ถ้าหากคุณต้องการก็สามารถทาสีเล็บเพื่อแมทช์กับเสื้อผ้า มันคือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ตอกย้ำสไตล์ของคุณ
    • เช่น ถ้าหากคุณมักจะสวมเสื้อผ้าสีดำก็ควรใส่เครื่องประดับที่ชัดเจน สำหรับผู้หญิงสิ่งนี้อาจจะเป็นสร้อยคอเส้นโตสีสว่างกับลิปสติกสีสว่าง สำหรับผู้ชายก็อาจจะเป็นเนคไทมีลวดลายสีสว่างกับคัพลิ้งแนววินเทจ
    โฆษณา
ส่วน 6
ส่วน 6 ของ 7:

การมีผมสวย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมหลังจาก พิจารณาชนิดของเส้นผม . ผมคุณหนาหรือบาง? ผมแห้ง มันหรือผสม? ผมคุณทำสีหรือเปล่า? ผมหยิก? ผมตรง? สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อและยี่ห้อส่วนใหญ่ (ทั้งที่วางจำหน่ายที่ร้านขายยาทั่วไปและของมืออาชีพ) บอกคุณว่าผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสมกับผมประเภทใด
  2. ดูว่าคุณต้องสระผมบ่อยแค่ไหนเพื่อให้ผมของคุณดูสะอาด (คุณต้องสระผมเมื่อผมมัน ลีบและแยกออกจากกัน) และสระผมตามนั้น อย่าสระผมบ่อยเกินความจำเป็นเพราะผมอาจจะแห้งได้
  3. รูปทรงของใบหน้า ได้แก่ สี่เหลี่ยมหรือวงกลม (ความกว้างเท่าความยาวและทรงสี่เหลี่ยมมีคางเป็นมุม) รูปไข่ (ยาวมากกว่ากว้าง) หรือรูปหัวใจ (คางยื่นออกมา แนวผมบนหน้าผากมีขวัญอยู่ตรงกลาง)
  4. ดูในอินเทอร์เน็ตหรือซื้อนิตยสารแบบทรงผมตามร้านทั่วไป เพื่อหาตัวอย่างทรงผมที่คุณชอบและเข้ากับรูปทรงของใบหน้า
    • หน้าทรงสี่เหลี่ยมดูดีกับทรงผมเฉี่ยวๆ ตัดเป็นมุม เช่น ทรงบ๊อบยาวเท่าคาง ผมซอยเล็กน้อยก็ดูดีเช่นกัน
    • หน้ารูปไข่จะดูสมดุลกับผมซอยไม่ว่าจะยาวเท่าไหร่ก็ตาม ผมหน้าม้าจะทำให้หน้ารูปไข่ยาวดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
    • หน้ารูปหัวใจมักจะมาพร้อมกับโหนกแก้มที่สวยงาม เน้นโหนกแก้มด้วยผมซอยสั้นหรือหน้าม้ายาว
  5. ถ้าหากคุณมีผมบางและตรงและคุณต้องการทรงผมที่ต้องมีผมหนาและหยิกก็ควรพิจารณาอีกครั้ง แม้แต่ช่างทำผมที่เก่งที่สุดก็ไม่ใช่นักมายากล พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนเส้นผมของคุณได้
  6. ถามคนรอบตัวหรือหาในอินเทอร์เน็ตเพื่อหาช่างตัดผมที่เก่งแถวบ้าน นำรูปภาพของทรงผมที่คุณต้องการไปด้วยเพื่อที่ช่างตัดผมจะได้รู้ว่าคุณต้องการแบบใด บอกช่างทำผมว่าคุณต้องการตัดทรงไหนและทำให้มั่นใจว่าคุณทั้งคู่เข้าใจชัดเจนว่าต้องทำอะไร
  7. โดยทั่วไปสีผมธรรมชาติน่าจะเข้ากับสีผิวของคุณ แต่การทำสีผมเป็นวิธีที่ดีเพื่อให้ดวงตาของคุณโดดเด่นและเพิ่มความตื่นเต้นให้กับรูปลักษณ์ของคุณ คุณต้องเลือกสีผมตามสีผิวของคุณเช่นเดียวกับเสื้อผ้า
    • ถ้าคุณมีสีผิวโทนเย็นก็ควรย้อมผมสีเข้ม เช่น สีดำหรือสีน้ำเงินถ้าหากคุณรู้สึกกล้าพอ
    • ถ้าหากคุณมีสีผิวโทนอุ่นก็ควรเลือกสีเอิร์ธโทน เช่น สีแดง สีทองแดงหรือสีน้ำตาล
    • ถ้าหากคุณมีเงินทุนมากพอ ก็ควรทำสีผมกับช่างมืออาชีพ เพื่อที่คุณจะได้คำปรึกษาว่าสีอะไรที่เหมาะกับสีผิวของคุณมากที่สุดและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นซึ่งทำร้ายผมน้อยลง
  8. ถ้าคุณเป็นผู้หญิงก็อาจจะต้องกันคิ้วและกำจัดขนบนใบหน้า (ขนที่ออกจากเม็ดไฝ หนวด ขนบริเวณคาง) ถ้าหากคุณเป็นผู้ชายก็อาจจะซับซ้อนกว่านั้นด้วยการกันคิ้ว โกนหนวดและเล็มเครา
    • รูปทรงของใบหน้าก็มีส่วนสำหรับผู้ชาย เช่น ผู้ชายที่มีหน้ารูปหัวใจควรไว้หนวดแพะหรือเคราเพื่อช่วยทำให้ส่วนบนของใบหน้าดูสมดุล
  9. ผู้หญิงส่วนใหญ่และผู้ชายบางคนโกนขนหน้าแข้งและขนรักแร้และเล็มขนบริเวณอวัยวะเพศ ถ้าหากคุณไม่ต้องการทำสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เป็นไร คุณกำลังพยายามปรับปรุงรูปร่างหน้าตาและถ้าหากคุณชอบมีขนหน้าแข้งก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
    โฆษณา
ส่วน 7
ส่วน 7 ของ 7:

การเพิ่มความมั่นใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายคนมีเสียงในหัวที่คอยวิจารณ์ว่าเราไม่ดีพอ โง่และไม่น่าดึงดูด อย่าปล่อยให้เสียงเหล่านี้เล่นงานคุณ รับรู้และโต้ตอบด้วยการพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับตัวเอง
    • บางทีเมื่อคุณแต่งตัวตอนเช้าและเสื้อผ้ารู้สึกคับจนคุณคิดว่า “ฉันอ้วนจังเลย ฉันน่าเกลียด ไม่อยากเชื่อเลยว่าน้ำหนักขึ้น แย่จริงๆ” ลองคิดกับตัวเองว่า “ฉันรับรู้เสียงตอบรับแง่ลบที่เป็นเพราะเสื้อผ้าคับๆ ใช่ เสื้อผ้าอาจจะคับแต่มันไม่ใช่จุดจบของโลก ฉันไม่ได้ดูน่าเกลียดมากกว่าเดิมเพราะสิ่งนั้น ฉันไม่ใช่คนขี้แพ้ เสื้อผ้ามันคับเองก็แค่นั้น” จากนั้นจึงโต้ตอบด้วยการพูดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับตัวเอง: “ฉันทำได้ดีมากในการประชุมเมื่อวานนี้” หรือ “ฉันภูมิใจที่กำลังพยายามปรับปรุงรูปลักษณ์ของตัวเอง”
  2. คุณต้อง ปรับบุคลิกท่าทางให้ดียิ่งขึ้น . การปรับบุคลิกท่าทางที่ดีขึ้นหมายถึงการยืนตัวตรงด้วยหลังตรง (ไม่ค่อม) ก้มคางลงเล็กน้อย ฝึกบุคลิกท่าทางที่ดีด้วยการนั่งตัวตรงที่โต๊ะทำงานและไม่ทำหลังค่อม
  3. มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อแสดงว่าคุณพร้อมที่จะคุยกับผู้อื่นและคุณเป็นนักฟังที่ดี: [8]
    • ยิ้ม ไม่ยิ้มอย่างบ้าคลั่งหรือกว้างจนเกินไป แต่ยิ้มเพียงเล็กน้อยและผ่อนคลายเพื่อแสดงว่าคุณมีความสุขที่ได้คุยกับพวกเขา
    • มองพวกเขาโดยไม่เสยคางขึ้นเพื่อที่จะไม่ดูเหมือนว่าคุณกำลังดูถูกพวกเขา
    • ไม่ควรหันหน้าเข้าหากันอย่างจัง คุณควรเอียงหน้าเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตัวเองดู เหมือนคนชอบบงการ
    • ไม่ควรใช้สีหน้าปิดกั้นหรือกดดัน คุณควรหงายฝ่ามือ ลืมตา เลิกคิ้ว เปิดปาก (ไม่เม้ม)
  4. อย่าทำมากจนเกินไปจนดูเหมือนคุณกำลังจ้องหรือเบิกตาโพลงและดูเหมือนคนบ้า แต่คุณต้องสบตาเมื่อคุณพูดคุยกับใครบางคน อย่าลืมกระพริบตาด้วย!
  5. เป็นคนมีเสน่ห์ . การเป็นคนมีเสน่ห์หมายความว่าคุณต้องมีความมั่นใจ (แต่ไม่หยิ่งยโส) น่าสนใจ มองโลกในแง่ดีและเป็นผู้ฟังที่ดี [9]
    • การเป็นคนมีเสน่ห์ในบทสนทนาหมายถึงการเล่าเรื่องที่ดี มีอารมณ์ขันและเหนือสิ่งอื่นใดคือจดจ่อกับอีกฝ่าย [10] ขอคำแนะนำ ถามคำถามติดตามเมื่อพวกเขาเล่าเรื่องให้คุณฟัง รับฟังความคิดเห็นของพวกเขาและอย่าตัดสิน [11]
  6. งานวิจัยเผยว่าเสียงที่สูงและอ่อนบางมีความเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้ตามในขณะที่เสียงต่ำมีความเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้นำทางสังคม [12] คุณควรพูดจากกระบังลมอย่างหนักแน่นและมั่นใจ
    • ระดับเสียงมีหลายระดับและแต่ละระดับมีผลกระทบต่อผู้ฟังแตกต่างกัน เสียงนาสิก (เสียงสูง มีลม) เสียงจากปาก (ออกเสียงแต่ ไม่แข็งแรงและถูกละเลยได้ง่าย) เสียงจากหน้าอก (ผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้เสียงแบบนี้ ฟังดูน่าพอใจและทำให้คนสนใจได้ ไม่มีด้านลบแต่ไม่ใช่เสียงที่ดีที่สุด) เสียงจากกระบังลม (ดึงดูดความสนใจ น่าสนใจ ฟังดูหนักแน่นและเป็นธรรมชาติ) [13]
    • ฝึกการหายใจลึกๆ (ทำให้ท้องพอง) แทนที่จะหายใจถี่ๆ (เข้าหน้าอก) เพื่อปรับปรุงการพูดจากกระบังลม วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เสียงของคุณฟังดูดีขึ้นแต่ยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและจดจ่อ [14]
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่มั่นใจเพราะเสียงของคุณ คุณอาจจะต้องลงทุนหาโค้ชฝึกเสียงหรืออย่างน้อยก็ควรหาวิดีโอสอนออกเสียงทางอินเทอร์เน็ต [15]
  7. เมื่อคุณยิ้ม ผู้คนจะรู้สึกว่าคุณเป็นมิตรและน่าเข้าหามากขึ้น สิ่งสำคัญของการมีรอยยิ้มที่ดีคือคุณต้องยิ้มอย่างจริงใจซึ่งหมายถึงยิ้มด้วยดวงตาเช่นกัน
    • การยิ้มของคุณขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ เช่น คุณสามารถยิ้มเห็นฟันเมื่อถ่ายรูปหรือพูดคุยกับคนอื่นที่งานปาร์ตี้แต่ยิ้มน้อยลง เม้มปากถ้าหากคุณพยายามดึงดูดความสนใจจากใครบางคนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง
  8. [16] สบายใจกับตัวตนที่คุณเป็นและอย่าเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่มีความมั่นใจและรู้สึกสบายใจกับตัวเองมีความน่าดึงดูดที่การแต่งตัว การรักษาความสะอาดหรือการออกกำลังกายไม่สามารถเทียบได้ [17]
    • เมื่อทุกคนรู้ว่าคุณมีความมั่นคงทางอารมณ์และพวกเขารู้ว่าควรคาดหวังอะไร พวกเขาจะต้องการอยู่ใกล้ๆ คุณ ถ้าหากพวกเขารู้ว่าคุณเป็นคนสนุกแต่บางครั้งก็รู้สึกเศร้าใจอย่างรุนแรง พวกเขาก็อาจจะไม่กล้าเข้าหาคุณ
    • ในขณะที่คุณกำลังปรับปรุงรูปร่างหน้าตาของตัวเอง คุณอาจจะพบว่าคุณมองหาตัวอย่างที่คุณอยากเป็น สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ตราบใดที่คุณไม่พยายามเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขา หรือพยายามทำตัวให้เหมือนพวกเขาจนเกินไป คุณกำลังพยายามเป็นตัวตนที่ดีที่สุดของตัวเอง ไม่ใช่กำลังเลียนแบบใครบางคน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่คุณต้องการถูกปฏิบัติ ความปราณีและความเห็นอกเห็นใจคือคุณสมบัติที่น่าดึงดูดที่คุณจะหาพบได้ในตัวใครคนหนึ่ง
  • พบทันตแพทย์อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน
  • คุณต้องสวมเสื้อผ้าและทำสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข ตราบใดที่คุณมีความสุขและรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ความสวยงามก็จะเปล่งประกายออกมา
  • อย่าแต่งหน้าจัดและใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมากเกินไป ปรนนิบัติผิวด้วยวัตถุธรรมชาติ คุณอาจจะพบสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อคุณหรือสิ่งแวดล้อม
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติแทนสารเคมี คุณสามารถหาภูมิปัญญาท้องถิ่นและลองใช้ที่บ้าน
  • ถ้าหากคุณรู้สึกแย่ก็สามารถทำสิ่งที่เรียบง่าย เช่น ช่วยเหลือใครบางคนทำอะไรบางอย่าง คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นและเป็นที่ต้องการมากขึ้น
  • อย่าพยายามดูเหมือนใครคนอื่น คุณสวยในแบบของคุณเอง
โฆษณา

คำเตือน

  • การดูแลรูปร่างหน้าตาภายนอกเป็นสิ่งสำคัญและสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่การที่คุณหมกมุ่นกับความสนใจและความพยายามมากเกินไปเพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น อาจจะทำให้คุณไม่มีความสุขและดูน่าดึงดูดน้อยลงในระยะยาว
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,404 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา