ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการปิดฟีเจอร์ "Private" หรือ "Incognito" ของบางเบราว์เซอร์ ตั้งแต่เมษายน 2560 เป็นต้นมา มีเพียงเบราว์เซอร์เดียวที่ปิดการใช้งาน private browsing ได้เอง คือ Safari iOS นอกจากนั้นก็มี plugin ไว้ติดตั้งไม่ให้ใครใช้งาน private browsing ได้ เช่น ใน Firefox รวมถึงสามารถใช้ Group Policy Editor ปิดการใช้งาน Incognito และ InPrivate browsing ใน Chrome และ Microsoft Edge ได้ตามลำดับ ถ้าจะปิดการใช้งานโหมดนี้ใน Chrome ของ Windows 10 Home Edition ต้องเลือกวิธีที่ 2 เพราะวิธีแรกอาจจะไม่ได้ผล

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

Chrome (Windows)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ควร backup ข้อมูลในคอม ก่อน. วิธีนี้ต้องเข้าไปแก้ไขบางไฟล์สำคัญของระบบปฏิบัติการ อาจทำระบบล่มได้ถ้าผิดพลาด เพราะงั้นควร backup ข้อมูลในคอมก่อนลงมือ จะได้ไม่เสียข้อมูลไปเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย
  2. โดยพิมพ์ https://support.google.com/chrome/a/answer/187202?hl=en ในเบราว์เซอร์ เข้าไปแล้วดาวน์โหลดไฟล์สำหรับ tweak หรือปรับแต่ง settings ของ Group Policy Editor ได้เลย
    • ถ้าคอมคุณใช้ Windows Home edition จะใช้วิธีนี้ไม่ได้ เพราะ Home edition ไม่รองรับการใช้งาน Group Policy Editor
  3. ทางด้านบนของหน้า
  4. ที่มีข้อความ "Zip file of Google Chrome templates and documentation" ลิงค์นี้จะอยู่ล่างบล็อกข้อความ ทางด้านบนของหน้าต่าง "Windows and Linux" คลิกลิงค์แล้วไฟล์จะดาวน์โหลดลงคอม
    • อาจจะต้องเลือกตำแหน่งเซฟไฟล์ก่อน (เช่น หน้า desktop) แล้วคลิก OK เพื่อเริ่มดาวน์โหลด
  5. ในตำแหน่งเซฟไฟล์ตามค่า default ของเบราว์เซอร์ (หรือตำแหน่งที่เลือกเซฟ)
  6. ในโฟลเดอร์ policy ที่เพิ่งเปิด ล่างโฟลเดอร์ Common
  7. เป็นโฟลเดอร์ทางด้านบนของหน้าต่าง
  8. ท้ายหน้าต่าง พอคลิกขวาแล้วเมนูจะโผล่ขึ้นมา
  9. เพื่อ copy ไฟล์ แล้วไป paste ในโฟลเดอร์ที่ถูกต้อง
  10. โดยพิมพ์ "This PC" ในแถบค้นหาของเมนู Start หรือดับเบิลคลิกไอคอน "This PC" ที่หน้า desktop ถ้ามี
    • ในคอมบางเครื่อง "This PC" จะเป็น "My Computer" แทน
  11. ที่ครึ่งล่างของหน้าต่าง "This PC" ปกติตัวอักษรประจำไดรฟ์จะเป็น "C:" (เช่น "OS (C:)")
  12. เป็นโฟลเดอร์กลางๆ หน้าต่าง
  13. โฟลเดอร์ต่างๆ ในส่วนนี้จะเรียงลำดับตามตัวอักษร เพราะงั้นให้เลื่อนไปแถวตัว "P" ก็จะเจอโฟลเดอร์นี้
  14. เพื่อ paste ไฟล์ "chrome.admx" ในโฟลเดอร์ PolicyDefinitions
  15. จะมีอีกไฟล์เดียวที่ต้อง copy/paste ใส่โฟลเดอร์ This PC
  16. ทางด้านบนของหน้า
  17. จะเป็นไฟล์ด้านบนของหน้า
  18. ที่โฟลเดอร์ PolicyDefinitions ยังเปิดอยู่ เป็นโฟลเดอร์ที่คุณ copy ไฟล์ "chrome.admx" ใส่ไว้แล้ว
  19. เป็นโฟลเดอร์ทางด้านบนของหน้า
  20. เท่านี้เราก็จะมาปิดการใช้งาน incognito mode ของ Google Chrome กันได้แล้ว
  21. เพื่อเปิดโปรแกรม Run
    • หรือคลิกขวาไอคอน Start ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วคลิก Run แทน
  22. เป็นคำสั่งที่ใช้เปิดโปรแกรม Group Policy Editor
  23. ถ้าติดตั้งโปรแกรม Group Policy Editor ไว้ในคอมแล้ว โปรแกรมก็จะเปิดขึ้นมา
  24. ตัวเลือกนี้จะอยู่ทางซ้ายของหน้า
  25. จะอยู่ทางซ้ายของหน้า ล่าง Computer Configuration
  26. ล่างโฟลเดอร์ Administrative Templates ทางซ้ายของหน้า เพื่อดูค่าต่างๆ ของ Google Chrome ในหน้าต่างทางขวาของหน้า
  27. ที่อยู่แถวกลางหน้า เพื่อเปิดหน้าต่างใหม่พร้อมหลายตัวเลือก
  28. คลิกเมนูที่ขยายลงมาได้ใต้ "Options" แล้วเลือก Incognito mode disabled .
    • อย่าลืมคลิกปุ่มข้าง "Enabled" เหนือหัวข้อ "Options" ถ้ายังไม่ได้เลือกไว้
  29. เท่านี้ก็ปิดการใช้งาน incognito mode ของ Chrome ในคอมเรียบร้อย
    • อาจจะต้องปิดแล้วเปิด Chrome ก่อน ค่าใหม่ถึงจะมีผลใช้งาน แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ให้รีสตาร์ทคอมแล้วเปิด Chrome ใหม่อีกรอบ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

Chrome (Windows 10 Home Edition)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีแก้ไข Registry ที่แก้ปัญหาให้ Windows หลายเวอร์ชั่นได้นั้น ตอนแรกจะยังใช้กับ Windows 10 Home Edition ไม่ได้ แต่ถ้าใช้ Chrome Canary พอแก้ไข Registry แล้วก็จะส่งผลถึง Chrome ด้วย
    • คุณเลือกได้ว่าจะใช้ทั้ง Chrome และ Chrome Canary หรือถอนการติดตั้งตัวใดตัวหนึ่ง
  2. ควร backup ข้อมูลในคอม ก่อน. วิธีนี้ต้องเข้าไปแก้ไขบางไฟล์สำคัญของระบบปฏิบัติการ อาจทำระบบล่มได้ถ้าผิดพลาด เพราะงั้นควร backup ข้อมูลในคอมก่อนลงมือ จะได้ไม่เสียข้อมูลไปเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย
    • หมายเหตุ: อาจจะต้องสร้างโฟลเดอร์ “Google” กับ “Chrome” เอง โดย...
    • คลิกขวาที่ Policies แล้วคลิก New กับ Key
    • ตั้งชื่อ Key ใหม่นี้ว่า Google
    • ต่อมาคลิกขวาที่ Google แล้วสร้าง Key ใหม่ชื่อ Chrome
    • เช็คว่า Key ใหม่โผล่มาในรายชื่อโฟลเดอร์ ใน Policies หรือยัง
    • ถ้าคลิก Chrome แล้ว file path ต่อไปนี้จะโผล่มาในแถบ address: Computer\HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Google\Chrome
  3. ให้ copy ข้อความนี้ไป paste เลย จะได้ไม่พิมพ์ผิด จากนั้นกด Enter
  4. จะมีหน้าต่างโผล่มา ให้ตั้ง value data เป็น 1 ปล่อย Base เป็น Hexadecimal ไว้ แล้วกด Enter หรือคลิก OK
  5. รีสตาร์ทคอมเพื่อให้ Registry ที่แก้ไขไปมีผลใช้งาน.
    • คลิกจุด 3 จุด (มุมขวาบน) ถ้า Incognito Mode ยังโผล่มาพร้อม New Tab และ New Window
    • แต่ถ้า Incognito Mode หายไปแล้ว ก็ไม่ต้องทำขั้นตอนต่อไป แต่ถ้ามี ก็ทำตามขั้นตอนได้เลย
  6. ดาวน์โหลด Chrome Canary (ที่เป็นเวอร์ชั่นนักพัฒนา หรือเวอร์ชั่นทดสอบของ Chrome) ได้ที่ หน้าดาวน์โหลดของ Google .
    • ต้องจดหรือจำไว้ว่าเซฟไฟล์ไว้ที่ไหน (เช่น โฟลเดอร์ Downloads)
    • หาไฟล์ ChromeSetup.exe แล้วดับเบิลคลิก จากนั้นทำตามขั้นตอนที่ปรากฏ
    • ขั้นตอนที่ว่าไม่ได้ไปเซฟทับ Chrome ที่มีอยู่ คุณสามารถใช้งาน Chrome พร้อมกันได้ทั้ง 2 เวอร์ชั่น
    • รีสตาร์ทคอม
  7. ไอคอนจะเป็นสีส้มเหมือนของ Chrome
  8. หรือก็คือไม่มีตัวเลือก Incognito
  9. เปิด Chrome เวอร์ชั่นแรก แล้วเช็คว่า Registry ใหม่มีผลใช้งานหรือยัง. เช่นกัน คือไม่มีตัวเลือก Incognito
  10. ถ้าใช้วิธีนี้ได้ผล คุณจะเก็บไว้ใช้ทั้ง Chrome Canary และ Chrome ก็ได้ หรือถอนการติดตั้งเวอร์ชั่นใดเวอร์ชั่นหนึ่ง ถ้าเลือกถอนการติดตั้ง Chrome Canary ไป Chrome เวอร์ชั่นดั้งเดิมก็จะยังใช้ Registry ใหม่ที่แก้ไป คือไม่มี Incognito mode โผล่มาอีก ถ้าจะถอนการติดตั้งเวอร์ชั่นไหน ให้เปิด Task Manager แล้วหยุด processes ทั้งหมดของ Chrome และ Chrome Canary ไม่งั้น Windows จะขึ้นเตือนให้ "shut down Chrome" หรือปิด Chrome อยู่ตลอด แถมถอนการติดตั้งไม่ได้
    • ให้กด Ctrl + Alt + Del ค้างไว้ (พร้อมกันทั้ง 3 ปุ่ม) แล้วเลือก Task Manager
    • ใน tab Processes ให้คลิก Google Chrome
    • คลิก End Task (ที่มุมขวาล่าง)
    • เริ่มถอนการติดตั้ง Chrome Canary
    • กด Win แล้วพิมพ์ Programs
    • คลิก Add and Remove Programs
    • หาแล้วคลิก Google Chrome หรือ Canary แล้วคลิก Uninstall
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

Safari (มือถือ)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ที่เป็นแอพสีเทารูปฟันเฟือง ปกติอยู่ในหน้า Home
  2. ที่มีรูปฟันเฟืองทางซ้าย
  3. ถ้าเปิดใช้ Restrictions ไว้ใน iPhone หรือ iPad จะมีให้ใส่ passcode
    • ถ้าไม่ได้เปิดใช้ Restrictions ให้แตะ Enable Restrictions แล้วตั้ง passcode จากนั้นข้ามขั้นตอนถัดไป
  4. อาจจะไม่ใช่ passcode เดียวกับที่ใช้ล็อค iPhone หรือ iPad ก็ได้
  5. ในกลุ่มตัวเลือก "ALLOWED CONTENT" ล่างกลุ่มสวิตช์ต่างๆ ในหน้านี้
  6. ทางด้านบนของหน้า แล้วจะเห็นเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าโผล่มาทางขวา
  7. ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ เพื่อเซฟค่าใหม่ เท่านี้ก็ไม่มีตัวเลือก private browsing ใน Safari แล้ว
    • ถ้าอยากจำกัดสิทธิ์ ไม่ให้คนอื่นใช้ incognito mode ได้ ให้เลื่อนสวิตช์ Installing Apps ทางซ้ายไปที่ "Off" ตัวเลือกในกลุ่มสวิตช์ที่ 2 ในหน้า "Restrictions" นี้ จะทำให้คนอื่นดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ใหม่ไม่ได้ (รวมถึงแอพต่างๆ ด้วย)
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

Microsoft Edge

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อเปิด Run utility สำหรับเปิดโปรแกรมที่จะใช้ปิดการใช้งาน InPrivate Browsing ของ Microsoft Edge
    • คุณปิดการใช้งาน InPrivate Browsing ใน Windows 10 Home edition ไม่ได้
    • ให้คลิกขวาที่ไอคอน Start ตรงมุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเลือก Run จากในเมนูที่โผล่ขึ้นมา
  2. ต้องสะกดให้ถูกเป๊ะๆ ห้ามเว้นวรรค
  3. เพื่อเปิด Local Group Policy Editor
    • ถ้าไม่ได้ใช้บัญชีแอดมิน (Administrator) ก็จะไม่มีตัวเลือกนี้
  4. โฟลเดอร์นี้จะอยู่ในกรอบซ้ายของหน้าต่าง Local Group Policy Editor
  5. ต้องเลื่อนลงไปก่อนถึงจะเจอ
  6. ต้องเลื่อนลงไปก่อนถึงจะเจอ
  7. เพื่อดูเนื้อหาในโฟลเดอร์ ในกรอบทางขวาของหน้าต่าง
  8. เพื่อเปิดโฟลเดอร์
  9. ทางด้านบนของเนื้อหาในโฟลเดอร์
  10. ฟังแล้วอาจจะงงนิดหน่อย แต่คลิกปุ่มแล้วเท่ากับเปิดใช้งาน "Turn off InPrivate browsing" สำหรับปิดการทำงานของ InPrivate Browsing อีกที [1]
  11. เพื่อเซฟค่าใหม่ ต่อไปใครมาใช้ Microsoft Edge ในคอมเครื่องนี้หรือคอมเครื่องอื่นๆ ในเครือข่ายเดียวกัน ก็ใช้งาน InPrivate Browsing ไม่ได้อีกต่อไป
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

Firefox (คอม)

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Firefox เป็นแอพสีฟ้า มีหมาจิ้งจอกสีส้มล้อมรอบ
  2. โดยพิมพ์ https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/addon/disable-private-browsing-pl/ ในเบราว์เซอร์
  3. แล้วเมนูจะเด้งขึ้นมาที่มุมซ้ายบนของหน้า
  4. ในเมนูที่โผล่มา
  5. Firefox จะติดตั้ง plugin ปิดตัวเองไป แล้วเปิดขึ้นมาใหม่ เท่านี้ก็ปิดการใช้งาน private browsing เรียบร้อย
    • ต้องคลิก Start in Safe Mode ก่อนถ้ามี
    • plugin นี้จะปิดการใช้งาน history deleting ด้วย เท่ากับลบประวัติการท่องเน็ตไม่ได้
    • รวมถึงจะลบ bookmarks ไม่ได้ด้วยถ้าใช้ plugin นี้อยู่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าจะลบ plugin ของ Firefox ให้ลบแล้วลง Firefox ในคอมใหม่เลย
โฆษณา

คำเตือน

  • เบราว์เซอร์ส่วนใหญ่จะปิดการใช้งาน private หรือ incognito browsing ไม่ได้ ถ้าอยากป้องกันไม่ให้เด็กหรือคนในบ้านแอบใช้บางเว็บ ก็ต้องติดตั้ง parental controls ไว้ติดตามการท่องเว็บด้วย incognito/private mode แทน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,019 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา