ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

วาซาบินับเป็นหนึ่งในพรรณไม้ที่ปลูกยากที่สุด ต้องการสภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะและอุณหภูมิพอเหมาะ อีกทั้งยังอ่อนแอเป็นโรคได้ง่ายเวลาที่ปลูกเป็นจำนวนมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกวาซาบินั้นคุ้มค่ากับความยากลำบาก เพราะวาซาบิเป็นพืชที่ให้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพมากมาย อีกทั้งยังมีรสชาติที่ทั้งหวาน ร้อน และสดใหม่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนพืชชนิดอื่น หากคุณพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายแล้วล่ะก็ การปลูกวาซาบิจะไม่ใช่เรื่องยากเมื่อคุณรู้วิธีเลียนแบบสภาพแวดล้อมแบบผืนป่าที่วาซาบิเจริญเติบโตได้ดีที่สุด

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วาซาบิเป็นพืชพื้นเมืองของญี่ปุ่น เติบโตได้ดีที่สุดในสภาพอากาศที่เปียกชื้นและอบอุ่น อุณหภูมิระหว่าง 7 ถึง 21 องศาเซลเซียส วาซาบิขึ้นชื่อว่าเป็นพืชที่จู้จี้จุกจิกเอาใจยาก และจะไม่เจริญเติบโตในพื้นที่ที่อุณหภูมิมักจะปรับขึ้นหรือลงเกินกว่าช่วงอุณหภูมิสั้นๆ นี้
    • ตามธรรมชาติแล้ว วาซาบิจะเจริญเติบโตในบริเวณที่เป็นป่าและชื้นแฉะ โดยจะต้องมีความชื้นอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก ส่วนดินก็จะต้องระบายน้ำได้ดี
    • พื้นที่ในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือและในเทือกเขาบลูริดจ์มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูกวาซาบิ แต่ตามธรรมชาติแล้ว มีแค่ไม่กี่ที่ในโลกนี้ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้
  2. ถ้าคุณอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่ไม่มีสภาพอากาศตามธรรมชาติที่จำเป็นต่อการปลูกวาซาบิ คุณจะต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมขึ้นมาเอง หนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดคือการใช้เรือนกระจก ซึ่งจะกักเก็บความร้อนและความชื้นเอาไว้ และช่วยให้คุณสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ถ้าคุณตัดสินใจจะปลูกในเรือนกระจก ให้ปรับค่าอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 7 ถึง 21 องศาเซลเซียส
    • หากคุณอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตใกล้เคียงกับที่วาซาบิต้องการตามธรรมชาติ คุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้เรือนกระจก ถ้าคุณอยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน ให้ใช้ผ้าใบหรือผ้าคลุมกันแดดให้เกิดร่มเงาบริเวณแปลงเพาะปลูกเพื่อไม่ให้อากาศร้อนเกินไป และถ้าคุณอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างหนาวเย็น ก็ให้คลุมต้นวาซาบิเวลาที่อากาศเริ่มเย็น
  3. วาซาบิเจริญเติบโตได้ไม่ดีนักถ้าได้รับแสงแดดโดยตรง บริเวณที่ปลูกจึงควรมีร่มเงา ตามธรรมชาติแล้ว วาซาบิจะขึ้นใต้ร่มไม้ในป่า โดยแสงแดดที่ลอดผ่านใบไม้ก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของวาซาบิแล้ว ในฐานะผู้เพาะปลูกตามครัวเรือน คุณจึงควรสร้างบริเวณเพาะปลูกเลียนแบบสภาพแวดล้อมดังกล่าวโดยการปลูกวาซาบิใต้ร่มไม้ หรือไม่ก็ทำหลังคากันแดดขึ้นมาเองเพื่อใช้ให้ร่มเงากับแปลงเพาะปลูก [1]
    • ถ้าปลูกในเรือนกระจก การให้ร่มเงากับวาซาบิยังคงเป็นเรื่องสำคัญ ควรปลูกวาซาบิใต้ต้นไม้ที่มีลำต้นสูงกว่าหรือปลูกใกล้ๆ หน้าต่างกันแดดเพื่อให้แน่ใจว่าต้นวาซาบิจะไม่โดนแดดส่องลงมาตรงๆ
  4. ใช้สูตรผสมของปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยที่อุดมไปด้วยกำมะถัน ขุดดินลึก 25 เซนติเมตร และพรวนปุ๋ยที่ใส่ลงไปยี่สิบห้าเซนติเมตรนั้นให้ออกมาเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ เลือกดินที่มีค่า pH ระหว่าง 6 ถึง 7 เพราะค่า pH นี้จะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดต่อวาซาบิ คุณควรจะได้ดินชีวภาพทั้งอุดมสมบูรณ์และมีค่า pH ที่พอเหมาะเพื่อให้วาซาบิของคุณได้มีโอกาสเจริญเติบโตในบริเวณบ้าน [2]
  5. วาซาบิชอบอยู่ในดินที่ชื้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ดินโคลนที่มีน้ำขัง ในการตรวจดูว่าดินที่ใช้เพาะปลูกนั้นระบายน้ำได้ดีพอหรือไม่ ให้รดน้ำบนดินให้ชุ่มและคอยดูตอนที่น้ำซึมเข้าไป ถ้าดินซึมซับน้ำได้ช้า ให้ผสมปุ๋ยใบไม้ลงไปอีก และถ้าดินระบายน้ำได้ทันที ก็หมายความว่าดินนั้นเหมาะกับวาซาบิแล้ว
    • การเพาะวาซาบิใกล้ๆ บ่อน้ำหรือลำธารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็เป็นแนวคิดที่ดี เพราะดินบริเวณนี้จะชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังระบายน้ำได้ดี
    • คุณอาจปลูกวาซาบิใกล้ๆ น้ำตกก็ได้ เพื่อให้น้ำคอยพรมต้นวาซาบิอย่างสม่ำเสมอ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การเพาะปลูกและการดูแลวาซาบิ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมล็ดพันธุ์วาซาบิหาซื้อตามร้านต้นไม้ใกล้บ้านได้ยาก คนส่วนใหญ่จึงสั่งซื้อออนไลน์ ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงคือช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อเมล็ดพันธุ์ เพราะวาซาบิจะต้องใช้ฤดูหนาวในการสร้างรากให้มั่นคง เมื่อเมล็ดพันธุ์ที่สั่งไว้มาถึง ให้เก็บไว้ในที่ชื้นและเตรียมปลูกภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากได้รับมา [3] [4]
  2. ในคืนก่อนที่คุณจะเพาะลงดิน ให้ใส่เมล็ดลงในถ้วยเล็กๆ และรินน้ำกลั่นลงไป ปล่อยให้เมล็ดแช่อยู่ในน้ำข้ามคืนก่อนที่จะนำไปปลูก การแช่อยู่ในน้ำจะช่วยให้เปลือกเมล็ดอ่อนนุ่มและทำให้วาซาบิงอกได้ง่ายขึ้น เพาะเมล็ดให้ห่างกัน 2 ถึง 5 เซนติเมตร และกดลงไปในดินเบาๆ
  3. วาซาบิเป็นพรรณไม้กึ่งพืชน้ำที่จะต้องอยู่ในที่เปียกชื้นเพื่อให้เจริญเติบโต ดังนั้นจึงควรพรมน้ำที่สะอาดสดชื่นใส่ดินและต้นอ่อนที่กำลังผลิกล้าเป็นประจำทุกวันเพื่อเลียนแบบละอองน้ำที่กระเซ็นมาจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ อย่างเช่น ลำธารหรือน้ำตก ถ้าหากปล่อยให้ต้นวาซาบิแห้ง มันจะเริ่มเหี่ยวเฉา
    • แม้วาซาบิจะควรอยู่ในที่เปียกชื้นตลอดเวลา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้แช่อยู่ในน้ำ อย่าเทน้ำเป็นถังๆ ใส่ต้นวาซาบิ ให้ประพรมน้ำวันละครั้งหรือหลายๆ ครั้งแทน (โดยเฉพาะเวลาที่อากาศแห้งและร้อน) เพื่อให้ต้นวาซาบิชุ่มชื้น
    • เนื่องจากวาซาบิจะต้องอยู่ในที่ชื้นแฉะ มันจึงติดโรคและเชื้อราได้ง่าย หากคุณสังเกตเห็นต้นไหนที่เริ่มเป็นโรค (เหี่ยวเฉาและเปลี่ยนสี) ให้ถอนออกทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ต้นที่เป็นโรคนั้นแพร่กระจายไปสู่ต้นอื่นๆ
  4. ถอนพืชที่ขึ้นแข่งกันออกเพื่อให้รากวาซาบิมีพื้นที่ให้เจริญเติบโต เนื่องจากดินเพาะปลูกชื้นตลอดทั้งวัน วัชพืชจึงมักจะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การกำจัดวัชพืชเป็นประจำทุกวันหรือวันเว้นวันจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัด
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การเก็บเกี่ยวและการใช้วาซาบิ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดูแลรักษาวาซาบิเป็นเวลาสองปีก่อนทำการเก็บเกี่ยว. วาซาบิจะไม่ออกรสอันเป็นเอกลักษณ์ของมันจนกว่าจะโตเต็มที่เมื่อผ่านไปประมาณ 24 เดือน ในช่วงนี้ ต้นวาซาบิจะโตขึ้นสูงประมาณ 60 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร แล้วก็จะหยุดโต จากนั้นก็จะเริ่มใช้สารอาหารทั้งหมดมาสร้างเหง้ายาวๆ คล้ายแครอทใต้ดิน
  2. เหง้าวาซาบิจะโตเต็มที่และพร้อมที่จะเอามากินได้เวลาที่มันยาวประมาณ 17 หรือ 20 เซนติเมตร ให้ขุดเหง้าขึ้นมาหนึ่งอันเพื่อตรวจดูความยาวก่อนที่จะเก็บเกี่ยววาซาบิทั้งหมด โดยใช้เสียมบางๆ เล่มยาวหรือคราดและคอยระวังไม่ให้ไปตัดโดนเหง้าเวลาที่ขุดขึ้นมา
  3. ปล่อยให้มีต้นวาซาบิอยู่ในดินบ้างเพื่อให้มันออกเมล็ด. ต้นวาซาบิที่ปล่อยทิ้งไว้ในดินจะผลิตเมล็ดพันธุ์ขึ้นใหม่และปล่อยเมล็ดลงไปบนดิน เป็นการช่วยให้คุณไม่ต้องลำบากสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพิ่ม ควรปล่อยวาซาบิทิ้งไว้ในดินหลายๆ ต้น เพื่อที่คุณจะได้พืชผลสดใหม่ของวาซาบิในอีกสองสามปีข้างหน้า
    • เวลาที่วาซาบิต้นใหม่เริ่มผลิใบอ่อน ให้ปลูกต้นกล้าห่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อให้มีพื้นที่ได้เจริญเติบโต ถ้าคุณปล่อยไว้ต้นกล้าพวกนี้ไว้เป็นกระจุกๆ ต้นวาซาบิจำนวนไม่น้อยก็จะเหี่ยวเฉาและตายลง
  4. ล้างเหง้าวาซาบิและเด็ดใบทิ้งไป สำหรับการลิ้มรสสดใหม่และเผ็ดร้อนของวาซาบิ ให้ขูดเนื้อวาซาบิออกมาเท่าที่คุณต้องการและปล่อยให้เหง้าที่เหลืออยู่เป็นชิ้นเดียวกันไว้ รสเผ็ดร้อนของวาซาบิจะอ่อนลงหลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือให้ขูดออกทีละครั้งเฉพาะที่คุณต้องการในหนึ่งมื้อเท่านั้น
  5. วาซาบิที่สดใหม่สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณหนึ่งหรือสองเดือนก่อนที่จะเริ่มเน่า หากคุณอยากจะเก็บวาซาบิไว้ใช้ทีหลัง วิธีที่ดีที่สุดคือตากไว้ให้แห้งและนำไปบดจนเป็นผง ผงวาซาบิสามารถนำไปผสมกับน้ำสักเล็กน้อยก็จะได้เป็นวาซาบิเข้มข้น
    โฆษณา


เคล็ดลับ

  • เมล็ดวาซาบิจะต้องเก็บในที่ชื้น (เก็บไว้ในตู้เย็น) ถ้าเมล็ดแห้ง จะทำให้ปลูกไม่ขึ้น
  • วาซาบิชอบความชื้นสูงและเจริญเติบโตได้ไม่ดีนักในอากาศแห้งและร้อนจัด คุณอาจต้องใช้กระบอกพ่นน้ำช่วยหากปลูกในอากาศร้อนจัด
  • ถ้าดินแน่นไป ให้ผสมด้วยปูนขาวและปุ๋ยใบไม้
  • เมล็ดวาซาบิอาจหาซื้อได้ยาก ควรไปหาเกษตรกรที่เพาะปลูกวาซาบิและขอซื้อเมล็ดพันธุ์จากพวกเขา อีกวิธีหนึ่งคือให้ไปที่ร้านขายของชำของจีนหรือญี่ปุ่นและถามคนขายว่ามีเมล็ดหรือต้นกล้าวาซาบิขายหรือเปล่า
โฆษณา

คำเตือน

  • วาซาบิเป็นที่โปรดปรานของตัวเพลี้ย ให้ป้องกันด้วยสเปรย์กำจัดเพลี้ย
  • โรคโคนเน่าเป็นภัยคุกคามของต้นวาซาบิ ไม่ควรปล่อยให้ต้นวาซาบิแช่อยู่ในดินที่มีน้ำขัง
  • ใบและก้านใบของวาซาบินั้นเปราะบาง ถ้ามีใบตรงไหนแตกหักหรือมีอะไรมารบกวนการเจริญเติบโต ต้นวาซาบิอาจโตช้าและอาจหยุดโตได้
  • ใบวาซาบิสามารถดึงดูดแมวได้
  • ต้นวาซาบิมักจะตกเป็นเหยื่อของตัวทาก โดยเฉพาะในระยะแรกๆ ของการเจริญเติบโต ควรกำจัดตัวทากออกไปจากลำต้น.
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 47,045 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา