ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

จากรายงานข่าวเรื่องการระบาด คุณอาจจะเริ่มกังวลกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2/COVID-19, ก่อนหน้านี้เรียกว่า 2019-nCoV) ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสตระกูลที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตโดยจะทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา MERS, SARS, และอาการทางการหายใจอื่นๆ ถึงแม้ไวรัสโคโรนาจะเป็นเรื่องซีเรียส การป้องกันตัวเองจะช่วยคุณดูแลสุขภาพในที่สาธารณะ ที่บ้าน หรือในขณะดูแลผู้ป่วยได้ หากคุณสงสัยว่าจะมีไวรัส ให้ไปพบแพทย์โดยด่วน [1]

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัสโคโรนา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รับการฉีดวัคซีนถ้าพร้อม วัคซีนที่ได้รับการรับรองจากทางการแพทย์นั้นมีหลายตัวทั่วโลก แต่คุณจะได้รับวัคซีนสูตรไหนก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล โดยบุคลากรทางการแพทย์และผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะได้รับวัคซีนก่อน [2]
    • วัคซีนสามชนิดที่ได้รับการรับรองจากทางการไทยแล้วนั้นคือวัคซีนจากแอสตราเซเนกา ซิโนแวค และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
    • คุณอาจไม่สามารถเลือกว่าจะรับวัคซีนตัวไหนเมื่อได้รับการนัดเข้าฉีดวัคซีนเพราะแต่ละชนิดมีปริมาณที่จำกัด อย่างไรกดี ทุกชนิดล้วนแสดงผลว่าสามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 ในการทดลองได้อย่างดี และจะลดอัตราเสี่ยงของการติดเชื้อของคุณ [3]
  2. เนื่องจากไวรัสโคโรนามีอาการอักเสบทางระบบทางเดินหายใจ การไอหรือจามจึงเป็นอาการพื้นฐาน นอกจากนี้การไอหรือจามยังปล่อยเชื้อสู่อากาศ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อของคุณขึ้นอีก ให้รักษาระยะห่างจากคนที่ดูจะมีอาการผิดปกติทางระบบหายใจ [4]
    • ถ้าทำได้ ก็ขอร้องให้เขาอยู่ห่างจากคุณ คุณอาจบอกว่า “ฉันสังเกตว่าคุณชอบไอ หวังว่าจะหายโดยเร็วนะครับ (คะ) แต่ตอนนี้ช่วยกรุณารักษาระยะห่างนิดนึงนะฮะ ผมยังไม่อยากไม่สบาย”
    • หากคุณรู้ว่าใครสักคนต้องอยู่ใกล้ผู้ป่วย ทางที่ดีก็ควรรักษาระยะห่างกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน
  3. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ. วิธีป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาที่ดีที่สุดคือการล้างมือบ่อยๆ ล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วถูสบู่อ่อน ถูสบู่จนเข้าเนื้อเป็นเวลา 20-30 วินาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นผ่านมือจนสะอาด [5]
    • องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าไม่เพียงต้องถูฝ่ามือเท่านั้น ยังควรถูตามซอกนิ้วและข้อนิ้วต่างๆ เพื่อความมั่นใจว่าผิวสัมผัสทุกส่วนสะอาด ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดมือให้แห้งก่อนปิดก๊อก [6]
    • ล้างมือก่อนรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรล้างมือทุกครั้งที่ออกไปในที่สาธารณะหรือหลังจากได้ติดต่อกับคนที่คุณสงสัยว่ามีความเสี่ยง
    • หากคุณไม่สะดวกจะล้างมือ ให้ใช้ยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 60-95% แอลกอฮอล์ที่เข้มข้นเกิน 95% นั้นจริงๆ แล้วจะยิ่งมีสมรรถภาพการฆ่าเชื้อน้อยลง [7]
  4. คุณอาจไปสัมผัสไวรัสโคโรนาตามพื้นผิวต่างๆ เช่น ลูกบิดประตูหรือบนพื้นโต๊ะ เวลาเกิดเช่นนี้ เชื้อจะยังติดอยู่ตามมือ คุณจึงอาจติดเชื้อโดยง่ายถ้าใช้มือสกปรกสัมผัสใบหน้า หลีกเลี่ยงการขยี้ตา สัมผัสจมูกและปากเผื่อไวรัสติดมือ [8]
    • ถ้าต้องใช้มือสัมผัสใบหน้า ล้างมือก่อนจะลดความเสี่ยงลง
  5. อย่าจับมือทักทาย ไม่ว่าคนที่เจอจะแสดงอาการป่วยหรือไม่. โชคร้ายที่คนติดเชื้อไวรัสโคโรนาอาจแพร่เชื้อทั้งๆ ที่ยังไม่แสดงอาการได้ เพื่อป้องกันตัวเอง ควรจำกัดการสัมผัสกับผู้อื่น เปลี่ยนการจับมือทักทายเป็นการไหว้หรือวิธีอื่นจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ [9]
    • คุณอาจพูดว่า “ดีใจจังที่ได้เจอกัน! ปกติผมต้องขอจับมือแล้วนะ เสียดายที่หมอเขาแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสมือกันเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโคโรนาน่ะ”
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    United Nations Foundation

    องค์กรมนุษยธรรมนานาชาติ
    มูลนิธิสหประชาชาติจะทำการรวบรวมแนวคิด ผู้คนและทรัพยากรที่สหประชาชาติจำเป็นต้องใช้เพื่อการขับเคลื่อนโลกให้พัฒนาก้าวหน้าและแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เป้าหมายของมูลนิธิคืการร่วมมือสร้างความเปลี่ยนแปลงและความริเริ่มเพื่อรับมือความท้าทายใหญ่ของมนุษยชาติ โดยเน้นไปที่ประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปัญหาเด็กและสตรี สุขภาพของประชากรโลก และข้อมูลกับเทคโนโลยี
    United Nations Foundation
    องค์กรมนุษยธรรมนานาชาติ

    ผู้เชี่ยวชาญของเราเห็นด้วย: การป้องกันตัวเองนั้น ให้จำกัดการสัมผัสกับผู้อื่น ปฏิเสธที่จะจับมือทักทายด้วยความสุภาพจนกว่าโรคจะหมดไป

  6. ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อบนพื้นผิวที่มีการสัมผัสสูง. โชคร้ายที่ไวรัสโคโรนาสามารถอยู่ตามพื้นผิว อย่างเช่น ลูกบิดประตู พื้นโต๊ะ และก๊อกน้ำได้ ให้ใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อหรือแผ่นฆ่าเชื้อมาทำความสะอาดพื้นผิวเหล่านี้ทุกวัน จะช่วยจำกัดความเสี่ยงการมีไวรัสได้ [10]
    • ภายในบ้านนั้น ให้ฆ่าเชื้อลูกบิดประตูหน้าบ้าน พื้นเคาน์เตอร์ครัว เคาน์เตอร์ห้องน้ำ และก๊อกน้ำ
    • ในที่ทำงาน ให้ทำความสะอาดตรงที่ผู้คนมักสัมผัส เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะ และบนเคาน์เตอร์
    • คุณยังอาจทำยาฆ่าเชื้อเองโดยผสมน้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน
  7. พยายามอย่ากังวลจนเกินไปถ้าคุณไม่ได้มีความเสี่ยงจริงๆ. มีเรื่องเล่ามากมายที่กระจายไปตามโซเชียลมีเดีย บางครั้งก็สร้างความกลัวขึ้นมาโดยไม่จำเป็น รับรู้ข้อเท็จจริงเรื่องไวรัสโคโรนาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข หรือองค์การอนามัยโลก และก่อนตัดสินใจอะไรก็ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน [11]
    • ในขณะที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้มีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน แต่ก็ไม่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับชาวเอเชียทุกคน อย่าปฏิบัติต่อใครสักคนด้วยความรังเกียจเพียงเพราะเขาเป็นชาวเอเชีย ให้ปฏิบัติต่อทุกคนตามปกติและจำไว้ว่าใครก็สามารถติดไวรัสได้
    • จากองค์การอนามัยโลก คุณไม่สามารถติดไวรัสจากพัสดุหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากประเทศจีน
    • องค์การอนามัยโลกยังปฏิเสธเรื่องที่ว่ามีอาหารบางอย่างสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 [12]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อยู่บ้านเท่าที่จะทำได้เพื่อแยกตัวเองจากฝูงชน. คุณคงได้ยินคำว่า “การหลีกห่างทางสังคม” หรือ "การกักตัว" ซึ่งจะช่วยลดการระบาด ดังนั้น ให้ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เช่น เพื่อซื้ออาหารมาตุนหรือไปทำงาน แต่ถ้าสามารถทำงานที่บ้านได้ก็ยิ่งดี อย่าออกไปทานอาหารนอกบ้านหรือเข้าบาร์ หรือทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มคนเช่นชมภาพยนตร์ [13]
    • โดยการหลีกห่างทางสังคม คุณได้ลดความเป็นไปได้ที่จะสัมผัสผู้ติดเชื้อ ถ้าทุกคนทำเช่นนี้ เชื้อก็จะแพร่กระจายได้ยาก
    • ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง จำเป็นเลยที่จะต้องอยู่บ้าน ผู้มีความเสี่ยงสูงคือผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจและโรคหอบหืด
    • ถ้าคุณได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วอาจจะพอผ่อนคลายมาตรการนี้ได้บ้าง เช่นรวมตัวกับคนอื่นที่ฉีดวัคซีนแล้วเช่นกันในที่เปิดโล่ง [14]
  2. คุณอาจยังต้องพบญาติและเพื่อนฝูง แต่พึงคิดถึงความเสี่ยงด้วย แม้คนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงก็ยังติดไวรัสและกระจายไปสู่ผู้อื่น แต่ละที่ในโลกมีคำแนะนำในเรื่องนี้ต่างกันออกไป ดังนั้นตรวจสอบกับทางการว่าอนุญาตให้มีการรวมกลุ่มได้ไม่เกินกี่คน
    • นี่รวมถึงการรวมกลุ่มในบ้านหรือนอกบ้านเวลาที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ทางที่ดีที่สุดก็จัดการพบปะผ่านทางออนไลน์
  3. รักษาระยะห่างจากผู้อื่น 6 ฟุตเมื่อออกไปข้างนอก. คุณยังจำเป็นต้องออกไปซื้ออาหารหรือทำงาน ให้แน่ใจว่ายังรักษาระยะห่างจากผู้คนรอบตัว 6 ฟุต [15]
    • ถ้ามีใครเข้ามาใกล้ ให้เดินเลี่ยงและเตือนเขาอย่างสุภาพถึงกฎการรักษาระยะห่างนี้ บอกไปว่า “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาหยาบคาย แต่เราควรรักษาระยะห่างตามที่แพทย์แนะนำ ผมอยากมั่นใจว่าเราจะได้ปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่”
  4. แพทย์แนะนำว่าทุกคนควรสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกไปนอกบ้าน แต่หน้ากากอนามัยไม่ใช่ข้ออ้างการไม่รักษาระยะห่างทางสังคม! [16]
    • อย่าใช้หน้ากากแบบใช้แล้วทิ้งอย่างที่ผู้ป่วยใช้
    • หน้ากากผ้าช่วยแค่การป้องกันการติดต่อไวรัสจากผู้ที่เป็นพาหะแต่ไม่แสดงอาการ
    • คุณอาจต้องการเย็บหน้ากากอนามัยเองก็ได้
    • ในประเทศอื่น ให้ปรึกษาแพทย์ในพื้นที่ว่าแนะนำอุปกรณ์ป้องกันแบบไหน
  5. องค์การอนามัยโลก กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานรัฐอื่นๆ มีการอัปเดทข้อมูลอยู่เรื่อยๆ ถึงวิธีการรับมือที่ดีที่สุด ใส่ใจในข้อมูลเหล่านี้เพื่อช่วยคุณป้องกันตัวเองและผู้อื่นขึ้นอีกขั้น
    • ถ้าทำได้ คุณอาจช่วยบริจาคให้องค์กรที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือสาธารณชนในระหว่างวิกฤติครั้งนี้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ดูแลผู้ป่วย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สวมอุปกรณ์ป้องกันแบบใช้แล้วทิ้งในระหว่างทำการดูแล. ใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัย และชุดกระดาษก่อนทำการดูแลผู้ป่วย เวลาออกจากห้อง ให้ทิ้งอุปกรณ์ใช้แล้วทิ้งเหล่านี้ลงในถุงขยะพลาสติก อย่านำกลับมาใช้เพราะอาจสัมผัสเชื้อโดยไม่ตั้งใจได้ [17]
    • ไวรัสโคโรนาแพร่กระจายในอากาศและสามารถอยู่ตามเสื้อผ้าได้ ทางที่ดีจึงควรป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด
  2. ไวรัสโคโรนาสามารถมีชีวิตอยู่ตามวัตถุอย่างถ้วยชามช้อนส้อมและผ้าเช็ดตัว ให้แยกอุปกรณ์เหล่านี้สำหรับสมาชิกในบ้านแต่ละคนในขณะที่มีคนป่วย มิฉะนั้นคุณอาจเผลอแพร่เชื้อหนักขึ้นได้ [18]
    • ระวังไว้ก่อน! เวลาไม่แน่ใจ ให้ล้างอุปกรณ์เหล่านั้นก่อนใช้หรือไม่ก็ใช้ของใหม่
  3. เสื้อผ้า ชุดเครื่องนอน และผ้าเช็ดตัวเป็นที่อยู่ของไวรัสโคโรนาได้ดี จึงจำเป็นที่ต้องซักมันจนสะอาด ให้ตั้งเครื่องซักผ้าไปที่การซักแบบร้อนที่สุดและใช้ผงซักฟอกตามปริมาณที่แนะนำ แล้วซักแบบปกติหรือแบบผ้าเยอะขึ้นอยู่กับรุ่นของเครื่องซักผ้า [19]
    • ถ้าไม่เป็นอันตรายต่อเนื้อผ้า เติมน้ำยาซักผ้าขาวแบบซักผ้าสีลงไปสักหนึ่งฝาเพื่อช่วยให้ผ้าสะอาดขึ้น
  4. เปิดหน้าต่างระบายอากาศในห้องถ้าสภาพอากาศเอื้ออำนวย. เนื่องจากไวรัสโคโรนาอาศัยอยู่ในอากาศ คุณจึงมีความเสี่ยงสูงเวลาอยู่ร่วมกับผู้ป่วย การระบายอากาศภายในห้องช่วยลดความเสี่ยงการติดไวรัสลงได้ เปิดหน้าต่างหรือเปิดเครื่องปรับอากาศถ้าทำได้ [20]
    • อย่าเปิดหน้าต่างถ้าฝนตกหรืออุณหภูมิเย็นหรือร้อนจนไม่สบายตัว
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

รับมือกับการติดเชื้อที่เป็นไปได้

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ติดต่อแพทย์ถ้าคุณคิดว่าตนเองมีเชื้อไวรัสโคโรนา. ถ้าคุณมีอาการติดเชื้อทางระบบหายใจ และได้เดินทางไปประเทศจีน [21] , เกาหลีใต้ [22] , อิตาลี [23] , อิหร่าน [24] หรือญี่ปุ่น [25] หรือได้มีการติดต่อกับคนที่อาจมีเชื้อ คุณอาจติดไวรัสโคโรนาก็ได้ ให้แจ้งอาการกับแพทย์และดูว่าต้องไปตรวจหรือไม่ แพทย์อาจขอให้คุณมาตรวจทดสอบแต่ก็อาจให้อยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อ ให้ดูอาการดังต่อไปนี้: [26]
    • มีไข้
    • ไอ
    • หายใจไม่สะดวก

    เคล็ดลับ: หากคุณไปพบแพทย์ ให้แน่ใจว่าได้สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แจ้งให้ทางนั้นทราบถึงอาการไข้หรือการหายใจไม่สะดวก

  2. อยู่กับบ้านถ้าคุณมีอาการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ. นอกจากออกไปพบแพทย์แล้ว อย่าออกจากบ้านถ้าป่วย คุณอาจเป็นโรคติดต่อและคงไม่อยากแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น เน้นที่การพักผ่อนและให้เวลาฟื้นฟูร่างกาย [27]
    • ถ้าจะไปพบแพทย์ สวมหน้ากากอนามัย จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อ

    โควิด-19 จะมีอาการไข้ ไอ และหายใจไม่สะดวก อย่างไรก็ตามการมีน้ำมูกหรืออาการเจ็บคอไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงไวรัสโคโรนานี้แต่อย่างใด [28] ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ คุณอาจเป็นโรคทางการเดินหายใจชนิดอื่น เช่นไข้หวัดธรรมดา

  3. ถ้ามีไวรัสโคน่าก็ต้องไอหรือจามบ่อย ปกป้องคนอื่นไม่ให้ติดเชื้อด้วยการใช้กระดาษทิชชู่หรือแขนเสื้อปิดปากทุกครั้ง นี่จะช่วยไม่ให้เชื้อแพร่ไปตามอากาศ [29]
    • พกกระดาษทิชชู่ติดตัวตลอดเวลา อย่างไรก็ดี ถ้าหาไม่ได้ ให้งอข้อศอกแล้วจามใส่ข้อพับก็ได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จนถึงปัจจุบันนี้ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐยังไม่แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเพื่อป้องกันไวรัสโคโรนา [30]
  • อาการของไวรัสโคโรนาจะแสดงภายในเวลา 2-14 วันหลังได้รับเชื้อ [31]
  • หากคุณมีอาการไข้ขึ้นสูง ไอ และหายใจไม่สะดวกภายใน 14 วันหลังการเดินทางจากเมื่ออู่ฮั่น ประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อิตาลี และอิหร่าน หรือได้สัมผัสกับคนที่อาจติดเชื้อไวรัส ให้แจ่้งแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจสอบ [32]
  • ในโซเชียลมีเดียมีการพูดกันว่าเบียร์โคโรนาทำให้เกิดไวรัสโคโรนานั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แค่ชื่อพ้องกันเท่านั้น
โฆษณา

คำเตือน

โฆษณา
  1. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/prevent-getting-sick/disinfecting-your-home.html
  2. https://www.who.int/news-room/spotlight/let-s-flatten-the-infodemic-curve
  3. https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public/myth-busters
  4. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/downloads/workplace-school-and-home-guidance.pdf
  5. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/fully-vaccinated.html
  6. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/prevent-getting-sick/prevention.html#stay6ft%20
  7. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/prevent-getting-sick/prevention.html
  8. https://www.cdc.gov/coronavirus/mers/hcp/home-care-patient.html
  9. https://www.cdc.gov/coronavirus/mers/hcp/home-care-patient.html
  10. https://www.cdc.gov/coronavirus/mers/hcp/home-care-patient.html
  11. https://www.cdc.gov/coronavirus/mers/hcp/home-care-patient.html
  12. https://wwwnc.cdc.gov/travel/notices/warning/novel-coronavirus-china
  13. https://wwwnc.cdc.gov/travel/notices/warning/coronavirus-south-korea
  14. https://wwwnc.cdc.gov/travel/notices/warning/coronavirus-italy
  15. https://wwwnc.cdc.gov/travel/notices/warning/coronavirus-iran
  16. https://wwwnc.cdc.gov/travel/notices/alert/coronavirus-japan
  17. https://www.cdc.gov/coronavirus/about/symptoms.html
  18. https://medlineplus.gov/coronavirusinfections.html
  19. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/about/share-facts.html
  20. https://www.cdc.gov/coronavirus/about/prevention.html
  21. https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/faq.html
  22. https://www.cdc.gov/coronavirus/about/symptoms.html
  23. https://emergency.cdc.gov/han/han00426.asp
  24. https://www.who.int/health-topics/coronavirus
  25. https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/advice-for-public/myth-busters

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 26,727 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา