ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

สตรอว์เบอร์รี่ปลูกเองนั้นจะเปี่ยมด้วยรสชาติและความสด เนื่องจากมันเป็นสามารถเป็นอาหารหรือนำไปตกแต่งได้ สตรอว์เบอร์รี่นั้นจึงเหมาะที่สุดที่จะปลูกในสวนหรือในภาชนะ และถ้าหากคุณมีเด็กๆ พวกเขาจะพบว่าสตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ปลูกง่ายที่สุดและได้ผลดีสุด มีหลายวิธีในการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ ให้เลือกวิธีที่เหมาะกับคุณมากที่สุดและพื้นที่ที่คุณมี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 7:

เลือกพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ระบุว่าสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ไหนเหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด. สตรอว์เบอร์รี่มี 2 ประเภทแบบพื้นฐาน ซึ่งก็คือสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกเฉพาะหน้าร้อนและสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกได้ตลอด สตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกได้ในหน้าร้อนนั้นแบ่งเป็นช่วงต้น ช่วงกลางและช่วงปลายของหน้าร้อน มีสตรอว์เบอร์รี่อีกหลายสายพันธุ์ในแต่ละกลุ่มของสตรอว์เบอร์รี่ และบางประเภทก็อาจจะเหมาะกับสภาพอากาศของเรา ดังนั้นให้ลองถามร้านค้าทำสวนสำหรับคำแนะนำที่เจาะจงกว่านี้ โดยทั่วไปแล้ว พันธุ์สตรอว์เบอร์รี่มีดังนี้
    • สตรอว์เบอร์รี่กลุ่มตลอดปี: นี่เป็นสตรอว์เบอร์รี่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะมันสามารถอยู่ได้ถึง 5 ปีหรือมากกว่านั้น มันจะออกผลในปริมาณหนึ่งตลอดทั้งปี (ปลูกด้านนอกในสภาพอากาศที่เหมาะสม หรือปลูกในภาชนะในบ้านตั้งไว้ตรงบริเวณที่เย็นๆ) เพราะลักษณะ 2 อย่างนี้เลยทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคุณกำลังมองหาสตรอว์เบอร์รี่ที่สามารถผลูกและให้ผลไปได้เรื่อยๆ

    • สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์เฉพาะเดือนมิถุนายน: สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้จะออกผลสตรอว์เบอร์รี่ปริมาณมากในช่วงต้นฤดูร้อนไปถึงช่วงกลางของฤดูร้อน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการปลูก (พืชฤดูร้อนจะออกผลประมาณ 2 เดือนหลังจากที่ปลูก) ให้ซื้อสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้ถ้าคุณอยากได้ผลมาทำอาหารหรือนำมาแช่แข็ง
    • สตรอว์เบอร์รี่กลุ่มกลางวัน (Day neutral strawberry plants): สายพันธุ์นี้คล้ายกับกลุ่มตลอดปีแต่มันจะออกผลน้อยกว่า สายพันธุ์นี้เหมาะสุดหากคุณอยากจะทานสตรอว์เบอร์รี่สดๆ จากพื้นดิน
    • อัลไพน์สตรอว์เบอร์รี่: ต้นสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นี้เป็นสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์เล็กมาก ผลสตรอว์เบอร์รี่อาจจะเล็กแต่ก็เปี่ยมด้วยรสชาติ สตรอว์เบอร์รี่ชนิดนี้จึงเหมาะที่สุดที่จะนำไปทำแยม

  2. ที่ร้านค้าทำสวนส่วนใหญ่มักจะมีต้นสตรอว์เบอร์รี่อยู่ แต่ถ้าคุณอยากได้สายพันธุ์ที่เฉพาะ ก็จำเป็นที่จะดูในอินเตอร์เน็ตหรือสั่งสายพันธุ์ที่อยากได้กับที่ร้าน มันจะเป็นประโยชน์หากได้รับคำแนะนำจากร้านทำสวนท้องถิ่นเกี่ยวกับสตรอว์เบอร์รี่ประเภทไหนที่โตได้ดีที่สุดในท้องถิ่นของคุณ
    • ที่ดีที่สุดคือการซื้อต้นสตรอว์เบอร์รี่ในเวลาเดียวกันที่คุณวางแผนจะปลูกมันที่ดินหรือในภาชนะ การปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปในกระถางที่มาพร้อมกับที่นั้นจะทำให้รากมันพันกัน สุขภาพไม่ดี และมีไม่แข็งแรงพอที่จะเติบโตเมื่อนำไปปลูกใหม่
  3. ให้ตรวจสอบว่าต้นสตรอว์เบอร์รี่ว่ามีโรคหรือสัญญาณว่ามันสุขภาพไม่แข็งแรง. ต้นสตรอว์เบอร์รี่ควรมีใบสีเขียวสดและไม่มีจุด ขอบสีน้ำตาล หรือปลายที่เหี่ยวเฉา ควรจะมีรากเยอะๆ และมีสีอ่อน
    • ลองซื้อต้นสตรอว์เบอร์รี่ที่เป็นโรคยาก. แม้ว่าทางเลือกนี้ปกติแล้วมักจะมีราคาแพงกว่า แต่พืชเหล่านี้จะต้านทานเป็นโรคเชื้อรามาหมายที่สตรอว์เบอร์รี่มักจะมีความเสี่ยงที่จะเป็น
  4. คุณสามารถปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้ทั้งแปลงดินในสวนหรือในภาชนะ แต่คุณก็ต้องให้สิ่งที่มันต้องการ เช่น ดิน และ ปุ๋ย ซึ่งก็แล้วแต่คุณเลย ลองพิจารณาพื้นที่ที่คุณมีและอุณหภูมิในพื้นที่ของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอยากจะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ตลอดปีในอากาศเย็นๆ ก็อาจจะลองปลูกใส่ภาชนะเพื่อที่จะได้เคลื่อนย้ายเข้าในบ้านหรือนำออกมานอกบ้านได้ง่ายระหว่างฤดูกาลต่างๆ
    • สตรอว์เบอร์รี่สามารถเติบโตได้ดีในทุกสภาพอากาศ ยกเว้น อากาศที่ร้อนชื้นมากๆ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 7:

ลักษณะกายภาคของสตรอว์เบอร์รี่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความเข้าใจว่าสตรอว์เบอร์รี่นั้นจะงอกมาจากเรือนยอด (crown). ซึ่งมันดูเหมือนฐานของพืชก่อนที่จะเริ่มมีราก เราไม่สามารถหาอะไรมาปิดเรือนยอดเมื่อปลูกสตรอว์เบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นในแปลงดินหรือในภาชนะ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถเปิดมันโดยตรงเช่นกัน ให้ตรวจสอบเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าเรือนยอดนั้นอยู่ด้านบนเหนือดิน
  2. ระลึกไว้ว่าคุณจะพบเมล็ดสตรอว์เบอร์รี่ที่ด้านนอกของผล. นี่เป็นตำแหน่งของเมล็ดๆ ที่ค่อนข้างแปลกแต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่น่าสนใจ หากคุณตั้งใจจะปลูกสตรอว์เบอร์รี่จากเมล็ด ขั้นตอนด้านล่างจะช่วยคุณเอง
    • ระวังไว้ว่าการปลูกสตรอว์เบอร์รี่จากเมล็ดอาจจะยุ่งยากและก็ใช้เวลาเป็นปีกว่ามันจะออกผล
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 7:

ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในสวน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นี่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของสตรอว์เบอร์รี่ที่คุณเลือก ดังนั้น ให้อ่านฉลากหรือปรึกษากับผู้ที่ขายต้นสตรอว์เบอร์รี่ให้คุณ. [1]
    • สตรอว์เบอร์รี่ที่ให้ผลมากๆ นั้นเหมาะที่จะปลูกในช่วงฤดูร้อน มักจะเป็นในช่วงเดือนที่ 2 ของฤดูร้อนและเดือนสุดท้าย ในช่วงครึ่งแรกของเดือนสุดท้ายของฤดูร้อน
    • สตรอว์เบอร์รี่อัลไพน์นั้นเหมาะที่จะปลูกที่ช่วงเดือนที่ 2 และ 3 ของฤดูใบไม้ผลิ
    • สตรอว์เบอร์รี่กลุ่มตลอดทั้งปีจริงๆ แล้วถ้าปลูกในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะดีกว่าในฤดูหนาว เพราะจะได้ให้เวลามันคุ้นเคยกับดินและจะได้มีรากที่สุขภาพดี (เวลาในการปลูกนั้นมีความเหมาะสมแตกต่างกันไปตามภูมิอากาศของแต่ละพื้นที่)
  2. สตรอว์เบอร์รี่ชอบพื้นที่ที่มีแสงส่องโดยตรงไม่ต้องมีร่ม และมันก็ยังชอบลมพัดเบาๆ ต้นสตรอว์เบอร์รี่สามารถออกผลถ้าปลูกในพื้นที่ที่มีร่มบ้างแต่ผลสตรอว์เบอร์รี่จะไม่สมบูรณ์เท่ากับสตรอว์เบอร์รี่ที่ปลูกกลางแดด
  3. ใส่ปุ๋ยหมักลงไปเยอะๆ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับดินและขจัดวัชพืชด้วย รวมถึงรากของวัชพืช
    • สตรอว์เบอร์รี่ชอบดินที่อุดมสมบูรณ์ ถ้าเกิดดินเป็นดินเหนียวหนักๆ หรือเป็นทราย ให้เพิ่มสารอินทรีย์วัตถุ คลุมดินหลังจากปลูกเพื่อปกป้องผิวดินและรักษาให้สตรอว์เบอร์รี่สะอาด
    • หากดินมีความเป็นกรดสูง ให้เพิ่มโดโลไมต์ 3/4 ถ้วยต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตรของอาหารพืชหลังจากปลูก
  4. เอาต้นสตรอว์เบอร์รี่ออกจากภาชนะที่มาจากร้านค้า. วางรากไว้ในถังน้ำแช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น วิธีนี้จะช่วยลดอาการช็อคในการย้ายจากกระถางมาลงดิน และทำให้แน่ใจว่ารากมีความชุ่มชื้นพอ
  5. วางต้นสตรอว์เบอร์รี่ลงไปในหลุม ให้เรือนยอดอยู่เหนือดิน
  6. กดดินให้แน่นและค่อยๆ กดที่รอบๆ ฐานของต้นสตรอว์เบอร์รี่.
  7. ปลูกในวิธีเดียวกันหากคุณมีต้นสตรอว์เบอร์รี่ต้นอื่นๆ . ให้แต่ละต้นอยู่ห่างกัน 30-40 เซนติเมตร และให้แต่ละแถวอยู่ห่างกัน 90 เซนติเมตร
  8. อย่างไรก็ตาม อย่ารดน้ำมากเกินไป รากสั้นๆ ต้องการน้ำเมื่ออากาศร้อนแต่ไม่ได้อยากได้น้ำจนเปียกชุ่ม หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ดินแห้งและพยายามอย่าให้ดินเปียกชุ่มเหมือนโคลน! ดินที่ชุ่มกำลังดีก็คือดินที่มีผิวดินแห้งประมาณ 1 เซนติเมตร (ลองจุ่มนิ้วลงไปเช็ค)
    • รดน้ำที่ส่วนเรือนยอดของต้น. หลีกเลี่ยงการรดน้ำที่ผล มันจะทำให้ผลเน่า
  9. เลือกปุ๋ยที่เหมาะกับสตรอว์เบอร์รี่
    • ต้นสตรอว์เบอร์รี่ที่ได้รับปุ๋ยแบบละลายน้ำที่มีไนโตรเจนสูงจะไม่งอกงาม โดยมันจะแค่ออกใบเยอะมากกว่าการออกผล หากคุณอยากใช้ปุ๋ยชนิดนี้ ให้ใช้น้อยๆ
  10. เมื่อเด็ดดอกไม้ดอกแรกที่งอกขึ้นมา มันก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสที่ต้นสตรอว์เบอร์รี่จะเติบโตขึ้นมากและทำให้รากแข็งแรง และทำให้ดอกอื่นๆ งอกตามมาด้วย
    • หน่อไหล (runners) ควรถูกเอาออกไปจะดีที่สุด หากต้นสตรอว์เบอร์รี่มีแนวโน้มที่จะแตกหน่อไหลออกมา คุณจะเห็นว่ามันจะใช้เวลาประมาณเดือนนึงในการงอก หน่อไหลจะแบ่งใช้พลังงานของต้นสตรอว์เบอร์รี่ ดังนั้นให้ควบคุมมันจนกระทั่งต้นไม้เติบโตดีแล้ว จากนั้น อาจจะปล่อยให้ไหลหน่อหนึ่งโตไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นต้นสตรอว์เบอร์รี่ต้นใหม่หากคุณปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในสวน แต่อย่าปล่อยให้มีมากกว่า 1 หน่อต่อ 1 ครั้ง ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้ให้ต้นอ่อนแอและพลังงานก็จะแบ่งไปให้ไหลที่จพเป็นต้นใหม่แทนออกผลสตรอว์เบอร์รี่
  11. สัญญาณแรกที่ดอกสตรอว์เบอร์รี่จะกลายเป็นผลก็คือการมีสตรอว์เบอร์รี่สีเขียวลูกเล็กๆมันจะโตขึ้นเรื่อยๆ และเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมันสุกแล้ว
    • คุณอาจจะต้องจัดการกับนก. นกก็ชอบสตรอว์เบอร์รี่เหมือนกัน และหากคุณพบว่ามันจิกผลสตรอว์เบอร์รี่ คุณก็จะต้องสร้างอะไรมาป้องกัน คุณอาจจะใช้เป็นตาข่ายคลุมต้นสตรอว์เบอร์รี่ คลุมที่ต้นสตรอว์เบอร์รี่ นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้นกเข้าไปที่สตรอว์เบอร์รี่ได้ อีกวิธีหนึ่งที่ได้ประโยชน์ทั้งนกและคุณก็คือ หากนกไม่ได้หิวเกินไป คุณอาจจะทิ้งสตรอว์เบอร์รี่ให้นกและเก็บบางส่วนสำหรับคุณเอง วิธีนี้ได้ผลดีมากๆ มีวิธีอื่นๆ ที่ไล่นก เช่น แมว แสงจ้าๆ แผ่นซีดี หรือเสียง
  12. เมื่อสตรอว์เบอร์รี่เป็นสีแดงทั้งผล ก็แปลว่าพร้อมเก็บได้แล้ว ใช้ถ้วยหรือตะกร้าหรือแผ่นรอง และเด็ดมาจากพุ่ม ให้เด็ดมาเสมอเพื่อที่จะได้มีลำต้นหลงเหลืออยู่ อาจจะปอกเปลือกเมื่อนำไปรับประทานหรือนำไปเตรียมเป็นอาหาร
    • ล้างสตรอว์เบอร์รี่ที่เด็ดมาสดๆ ด้วยน้ำเย็นก่อนที่จะทานสดๆ เลย
  13. พยายามตัดแต่งดูแลต้นสตรอว์เบอร์รี่ไปเรื่อยๆ. ต้นสตรอว์เบอร์รี่นั้นค่อนข้างทน และมันก็จะออกผลทุกปีอย่างน้อย 5 ปี ก่อนที่จะต้องนำต้นอื่นมาแทน สำหรับในพื้นที่ที่หนาวจัด ให้ขจัดวัชพืช คลุมฟาง ใส่ปุ๋ยคลุมดิน เป็นต้น ปล่อยให้ต้นสตรอว์เบอร์รี่เติบโตโดยไม่ต้องตัดแต่งหากในพื้นที่ที่คุณอยู่มีหิมะตก ให้ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในภาชนะและปลูกด้านในบ้าน
    • ลองหาต้นสตรอว์เบอร์รี่มาแทนในทุกๆ 2 ปี หากคุณพบว่าต้นสตรอว์เบอร์รี่ของคุณมีไวรัสที่ทำลายมัน ให้ทิ้งต้นสตรอว์เบอร์รี่เดิมทั้งหมดและหาต้นใหม่ที่ไม่มีไวรัสมาแทน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 7:

ปลูกต้นสตอว์เบอร์รี่ในภาชนะ

ดาวน์โหลดบทความ

สตรอว์เบอร์รี่น้นมีรากที่ตื้นมากๆ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะปลูกมันในกระถางทั้งปลูกในร่มหรือปลูกกลางแจ้ง คุณสามารถวางกระถางต้นสตรอว์เบอร์รี่ไว้ตรงระเบียง ชานบ้าน หรือวางในบ้านตรงขอบหน้าต่างที่แสงสว่างส่องถึง แม้ว่าเราจะสามารถปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่ในกระถางเวลาใดก็ได้ในแต่ละปี แต่ก็ปลูกในฤดูใบไม้ผลิจะดีที่สุดไม่ว่าจะปลูกกลางแจ้งหรือในร่ม

  1. แม้ว่าคุณจะสามารถซื้อกระถางสตรอว์เบอร์รี่แบบพิเศษที่มีรูระบายเยะอๆ แต่มันไม่จำเป็นเลย สตรอว์เบอร์รี่สามารถเติบโตและออกผลในภาชนะแบบใดก็ได้ที่มีดินดีและมีแสงแดดอย่างเพียงพอ
    • วางเศษกระเบื้องดินเผาหรือเซรามิกที่ฐานของภาชนะ หรือเป็นกรวดหรือหินก้อนเล็กๆ มันจะช่วยระบายน้ำได้ดีขึ้น
  2. กระถางต้นสตรอว์เบอร์รี่ควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางอย่างน้อย 18 นิ้ว . แม้ว่าสตรอว์เบอร์รี่จะมีรากที่ไม่ลึก แต่มันจะสร้างหน่อไหล ซึ่งก็ต้องมีพื้นที่สำหรับขยาย
    • สตรอว์เบอร์รี่จะเติบโตในดินที่มีค่า pH ระหว่าง 5.3- 6.5 ดังนั้น ให้เลือกดินที่มีสัดส่วนดังกล่าว วิธีที่ดีที่จะทำให้ดินของคุณอุดมสมบูรณ์ก็คือการเติมปุ๋ยประมาณหยิบมือลงไปในภาชนะ 1 ครั้งต่อเดือน
    • หากปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่ในเหยือกที่สูงและแคบ ไม่มันเงา ให้ใส่พีทมอส ก่อนที่จะใส่ดินเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับความชื้นของเหยือก
    • หากปลูกในกระถางแบบแขวน ให้ใส่สแฟ็กนั่มมอสและใช้ดินอินทรีย์ นี่ก็เพื่อป้องกันต้นไม้จากความชื้น สแฟ็กนั่มมอสจะช่วยให้พืชโตออกด้านนอกของกระถาง ซึ่งก็จะดูดีมาก
  3. ให้สร้างเนินดิน 5-6 กองสูงประมาณ 1 นิ้ว ให้แต่ละกองห่างประมาณ 6 นิ้วเพื่อที่หน่อไหลของสตรอว์เบอร์รี่จะได้มีพื้นที่งอกออกมาได้ กองดินไม่ควรมีขนาดกว้างกว่า 3 นิ้ว
  4. หากจำเป็น ให้ตัดกระถางด้วยกรรไกรหากต้นไม้นั้นบีบอัดแน่นกระถาง ค่อยๆ เขย่าดินออกขณะที่แยกรากบางๆ ด้วยนิ้ว
  5. นำรากสตรอว์เบอร์รี่ไปแช่เป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อที่มันจะได้ดูดซึมน้ำและชุ่มชื้นเพียงพอ
  6. นำพืชออกจากน้ำที่แช่ไว้และนำไปวางไว้ด้านบนของกองดินแต่ละกอง. จัดวางรากเพื่อที่มันจะได้ขยายลงไปด้านข้างของกองดิน.
  7. เติมกระถางด้วยดินเยอะๆ เติมดินให้อยู่ในระดับของเรือนยอด. ลำต้นจะงอกออกมาจากเรือนยอด ดังนั้นอย่าฝังมันไว้ในดิน
  8. ค่อยๆ รดน้ำจนกระทั่งน้ำระบายออกไป. (เติมดินเพิ่มหากจำเป็น การรดน้ำให้ทั่วมักจะทำให้ไม่มีช่องอากาศและลดระดับของดิน)
    • ใช้เครื่องรดน้ำที่มีสปริงเกอร์ติดมาด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงดินกร่อน
  9. ภาชนะนี้สามารถวางไว้ด้านนอกได้ (นำไปแขวนหรือวางไว้ที่พื้น) หรือจะวางในบ้านตรงบริเวณอุ่นๆ ที่มีแสงแดดส่องถึงก็ได้
  10. รอเพื่อเก็บเกี่ยวสตรอว์เบอร์รี่หรือเพียงแค่ทานมันเมื่อมันสุก จำนวนสตรอว์เบอร์รี่ที่คุณจะเก็บเกี่ยวนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณต้นสตรอว์เบอร์รี่ที่คุณปลูกและขนาดของภาชนะ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 7:

ปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่จากเมล็ด

ดาวน์โหลดบทความ

แม้ว่าเรามักจะปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่จากต้นอ่อน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะปลูกจากเมล็ด

  1. ซื้อเมล็ดจากร้านขายต้นไม้หรือซื้อทางออนไลน์
  2. ใช้นิ้วกดดินลงไปประมาณ 6 มิลลิเมตร สร้างหลุม 6 นิ้ว
  3. เมล็ดนั้นมีขนาดเล็ก บางคนใช้แหนบในการย้ายเมล็ดจากบรรจุภัณฑ์ลงไปในดิน.
  4. กดดินให้ทั่วหลุมแต่ละหลุม คุณอาจจะเพียงแค่ใช้นิ้วกดดิน อย่ากดแรงเกินไปเพราะมันจะทำให้ดินแน่นและต้นอ่อนที่งอกจากเมล็ดจะงอกออกมาไม่ได้
  5. นี่จะช่วยให้ดินชุ่มชื้นขณะที่เมล็ดเริ่มงอก
  6. สตรอว์เบอร์รี่จะได้รับประโยชน์จากบริเวณที่อบอุ่นที่ที่มีแสงแดดล่อง วางกระถางใกล้ๆ เครื่องทำความร้อนหรือตรงบริเวณแหล่งความร้อนในช่วงหน้าหนาว
  7. ทำให้ดินชุ่มชื้นแต่ไม่โชกน้ำ ตรวจที่ดินทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่แห้ง
  8. นำพลาสติกแรปออกจากกระถางเมื่อมีต้นอ่อนงอกจากเมล็ด. เมื่อมันสูงขึ้นจนถึงพลาสติกที่คลุมไว้ มันก็ต้องการพื้นที่ที่จะเติบโตขึ้นอีก ดังนั้นอย่าปล่อยให้มีพลาสติกขวางอยู่ เมื่อเปิดพลาสติกออกดินจะแห้งบ่อย ดังนั้นจึงต้องเช็คดินทุกวัน
  9. ดึงตกแต่งต้นสตรอว์เบอร์รี่หลังจากที่ต้นอ่อนงอกจากเมล็ด. ให้ทำเช่นนี้โดยการดึงหรือตัดต้นที่เล็กที่สุด. ให้เหลือประมาณ 6 นิ้วของต้นที่เหลือ
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 7:

ปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่จากไหล (runner) (ขยายพันธุ์โดยใช้การแบ่งต้นพืช)

ดาวน์โหลดบทความ

ไหลนั้นเป็นต้นพืชที่แตกออกมาจากต้นหลัก ซึ่งมันก็มีเพื่อสร้างต้นใหม่ตรงบริเวณที่เป็นไปได้ มันสามารถนำมาใช้ปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่ต้นใหม่ได้สำหรับฤดูกลางต่อไปในปีหน้า

  1. วางมันใกล้ๆ กับต้นสตรอว์เบอร์รี่ที่กำลังจะแตกออกมาเป็นไหล.
  2. ปล่อยส่วนที่ยังติดอยู่กับต้นพืชหลักและกลบดินเฉพาะบางส่วนของไหล อีกด้านหนึ่งจำเป็นต้องให้ติดอยู่ที่กระถางเพื่อรักษาสมดุล
  3. ปล่อยให้ไหลอยู่ติดกับลำต้นเช่นนี้อย่างน้อย 1 เดือน. ในช่วงระหว่างนี้ ให้รดน้ำอย่างสม่ำเสมอพร้อมๆ กับรดน้ำที่ต้นหลักด้วย นี่จะช่วยทำให้ดินชุ่มชื้นและกระตุ้นให้รากเติบโต
  4. หลังจากผ่านไป 1 เดือน ให้ตัดไหลออกจากต้นหลัก ใช้ กรรไกรทำสวนที่สะอาดและฆ่าเชื้อแล้วในการทำเช่นนี้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเป็นโรคต่างๆ ตรงบริเวณที่ถูกตัดออก
    โฆษณา
วิธีการ 7
วิธีการ 7 ของ 7:

ปฏิทินสตรอว์เบอร์รี่ตลดทั้งปี

ดาวน์โหลดบทความ

ปฏิทินต่อไปนี้จะเป็นคำแนะนำพื้นฐานในการดูแลสตรอว์เบอร์รี่ตลอดทั้งปี คุณจำเป็นต้องปรับมันโดยยึดจากสายพันธุ์ของสตรอว์เบอร์รี่และภูมิประเทศ

  • ฤดูหนาวช่วงต้น (ธ.ค.-ม.ค.): ขจัดวัชพืชรอบๆ ต้นสตรอว์เบอร์รี่ กำจัดอะไรก็ตามที่จะกระตุ้นให้เกิดเชื้อรา ตรวจเช็คเพื่อดูว่าจะต้องกลบมันตรงไหนบ้าง
  • ฤดูหนาวช่วงปลาย (ม.ค.-ก.พ.): ในช่วงเวลานี้จะต้องหว่านเมล็ดในถังน้ำในร่ม
  • ฤดูใบไม้ผลิช่วงต้น (มี.ค.-เม.ย.): เตรียมดินสำหรับต้นสตรอว์เบอร์รี่ต้นใหม่ ใส่ปุ๋ยต้นสตรอว์เบอร์รี่เดิม
  • ฤดูใบไม้ผลิช่วงปลาย (เม.ย-พ.ค.): ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่ออกผลเร็ว มันอาจจะต้องคลุมไว้อยู่หาอาการเย็นแต่ก็ต้องสร้างสมดุลด้วยการเปิดมันออกเพื่อนำละอองไปสู่เกสรตัวเมียในวันที่อากาศอบอุ่น ในช่วงปลายเดือนเมษายน ให้ปลูกสตรอว์เบอร์รี่ที่ออกผลช่วงกลางและช่วงปลาย เอาไหลออกและดอกแรกออก เพื่อวิธีป้องกันนก
  • ฤดูร้อนช่วงต้น (มิ.ย.-ก.ค.): คลุมดิน รดน้ำและรักษาให้ห่างจากนก ตรวจดูโรคและทิ้งพืชที่สุขภาพไม่ดี เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่ออกผลเร็ว ขยายพันธุ์พืชต้นใหม่
  • ช่วงปลายฤดูร้อน (ก.ค.-ส.ค.): รดน้ำและขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เก็บสตรอว์เบอร์รี่ในช่วงกลางและปลายและสายพันธุ์ที่ออกผลตลอดปี นำไปทำแยม
  • ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-ต.ค.): นำต้นที่เก่าหรือผิดปกติออกไป ใส่ปุ๋ยสำหรับฤดูหนาว เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่ออกผลอย่างต่อเนื่อง (สายพันธุ์ตลอดทั้งปี)
  • ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง (ต.ค.-พ.ย.): เตรียมความพร้อมของสายพันธุ์ตลอดทั้งปีสำหรับฤดูหนาว

เคล็ดลับ

  • ต้นสตรอว์เบอร์รี่ส่วนใหญ่จะหยุดออกผลหลังจากผ่านไป 4-6 ปี ช่วงเวลาที่มันจะเฉานั้นขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ให้ขจัดมันออกเมื่อมันเริ่มไม่งอกงามและหยุดออกผลตามที่หวังไว้
  • ขอให้แน่ใจว่ากระถางนั้นใหญ่พอสำหรับพืช หากคุณเห็นรากโผล่ออกมาจากรูระบายน้ำที่ด้านล่างของกระถาง มันก็ถึงเวลาที่จะย้ายมันไปบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
  • หากคุณปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในกระถางแขวนหรือในกระถางธรรมดา ให้ย้ายภาชนะไปจุดต่างๆ บ่อยๆ เพื่อที่ต้นที่อยู่ด้านในก็จะได้รับแสงแดดเพียงพอด้วย
  • เก็บสตรอว์เบอร์รี่ทันทีที่มันสุก สตรอวเบอร์รี่ที่อยู่บนดินนานเกินไปจะเน่า
  • นกชอบสตรอว์เบอร์รี่เหมือนกับที่คุณชอบ หากมีนกมาแอบกินสตรอว์เบอร์รี่ ให้คลุมตาข่ายที่ต้นสตรอว์เบอร์รี่หรือค่อยๆ จัดลวดตาข่ายกรงไก่ใหญ่ๆ เหนือกระถาง ในทรงโดมหรือทรงระฆังโดยไม่เป็นการจำกัดต้นพืช
  • การเพิ่มกากกาแฟไปที่ดินจะช่วยเพิ่มระดับไนโตรเจน ให้ลองใส่มันเพิ่มหากใบเป็นสีเขียวซีดๆ
  • ขณะที่การปลูกสตรอว์เบอร์รี่จากเมล็ดจากพืชที่คุณปลูกจะฟังเป็นไอเดียที่ดี แต่ก็มีโอกาสสูงที่มันจะออกผลเล็กและเปรี้ยวที่ไม่อร่อยเท่าต้นเดิม วิธีที่สุดก็คือการซื้อเมล็ดจากร้านหากคุณจะปลูกจากเมล็ด หากคุณอยากจะลอง ก็มาดูกันว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
  • ต้นสตรอว์เบอร์รี่ส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์จากปุ๋ยละลาย คุณสามารถซื้อดินที่มีปุ๋ยผสมมาอยู่แล้วหรือจะซื้อปุ๋ยแยกออกมาแล้วค่อยเพิ่มมันไปในดินทีหลัง
  • หากคุณชอบที่จะปลูกสตรอว์เบอร์รี่ใต้น้ำ ให้อ่านบทความในวิกิฮาวสำหรับรายละเอียดอื่นๆ
  • สตรอว์เบอร์รี่ไม่จำเป็นต้องเป็นสีแดงเสมอไปเมือ่มันสุก ตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดว่ามันสุดแล้วคือรสชาติของมัน หากมันมีเนื้อแน่นและหวาน มันก็พร้อมแล้วที่จะถูกเก็บไป
โฆษณา

คำเตือน

  • สตรอว์เบอร์รี่สามารถป่วยเป็นหลายโรค จากไวรัส และการเน่า บางครั้งมันก็รอดจากการดูแลที่รวดเร็วและถูกต้อง แต่ในหลายๆ กรณี วิธีที่ดีที่สุดคือการทิ้งมันไปและปลูกต้นใหม่ โรคเชื้อเราทั่วไปได้แก่ เชื้อรา botrytis และจุดที่ใบ ขณะที่โรคราแป้งก็เป็นอีกปัญหาที่พบในสตรอว์เบอร์รี่ ลองถามร้านปลูกต้นไม้เพื่อหาวิธีรักษา หรือค้นคว้าหาวิธีแก้ปัญหาตามธรรมชาติ
  • การรดน้ำในกระถางสตรอว์เบอร์รี่มากเกินไปเป็นปัญหาที่มักจะเกิดได้ง่ายๆ อย่ารู้สึกเสียใจถ้าสตรอว์เบอร์รี่ของคุณไม่รอด แค่หาต้นใหม่และลองปลูกอีกทีปีหน้า
โฆษณา

สิ่งที่ตองใช้

  • กระถางปลูกต้นไม้หรือตะกร้าแขวน
  • ต้นสตรอว์เบอร์รี่หรือเมล็ดสตรอว์เบอร์รี่
  • ดินสำหรับปลูก
  • ปุ๋ยละลาย
  • พาสติกแรป (หากปลูกจากเมล็ด)
  • ตาข่ายคลุมสตรอว์เบอร์รี่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Christine Recht, Success with Soft Fruits , p. 42, (2000), ISBN 0-86411-962-3
  2. http://www.gardenguides.com/121863-plant-strawberries-indoors.html – research source
  3. Richard Jackson and Carolyn Hutchinson, Easy Container Gardening, (London, England: HarperCollins, 1999) – research source
  4. Michael Wright, The Complete Indoor Gardener, (New York, NY: Random House, 1974) – research source

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 49,617 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา