บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการป้องกันไม่ให้ Google Chrome อัพเดทอัตโนมัติ ทั้งใน Windows, Mac, iPhone และ Android แต่ระวัง ถ้าไม่หมั่นอัพเดท Google Chrome อาจเปิดช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัย ให้ติดไวรัสหรือโดนแฮกข้อมูลได้ง่ายๆ
ขั้นตอน
-
เซฟงานที่ทำค้างไว้. เดี๋ยวต้องรีสตาร์ทคอมหลังทำตามขั้นตอนเสร็จ เพราะงั้นถ้าทำงานค้างไว้ต้องรีบเซฟก่อน
-
เปิด Start . คลิกโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเมนู Start จะโผล่มา
-
พิมพ์ run . เพื่อค้นหาโปรแกรม Run ในคอม
-
คลิก Run . ที่เป็นรูปซองเคลื่อนไหวเร็วจนเบลอ ทางด้านบนของเมนู Start เพื่อเปิดหน้าต่าง Run ทางด้านซ้ายล่างของหน้าจอ
- ต่อไปเวลาจะเปิด Run ก็แค่กด ⊞ Win + R
-
พิมพ์ msconfig . ในช่องพิมพ์ของ Run เพื่อเปิดหน้าต่าง Windows System Configuration
-
คลิก OK . ที่ท้ายหน้าต่าง Run เพื่อเปิดหน้าต่าง System Configuration
-
คลิก tab Services . ทางด้านบนของหน้าต่าง System Configuration
-
ติ๊กช่อง "Hide all Microsoft services". ที่มุมซ้ายล่างของหน้าต่าง เพื่อซ่อน service อื่นๆ ในรายชื่อ ป้องกันไม่ให้เผลอไปปิด service สำคัญของ Windows
-
เลื่อนลงไปจนเจอ service ชื่อ "Google Update Service" ซ้ำกัน 2 อัน. โดยเป็นของ "Google Inc." ทั้งคู่ และจะอยู่ติดกัน [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณจัดเรียง service ตาม manufacturer หรือผู้ผลิตได้ โดยคลิก tab Manufacturer ทางด้านบนของหน้าต่าง
-
เอาติ๊กออกจากช่อง "Google Update Service". โดยคลิกช่องที่ติ๊กไว้ ทางซ้ายของ "Google Update Service" แต่ละช่อง
-
คลิก Apply . ที่ท้ายหน้าต่าง เพื่อปิด Google Update ทั้ง 2 services
-
คลิก OK . ที่ท้ายหน้าต่าง
-
คลิก Restart ตอนที่ขึ้น. เพื่อให้คอมเซฟค่าใหม่แล้วรีสตาร์ท เท่านี้ Google Chrome ก็จะไม่อัพเดทอัตโนมัติอีกต่อไปโฆษณา
-
คลิก Go . เป็นเมนูทางด้านบนของหน้าจอ Mac คลิกแล้วเมนูจะขยายลงมา
- ถ้าไม่มีเมนู Go ให้คลิกที่ desktop หรือเปิด Finder เพื่อแสดงเมนู
-
กด ⌥ Option ค้างไว้. เป็นปุ่มทางซ้ายล่างของคีย์บอร์ด กดแล้วโฟลเดอร์ Library จะโผล่มาในเมนู Go ที่ขยายลงมาได้
-
คลิก Library . ทางด้านล่างของเมนู Go ที่ขยายลงมา เพื่อเปิดโฟลเดอร์ Library
-
เปิดโฟลเดอร์ "Google". เลื่อนลงไปจนเจอโฟลเดอร์ชื่อ "Google" แล้วดับเบิลคลิกเลย
-
เลือกโฟลเดอร์ "GoogleSoftwareUpdate". ให้คลิกโฟลเดอร์นี้ในโฟลเดอร์ Google
-
คลิก File . ที่เป็นเมนูมุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
-
คลิก Get Info . ในเมนู File ที่ขยายลงมา เพื่อเปิดหน้าต่าง Info
-
เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์. เลือกชื่อโฟลเดอร์ที่ทางด้านบนของหน้าต่าง แล้วพิมพ์ชื่อใหม่ลงไป (เช่น NoUpdate )
- อาจจะต้องคลิกไอคอนรูปแม่กุญแจที่มุมซ้ายล่างของหน้าต่างก่อน แล้วพิมพ์รหัสผ่านผู้ใช้
-
กด ⏎ Return . เพื่อเซฟชื่อโฟลเดอร์ใหม่
-
รีสตาร์ท. คลิก Apple menu คลิก Restart... แล้วคลิก Restart Now ตอนที่ขึ้น พอรีสตาร์ทเสร็จ Chrome ก็จะไม่อัพเดทอัตโนมัติอีกต่อไปโฆษณา
-
เปิด Settings ของ iPhone. แตะไอคอนของแอพ Settings ที่เป็นรูปฟันเฟืองบนพื้นสีเทา
-
เลื่อนลงไปแตะ iTunes & App Store . แถวกลางหน้า Settings เพื่อเปิดหน้า settings ของ App Store
-
แตะสวิตช์ "Updates" สีเขียว . สวิตช์จะกลายเป็นสีเทา เท่ากับปิดการอัพเดทแอพอัตโนมัติ ทุกแอพรวมทั้ง Google Chrome จะไม่อัพเดทอัตโนมัติอีกต่อไปโฆษณา
-
เปิด Google Play Store ของ Android. แตะไอคอนของแอพ Google Play Store ที่เป็นรูปสามเหลี่ยมหลากสีบนพื้นขาว
-
แตะ ☰ . ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ เมนูใหม่จะโผล่มา
-
แตะ Settings . กลางเมนูที่โผล่มา เพื่อเปิดหน้า Settings
- ในมือถือ Androids บางเครื่อง อาจจะต้องเลื่อนลงไปถึงจะเจอ Settings
-
แตะ Auto-update apps . ทางด้านบนของหน้าจอ เพื่อเปิดเมนู pop-up
-
แตะ Do not auto-update apps . ทางด้านบนของเมนู pop-up เพื่อปิดการอัพเดทแอพอัตโนมัติ ทุกแอพรวมทั้ง Google Chrome จะไม่อัพเดทอัตโนมัติอีกต่อไปโฆษณา
เคล็ดลับ
- การปิด Chrome Update เหมาะสำหรับใครที่อยากใช้ Chrome เวอร์ชั่นเก่าต่อไป หรือใช้ในคอมเก่าที่อาจไม่รองรับโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ๆ
โฆษณา
คำเตือน
- ระวังว่าถ้าปิดการอัพเดท Chrome อัตโนมัติ อาจเปิดช่องให้คอมติดไวรัสหรือถูกแฮกข้อมูลได้ง่ายกว่าเดิม
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา