PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

ทุกคนนั้นเคยร้องไห้ แต่ผู้หญิงมีแนวโน้มว่าจะร้องไห้บ่อยกว่าผู้ชาย [1] ถ้าคุณเผชิญกับผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่ นี่เป็นขั้นตอนที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนสำคัญของคุณ เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน การปลอบผู้ที่ร้องไห้จะเป็นการทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นและทำให้ทั้งคุณและเธอรู้สึกดีขึ้นด้วย [2]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ปลอบคนสำคัญหรือเพื่อนสนิท

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. มีเหตุผลนับไม่ถ้วนว่าทำไมผู้หญิงถึงร้องไห้ บางทีเธออาจจะกำลังเศร้าอยู่ อาจจะเครียด ป่วย หรือมีความสุขอย่างท่วมท้น [3] ก่อนที่จะลงมือทำอะไร ให้ลองประเมินว่าสถานการณ์ที่ทำให้เธอร้องไห้นั้นคืออะไรและมันจะเหมาะสมหรือไม่ถ้าคุณเข้าไปปลอบเธอ เหตุผลบางอย่างที่อาจจะไม่เหมาะสมที่จะไปปลอบเธอได้แก่
    • ถ้าคุณได้รับผลกระทบจากเรื่องเดียวกันที่ทำให้เธอเสียใจ ถ้าเรื่องนั้นทำให้คุณตื่นตระหนก ขุ่นเคือง หรือเสียใจ และมันก็เป็นเรื่องเดียวกันที่ทำให้เธอคนนั้นร้องไห้ คุณอาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะช่วยเธอ ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ คุณอาจจะต้องหาบุคคลอื่นๆ ที่จะสามารถช่วยพวกคุณทั้งคู่จัดการกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น [4]
    • ถ้าเธอร้องไห้เพราะมีความสุข นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ระบุชัดเจนว่าทำไมเราถึงต้องร้องไห้เวลามีความสุข แต่บางคนที่มีความสุขอย่างท่วมท้นนั้นอาจจะร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้เหมือนกับที่บางคนร้องไห้เพราะความกลัวหรือความเศร้า [5] ถ้าเป็นกรณีนี้ ให้แสดงความยินดีกับเพื่อนหรือคนรักก็อาจจะเหมาะสมกว่าการปลอบพวกเธอ!
    • ถ้าเธอร้องไห้เพราะว่าพวกคุณทะเลาะกัน ก่อนที่จะเริ่มไปปลอบเธอ คุณอาจจะต้องทำให้ตนเองสงบลงก่อนสักพักเพื่อไม่ให้การทะเลาะถกเถียงนั้นเริ่มขึ้นมาใหม่
  2. ถ้ามันไม่มีเหตุผลไม่ดีอะไรที่คุณควรจะปลอบเธอ คุณก็ควรจะพยายามช่วยผู้หญิงที่กำลังร้องไห้คนนั้น การเพิกเฉยใครบางคนที่กำลังร้องไห้อยู่ค่อนข้างเป็นอันตรายกับสภาพอารมณ์ของเธอ [6] การตัดสินใจที่จะปลอบเธอนั้นจะช่วยให้เธอหยุดร้องไห้ได้เร็วขึ้นและจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณแน่นแฟ้นขึ้น [7]
  3. นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก น้ำตาเป็นรูปแบบที่สำคัญอย่างหนึ่งของการสื่อสารและคุณควรที่จะให้ความสนใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะพูดอะไร [8] ใช้เทคนิคการฟังอย่างตั้งใจเช่นคุณอาจจะพูดตอบรับเมื่อผู้ที่ร้องไห้นั้นกำลังพูดบางอย่างอยู่และหลีกเลี่ยงที่จะขัดจังหวะ [9]
    • ให้ระวังอย่างมากที่จะไม่เปลี่ยนบทสนทนามาเป็นเรื่องของคุณเอง นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ประพฤติตัวในแบบเดียวกับคุณ มันไม่ได้หมายความว่าเธอไม่สมควรได้รับการปลอบใจหรือไม่มีสิทธิที่จะรู้สึกเศร้าได้ [10]
    • หลีกเลี่ยงคำพูดเช่น "ถ้าฉันเป็นเธอ" "เธอได้ลอง . . . หรือยัง" หรือ "ตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับฉัน ฉันไม่ได้ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่"
  4. อย่าทำให้ความเจ็บปวดของเธอเป็นเรื่องเล็กน้อยและอย่าบอกเธอให้หยุดร้องไห้. บางครั้งการร้องไห้ก็เป็นการกระทำที่ให้ผลดีแม้ว่าพวกเขาจะร้องไห้เพราะมีเรื่องที่ทำให้เจ็บปวด การร้องไห้จะเป็นการปลดปล่อยร่างกายและอารมณ์สำหรับผู้ที่เศร้าหรือเครียดอยู่ [11] การเก็บความรู้สึกอัดแน่นไว้จะเป็นการไม่ให้การเยียวยานั้นเกิดขึ้น แม้ว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ปล่อยให้เธอร้องไห้เท่าที่เธอต้องการ เธอจะรู้สึกดีขึ้นเองจากการทำเช่นนี้
    • โดยทั่วไปแล้ว ให้หลีกเลี่ยงการออกคำสั่ง ภาษาคำพูดในแง่ลบ หรือการสั่งไม่ให้ทำ ให้หลีกเลี่ยงที่จะพูดคำพูดเหล่านี้ เช่น "อย่าร้องไห้" "เธอไม่ควรที่จะเศร้านะ" หรือ "มันก็ฟังดูไม่แย่ขนาดนั้น"
    • ผู้ที่ร้องไห้เพราะอาการป่วยทางจิต เช่น วิตกกังวลอย่างหนัก หรืออาการซึมเศร้า จริงๆ แล้วอาจจะเศร้ากว่าเดิมหลังร้องไห้ ไม่ใช่รู้สึกดีขึ้น [12] ถ้าคุณคิดว่าเธอร้องไห้เพราะอาการป่วยทางจิต คุณก็ควรปลอบและให้กำลังใจเธอ แต่คุณควรที่จะแนะนำให้เธอไปพบแพทย์ด้วยเพื่อที่เธอจะได้รับการรักษาที่จำเป็น [13]
  5. แสดงให้เธอเห็นว่าคุณเข้าใจความเจ็บปวดของเธอโดยรับรู้ว่ามันเป็นความเจ็บปวดที่มีเหตุผลและคุณก็เห็นใจที่เธอต้องเจ็บปวด [14] พูดแบบนี้เพื่อปลอบเธอ
    • "นั่นมันแย่มาก... ฉันรู้สึกเสียใจด้วยจริงๆ ที่มันเกิดขึ้น!"
    • "ฉันเข้าใจว่านี่จะต้องเจ็บปวดมากจริงๆ"
    • "นั่นฟังดูท้อแท้มากๆ ฉันเสียใจด้วยนะ"
    • "ไม่แปลกเลยที่เธอจะเสียใจ มันฟังดูเหมือนจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากนะ"
    • "ฉันเสียใจด้วยนะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเธอ"
  6. ผู้ที่ร้องไห้อาจจะยอมรับการปลอบใจอย่างเต็มใจจากการปลอบที่ไม่ต้องใช้คำพูดมากกว่าการพูดปลอบ การปลอบที่ไม่ใช้คำพูด เช่น การพยักหน้า ใช้การแสดงออกทางสีหน้าที่เหมาะสม สบตา และเอียงตัวไปซบ ทั้งหมดนี่อาจจะช่วยให้เธอรู้ว่าคุณรู้สึกกังวลและเป็นห่วงเธอ [15]
    • บางครั้งการยื่นกระดาษทิชชู่ไปให้ก็มีความหมายว่าเป็นท่าทางที่แสดงความห่วงใย แต่มันอาจจะเป็นการส่งสัญญาณว่าคุณอยากให้เธอคนนั้นหยุดร้องไห้ [16] ดังนั้น ให้ยื่นกระดาษทิชชู่ให้ถ้าคนที่ร้องให้อยู่นั้นพูดขอมันเองหรือกำลังมองหาอยู่
  7. ประเมินว่าการปลอบสัมผัสที่ร่างกายนั้นเหมาะสมหรือไม่. บางคนจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้รับการปลอบจากการสัมผัสแต่บางคนอาจจะยิ่งกังวลกว่าเดิม [17] คุณอาจจะลองกอดเธอดูถ้าคุณรู้ว่าเธอจะดีขึ้นเมื่อได้กอดใครสักคนแล้ว การกอดยังจะช่วยผ่อนคลายความเครียดเมื่อเวลาผ่านไป [18] การสัมผัสที่เหมาะสมแบบอื่นอาจจะเป็นการจับมือเธอไว้ แตะที่ไหล่ของเธอ ลูบผม จูบที่หน้าผาก เป็นต้น ให้ประเมินว่าจะเลือกใช้การปลอบแบบไหนโดยขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเธอที่คุณรู้และขอบเขตของความสัมพันธ์ของพวกคุณ และให้ทำตามท่าทางของเธอไปเสมอ ขอให้แน่ใจว่าคุณจะถอยออกมาถ้าเธอขอร้อง
    • คุณสามารถสังเกตภาษาทางกายของเธอเพื่อชี้ว่าเธอเปิดใจที่จะยอมรับการปลอบสัมผัสหรือไม่ ภาษาทางกายที่กันตนเองจากการสัมผัส เช่น การกำมือแน่น กอดอก นั่งไขว่ห้าง และ การหลบสายตา ท่าทางเหล่านี้อาจจะหมายความว่าเธออยากให้คุณถอยห่างออกไปเล็กน้อย [19]
  8. ให้เธอเป็นคนแนะคุณให้ทำเอง คุณอาจจะอยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของเธอในวิธีที่คุณคิดว่าดีที่สุด อย่างไรก็ตามเธออาจจะไม่ต้องการความช่วยเหลือหรืออาจจะต้องการสิ่งอื่นมากกว่าสิ่งที่คุณคิดว่าเธอต้องการ มันอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากจะทำ ให้หยุดความอยากที่จะเข้าไปแก้ปัญหาไว้ในเมื่อสิ่งที่คุณควรทำคือช่วยให้เธอก้าวพ้นความเจ็บปวดและความโศกเศร้า [20]
    • ให้เธอรู้ว่ามีคุณอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือเธอแต่อย่าไปบังคับเธอ การช่วยเหลือในความคิดของเธออาจจะแค่อยากมีใครสักคนที่เธอสามารถพูดคุยด้วย บ่อยครั้งแล้วการรับฟังเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปลอบใครสักคน [21]
    • ถามคำถามปลายเปิดว่าคุณสามารถช่วยเธอได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น "มีอะไรที่ฉันจะสามารถช่วยได้ไหม?" หรือ "ฉันอยากจะช่วยเธอจริงๆ เธอคิดว่ามีอะไรที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่?" นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะเริ่มต้นการสนทนาว่าคุณจะสามารถช่วยเหลือเธอได้อย่างไร
    • บางครั้งคนที่เสียใจมากๆ จะไม่สามารถบอกคุณได้ว่าคุณจะช่วยเธอได้อย่างไร ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ ให้ลองเอ่ยถึงสิ่งที่เฉพาะเจาะจงสักสองสามอย่างที่คุณคิดว่าอาจจะปลอบเธอได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะลองถามเธอว่าเธออยากจะออกไปข้างนอกแล้วทานไอศกรีมด้วยกันไหม หรือเธออยากให้คุณแวะมาใหม่ทีหลังแล้วไปดูภาพยนตร์ด้วยกัน ให้ดูว่าเธอตอบสนองด้วยดีหรือไม่กับการปลอบเธอแบบนี้. [22]
  9. ขณะที่การเข้าไปแก้ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะคิดเป็นลำดับแรก แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีสิ่งที่เป็นรูปธรรมและเป็นเรื่องเจาะจงบางอย่างที่คุณสามารถช่วยทำได้และจะช่วยลดความเจ็บปวดของเธอลง [23] ถ้าคุณสามารถแก้ปัญหาของเธอได้และเธอก็ต้องการให้คุณช่วย คุณก็สามารถเสนอการช่วยเหลือได้ [24]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเธอร้องไห้เพราะเธอเครียดจากงานที่ทำ คุณอาจจะเสนอที่จะช่วยเธอทำงานบ้านมากขึ้นเพื่อให้เธอมีเวลาที่จะสนใจงานที่ทำ ถ้าเธอร้องไห้เพราะเธอทะเลาะกับเพื่อน คุณอาจจะช่วยออกความเห็นที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์นั้นได้
  10. ในอีกสองสามวันหรืออาทิตย์ต่อมาหลังจากที่เธอร้องไห้ ให้ลองไปหาเธอเป็นบางครั้งบางคราวเพื่อให้แน่ใจว่าเธอรู้สึกโอเคแล้ว อย่ารุกล้ำเธอมากเกินไป แต่แค่ลองชวนเธอออกมาดื่มกาแฟแล้วถามเธอว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรหรือลองโทรศัพท์ให้บ่อยกว่าปกตินิดหน่อยก็อาจจะช่วยได้ [25] เป็นไปได้ว่าเธออาจจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เธออาจจะใช้เวลามากเป็นพิเศษเพื่อที่จะหายเศร้าจริงๆ ให้เป็นกำลังใจให้เธอตลอดช่วงเวลานั้นก็จะช่วยเธอได้มาก
  11. ดูแลตัวเอง.การเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญก็จริงแต่มันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเสียใจหรือหดหู่ไปด้วย ให้ระลึกไว้ว่าให้ดูแลตนเองด้วยและขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นถ้าคุณต้องการ! [26]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ปลอบคนรู้จักหรือเพื่อนร่วมงาน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยปกติแล้วคนเราจะอยากร้องไห้แค่ต่อหน้าคนที่สนิทด้วย ไม่ใช่ต่อหน้าคนแปลกหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือแค่คนรู้จัก [27] ถ้าคุณไม่สนิทกับเธอแต่เธอกำลังร้องไห้ต่อหน้าคุณ เธออาจจะรู้สึกเศร้ามากจริงๆ และต้องการความเห็นใจ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากที่คุณจะตอบสนองด้วยความเห็นอกเห็นใจไม่ใช่ความรู้สึกรำคาญ ตื่นตระหนก หรือกลัว [28]
  2. ถ้าเธออยากให้คุณอยู่ใกล้ๆ จริงๆ ก็ปล่อยให้เธอร้องไห้ อย่าไปบังคับให้เธอหยุดร้องไห้หรือให้ความเห็นแนะนำให้เธอ "ร่าเริงขึ้นเร็วๆ" การร้องไห้นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นเรื่องที่ดีและจะช่วยผ่อนคลายจากความเครียดและความรู้สึกเจ็บปวด [29]
    • ขอให้ระลึกไว้ว่าการร้องไห้ไม่เกี่ยวกับการไม่เป็นมืออาชีพในที่ทำงาน ผู้คนส่วนใหญ่ร้องไห้เป็นบางครั้ง ดังนั้น การร้องไห้ในที่ทำงานก็อาจจะเกิดขึ้นได้สักครั้งหนึ่ง [30]
    • บอกเธอให้มั่นใจถ้าเธอดูเหมือนว่าจะรู้สึกอาย เช่น "มันโอเคที่จะร้องไห้นะ" หรือ "การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย พวกเรานั้นเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ !"
  3. เพราะเธอไม่ได้รู้จักคุณดี เธออาจจะไม่อยากบอกรายละเอียดอะไรกับคุณมากนัก แต่บางทีคุณสามารถช่วยเป็นผู้ฟังที่ดีได้ ลองถามคำถามและใช้ภาษาท่าทางที่เปิดกว้างเพื่อแสดงออกว่าคุณเต็มใจที่จะรับฟังถ้าเธออยากจะพูดอะไร [31] ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดว่า
    • "ฉันรู้ว่าฉันเป็นแค่เพื่อนร่วมง่าน แต่ฉันยินดีที่จะเป็นเพื่อนคุณถ้าคุณต้องการใครสักคนที่จะพูดคุยด้วย คุณอยากจะพูดคุยกับฉันไหม?"
    • "ประตูห้องของฉันเปิดให้คุณเข้ามาเสมอถ้าคุณอยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลำบากใจนี้"
    • "ถ้ามีบางอย่างที่ฉันสามารถช่วยคุณได้? แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องงานก็ตาม ฉันพร้อมที่จะรับฟังนะ"
  4. ถ้าเธอตัดสินใจที่จะคุยปัญหาของเธอกับคุณ ให้ใช้เทคนิคการฟังอย่างตั้งใจเพื่อแสดงออกวาคุณใส่ใจเธอ เทคนิคเหล่านี้ได้แก่ ไม่ขัดจังหวะหรือเสนอแนะอะไร ถามคำถามเธอเพื่อเป็นการยืนยันว่าคุณเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดถึง สบตากับเธอ และหลีกเลี่ยงที่จะหันเหความสนใจของเธอ [32]
  5. แสดงความเห็นอกเห็นใจแต่ต้องคงความน่าเชื่อถือไว้ด้วย. คุณอยากจะทำตัวว่าคุณเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เข้าใจเธอและแสดงออกว่าคุณเป็นห่วง แต่คุณไม่ควรก้าวล้ำเส้นแบ่งระหว่างเพื่อนร่วมงานใดๆ ความสัมพันธ์ในเรื่องงานจะได้ดำเนินไปในแบบเดิมหลังจากการร้องไห้ครั้งนี้
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะไม่กอดปลอบเธอถ้าเธอไม่ขอให้คุณกอด คุณอาจจะโทรศัพท์ไปหาเธอนอกเวลางานเพื่อถามไถ่ดูว่าเธอเป็นอย่างไร คุณควรที่จะถามด้วยว่าเธอสะดวกใจหรือไม่
  6. บางทีเพื่อนร่วมงานของคุณร้องไห้เพราะว่าความเครียดจากเรื่องงานหรือบางทีอาจจะเป็นเพราะปัญหาส่วนตัวที่กระทบกับความสามารถที่จะสนใจกับงานได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ถ้าคุณอยู่ในจุดที่จะสามารถช่วยเธอได้ คุณอาจจะช่วยเธอหาทางแก้ไข [33]
    • ตัวอย่างเช่น เธออาจจะต้องการขอหยุดงานหรือคุณอาจจะช่วยเธอวางแผนเพื่อให้จัดการกับงานยากๆ ชิ้นนั้น
    • ให้ช่วยเหลือถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือของคุณ คุณอาจจะอยากมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของเธอในวิธีที่คุณคิดว่าดีที่สุด อย่างไรก็ตามเธออาจจะไม่ต้องการความช่วยเหลือหรืออาจจะต้องการสิ่งอื่นมากกว่าสิ่งที่คุณคิดว่าเธอต้องการ มันอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ซึ่งมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากจะทำ
    • อย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป อย่ารู้สึกว่าคุณต้องแก้ปัญหาส่วนตัวของเพื่อนร่วมงานของคุณ ถ้าคุณไม่รู้จักเธอดี อย่าคิดไปก่อนว่าคุณสามารถแก้ปัญหาของเธอได้ ให้อยู่ ณ ตรงนั้นเพื่อปลอบเธอและรับฟังเธอ และให้ความสนใจปัญหาที่เกี่ยวกับงาน
    • ถ้าคุณเห็นว่าคุณไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรเธอได้เลย ให้ขอโทษและบอกเธอว่าคุณไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ ถ้าคุณรู้ว่ามีใครบางคนที่คุณคิดว่าสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้ ให้แนะนำให้เธอไปพูดคุยกับพวกเขาและขอความช่วยเหลือ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรมอบให้กับผู้หญิงที่ร้องไห้นั้นก็คือการรับฟังและความเข้าอกเข้าใจ วิธีอื่นๆ ก็มีประโยชน์ เช่น เลี้ยงข้าวเย็น ซื้อกาแฟให้เธอ พาเธอไปดูหนัง แต่การมีคุณอยู่และความใส่ใจเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่จะปลอบใจเธอ
  • ระลึกไว้ว่าการร้องไห้ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องแก้ไขแต่มันเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่คุณต้องรับฟัง [34]
  • การร้องไห้อาจจะทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจไปด้วย แต่ต้องพยายามที่จัดการกับความลำบากใจนี้เพื่อมอบความรักและความห่วงใยไปให้คนที่ต้องการมัน
โฆษณา

คำเตือน

  • ปกติแล้วการร้องไห้เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่มันอาจจะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น โรควิตกกังวล โรคกลัว โรคซึมเศร้า ถ้าเธอร้องไห้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่รู้สึกผ่อนคลายขึ้น คุณอาจจะแนะนำให้เธอไปพบผู้เชี่ยวชาญ [35]
  • การปลอบผู้ที่ร้องไห้เป็นการกระทำที่ดีต่อสุขภาพ แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย และก็ให้ผลในแง่บวก บางครั้งคุณก็อาจจะเศร้าตามได้ ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณเริ่มเครียดจากการปลอบใครบางคน ให้ดูแลใส่ใจตนเองด้วยโดยการไปหาความช่วยเหลือจากผู้อื่นที่สามารถช่วยคุณได้ [36]
โฆษณา
  1. http://www.prevention.com/sex/friendship/be-better-friend-these-tips-offering-comfort
  2. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4035568/
  3. http://www.webmd.com/balance/features/why-we-cry-the-truth-about-tearing-up?page=3
  4. http://www.depressionalliance.org/information/day-day-support
  5. http://www.helpguide.org/articles/grief-loss/supporting-a-grieving-person.htm
  6. http://positivepsychologynews.com/news/denise-clegg/200910214134
  7. http://elderflowergroup.com/2014/10/29/do-you-hand-people-tissues-when-they-cry-you-shouldnt/
  8. http://www.redcross.org.uk/What-we-do/Teaching-resources/Teacher-briefings/Emotional-support
  9. http://www.huffingtonpost.com/2013/01/25/hugging-health-valentines-day_n_2545226.html
  10. http://www.improveyoursocialskills.com/body-language/discomfort-field-guide
  11. http://caps.ucsc.edu/pdf/responding-to-distress.pdf
  12. http://articles.latimes.com/2013/apr/07/opinion/la-oe-0407-silk-ring-theory-20130407
  13. http://www.womansday.com/relationships/family-friends/tips/a8666/comfort-a-grieving-friend/
  14. https://nvl002.nivel.nl/postprint/PPpp4923.pdf
  15. https://www.st-andrews.ac.uk/staff/wellbeing/support/difficultsituations/distress/
  16. http://www.depressionalliance.org/information/advice-family-and-friends
  17. https://www.st-andrews.ac.uk/staff/wellbeing/support/difficultsituations/distress/
  18. https://nvl002.nivel.nl/postprint/PPpp4923.pdf
  19. https://hbr.org/2015/05/why-people-cry-at-work
  20. http://www.huffingtonpost.com/brooke-siler/stress-relief-why-crying_b_629309.html
  21. https://hbr.org/2013/06/what-to-do-when-an-employee-cries-at-work
  22. https://hbr.org/2013/06/what-to-do-when-an-employee-cries-at-work
  23. http://psychcentral.com/lib/become-a-better-listener-active-listening/
  24. https://hbr.org/2013/06/what-to-do-when-an-employee-cries-at-work
  25. http://www.apa.org/monitor/2014/02/cry.aspx
  26. http://www.depressionalliance.org/information/day-day-support
  27. https://www.st-andrews.ac.uk/staff/wellbeing/support/difficultsituations/distress/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 67,112 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา