ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ปกติอุปกรณ์ต่างๆ จะมีระบบ Parental controls ติดตั้งไว้ ทั้งสมาร์ทโฟน เครื่องเกมคอนโซล และคอมพิวเตอร์ หลักๆ คือเอาไว้จำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และจำกัดการใช้งานไม่ให้เกินเวลาที่กำหนด รวมถึงบล็อกโปรแกรมหรือฟีเจอร์บางอย่าง บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการปิด parental controls ในอุปกรณ์ต่างๆ ทั้ง iOS มือถือและแท็บเล็ต Android ไปจนถึงเครื่อง Xbox, Play Station, Nintendo และคอมพิวเตอร์ Mac หรือ Windows แบบไม่จำเป็นต้องมีรหัสผ่านเลย
ขั้นตอน
-
ถ้าเป็นใน iPhone, iPad และ iPod Touch ระบบ Parental Controls จะเรียกว่า Restrictions. เอาไว้บล็อกเนื้อหาทั้งหนัง รายการทีวี และเพลงตามเรตที่กำหนด รวมถึงบล็อก In-App purchase (การซื้อไอเท็มในเกมด้วยเงินจริง) และการใช้แอพ iTunes store, camera และ FaceTime
-
ปิด parental controls ด้วย passcode. ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ ถ้าใช้ iPhone, iPad หรือ iPod Touch [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แตะ Settings > General
- แตะ Restrictions
- แตะ Disable Restrictions แล้วใส่ passcode
-
ปิด restrictions แบบไม่ต้องใช้ passcode ด้วย iBackupBot. คุณจะตั้ง passcode ใหม่ได้ โดยที่ข้อมูลและ contacts ต่างๆ ยังอยู่ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แตะ Settings > iCloud แล้วปิด Find My iPhone
- เสียบมือถือกับคอม แล้วเลือก iPhone, iPad หรือ iPod touch ตอนที่โผล่มาใน iTunes ในหัวข้อ Devices
- เลือก tab Summary แล้วคลิก Back Up Now
- ในคอม ให้ดาวน์โหลดและติดตั้ง iBackupBot สำหรับ iTunes เวอร์ชั่นทดลองใช้ฟรี
- เปิด iBackup แล้วเลือก backup ใหม่จากอุปกรณ์ iOS
- คลิก System Files > Home Domain
- คลิก Library > Preferences
- หาไฟล์ชื่อ com.apple.springboard.plist แล้วเปิดใน editor ของ iBot (จะมีให้เสียเงินซื้อ iBot ก็กด Cancel ไป)
- หา <key>country ปกติจะมีข้อความ ( | indicates a line break): <key>countryCode</key> | <string>us</string> | </dict>
- ในบรรทัดล่าง </dict> ให้เติม ( | คือ line break): <key>SBParentalControlsPIN</key> | <string>1234</string>
- เซฟไฟล์
- เสียบอุปกรณ์ iOS และในโปรแกรม iBackup ให้เลือกอุปกรณ์ แล้วเลือก Restore from Backup จากนั้นเลือก backup ที่เพิ่งสร้าง
- พอ backup เสร็จ อุปกรณ์ iOS ของคุณก็จะรีสตาร์ท Restrictions passcode จะเปลี่ยนเป็น 1234 ให้ใช้โค้ดนี้ปิด Restrictions ตามวิธีการในขั้นตอนที่ 2 ด้านบน
-
ปิด restrictions แบบไม่ต้องใช้ passcode โดยรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงาน. ถ้าเคย backup ไว้ล่าสุดก่อนเปิดใช้ restrictions (ก่อนถูกบล็อกเนื้อหา) ก็รีเซ็ตกลับไปใช้ backup นั้นได้เลย ไม่งั้นก็ต้องรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงานเหมือนเครื่องใหม่แกะกล่อง คำเตือน: รีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงานแล้วทุกข้อมูลจะหายไป รวมถึงเพลง วีดีโอ contacts รูป และข้อมูลในปฏิทิน [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ในคอมต้องมี iTunes เวอร์ชั่นล่าสุด
- เสียบอุปกรณ์กับคอม แล้วเลือก iPhone, iPad หรือ iPod touch ตอนที่ขึ้นในหัวข้อ Devices ของ iTunes
- เลือก tab Summary
- เลือก Restore
- พอมีให้ backup settings ต่างๆ ก็อย่าทำ เพราะเดี๋ยวจะไป backup restrictions ที่เราพยายามจะปลดล็อคแทน
- เลือก Restore
- พอเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว อุปกรณ์จะรีสตาร์ท มีโลโก้ Apple โผล่มา ให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ไว้กับคอมจนกว่าหน้าจอ “Connect to iTunes” จะหายไป หรือมี “iPhone is activated.” ขึ้นมา
โฆษณา
-
ปิด restrictions ด้วย PIN ในแท็บเล็ตที่ใช้ Android 4.3 Jelly Bean ขึ้นไป. Android 4.3 ขึ้นไปให้ผู้ใช้สร้าง restricted profiles ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะบางแอพได้ ถ้ามีรหัสผ่าน ก็เปลี่ยนได้เลยว่าเข้าแอพไหนได้บ้าง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ใน lock screen ให้เปิดบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ถูกจำกัดสิทธิ์ โดยใช้ PIN
- เข้า settings แล้วคลิก Users จากนั้นเข้าบัญชีที่ถูกจำกัดสิทธิ์
- เปิดสวิตช์โปรแกรมต่างๆ ที่จะให้บัญชีนั้นเข้าใช้งานได้ ไปที่ on
-
ปิด Google Play in-app purchasing restrictions (จำกัดสิทธิ์การใช้จ่ายด้วยเงินจริงในแอพ) ด้วย PIN ในมือถือหรือแท็บเล็ต Android. เริ่มจากเปิดแอพ Google Play Store [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กด Menu แล้วเข้า Settings
- หา “Use Pin for Purchases”, “Require Authentication for Purchases” หรือ “Use Password to Restrict Purchases” แล้วแตะให้เป็น off จะมีให้ใส่ PIN ด้วย
-
ปิดการจำกัดเนื้อหาของ Google Play ด้วย PIN ในมือถือหรือแท็บเล็ต Android. เริ่มจากเปิดแอพ Google Play ก่อน
- เลือก Settings แล้วเลือก Content Filtering ในหัวข้อ User Controls
- จะมีให้ใส่รหัสผ่านด้วย
- คลิกทุกช่องที่มี (Everyone, Low Maturity, Medium Maturity, High Maturity) เพื่ออนุญาตให้เข้าถึงทุกประเภทเนื้อหา
-
ปิดการจำกัดเนื้อหาของ Google Play แบบไม่ต้องใช้ PIN โดยล้างข้อมูล. วิธีนี้จะล้าง PIN และฟิลเตอร์ทั้งหมด [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เข้า Settings > Apps
- แตะ Google Play Store
- แตะปุ่ม Clear Data
-
ปิดแอพ parental control โดยรีสตาร์ทเข้า safe mode (ได้ผลกับอุปกรณ์ Jelly Bean ส่วนใหญ่). ปกติ Android จะไม่ค่อยมีฟีเจอร์ parental controls ติดมา พ่อแม่ที่เป็นห่วงลูกหลานเลยมักจะติดตั้งแอพสำหรับควบคุมหรือติดตามการใช้งานแอพหรือท่องเน็ตเพิ่มเติมเอง แบบนี้แค่รีสตาร์ทเข้า safe mode ก็ปิดระบบได้แล้ว [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กดปุ่ม power ของอุปกรณ์ค้างไว้
- แตะตัวเลือก “Power Off” ค้างไว้
- จะมี dialogue box โผล่มาถามว่าคุณจะรีสตาร์ทเข้า safe mode ไหม ให้แตะ OK แต่ถ้า dialogue box ไม่โผล่มา ให้ลองใช้วิธีอื่นด้านล่าง
- พอมือถือติดกลับมา จะเห็นคำว่า “Safe Mode” ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าจอ
- ถ้าจะออกจาก safe mode ก็แค่รีสตาร์ทเครื่องตามปกติ
-
ปิดแอพ parental control โดยรีสตาร์ทเข้า safe mode (ถ้าวิธีก่อนหน้าไม่ได้ผล). เหมือนข้อก่อนหน้า คือรีสตาร์ทเครื่องเข้า safe mode แล้วจะปิดแอพ parental control ส่วนใหญ่ได้ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ปิดมือถือ
- ปิดเครื่องแล้ว ให้เปิดโดยกดปุ่ม power
- ระหว่างเครื่องกำลังบูท ให้กดปุ่มเพิ่มเสียงกับลดเสียงค้างไว้พร้อมกัน
- พอมือถือเปิดขึ้นมา จะเห็นคำว่า “Safe Mode” ที่ด้านซ้ายล่างของหน้าจอ
- ถ้าจะออกจาก safe mode ให้รีสตาร์ทตามปกติ
โฆษณา
-
ปิด parental controls ใน Xbox 360 โดยใช้รหัสผ่าน. ฟีเจอร์พวกนี้จะจำกัดประเภทเนื้อหาของเว็บต่างๆ รวมถึงเกมที่เล่นได้ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไปที่หน้า My Account
- ที่มุมขวาบน ให้คลิก Sign In เพื่อล็อกอินบัญชี Microsoft
- แตะหรือคลิก Security, family & forums และ Privacy settings
- แตะหรือคลิกหนึ่งในลิงค์ของเนื้อหาในหัวข้อ Access หรือ Privacy & Online Safety แล้วแต่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร
- แตะหรือคลิก gamertag ของ child account (บัญชีเด็ก) ที่จะอัพเดท แล้วเปลี่ยน privacy และ safety settings
-
ปิด parental controls ของ Xbox 360 แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่าน. คำเตือน: system settings ทั้งหมดจะถูกรีเซ็ตกลับค่าโรงงาน เพราะงั้นอย่าลืม backup แอพ เกม เซฟเกม และข้อมูลอื่นๆ ก่อน
- เริ่มจากปิดเครื่องแล้วเอา Memory Unit ออก
- รีสตาร์ท แล้วเข้า System Blade > Console Settings > System Info
- กด LT, RT, x, y, LB, RB, ขึ้น, LB, LB และ x
- เมนูชื่อ Reset System Settings จะโผล่มา
- เลือก Yes เพื่อรีเซ็ต settings หน้าจอจะโล่งไปประมาณ 2 วินาที
- เลือกภาษาที่ต้องการจากในรายชื่อ
- แถบ “Xbox 360 Storage Device” จะโผล่มาพร้อม 2 ตัวเลือก คือ Done หรือ Continue without one ให้เลือก Continue
- หน้าจอ Initial Setup Complete จะโผล่มาพร้อม 3 ตัวเลือก คือ Family Settings, High Definition Settings และ Xbox Dashboard ให้เลือก Xbox Dashboard
- ปิดเครื่อง แล้วเสียบ Memory Unit หรือฮาร์ดไดรฟ์คืน
- เปิดเครื่อง เท่านี้ก็ปิด Parental Control ได้แล้ว
-
ปิด parental controls ใน Xbox One โดยใช้รหัสผ่าน. [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ล็อกอินเข้าใช้งานเครื่องเกม
- กดปุ่ม Menu ที่จอย แล้วเลือก Settings
- เลื่อนไปที่ Family แล้วเลือก child profile หรือบัญชีลูกที่จะแก้ไข
- คลิก Adult Defaults เพื่อปิด parental controls ของบัญชีนั้น
-
ปิด parental controls ใน Xbox One แบบไม่ใช้รหัสผ่าน โดยรีเซ็ต system settings กลับค่าโรงงาน. คำเตือน: system settings ทั้งหมดจะถูกรีเซ็ตกลับค่าโรงงาน เพราะงั้นต้อง backup แอพ เกม เซฟเกม และข้อมูลอื่นๆ ก่อน [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไปที่หน้า Home แล้วกดปุ่ม Menu ที่จอย
- เลือก Settings > System
- เลือก Restore Factory Defaults จะมีขึ้นเตือนว่าบัญชี แอพ เกม เซฟเกม และ settings ทั้งหมดจะถูกลบไป ให้เลือก Yes
- Xbox จะรีเซ็ตตัวเองกลับค่าโรงงาน แน่นอนว่าไม่มี parental controls
โฆษณา
-
ปิด Parental Controls ใน PS4 โดยใช้รหัสผ่าน. หมายเหตุ: รหัสผ่านตามค่า default คือ 0000 ถ้าจะปิดการจำกัดสิทธิ์ ต้องปิดทั้งหมด 9 จุดด้วยกัน
- ล็อกอิน Sub Account ที่จะเปลี่ยนค่า
- ใน Home Screen ให้กดขึ้นใน d-pad เพื่อไปยัง Function
- เข้า Settings > Parental Controls > Restrict Use of PS4 Features > Application
- เลือก Allow to remove all restrictions
- เข้า Settings > Parental Controls > Restrict Use of PS4 Features > Blu-Ray Disc แล้วเลือก Allow
- เข้า Settings > Parental Controls > Restrict Use of PS4 Features > DVD แล้วเลือก Allow
- เข้า Settings > Parental Controls > Restrict Use of PS4 Features > Internet Browser แล้วเลือก Allow
- เข้า Settings > Parental Controls > Restrict Use of PS4 Features > Select New User and Log in to PS4 แล้วเลือก Allow
- เข้า Settings > Parental Controls > Sub Account Management เลือก Sub Account ที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วกดปุ่ม X เลือก Parental Controls แล้วเลือก Allow ใน Chat/Message
- เข้า Settings > Parental Controls > Sub Account Management เลือก Sub Account ที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วกดปุ่ม X เลือก Parental Controls แล้วเลือก Allow ใน User-Generated Media
- เข้า Settings > Parental Controls > Sub Account Management เลือก Sub Account ที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วกดปุ่ม X เลือก Parental Controls แล้วเลือก Allow ใน Content Restriction
- เข้า Settings > Parental Controls > Sub Account Management เลือก Sub Account ที่จะเปลี่ยนแปลง แล้วกดปุ่ม X เลือก Parental Controls แล้วเลือก Unlimited ใน Monthly Spending Limit
-
ปิด Parental Controls ใน PS4 แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่าน โดยรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงาน. [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ขั้นแรกให้รีสตาร์ทเข้า safe mode โดยปิด PS4 แล้วกดปุ่ม power ค้างไว้ จากนั้นปล่อยมือหลังได้ยินเสียงตี๊ด 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนกดปุ่ม ครั้งที่ 2 ในอีก 7 วินาทีต่อมา
- เสียบสาย USB ของจอย DualShock 4 กับเครื่อง แล้วกดปุ่ม PS ที่จอย เท่านี้ก็เข้า safe mode แล้ว
- เลือก Restore Default Settings เพื่อรีเซ็ต PS4 กลับค่าโรงงาน
- พอรีสตาร์ท PS4 แล้ว ก็ปิด parental controls ตามที่แนะนำไปด้านบนได้เลย รหัสผ่านคือ 0000
-
ปิด Parental Controls ใน PS3 ด้วยรหัสผ่าน. หมายเหตุ: ต้องปิดจาก 3 จุด ถึงจะเข้าถึงเนื้อหาและเว็บต่างๆ ได้ตามปกติ [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เข้า tab Settings แล้วเลือก Security Settings
- ไปที่ Parental Control แล้วพิมพ์รหัสผ่าน 4 หลัก (ตามค่า default คือ 0000)
- ตั้ง parental controls ไปที่ Off แล้วคลิก OK เพื่อไปยังหน้าต่อไป
- ไปที่ BD Parental Control แล้วพิมพ์รหัสผ่าน 4 หลัก
- คลิก Do Not Restrict
- สุดท้ายไปที่ Internet Browser Start Control แล้วป้อนรหัสผ่าน
- คลิก Off
-
ปิด parental controls ของ PS3 แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่าน โดยรีเซ็ตเครื่องกลับค่าโรงงาน. [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไปที่ tab Settings แล้วเลือก System Settings
- เลือก Restore Default Settings แล้วเลือก Yes ตอนที่ขึ้น
- เท่านี้ก็ปิด parental controls ได้แล้ว ตามขั้นตอนที่แนะนำไปด้านบน โดยรหัสผ่านตามค่า default คือ 0000
โฆษณา
-
ปิด parental controls ใน Nintendo Wii โดยใช้รหัสผ่าน. สะดวกหน่อย เพราะ Nintendo ให้คุณปิดการบล็อกทั้งหมดได้ในแค่ไม่กี่คลิก [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ไปที่ Parental Controls channel ในเมนู Wii U
- พิมพ์ PIN
- ในเมนู Parental Control Settings ให้กด Delete All Settings พอเจอคำเตือน ให้กด Delete เพื่อปิด parental controls ทั้งหมด
-
ปิด parental controls ใน Nintendo Wii แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่าน. โดยใช้เลขที่ได้ตอนระบุว่าจำรหัสผ่านไม่ได้ ให้ใช้เลขนี้สร้างโค้ดสำหรับรีเซ็ต แล้วเปลี่ยนรหัสผ่านตามขั้นตอน [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คลิก Wii Settings (ไอคอนรูปประแจ) ในเมนูหลัก
- คลิก Parental Controls แล้วคลิก Yes เพื่อเปลี่ยนแปลง
- ตอนถูกถามรหัสผ่าน รวมถึงหน้าถัดไป ให้กด I Forgot
- จะได้เลข 8 หลักมา
- ในคอม ให้เข้า เว็บนี้
- เช็คว่า Current Date ใน Your Timezone นั้นตรงกับวันที่ใน Wii
- ใส่เลขที่ได้ในช่องข้าง Confirmation Number แล้วคลิก Get Reset Code จะได้ Reset Code 5 หลักมา
- ใน Wii ให้คลิก OK แล้วใส่ Reset Code จากนั้นคลิก OK
- คลิก Delete All Settings เพื่อปิด parental controls
-
ปิด parental controls ใน Nintendo 3DS หรือ DSi โดยใช้รหัสผ่าน. สะดวกหน่อย เพราะ Nintendo ให้คุณปิดการบล็อกทั้งหมดได้ในแค่ไม่กี่ขั้นตอน [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แตะ Systems Settings (ไอคอนประแจ) ในเมนูของหน้าจอ touch screen
- แตะ Parental Controls > Change
- ใส่รหัสผ่านแล้วแตะ OK
- แตะ Clear Settings ในเมนูหลักของ Parental Controls เพื่อลบ parental control settings ทั้งหมด จากนั้นแตะ Delete ตอนที่ขึ้น
-
ปิด parental controls ใน Nintendo DSi แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่าน. โดยใช้เลขที่ได้ตอนระบุว่าจำรหัสผ่านไม่ได้ ให้ใช้เลขนี้สร้างโค้ดสำหรับรีเซ็ต แล้วเปลี่ยนรหัสผ่านตามขั้นตอน [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แตะ System Settings (ไอคอนกุญแจ) ในเมนูของหน้าจอ touch screen
- แตะ Parental Controls > Change
- ตอนที่มีให้ใส่รหัสผ่านและในหน้าถัดไป ให้แตะ I Forgot
- จะได้เลข 8 หลักมา
- ในคอม ให้เข้า เว็บนี้
- เช็คว่า Current Date ใน Your Timezone นั้นตรงกับวันที่ใน 3DS หรือ DSi
- ใส่เลขที่ได้ในช่องข้าง Confirmation Number แล้วคลิก Get Reset Code จะได้ Reset Code 5 หลักมา
- ใน 3DS หรือ DSi ให้แตะ OK แล้วใส่ Reset Code
- แตะ Clear Settings เพื่อปิด parental controls
โฆษณา
-
ปิด parental controls ชั่วคราวโดยใช้รหัสผ่านแอดมิน. ไม่แนะนำให้ลบ parental controls จากคอมไปเลย เพราะ settings ต่างๆ ของบัญชีจะหายไปด้วย แค่ปิดชั่วคราวก็พอ เปิดใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ล็อกอินบัญชีแอดมิน
- เลื่อนลงไปที่ My Extras แล้วคลิก Manage ใน Parental Controls
- เลื่อนปุ่มไปที่ OFF เพื่อปิด Parental Controls ถ้าจะเปิดเมื่อไหร่ก็แค่เลื่อนปุ่มไปที่ ON
- อาจจะต้องรอ 10 นาที ค่าใหม่ถึงจะมีผล
-
ปิด parental controls แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่านแอดมิน ใน startup repair. คำเตือน: รหัสผ่านแอดมินจะถูกเปลี่ยน [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- รีสตาร์ท พอเครื่องเปิดขึ้นมาปุ๊บ (จะเห็น Starting Windows) ให้รีบปิดเครื่องโดยดึงปลั๊กออกเลย
- รีสตาร์ทอีกรอบ จะมีตัวเลือก Launch Startup Repair ก็เลือกไป
- ตอนถูกถามว่าจะรีเซ็ตระบบไหม ให้คลิก Cancel หมายเหตุ: โปรแกรม startup repair จะเปิดขึ้นมา 5 - 10 นาที
- พอโปรแกรม repair ทำงานเสร็จ จะมี 2 ตัวเลือก คือ Send Information About this Problem หรือ Don’t Send ก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ให้คลิกลูกศรข้าง View problem details แทน
- เลื่อนลงไปที่ลิงค์สุดท้าย X:\windows\system32\en-US\erofflps.txt แล้วคลิกเพื่อเปิดไฟล์ text
- ไปที่ File > Open ของไฟล์ text คลิก Computer แล้วเลือก Local Disk
- คลิก Windows ใน “Files of Type” ให้เปลี่ยนเป็น All Files
- เปิดโฟลเดอร์ System32 แล้วมองหาไฟล์ชื่อ sethc
- คลิกขวาแล้วเลือก rename เติม 0 ต่อท้ายชื่อ จากนั้นคลิกที่อื่นเพื่อเซฟ
- หาไฟล์ชื่อ cmd. คลิกขวาแล้ว copy จากนั้นเลื่อนลงไปจนสุด เพื่อ paste ให้มีสำเนาโผล่มา (cmd – Copy)
- คลิกขวาที่ไฟล์ใหม่ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น sethc จากนั้นคลิกที่อื่นเพื่อเซฟ
- ปิดหน้าต่าง file ที่เปิดอยู่ รวมถึงไฟล์ text
- คลิก Don’t Send ในหน้าต่าง startup repair แล้วคลิก Finish เพื่อรีสตาร์ทคอม
- ที่หน้าล็อกอิน ให้กด shift 5 ครั้ง เพื่อเปิด command prompt
- พิมพ์: net user (your parent’s username) *
อย่าลืมเว้นวรรคก่อนดอกจัน แล้วกด enter หมายเหตุ: ถ้ามีเว้นวรรคใน username ให้แทนที่ด้วยขีดล่าง (_) เช่น User Name ก็เป็น User_Name - เท่านี้คุณก็เปลี่ยนรหัสผ่านได้เลย หรือกด enter 2 ครั้งเพื่อออกไปโดยไม่ตั้งรหัสผ่าน
- ล็อกอินแล้วปิด parental controls ตามขั้นตอนที่ผ่านๆ มาได้เลย
โฆษณา
-
ปิด parental controls โดยใช้รหัสผ่านแอดมิน. ถ้าทำใน Mac ให้ล็อกอินบัญชีแอดมิน แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ [21] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เปิด System Preferences จากในเมนู Apple แล้วคลิก Parental Controls
- คลิกไอคอน Lock แล้วใส่ username กับรหัสผ่าน จะได้ปลดบล็อกได้
- เลือกบัญชีผู้ใช้ที่จะปิด Parental Controls
- คลิกไอคอนฟันเฟืองท้ายกรอบ preference แล้วเลือก “Turn off Parental Controls for 'Username'”
- ออกจาก System Preferences
-
ปิด parental controls แบบไม่ต้องใช้รหัสผ่านแอดมิน. วิธีเดียวที่แก้ไข parental controls ได้โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านแอดมิน คือต้องเปลี่ยนรหัสผ่านแอดมินก่อน โดย [22] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ปิดคอมไปเลย แล้วเปิดใหม่โดยกดปุ่ม power ตอนที่กด COMMAND+R ค้างไว้ จนได้ยินเสียง startup เพื่อเข้า recovery mode
- ในแถบเมนู ให้เข้า Utilities > Terminal
- พิมพ์ resetpassword แบบไม่เว้นวรรค และอย่าเผลอกด caps lock จากนั้นกด enter แล้วหน้าต่าง password reset จะโผล่มา
- เลือก Mac HD หรือไอคอนฮาร์ดไดรฟ์ แล้วเลือกบัญชีผู้ใช้ที่จะรีเซ็ตรหัสผ่าน
- พิมพ์รหัสผ่าน แล้วพิมพ์ซ้ำ (ไม่มี restrictions) จากนั้นเซฟ
- รีสตาร์ท แล้วล็อกอินด้วยรหัสผ่านใหม่ จะเห็นหน้าต่างบอกว่า The system was unable to unlock your login keychain ให้เลือก Create New Keychain ตรงกลาง
- ล็อกอินด้วยรหัสผ่านแอดมินใหม่ แล้วปรับเปลี่ยน parental control settings ตามต้องการ
โฆษณา
-
บอกพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือแอดมินระบบไปตรงๆ ว่าไม่อยากให้บล็อกเนื้อหา. เรียกว่าเป็นวิธีที่ง่ายและไม่เสี่ยงถูกลงโทษเพราะไปปรับระบบเอง อย่างน้อยที่พ่อแม่ผู้ปกครองเปิดใช้ parental controls ก็เพราะเป็นห่วง กลัวจะไปเจอเรื่องไม่เหมาะสมหรืออันตราย ถ้าลองปรึกษาหรือเปิดใจกัน ก็น่าจะตกลงปลดบล็อกกันได้ แต่ต้องมีเหตุผลน่าฟังหน่อยนะ
- เริ่มจากสอบถามว่าทำไมพ่อแม่หรือแอดมินถึงต้องเปิด Parental Controls ในบัญชีคุณ เป็นเพราะคุณติดโซเชียล อย่าง Facebook เกินงาม หรือแอบเล่นเกมที่มีเนื้อหาล่อแหลมหรือรุนแรงหรือเปล่า คุณติดเกมติดคอมจนเสียสุขภาพ ไม่ค่อยเข้าสังคม หรือส่งผลต่อการเรียนหรือเปล่า
- ถ้ารู้เหตุผลแล้ว ก็ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองดู หรืออย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าคุณต้องการจะเปลี่ยนพฤติกรรมออนไลน์ของตัวเอง พ่อแม่จะได้อุ่นใจ อาจจะตกลงปลดบล็อกให้เป็นครั้งคราว
-
ขอใช้บัญชีแอดมิน. ถ้าพ่อแม่หรือแอดมินวางใจว่าคุณมีความรับผิดชอบพอจะดูแลพฤติกรรมออนไลน์ของตัวเองได้ ก็น่าจะยอมให้รหัสผ่านของบัญชีแอดมิน
-
ยอมรับบางกฎเกณฑ์หรือใช้งานในสายตาของพ่อแม่. พ่อแม่บางบ้านทำใจให้ลูกเข้าควบคุมบัญชีแอดมินแล้วท่องเน็ตตามใจชอบไม่ได้ เพราะงั้นถ้ายังเหลือกฎบางข้อ หรือมีแนวทางการใช้งาน ก็ต้องหยวนๆ กันไป ไม่งั้นจะอดหมดทุกอย่าง ให้เวลาพ่อแม่ได้แน่ใจว่าคุณจะดูแลตัวเองตอนออนไลน์ได้ดีกว่านี้ซะก่อน
-
ไม่มีโปรแกรมไหนใช้กรองหรือบล็อกเนื้อหาไม่เหมาะสมได้ดี 100%. คนเป็นพ่อแม่บางทีก็อดใจไม่อยู่ อยากจะติดตั้งโปรแกรมบล็อก ปิดกั้น จำกัดการใช้เน็ตและคอมของลูกไปซะหมด โดยเฉพาะในคอมที่ใช้ร่วมกัน แต่อย่าลืมว่าเว็บใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เป็นไปไม่ได้ที่โปรแกรม parental control จะตามทัน [23] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ American Library Association ไปที่แหล่งข้อมูล
- แถมการบล็อกเนื้อหาด้วยโปรแกรม parental control ยังอาจไปปิดกั้นไม่ให้ลูกเข้าถึงข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เช่น เรื่องสุขภาพ ความรู้รอบตัวต่างๆ และอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้และเจริญเติบโต
- อย่าสักแต่ลงโปรแกรม parental control ต้องหาเวลาใกล้ชิดพูดคุยกับลูกให้มากๆ ว่าตอนนี้ลูกสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ปกติใช้เน็ตทำอะไร
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://support.apple.com/en-us/HT204396
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=yyENHRniaE8
- ↑ https://discussions.apple.com/thread/4550807
- ↑ http://www.pcadvisor.co.uk/how-to/google-android/3461359/parental-control-on-android/
- ↑ https://support.google.com/googleplay/answer/1626831?hl=en
- ↑ http://android.stackexchange.com/questions/59236/how-can-i-reset-the-play-store-content-filter-pin
- ↑ http://www.talkandroid.com/guides/beginner/how-to-boot-your-android-phone-or-tablet-into-safe-mode-for-troubleshooting/
- ↑ http://www.talkandroid.com/guides/beginner/how-to-boot-your-android-phone-or-tablet-into-safe-mode-for-troubleshooting/
- ↑ http://support.xbox.com/en-US/my-account/security/xbox-360-online-safety
- ↑ http://support.xbox.com/en-US/my-account/security/xbox-one-manage-privacy-and-online-safety#a200f562f99b4310b2e8aec6a287f945
- ↑ http://support.xbox.com/en-US/xbox-one/system/reset-console-to-factory-defaults
- ↑ https://support.us.playstation.com/app/answers/detail/a_id/5044/~/ps4%3A-safe-mode
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=XN7wEjtDBvU
- ↑ https://answers.yahoo.com/question/index?qid=20100601110132AA03d3U
- ↑ http://www.tech-recipes.com/rx/33872/wii-u-how-to-setup-and-remove-parental-controls/
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=BKklIT4vH3o
- ↑ http://ds.about.com/od/nintendods101/ht/How-To-Turn-Off-Parental-Controls-On-Your-Nintendo-3ds.htm
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=_uvW3LZcW84
- ↑ http://bt.custhelp.com/app/answers/detail/a_id/46768/~/bt-parental-controls---'how-to...'-guide#turnoffperm
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=xXFV1w-8jww
- ↑ http://osxdaily.com/2014/09/14/disable-parental-controls-mac-os-x/
- ↑ https://www.youtube.com/watch?v=CJ6AZMk2cy0
- ↑ http://www.ala.org/aasl/parents/filter
โฆษณา