ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ฟันเป็นโพรงเกิดจากการที่ชั้นเคลือบฟันถูกกัดกร่อนจากกรดหรือแบคทีเรีย และเมื่อชั้นเคลือบฟันสึกกร่อนไป โพรงบนฟันก็จะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นและนำไปสู่โรคฟันผุได้ ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้อาการลามไปถึงเยื่อหุ้มชั้นในเส้นประสาทและเส้นเลือด โดยวิธีเดียวที่จะช่วยรักษาโรคฟันผุได้คือการให้ทันตแพทย์ทำการอุดฟันให้เรียบร้อย [1] อย่างไรก็ตาม มีหลายวิธีที่จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคฟันผุแย่ลงในระหว่างรอให้ถึงวันนัดตรวจกับทันตแพทย์

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การแปรงฟันนอกจากจะช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นวิธีการสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้อาการฟันผุแย่ลงอีกด้วย เนื่องจากการสะสมของเศษอาหารจะกระตุ้นให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่จะแทรกซึมเข้าไปในโพรงและทำให้อาการฟันผุแย่ลงกว่าเดิม พยายามเน้นการแปรงฟันซี่ที่ผุเพื่อขจัดเศษอาหารที่ยังคงติดค้างและชะลออาการของโรคฟันผุ
    • เลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและพยายามอย่ากดแรงจนเกินไปในขณะที่แปรงฟัน ให้คุณขยับแปรงสีฟันไปมาเบาๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที
    • แปรงฟันวันละ 2 ครั้งเช้าเย็นรวมถึงหลังอาหาร จำไว้ว่าการรักษาความสะอาดของช่องปากเป็นสิ่งสำคัญในช่วงที่คุณเป็นโรคฟันผุ เพราะคราบพลัคจะเริ่มก่อตัวภายใน 20 นาทีหลังการทานอาหาร
  2. โรคฟันผุจะค่อยๆ แสดงอาการออกมาทีละน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ในบางครั้งโรคฟันผุอาจเกิดขึ้นโดยแทบไม่แสดงอาการออกมาให้เห็นเลย [2] นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่คุณควรเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ มีสัญญาณต่างๆ มากมายที่บ่งบอกว่าโรคฟันผุกำลังก่อตัวขึ้นหรือทำลายฟันของคุณไปแล้ว และหากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ ให้คุณเข้ารับการรักษาจากทันตแพทย์ทันที และในระหว่างที่รอให้ถึงวันนัดหมาย ให้คุณปฏิบัติตามวิธีในบทความนี้เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง [3]
    • มีจุดสีขาวบนฟัน. อาการนี้เป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคฟันผุหรือฟันตกกระซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่กรดกัดกร่อนแร่ธาตุของเคลือบฟัน อย่างไรก็ตาม โรคฟันผุในช่วงระยะนี้ยังมีโอกาสที่จะหายดีได้ดังเดิม คุณจึงควรเริ่มรับการรักษาทันทีเมื่อเริ่มสังเกตเห็นอาการ
    • มีอาการเสียวฟัน. โดยทั่วไปแล้วอาการเสียวฟันจะเกิดขึ้นหลังการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน ร้อนจัด หรือเย็นจัด ซึ่งอาการเสียวฟันนี้ไม่ใช่สัญญาณของโรคฟันผุเสมอไปและหลายๆ คนมักมีอาการเสียวฟันเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่เคยมีอาการเสียวฟันมาก่อนและเริ่มมีอาการเกิดขึ้นโดยทันทีภายหลังบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง แสดงว่าคุณอาจกำลังเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพฟัน [4]
    • รู้สึกเจ็บฟันเมื่อกัดลงไป
    • มีอาการปวดฟัน. เมื่อโรคฟันผุเริ่มมีอาการที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทของฟัน คุณอาจรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดเรื้อรังบนฟันซี่ที่ผุได้ อาการปวดฟันนี้มักเกิดขึ้นโดยกะทันหันและอาจแย่ลงเมื่อทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม
    • มีรูบนฟันที่เห็นได้ชัดเจน. อาการนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าโรคฟันผุเริ่มมีอาการที่รุนแรงและกำลังกัดกร่อนผิวฟันในระดับที่ลึก
    • จำไว้ว่าโรคฟันผุสามารถเกิดขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นโดยไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา
  3. ฟลูออไรด์เป็นสารที่ออกฤทธิ์เป็น Bacteriostatic จึงสามารถช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก รวมถึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงให้ฟันโดยการคืนกลับแร่ธาตุไปที่ผิวฟัน จึงทำให้ฟันของคุณทนต่อการกัดกร่อนยิ่งขึ้น ซึ่งหากคุณสังเกตเห็นสัญญาณของโรคฟันผุได้อย่างทันท่วงที การรักษาด้วยฟลูออไรด์อย่างเหมาะสมก็สามารถช่วยให้โรคฟันผุหายดีได้ คุณสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยฟลูออไรด์ได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ออกฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรง คุณจำเป็นต้องให้ทันตแพทย์เขียนใบสั่งยาให้เสียก่อน ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาโรคฟันผุคือการใช้ผลิตภัณฑ์ฟลูออไรด์ที่ทันตแพทย์เลือกใช้ อย่างไรก็ตาม มีผลิตภัณฑ์อีกมากมายให้คุณได้เลือกใช้ในระหว่างที่รอให้ถึงวันนัดตรวจกับทันตแพทย์ [5] [6]
    • ยาสีฟันฟลูออไรด์. ยาสีฟันโดยส่วนใหญ่ที่วางขายตามท้องตลาดจะมีปริมาณของโซเดียมฟลูออไรด์อยู่ที่ 1000-1500 ppm และในบางครั้งทันตแพทย์อาจสั่งจ่ายยาสีฟันที่ประกอบด้วยโซเดียมฟลูออไรด์ในปริมาณที่มากถึง 5000 ppm
    • น้ำยาบ้วนปากฟลูออไรด์. บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์เป็นประจำทุกวัน น้ำยาบ้วนปากที่วางขายโดยทั่วไปจะประกอบด้วยโซเดียมฟลูออไรด์ประมาณ 225-1000 ppm พยายามมองหาน้ำยาบ้วนปากที่มีเครื่องหมายรับรองจากสมาคมทันตแพทย์อเมริกันหรือ ADA
    • เจลฟลูออไรด์. เจลฟลูออไรด์มีลักษณะที่ข้นและสามารถติดกับผิวฟันได้เป็นเวลานาน ให้คุณบีบเจลฟลูออไรด์ลงบนถาดที่ทำไว้เฉพาะแล้วนำไปครอบฟันให้พอดี
  4. อาการปากแห้งจะก่อให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฟันผุ จึงมีส่วนในการเร่งให้โรคฟันผุมีอาการแย่ลงเร็วยิ่งขึ้น พยายามคงความชุ่มชื้นของปากเพื่อชะลอการลุกลามของโรคฟันผุรวมถึงกลั้วปากเพื่อขจัดเศษอาหารในช่องปากที่อาจทำให้โรคฟันผุมีอาการแย่ลง [7]
    • หากปากของคุณยังคงแห้งไม่ว่าคุณจะดื่มน้ำมากเพียงใด อาการนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคที่มีความรุนแรงมากขึ้นหรือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด ปรึกษาแพทย์ของอาการปากแห้งของคุณยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  5. ไซลิทอลเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ตามธรรมชาติที่สกัดได้จากพืช มีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียและช่วยในการป้องกันการติดเชื้อ หมากฝรั่งที่ประกอบด้วยไซลิทอล 1-20 กรัมมีส่วนช่วยในการขจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคฟันผุและเป็นสาเหตุทำให้อาการแย่ลง หากคุณสงสัยว่าฟันกำลังผุ ลองเคี้ยวหมากฝรั่งไซลิทอลเพื่อชะลอการเกิดฟันผุให้ช้าลงในระหว่างที่รอให้ถึงวันนัดตรวจกับทันตแพทย์ [8]
    • เลือกซื้อหมากฝรั่งที่มีเครื่องหมายรับรองจาก ADA เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นการก่อให้เกิดความเสียหายต่อฟันของคุณแทน
    • การเคี้ยวหมากฝรั่งยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิตน้ำลาย จึงช่วยขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันและทำให้เคลือบฟันแข็งแรงขึ้น [9]
  6. เนื่องจากน้ำเกลือมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อโรค ทันตแพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้กลั้วปากด้วยน้ำเกลือเพื่อรักษาบาดแผลและการติดเชื้อในช่องปาก น้ำเกลือยังมีส่วนช่วยในการขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคฟันผุ จึงช่วยชะลอการเกิดฟันผุให้ช้าลงในระหว่างที่รอให้ถึงวันนัดตรวจกับทันตแพทย์
    • ละลายเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1 แก้ว
    • กลั้วปากด้วยน้ำเกลือนาน 1 นาที โดยเน้นกลั้วตรงบริเวณฟันที่ผุ
    • ทำซ้ำวันละ 3 ครั้ง
  7. แม้ว่าจะยังไม่มีการวิจัยค้นคว้าอย่างกว้างขวางมากนัก มีแต่มีหลักฐานบางส่วนแสดงให้เห็นว่าชะเอมเทศมีส่วนช่วยในการป้องกันและชะลอการเกิดฟันผุ รวมถึงสามารถฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคฟันผุและลดการอักเสบในช่องปากได้อีกด้วย [10] [11] ลองแปรงฟันด้วยชะเอมเทศเพื่อชะลอการเกิดฟันผุให้ช้าลงในระหว่างที่รอให้ถึงวันนัดตรวจกับทันตแพทย์
    • คุณสามารถเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนประกอบของชะเอมเทศ หรือจะหาซื้อผงชะเอมเทศและนำมาผสมกับยาสีฟันก็ได้เช่นกัน
    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชะเอมเทศที่ปราศจากกลีเซอไรซิน (Deglycyrrhizinated licorice (DGL)) ซึ่งเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
    • ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ชะเอมเทศ เนื่องจากชะเอมเทศอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อยาบางชนิด เช่น ยากลุ่ม ACE inhibitor อินซูลิน ยากลุ่ม MAO inhibitors และยาเม็ดคุมกำเนิด รวมถึงก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคตับหรือโรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจหรือหัวใจล้มเหลว และโรคมะเร็งที่ตอบสนองต่อฮอร์โมน
  8. โรคฟันผุมีสาเหตุมาจากแบคทีเรียกลุ่มสร้างกรดที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะใช้น้ำตาลที่ติดอยู่ตามซอกฟันในการสร้างพลังงาน คุณจึงควรลดปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยน้ำตาล รวมถึงแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหารหากสะดวก [12]
    • อาหารที่อุดมไปด้วยแป้ง เช่น มันฝรั่ง ขนมปัง และพาสต้า ก็เป็นอีกหนึ่งประเภทอาหารที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับแบคทีเรียกลุ่มสร้างกรดเช่นกัน พยายามหลีกเลี่ยงการทานคาร์โบไฮเดรตทั้งแบบเชิงเดี่ยวและที่ผ่านการขัดสีในปริมาณมากและแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

พบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาโรคฟันผุ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับทางเลือกในการรักษา. ทันตแพทย์ของคุณอาจแนะนำวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาการของโรคฟันผุที่เกิดขึ้น หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา ให้คุณสอบถามทันตแพทย์ของคุณ
  2. หากโรคฟันผุอยู่ในระยะเริ่มแรกและยังคงมีขนาดที่เล็ก ทันตแพทย์ของคุณอาจแนะนำวิธีการรักษาที่รุกรานฟันน้อยที่สุดอย่างการรักษาด้วยฟลูออไรด์ โดยทันตแพทย์จะใช้ฟลูออไรด์เคลือบลงไปที่ผิวฟันและทิ้งไว้เพียงไม่กี่นาทีให้แข็งตัว การรักษาด้วยฟลูออไรด์ฟื้นฟูเคลือบฟันตรงบริเวณที่เกิดการผุให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม รวมถึงคืนกลับแร่ธาตุไปที่ผิวฟันหากทำการรักษาอย่างทันท่วงที [13]
    • แม้ว่าขั้นตอนการรักษาด้วยฟลูออไรด์จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่คุณจะไม่สามารถทานหรือดื่มอะไรได้เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีหลังการรักษาเพื่อให้ฟลูออไรด์ซึมเข้าสู่ผิวเคลือบฟันให้เรียบร้อยเสียก่อน
  3. หากโรคฟันผุของคุณตรวจพบช้าเกินกว่าจะสามารถรักษาด้วยฟลูออไรด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขั้นนี้โรคฟันผุอาจจำเป็นต้องรักษาโดยการอุดฟันแทน ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือเจาะตรงส่วนที่เกิดการผุแล้วจึงอุดรูที่เจาะด้วยวัสดุสำหรับอุดฟัน [14]
    • โดยทั่วไปแล้วทันตแพทย์มักใช้พอร์ซเลนหรือคอมโพสิตเรซินในการอุดฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการอุดฟันหน้า เนื่องจากวัสดุเหล่านี้มีเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีของฟันจริง
    • ทันตแพทย์อาจทำการอุดฟันกรามด้วยอัลลอยสีเงินหรือสีทอง เนื่องจากวัสดุเหล่านี้จะมีความทนทานมากกว่าวัสดุประเภทอื่น รวมถึงคราบหินปูนมักมีแนวโน้มที่จะก่อตัวตรงบริเวณฟันกรามมากกว่า
  4. รักษารากฟันหากการผุลุกลามลึกลงไปถึงโพรงประสาทฟัน. ทันตแพทย์จะกำจัดเนื้อฟันส่วนที่ผุออกแล้วใส่ยาฆ่าเชื้อในคลองรากฟันเพื่อกำจัดแบคทีเรีย จากนั้นจึงอุดปิดรูด้วยวัสดุสำหรับอุดฟัน การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายที่จะสามารถรักษาฟันเอาไว้ได้ก่อนที่จำเป็นจะต้องถอนออก [15]
    • ในกรณีส่วนใหญ่คุณอาจจำเป็นต้องใช้ที่ครอบฟันเมื่อรับการรักษารากฟัน [16]
  5. ถอนฟันหากอาการฟันผุรุนแรงจนไม่สามารถรักษาฟันซี่นั้นเอาไว้ได้. ในกรณีนี้ทันตแพทย์จะทำการถอนฟันซี่ที่ผุออก ซึ่งหลังจากนั้นคุณสามารถแทนที่ฟันที่ถอนไปด้วยการใส่รากฟันเทียมทั้งเพื่อความสวยงามและเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันซี่อื่นๆ เคลื่อนที่ [17]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รักษาความสะอาดและสุขภาพฟันของคุณโดยการแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงที่นุ่มและเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3-4 เดือน และเพื่อให้แน่ใจว่าคุณทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำการแปรงฟันจากสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน [18]
    • เอียงแปรงสีฟันให้ทำมุม 45 องศากับร่องเหงือก เนื่องจากคราบหินปูนมักก่อตัวอยู่ตามร่องเหงือก
    • ขยับแปรงสีฟันไปมาเบาๆ เป็นช่วงสั้นๆ โดยให้แต่ละช่วงมีความกว้างประมาณฟันซี่หนึ่งเท่านั้น
    • แปรงผิวฟันทั้งด้านนอกและด้านในจนครบ
    • แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที
    • ปิดท้ายด้วยการแปรงลิ้น เพราะหากคุณละเลยการทำความสะอาดลิ้น อาจทำให้มีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่และกระจายไปทั่วทั้งปากทันทีที่คุณแปรงฟันเสร็จ
    • แปรงฟันวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น
  2. นอกจากการแปรงฟันแล้ว การใช้ไหมขัดฟันก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพฟันให้แข็งแรง หมั่นใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้งหรือ 2 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ลองทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อให้แน่ใจว่าคุณใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี
    • ดึงไหมขัดฟันให้ยาวประมาณ 18 นิ้ว และพันไหมไว้กับนิ้วกลางข้างหนึ่งโดยเหลือไหมเพียงเล็กน้อยสำหรับพันไว้กับนิ้วกลางอีกข้างหนึ่ง
    • ดึงไหมให้แน่นระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ แล้วเลื่อนไหมขึ้นลงระหว่างซอกฟัน
    • กดไหมให้ลึกจนถึงร่องเหงือกแล้วโอบฟันไว้ให้เป็นรูปตัว C
    • จับไหมให้แน่นแล้วขยับไหมขึ้นลงเบาๆ
    • ทำซ้ำจนครบทุกซี่
    • ใช้ไหมส่วนใหม่ทุกครั้งเมื่อขัดฟันแต่ละซี่
    • หากร่องฟันติดกันมากกว่าปกติ ให้เลือกใช้ไหมขัดฟันชนิดเคลือบขี้ผึ้งที่ลื่นหรือชนิดเส้นเล็กพิเศษเพื่อให้ง่ายต่อการขัดฟันมากยิ่งขึ้น [19]
  3. บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่ได้รับการรับรองจากสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน. น้ำยาบ้วนปากบางยี่ห้ออาจช่วยได้เพียงระงับกลิ่นปากเท่านั้น แต่ไม่มีคุณสมบัติในการฆ่าแบคทีเรียและขจัดคราบหินปูนที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นปากและโรคฟันผุ ดังนั้น เมื่อเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปาก ให้มองหาน้ำยาบ้วนปากที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก ADA ว่ามีส่วนช่วยในการขจัดคราบหินปูน [20] คลิกที่นี่ เพื่อตรวจสอบยี่ห้อน้ำยาบ้วนปากที่ได้รับการรับรองจาก ADA
    • พยายามเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปากที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบหินปูน รักษาโรคเหงือกอักเสบและโรคฟันผุ และลดกลิ่นปาก
    • มีน้ำยาบ้วนปากสูตรแอลกอฮอล์น้อยหรือปราศจากแอลกอฮอล์หลายยี่ห้อที่มีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพฟันของคุณ ดังนั้นหากคุณไม่สามารถทนต่ออาการแสบร้อนจากการใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรปกติได้ ลองมองหาน้ำยาบ้วนปากสูตรดังกล่าว
  4. จำไว้ว่าทุกอย่างที่คุณทานล้วนมีผลต่อสุขภาพฟันของคุณทั้งสิ้น อาหารบางประเภทมีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันของคุณ ในขณะที่อาหารบางประเภทอาจจำเป็นต้องลดปริมาณหรือหลีกเลี่ยงไป [21] [22]
    • ทานอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์. ไฟเบอร์มีส่วนช่วยในการขจัดคราบหินปูน รวมถึงกระตุ้นการผลิตน้ำลายซึ่งช่วยชะล้างกรดและเอ็นไซม์ที่เป็นอันตรายต่อฟันของคุณ อาหารที่เป็นแหล่งของไฟเบอร์ได้แก่ ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด
    • ทานผลิตภัณฑ์นม. นม ชีส และโยเกิร์ตรสธรรมชาติมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการผลิตน้ำลายเช่นเดียวกัน รวมถึงอุดมไปด้วยแคลเซียมที่ช่วยบำรุงเคลือบฟันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
    • ดื่มชา. สารอาหารในชาเขียวและชาดำมีส่วนช่วยในการขจัดคราบหินปูนและชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย นอกจากนี้ การชงชาด้วยน้ำเปล่าที่มีฟลูออไรด์ยังช่วยเพิ่มสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อฟันของคุณเป็นสองเท่า
    • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมาก. น้ำตาลจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของคราบหินปูนและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ คุณจึงควรลดปริมาณการบริโภคลูกกวาดและน้ำอัดลม แต่หากคุณเป็นคนติดอาหารและเครื่องดื่มรสหวาน ควรพยายามทานควบคู่กับมื้ออาหารและดื่มน้ำเปล่าให้มาก การทำเช่นนี้สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำลายในช่องปากของคุณซึ่งจะช่วยในการชะล้างน้ำตาลและลดการเจริญเติบโตของกรดและแบคทีเรีย
    • แปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารประเภทแป้ง. อาหารประเภทแป้งอย่างมันฝรั่งและข้าวโพดสามารถติดตามซอกฟันได้ง่ายกว่าปกติและนำไปสู่โรคฟันผุได้ คุณจึงควรแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารประเภทแป้งเพื่อป้องกันการเกิดโรคฟันผุ
  5. น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่น้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรดสูงและสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ [23] คุณจึงควรหลีกเลี่ยงหรือดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวในปริมาณที่พอดี
    • ผู้ร้ายสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพฟัน ได้แก่ เครื่องดื่มเกลือแร่อย่าง Gatorade เครื่องดื่มชูกำลังอย่าง Red Bull และน้ำอัดลมอย่าง Coke เนื่องจากเครื่องดื่มอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์อาจส่งผลให้เกิดการสึกหรอของฟันได้ [24] [25]
    • ดื่มน้ำเปล่าให้มาก และบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้งหลังดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรด
    • จำไว้ว่าแม้แต่น้ำผลไม้แท้ 100% ก็มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกัน เพื่อดูแลสุขภาพฟันของคุณ ให้คุณเจือจางน้ำผลไม้ 100% กับน้ำเปล่าในปริมาณที่เท่ากัน รวมถึงลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้และบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้งหลังดื่มเสร็จ
  6. โดยปกติแล้วคุณควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง ในระหว่างการตรวจสุขภาพฟัน ทันตแพทย์จะทำความสะอาดฟันอย่างละเอียดและขูดหินปูนที่ก่อตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงตรวจหาสัญญาณของโรคฟันผุ โรคเหงือก หรือปัญหาในช่องปากอื่นๆ [26]
    • ทันตแพทย์ยังช่วยให้คุณตรวจพบโรคฟันผุได้ในช่วงที่ยังมีขนาดเล็กอยู่ ซึ่งหากทันตแพทย์ตรวจพบโรคฟันผุได้อย่างทันท่วงที เขาหรือเธอก็จะสามารถรักษาโรคฟันผุของคุณได้ด้วยวิธีที่รุกรานฟันน้อยที่สุด
    • วิธีการง่ายๆ อย่างเช่น การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การรักษาความสะอาดของช่องปากอย่างเหมาะสม และการรักษาด้วยฟลูออไรด์ ก็อาจเพียงพอต่อการรักษาโรคฟันผุขนาดเล็กแล้ว เนื่องจากวิธีการเหล่านี้จะกระตุ้นการคืนกลับแร่ธาตุไปที่ผิวฟันซึ่งเป็นวิธีการฟื้นฟูตามธรรมชาติ [27]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันโดยทันตแพทย์โดยทั่วไปมักรวมถึงการขูดหินปูน การทำความสะอาดช่องปากและฟัน และการทาฟลูออไรด์วานิช
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณสงสัยว่าโรคฟันผุกำลังเกิดขึ้น ให้คุณรีบไปพบทันตแพทย์โดยทันที เพราะแม้ว่าคุณจะทำตามวิธีต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคฟันผุมีอาการแย่ลง แต่วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาโรคฟันผุคือการเข้ารับการรักษาจากทันตแพทย์
  • คุณอาจไม่ทันสังเกตเห็นว่าโรคฟันผุกำลังเกิดขึ้น เนื่องจากในบางครั้งโรคฟันผุอาจไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น คุณจึงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันจากทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,751 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา