ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าหากคุณรู้สึกว่ากำลังถูกบั่นทอนด้วยความวิตกกังวล นอนหลับยากเพราะมัวแต่กังวลว่าในวันต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง หรือมีอาการปวดศีรษะอย่างกะทันหัน นั่นหมายความว่าคุณได้ก้าวเข้าไปอยู่ในจุดที่มีความเครียดอย่างมาก สิ่งที่คุณต้องทำคือต้องบรรเทาความเครียดนั้นและผ่อนคลายทั้งจิตใจและร่างกายของคุณ ก่อนที่เจ้าความเครียดนี้จะส่งผลร้ายอื่นๆ ต่อคุณอีก ถ้าคุณรู้สึกว่า อะไรๆ ในชีวิตก็ดูยาก น่าเบื่อ น่าเหน็ดเหนื่อย ไม่ดึงดูดใจไปเสียหมด ลองทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นด้วยการ "ปล่อยตัวปล่อยใจ" ให้ผ่อนคลายดีกว่า คุณสามารถมีชีวิตแบบผ่อนคลาย สบายๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยการทำตามวิธีการดังต่อไปนี้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

พิจารณาความเครียดของตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายและลดความเครียดที่บั่นทอนชีวิตคุณ สิ่งที่ต้องทำคือการให้เวลากับตัวเอง ทบทวนถึงความรู้สึกของคุณแล้วเขียนลงในกระดาษ ในภาวะที่เครียดมากๆ คุณมักจะไม่มีเวลาที่จะมานั่งเงียบๆ แล้วไตร่ตรองถึงความรู้สึกนึกคิดของคุณ เพราะฉะนั้นการได้หยุด ได้คิดแล้วเขียนว่าคุณรู้สึกอย่างไร นั่นเท่ากับคุณได้เริ่มต้นการกำจัดความเครียดแล้ว นี่คือตัวอย่างว่าอะไรบ้างที่คุณสามารถเขียนลงไปได้
    • คุณรู้สึกอย่างไร ในชีวิตประจำวันของคุณมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งร่างกายและจิตใจของคุณบ้าง และคุณรู้สึกเครียดมากน้อยแค่ไหน คุณบ่นว่าเครียดอยู่เสมอ หรือว่ามีช่วงเวลาในชีวิตที่เครียดมากเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่า
    • พิจารณาหาต้นตอของความเครียด ลองไตร่ตรองดูว่าสาเหตุของอาการเครียดของคุณมาจากไหน จากเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ เรื่องสถานการณ์ในครอบครัวของคุณ หรือว่าจากหลายปัจจัยรวมกัน แล้วลองดูว่าคุณจะจัดการกับต้นตอเหล่านี้เพื่อบรรเทาความเครียดได้อย่างไรบ้าง
    • หากการเขียนความรู้สึกของคุณลงกระดาษช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น พยายามเขียนให้ต่อเนื่องไปทุกวัน หมั่นเฝ้าดูว่าอะไรเป็นตัวชักนำให้เกิดความเครียด และคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง จะเป็นการจัดการปัญหาความเครียดของคุณในระยะยาวได้อย่างดี
  2. เมื่อคุณได้เขียนระบายความรู้สึกนึกคิดและรู้ถึงสภาวะความเครียดที่แท้จริงของตัวเองแล้ว ต่อมาก็ได้เวลาของการวางแผนวิธีการลดและกำจัดความเครียด เพื่อช่วยให้คุณจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น แม้ว่าการใช้ชีวิตในหลายๆ ด้านจะหลีกเลี่ยงจากภาวะความเครียดไม่ได้ แต่คุณก็สามารถผ่อนคลายตัวเองได้อย่างง่ายดายในหลากหลายวิธี แผนการกำจัดความเครียดของคุณควรประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักดังนี้
    • กำหนดทางแก้ปัญหาระยะสั้น ทำรายการออกมาเลยว่าคุณจะลงมือทำอะไรบ้างที่จะช่วยลดความเครียดในระยะสั้นได้ อย่างเช่น ถ้าปัญหาเรื่องการจราจรจากการเดินทางไปทำงานเป็นต้นเหตุหลักที่ทำเกิดความเครียด วิธีแก้คือออกเดินทางให้เร็วขึ้นสัก 20 นาที เพื่อจะได้ไม่ต้องพบเจอกับสภาพรถติด เป็นต้น
    • หาวิธีแก้ปัญหาระยะยาว จัดการและวางเป้าหมายไปสู่การมีชีวิตที่ผ่อนคลายเป็นสำคัญ โดยในที่นี้จะรวมถึงทัศนคติของคุณต่อการทำงาน เรื่องความสัมพันธ์ และสิ่งต่างๆ ที่คุณต้องรับผิดชอบในชีวิตด้วย เช่น หากต้นตอหลักของความเครียดของคุณมาจากการโหมทำงานหนักและมากจนเกินไป ก็ค่อยๆ ใช้เวลาวางแผน บริหารจัดการลดภาระหน้าที่ ที่คุณต้องรับผิดชอบลง
    • หาเวลาผ่อนคลายตัวเอง จัดการตารางเวลาในแต่ละวันของคุณให้มีสักช่วงหนึ่งเป็นช่วงพักผ่อน ต่อให้เหตุผลหนึ่งที่คุณมีความเครียดมากๆ มาจากการไม่มีเวลาว่าง คุณก็ควรหาเวลาช่วงไหนสักช่วงหนึ่งเท่าที่คุณจะหาได้ เพื่อผ่อนคลายตัวเองบ้าง ไม่ว่าช่วงเวลานั้นจะเป็นตอนเช้าหลังหรือก่อนเข้านอนก็ตาม
  3. ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะกำจัดต้นตอของความเครียดออกไปให้ได้มากที่สุด. แน่นอนว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตให้กลายเป็นชีวิตที่ไร้ซึ่งความเครียดใดๆ ได้ แต่แน่นอนว่าคุณสามารถหาวิธีกำจัดความเครียดที่มักเกิดขึ้นในชีวิตออกไปได้ ซึ่งสิ่งนี้เองที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในชีวิตประจำวันของคุณ นี่คือตัวอย่างบางสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด ซึ่งคุณสามารถหลีกเลี่ยงและกำจัดออกไปได้
    • หลีกให้ไกลจากเพื่อนตัวร้าย หากคุณมีเพื่อนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำให้คุณเสียใจ ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี และมักทำให้คุณเครียดเป็นประจำ ก็คงถึงเวลาของการคัดกรองเหล่าเพื่อนของคุณเสียใหม่แล้วล่ะ
    • จัดระเบียบสิ่งของรอบกายใหม่ ถ้าหากโต๊ะทำงาน กระเป๋าเอกสาร และบ้านของคุณรกระเกะระกะ เต็มไปด้วยกระดาษและของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ที่ทำให้เกิดความยุ่งยากเวลาจะหาของอะไรสักอย่างหนึ่ง การทำความสะอาดและจัดระเบียบสิ่งเหล่านี้ใหม่จะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นทันตาเห็น
    • พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด หากทุกครั้งในการไปดูคอนเสิร์ต แฟนหนุ่มของคุณสนุกสนาน รื่นเริง ในขณะที่คุณกลับรู้สึกเครียดและไม่สนุกเอาเสียเลย การฟังเพลงสบายๆ อยู่ที่บ้านดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกว่า หรือถ้าการต้องทำอาหารรับแขกสร้างความกดดันและความเครียดแก่คุณ ก็ให้เปลี่ยนเป็นสั่งอาหารมารับประทานแทนในครั้งต่อไป
    • รู้จักวางแผนล่วงหน้า หากคุณกังวลและรู้สึกเครียดเพราะวางแผนรายละเอียดในการเดินทางท่องเที่ยวไม่ดีพอ ให้จัดการจองเที่ยวบิน และที่พักไว้ล่วงหน้า เพื่อขจัดปัญหาความกังวลเรื่องดังกล่าวออกไป
  4. คุณไม่จำเป็นต้องหาวิธีกำจัดความเครียดเพียงลำพังก็ได้ การได้พูดคุยเรื่องปัญหาความเครียดของคุณอย่างเปิดอก ตรงไปตรงมากับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและยังทำให้รู้สึกดีขึ้นอีกด้วย แค่มีใครสักคนที่คอยรับฟังปัญหาของคุณ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดภาวะตึงเครียดของคุณลงได้แล้ว
    • ระบายเรื่องเครียดๆ ของคุณให้กับเพื่อน เป็นไปได้ว่าเพื่อนของคุณก็อาจกำลังรับมือกับปัญหาความเครียดเช่นเดียวกับคุณ หรือเคยผ่านภาวะที่ตึงเครียดอย่างหนักมาแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อพูดคุยกับเพื่อน คุณควรเปิดใจให้กว้างสำหรับคำแนะนำดีๆ ที่เพื่อนคุณอาจมีให้ด้วย
    • เปิดใจเรื่องราวความเครียดของคุณกับคนในครอบครัว เพราะพวกเขาเหล่านี้คือคนที่จะให้ความรักและกำลังใจ เพื่อเป็นพลังให้คุณเอาชนะความเครียดได้
  5. เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกอ่อนแรง ทรุดโทรมจากภาวะความเครียด นอนหลับยาก ไม่อยากอาหาร รู้สึกสมองตื้อตันเพราะมัวแต่กังวลอยู่กับภาระหน้าที่ที่คุณต้องรับผิดชอบ และรู้สึกว่าคุณไม่มีทางจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ ให้คุณไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อหาหนทางแก้ไขที่ถูกวิธีและสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาข้างต้น
    • ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสามารถช่วยให้คุณจัดการกับอารมณ์ต่อสถานการณ์ที่หลากหลายได้ หากคุณรู้สึกเคร่งเครียดเพราะกำลังวางแผนจะแต่งงาน ในขณะที่เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ได้ไม่นานนัก ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยสอนวิธีการจัดการความเครียด ที่คุณสามารถนำไปใช้ต่อได้ตลอดชีวิต
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ผ่อนคลายจิตใจของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำสมาธินั้นเป็นหนทางยอดเยี่ยมทางหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจของคุณผ่อนคลายลงได้ แถมยังเป็นวิธีที่คุณสามารถทำได้โดยไม่เลือกเวลาและสถานที่ด้วย เพียงแค่คุณหาที่เงียบสงบที่สามารถนั่งได้ แล้วหลับตาลง นั่งท่าขัดสมาธิ ประสานมือไว้บนตัก จากนั้นเพ่งความสนใจไปที่ลมหายใจเข้าและออก แล้วปล่อยให้ลมหายใจเป็นตัวกำหนดร่างกาย พยายามหยุดอาการกระสับกระส่าย และควบคุมร่างกายให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของคุณ มีสมาธิและรับรู้ถึงกลิ่นและเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณ
    • ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง อย่าเอาแต่นึกถึงว่ายังมีงานอีกมากเท่าไหร่ที่รอคุณอยู่ หรือเย็นนี้จะกินอะไรดี แต่ให้ตั้งความสนใจไปที่การทำจิตใจให้สบายและการกำหนดลมหายใจเข้า-ออก
    • ให้ทุกส่วนในร่างกายอยู่ในภาวะที่ผ่อนคลาย โดยคุณสามารถกำหนดความสนใจไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจนกว่าจะรู้สึกว่าร่างกายทุกส่วนไม่มีอาการเกร็งและผ่อนคลายแล้ว
  2. ไม่ว่าจะออกไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์หรือดูหนังอยู่ที่บ้าน ล้วนเป็นการช่วยพาคุณไปอยู่ในอีกห้วงมิติหนึ่งที่ทำให้คุณเลิกนึกถึงปัญหาความเครียดที่มีอยู่ได้อย่างดี เมื่อไหร่ก็ตามที่ดูหนัง ให้คุณพยายามทำสมองให้โล่งที่สุด แล้วคิดไปพร้อมๆ กับหนังว่าตัวละครทั้งหลายทำหรือพูดอะไร แทนที่จะมัวแต่คิดว่าหลังจากดูหนังเสร็จแล้วจะต้องทำอะไรต่อไป
    • เลือกหนังประเภทตลกขบขันหรือโรแมนติกเพื่อให้คุณได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ หนังที่เต็มไปด้วยความรุนแรง หรือฉากนองเลือดมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกยิ่งเครียดและวิตกกังวล ซึ่งส่งผลให้คุณนอนหลับได้ยากนั่นเอง
    • ถ้าหากคุณดูหนังที่ฉายทางโทรทัศน์ ให้ข้ามช่วงโฆษณาไป ลองเปลี่ยนเป็นการดูหนังโดยเปิดด้วยเครื่องเล่นวีดิโอที่ไม่มีช่วงโฆษณา หรือใช้วิธีพักสายตา เดินออกมายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยระหว่างที่มีโฆษณาอยู่ก็ได้ เพราะการดูโฆษณาคั่นระหว่างดูหนังนั้น อาจทำให้คุณหลุดออกจากอารมณ์ของหนัง มีข้อมูลอื่นมาทำให้เนื้อหาของหนังต้องไขว้เขว และทำให้เสียอรรถรสในการดูหนังไป
  3. การได้ใช้เวลาสนุกๆ กับเพื่อนนั้นเป็นการผ่อนคลายความเครียดได้อย่างดีเยี่ยม และทำได้มากมายหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น สนุกไปด้วยกันกับเกมกระดานลับสมอง หรือเพียงแค่นั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบพร้อมกับของกินเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้จิตใจเบิกบานได้ การที่คุณใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและได้พูด ได้แสดงความรู้สึกของคุณออกไปโดยปริยาย ซึ่งสิ่งนี้เองที่ช่วยบรรเทาความตึงเครียดของคุณ นี่คือข้อแนะนำบางประการที่คุณควรทำในการใช้เวลากับเพื่อนๆ ของคุณ
    • ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม ให้พยายามหาเวลาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ปักหมุดงานเลี้ยง งานสังคมต่างๆ ที่ทำให้คุณได้เจอเพื่อนลงในตารางเวลาแล้วไปงานเหล่านั้น แทนที่จะอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกโดดเดี่ยวไปมากกว่าเดิม
    • ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนอย่างคุ้มค่า การใช้เวลาคุ้มค่าในที่นี้ คือการที่คุณได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดความรู้สึกระหว่างคุณกับกลุ่มเพื่อนในสถานที่สบายๆ ที่ได้รับฟังกันจริงๆ ไม่ใช่ในสถานที่ๆ เต็มไปด้วยผู้คนและเสียงรอบข้างมากมายอย่างงานเลี้ยงสังสรรค์หรือคอนเสิร์ต
    • เปิดใจถึงความรู้สึกนึกคิดของคุณ โดยการเปิดใจพูดคุยกับเพื่อนนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเล่ารายเอียดยิบย่อยทุกอย่างของเรื่องที่คุณกำลังกังวลอยู่ก็ได้ เพียงแค่เล่าถึงเรื่องเครียดของคุณ และอย่าลังเลใจที่จะขอความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวจากเพื่อนของคุณด้วย
    • พยายามหาเรื่องราวที่ทำให้คุณหัวเราะได้ ในวันที่ตารางชีวิตคุณอัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ต้องทำ ลองผ่อนคลายด้วยการเล่นเกมกระดานง่ายๆ ในช่วงเย็นย่ำค่ำคืน หรือไปดูหนังตลกขบขันสักเรื่องกับเพื่อน แทนการไปนั่งบาร์ที่มีคนเยอะๆ ซึ่งไม่เอื้อต่อโอกาสที่จะได้หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก
  4. ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบขับรถ ให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการออกไปขับรถเล่นตอนกลางคืนจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและให้ความรู้สึกว่าสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ในขณะที่ขับรถด้วย คุณอาจรู้สึกหมดแรงกับสภาพรถติดอย่างสาหัส และการขับรถที่ก้าวร้าวของผู้ใช้รถคนอื่นๆ ในช่วงเวลากลางวัน แต่หากคุณเปลี่ยนมาขับรถรับลมในตอนกลางคืนล่ะก็ คุณจะได้ความรู้สึกสงบและความรู้สึกมีอำนาจแฝงอยู่ด้วย
    • หาเส้นทางโปรดของคุณ ลองหาเส้นทางที่จะใช้เดินทางเป็นประจำจนกลายเป็นกิจวัตรของคุณ เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องเลี้ยวไปทางไหน และเมื่อไหร่
    • ฟังเพลงแนวแจ๊สหรือเพลงแนวไพเราะฟังสบายในขณะขับรถ จะช่วยคลายเครียดได้
    • การขับรถในระยะทางไกลๆ จะให้ความรู้สึกดีมากขึ้นเมื่อได้ทำหลังจากการเข้าสังคม หลังกลับจากการพบปะสังสรรค์ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ การพูดคุยและรับฟังความรู้สึกกับบรรดาเพื่อนฝูง ลองขับรถเล่นไปเรื่อยๆ สัก 20 นาทีแล้วค่อยกลับที่พัก จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
  5. เพราะการอ่านโดยเฉพาะในตอนก่อนเข้านอนช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ พยายามตัดสิ่งรบกวนทั้งภาพและเสียงก่อนเข้านอน แล้วใช้เวลาช่วงสั้นๆ อ่านหนังสือพร้อมกับดื่มชาดอกคาโมมายล์สักแก้ว เท่านี้ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นแล้ว นอกจากนี้ การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการอ่านหนังสือ ยังช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและสมองปรอดโปร่งด้วย การอ่านนั้นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพูนความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นการพักร่างกายและสมองในขณะที่คุณกำลังมีสมาธิกับหนังสือที่อยู่ตรงหน้าด้วย
    • การอ่านถือเป็นการเปิดโอกาสให้คุณใช้ชีวิตช้าลงท่ามกลางสิ่งรอบกายที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว การอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวัน จะช่วยคลายเครียดให้คุณได้อย่างดี
    • ถ้าหากคุณเครียดมากจนรู้สึกว่าไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณอ่านได้ ให้พักสายตา แล้วทำสมาธิสักครู่หนึ่ง หรือใช้วิธีอ่านออกเสียงสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่จนกระทั่งจิตของคุณจะรับและเข้าใจเนื้อหาของสิ่งนั้นๆ
  6. สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ทำสิ่งนี้ได้ คือการทำให้บริเวณที่คุณนอนมืดลง ให้เหลือแค่แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงหรือแสงเทียน เปิดเพลงเบาๆ สบายๆ คลอไป แล้วเอนตัวลงบนที่นอนที่นุ่มสบาย ผ่อนคลายตัวเองให้นานเท่าที่ต้องการ
    • ก่อนเข้านอนให้นึกถึงแต่เรื่องดีๆ หรือไม่ก็ไม่ต้องนึกถึงเรื่องอะไรเลย ลองคิดดูว่าคุณจะรู้สึกดีแค่ไหนเมื่อได้เอนตัวลงนอนและหลับได้อย่างสบายและง่ายดาย
    • ค่อยๆ เบาเสียงเพลงลงจนเงียบและดับไฟ แล้วเข้านอน
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ผ่อนคลายร่างกายของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การนวดตัวเองช่วยลดอาการเจ็บหรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อที่หดเกร็งเมื่อคุณมีความเครียดได้ การบีบนวดบริเวณไหล่ แขน ต้นขา หรือแม้แต่มือของคุณ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น การนวดตัวเองนี้เป็นสิ่งที่คุณทำได้เอง และจะทำตอนไหนก็ได้ระหว่างวัน แม้ในตอนที่คุณนั่งอยู่โต๊ะทำงานก็สามารถทำได้
    • หากคุณนวดตัวเองแล้วรู้สึกชอบ ลองให้เพื่อนหรือผู้ที่มีความรู้ในการนวด นวดให้คุณ จะช่วยให้รู้สึกว่าร่างกายสดชื่นขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณต้องนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมๆ ตลอดทั้งวัน และจบด้วยอาการปวดหลัง การนวดจะช่วยได้เป็นอย่างดี
  2. แม้ว่าสารคาเฟอีนที่พบในชาและกาแฟจะช่วยให้คุณมีแรงและรู้สึกตื่นตัวอย่างที่คุณต้องการ แต่การบริโภคคาเฟอีนปริมาณมากและติดต่อกันเป็นเวลานานก่อให้เกิดโทษได้ เพราะหลังจากหมดฤทธิ์ของคาเฟอีนแล้ว คุณจะมีอาการสั่น ฉุนเฉียวง่าย หรืออาจมีอาการปวดศีรษะได้ แถมการดื่มชาหรือกาแฟมากเกินไปจะส่งผงให้คุณนอนหลับยากอีกด้วย
    • ถ้าหากคุณเป็นคนที่ติดกาแฟมากๆ ลองเริ่มต้นด้วยการลดปริมาณกาแฟลงหนึ่งแก้วต่อวันหรือต่อสัปดาห์ หรือให้เปลี่ยนจากดื่มกาแฟมาเป็นดื่มชาแทน
    • ถ้าคุณขาดกาแฟไม่ได้จริงๆ พยายามไม่ดื่มกาแฟหลังเวลาเที่ยงวัน จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณติดนิสัยการดื่มกาแฟหลังมื้อเย็น ให้เปลี่ยนเป็นดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนแทน
  3. การออกกำลังกายเพียง 30 นาทีต่อวัน ก็ช่วยผ่อนคลายร่างกายของคุณได้ คุณไม่จำเป็นต้องโหมออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อเร่งอัตราการเต้นหัวใจหรือเพื่อให้ได้เหงื่อ ขอให้ร่างกายของคุณได้ออกแรงก็พอ คุณควรจัดตารางเวลาให้มีการออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งการออกกำลังกายที่ช่วยผ่อนคลายร่างกายของคุณสามารถทำได้ดังนี้
    • เล่นโยคะ การเล่นโยคะไม่ได้เป็นเพียงการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ผ่องใส ช่วยให้คุณได้ฝึกสมาธิผ่านการกำหนดลมหายใจด้วย
    • การวิ่ง เป็นการออกกำลังกายเพื่อบริหารหัวใจและหลอดเลือดหัวใจให้แข็งแรง และยังช่วยให้คุณตัดเรื่องรบกวนจิตใจต่างๆ ออกไปในขณะวิ่งด้วย
    • การเดินป่าขึ้นเขา เป็นการออกกำลังกายที่จะทำให้คุณผ่อนคลายเพราะได้เข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติไปในตัวด้วย
    • หาเพื่อนออกกำลังกายในโรงยิม การมีเพื่อนไปออกกำลังกายที่โรงยิมด้วยกันเพียงแค่หนึ่งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์ ก็ทำให้การออกกำลังกายของคุณมีสีสัน ไม่น่าเบื่อ เพราะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเสียงหัวเราะให้กันละกัน
    • สร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อในการออกกำลังกายเสมอ ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายแบบไหนก็ตาม คุณต้องไม่ลืมที่จะยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่างน้อย 5 - 10 นาที ทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และยังเป็นการช่วยให้คุณเคลื่อนไหวช้าลง และผ่อนคลายมากขึ้นด้วย
  4. ผสมน้ำมันที่ให้กลิ่นหอมกับสบู่ฟองโฟมลงในอ่างอาบน้ำ แล้วผ่อนคลายร่างกายในอ่างประมาณ 10 - 20 นาที ซึ่งเวลาเพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมกลับไปลุยกับงานของคุณต่อได้
  5. การรับประทานอาหารที่ดีและเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่การผ่อนคลายร่างกายที่ดี ร่างกายของคุณอาจรู้สึกอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง เพราะคุณมีอาการเครียด ไม่ได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพทำให้ไม่ได้รับสารอาหารสมดุลครบทั้งสามมื้อ เพราะฉะนั้นมาเปลี่ยนวิธีการกินเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้
    • รับประทานมื้อเช้าเสมอ อาหารมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณไม่กินมื้อเช้า คุณจะรู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีพลังไปตลอดทั้งวัน ในมื้อเช้าควรประกอบไปด้วยอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ไก่ เนื้อไก่ ร่วมกับผักและผลไม้ หรือจะกินข้าวโอ๊ตสักถ้วยเป็นมื้อเช้าก็ได้
    • รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ควรกินอาหารทั้ง 3 มื้อให้ตรงเวลา และให้ได้สารอาหารจำพวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ผัก และผลไม้ให้ครบถ้วน
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณมีอาการแน่นท้องหรืออาหารไม่ย่อย และทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยชาในที่สุด
    • รับประทานของว่างที่มีประโยชน์ อย่างเช่น ผลไม้ ถั่วต่างๆ หรือผักชีฝรั่งกินคู่กับเนยถั่วปริมาณเล็กน้อย เมื่อคุณรู้สึกหิวในระหว่างมื้ออาหาร
  6. วิธีนี้เป็นวิธีที่จะขจัดอาการตึงเครียดได้ในระยะยาว เพราะเมื่อคุณได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว ทั้งจิตใจและร่างกายของคุณย่อมพร้อมต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดวัน และทำให้คุณสามารถจัดการกับงานหรือสถานการณ์เฉพาะหน้าที่อาจขึ้นได้อย่างดี คุณสามารถนอนหลับสบายไร้กังวลได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
    • เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา การฝึกเข้านอนและตื่นในเวลาเดิมให้เป็นกิจวัตร จะทำให้การตื่นและการนอนของคุณเป็นระบบซึ่งส่งผลดีต่อร่างกายของคุณ
    • หาระยะเวลาในการนอนที่เหมาะสมกับคุณ โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้ 6–8 ชั่วโมงต่อวัน ต้องไม่ลืมว่าการนอนเป็นเวลานานเกินไปอาจส่งผลให้คุณตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกมึนงงเหมือนกับว่าพักผ่อนไม่เพียงพอได้เช่นกัน
    • ก่อนเข้านอน ให้คิดว่าตัวเองสามารถตื่นนอนได้ตรงเวลาที่ต้องการ เมื่อหลับตาลงแล้วให้คุณนึกภาพยามเช้าที่คุณสามารถตื่นนอนได้ทันทีเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดัง บิดขี้เกียจเล็กน้อย ลุกขึ้นจากเตียงนอน และเตรียมตัวเริ่มวันใหม่ได้อย่างแจ่มใส
    • พยายามหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน ช็อกโกแลต และอาหารรสเผ็ดในช่วงเย็น เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณหลับได้ยาก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หลีกเลี่ยงเสียงที่ดังมากๆ หรือดนตรีที่มีเสียงแหลมเสียดหู
  • ต้องแน่ใจว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังพักผ่อน จะไม่มีอะไรมารบกวนคุณ เพราะถ้าหากคุณมีความเครียดมากๆ แล้วยังถูกขัดจังหวะในขณะที่กำลังจะรู้สึกผ่อนคลาย นั่นจะทำให้คุณอารมณ์เสียและยิ่งเครียดมากไปกว่าเดิม
โฆษณา

คำเตือน

  • หากคุณรู้สึกไร้เรี่ยวแรง เพราะปัญหาความเครียด และไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตนเอง ให้ไปปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันที
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,938 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา