ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ความฝันสามารถมีอิทธิพลต่อชีวิตในความเป็นจริงได้ มันสะท้อนความหวังกับความหวาดกลัวต่อเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และสามารถนำพาเราย้อนกลับไปเยี่ยมช่วงเวลาในอดีตอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะอยากลองฝันรู้ตัว (ลูซิดดรีม หรือการที่สามารถควบคุมและรู้ตัวว่าฝันอยู่ได้) หรือแค่อยากจะฝันอย่างมีความสุขมากขึ้น ก็มีวิธีการบางอย่างที่คุณสามารถทำได้ระหว่างวันก่อนจะเข้านอนและฝันดั่งใจอยาก หากคุณอยากจะรู้วิธีควบคุมฝัน ก็ให้เริ่มอ่านที่ขั้นตอนแรกกันเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

ฝันอย่างมีความสุข

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จากผลการศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับในปี ค.ศ. 2011 ของหนังสือ การนอนหลับกับนาฬิกาชีวิต (Sleep and Biological Rhythms) สรุปได้ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยที่เข้านอนช้ามีโอกาสที่จะฝันร้ายมากกว่าคนที่เข้านอนเร็วกว่า หากคุณอยากจะฝันอย่างมีความสุข ให้ลองเข้านอนเร็วกว่าปกติสักชั่วโมงหนึ่งทุกคืน และสังเกตดูว่าคุณฝันดีขึ้นหรือเปล่า [1]
    • หนึ่งในคำอธิบายที่เป็นไปได้เกี่ยวกับผลการศึกษาในครั้งนี้ นั่นเป็นเพราะจะมีการปลดปล่อยฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งเป็นเวลาที่เหล่าคนนอนดึกมักจะอยู่ในช่วงสภาวะหลับกลอกลูกตา (REM หรือ Rapid Eye Movement) หรือหลับฝัน [2]
  2. ฝันร้ายเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงการกินของว่างยามดึก การดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน หรือการสูบบุหรี่ [3] หากคุณมักจะฝันร้ายเป็นประจำ ก็ให้ลองงดกิจกรรมเหล่านี้ และอย่าทานอะไรก่อนเข้านอนสองถึงสามชั่วโมง ร่างกายจะได้มีเวลาย่อยอาหารก่อนและทำให้คุณหลับสบายขึ้น
    • หากคุณตั้งใจจริงจังที่จะหลับให้ลึกขึ้นและฝันดี คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีนหลังเที่ยงเป็นต้นไป คุณอาจจะรู้สึกอยากหาอะไรมาเพิ่มพลังให้ตัวเอง แต่มันจะยิ่งทำให้คุณหลับได้ยากขึ้น
    • แม้ว่าคุณจะคิดว่าการดื่มไวน์สักแก้วก่อนนอนจะช่วยให้หลับได้ แต่จริงๆ แล้วมันจะยิ่งทำให้คุณหลับไม่สบาย หากคุณนอนหลับพักผ่อนไม่ได้เต็มที่ คุณก็จะยิ่งควบคุมฝันได้ยากขึ้น
  3. หลายครั้งที่ฝันร้ายเป็นผลสะท้อนที่เกิดจากความเครียดหรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน [4] พยายามอย่าคิดถึงเรื่องเหล่านี้ระหว่างที่คุณอยู่บนเตียงกำลังจะนอนหลับ ให้ทำหัวให้ว่างและคิดถึงแต่เรื่องดีๆ แทน ยิ่งคุณคิดถึงความเครียดภายนอกน้อยเท่าไร ภายในตัวคุณก็จะสงบมากขึ้นเท่านั้น และคุณก็จะฝันดีขึ้นด้วย
    • การออกกำลังกายเป็นประจำก็สามารถช่วยคลายความเครียด ทำให้ฝันดีขึ้น และหลับได้ง่ายขึ้น [5] แต่อย่าออกกำลังกายใกล้เวลาเข้านอนมากนัก เพราะจะทำให้คุณหลับยาก
  4. การหลับให้สบายและผ่อนคลายเป็นกิจวัตรเป็นเรื่องที่สำคัญ ให้ลองดื่มชาสมุนไพรหรืออ่านหนังสือก่อนนอนดู เพื่อที่คุณจะได้ฝันดีขึ้น ลองหาวิธีที่จะช่วยให้คุณหลับสบายที่สุด และให้ทำวิธีนั้นซ้ำๆ เป็นกิจวัตร ขจัดความเครียดและความคิดด้านลบออกจากหัวเมื่อคุณกำลังจะนอนหลับ
    • อย่าดูหนังหรือรายการโทรทัศน์ที่มีความรุนแรง สยดสยอง หรือเคร่งเครียด ก่อนเข้านอน เพราะจะทำให้คุณฝันร้ายได้ [6]
    • หากคุณอยากจะหลับให้สบายยิ่งขึ้น ก็ให้ปิดสิ่งเร้าทางสายตาทั้งหมดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน นั่นหมายความว่า ห้ามเล่นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ดูโทรทัศน์ หรือทำอะไรก็ตามที่จะทำให้คุณสงบใจได้ยากขึ้นเมื่อเข้านอน
  5. นักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาเรื่องความฝันได้ทดลองให้ผู้หญิงนอนหลับในห้องที่มีกลิ่นกุหลาบตลอดคืนเป็นเวลาอย่างน้อย 30 คืน และเธอก็ได้รายงานว่าเธอฝันดีกว่าปกติ [7] จึงเชื่อว่ากลิ่นนี้จะช่วยกระตุ้นความคิดเชิงบวก ซึ่งจะทำให้ฝันดีขึ้น
    • คุณสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันหอมระเหย โลชั่นทาผิว หรือเทียนหอมที่มีกลิ่นกุหลาบ แต่อย่าลืมเป่าเทียนให้ดับก่อนเข้านอนทุกครั้ง เพื่อป้องกันเพลิงไหม้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Klare Heston, LCSW

    นักสังคมสงเคราะห์ทางแพทย์
    แคลร์ เฮสตันเป็นนักสังคมสงเคราะห์ทางแพทย์อิสระที่มีใบอนุญาตในโอไฮโอ เธอได้รับปริญญาโทด้านสังคมสงเคราะห์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียคอมมอนเวลธ์ในปี 1983
    Klare Heston, LCSW
    นักสังคมสงเคราะห์ทางแพทย์

    น้ำมันหอมระเหยอาจช่วยให้คุณหลับสบายในตอนกลางคืนและมีผลกับความฝัน ตามความเห็นของแคลร์ เฮสตัน นักสังคมสงเคราะห์คลินิกที่มีใบอนุญาตแล้วนั้น “น้ำมันต่างแบบก็เหมาะกับผู้คนต่างกันไป น้ำมันลาเวนเดอร์เป็นชนิดที่จำเป็นต้องลอง จากนั้นลองหาน้ำมันหลายๆ แบบแล้วทดลองดูว่าแบบไหนเหมาะกับคุณ คุณยังสามารถหาข้อมูลออนไลน์หรือถามพนักงานขายตามร้านขายอาหารสุขภาพหรือร้านขายผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย”

    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

เตรียมตัวเพื่อฝันรู้ตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความฝันจะเกิดขึ้นในช่วงนอนกลอกตา (REM หรือ Rapid Eye Movement) ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งในวงจรการนอนหลับ [8] หากคุณนอนไม่พอ หรือมักจะตื่นกลางดึกบ่อยๆ วงจรช่วง REM ก็จะถูกรบกวน คุณจะต้องนอนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืนเป็นประจำ และเข้านอนเวลาเดิมทุกคืน เพื่อที่ร่างกายและจิตใจจะได้รู้เวลาที่แน่นอน
  2. หลายคนเชื่อว่าการสังเกตและจดจำฝันเป็นก้าวแรกของการฝันรู้ตัว [9] ก่อนที่คุณจะเข้านอน ให้เตือนตัวเองว่าเมื่อตื่นขึ้นคุณจะต้องจำฝันของตัวเองได้หมด วิธีนี้จะช่วยฝึกให้จิตใต้สำนึกของคุณมุ่งความสนใจไปที่ความฝัน วิธีต่อไปนี้ก็สามารถช่วยให้คุณจำฝันได้ดีขึ้นเช่นกัน:
    • เมื่อตื่นขึ้น ให้นึกว่าเพิ่งฝันเรื่องอะไรไป อย่าลุกออกจากเตียงทันที เพราะจะทำให้คุณลืมฝันที่เกิดขึ้นได้ ให้อยู่บนเตียงและพยายามนึกรายละเอียดของฝันแทน [10] หนึ่งในเหตุผลที่คนมักจะ "ลืม" สิ่งที่ฝัน นั่นก็คือ การตื่นขึ้นและคิดถึงเรื่องอื่นๆ ทันที ดังนั้นให้คุณย้ำเตือนตัวเองบ่อยๆ จนเป็นนิสัยทุกเช้า
    • บันทึกความฝัน ให้เขียนทันทีที่คุณตื่น โดยเตรียมสมุดและปากกาไว้ข้างตัว เพื่อที่คุณจะได้เขียนบันทึกได้ทันทีก่อนที่จะลืม วิธีนี้จะช่วยให้คุณจำฝันได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ ด้วย [11]
  3. เช็คว่าคุณกำลังฝันอยู่หรือเปล่าทั้งตอนฝันและตอนตื่น. คุณสามารถทำขั้นตอนนี้ได้ทั้งตอนฝันและตอนที่ยังตื่นอยู่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณแยกออกระหว่างโลกความฝันกับโลกแห่งความเป็นจริง หากคุณทำสำเร็จในขณะหลับ คุณก็จะฝันรู้ตัวได้ เนื่องจากคุณรู้แล้วว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ลองทำตามวิธีเช็คเหล่านี้ดูสิ: [12] [13]
    • พยายามบิน แน่นอนว่าถ้าคุณทำได้ แสดงว่าคุณกำลังฝันอยู่ [14]
    • มองดูเงาสะท้อนในกระจก หากเงาสะท้อนบิดเบี้ยว พร่ามัว หรือไม่มีเงาสะท้อนอยู่เลย แสดงว่าคุณอาจจะกำลังฝันอยู่ [15]
    • พยายามดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา ภาพจะเบลอจนดูเวลาไม่ออกเมื่ออยู่ในความฝัน [16]
    • เปิดปิดสวิตช์ไฟ สวิตช์ไฟจะไม่ทำงานเมื่ออยู่ในโลกแห่งความฝัน ให้คุณลองเปิดปิดไฟด้วยจิตดู หากทำได้ คุณจะรู้ตัวว่าคุณกำลังฝันอยู่
    • มองดูที่มือ ตรวจดูใกล้ๆ ว่าปกติดีหรือไม่ หากคุณกำลังฝันอยู่ คุณก็อาจจะมีนิ้วมือน้อยหรือเกินกว่าความเป็นจริง
    • ลองใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์จะทำงานผิดปกติในความฝัน
    • มองดูกระจกว่าหน้าตาคุณเปลี่ยนไปหรือไม่
    • สังเกตว่าคุณยัง "หายใจ" ได้หรือไม่ ขณะปิดปากและจมูก หากคุณทำได้ แสดงว่าคุณฝันอยู่
    • ลองใช้ของต่างๆ เช่น ดินสอ ทิ่มมือ (ฝ่ามือ) ดู หากคุณกำลังฝันอยู่ ดินสอจะทะลุผ่านมือ หรือค้างกลางอากาศตรงมือคุณอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้ฝันอยู่ ก็จะมีรอยดินสอบนมือของคุณแทน
  4. เมื่อคุณพยายามสร้างนิสัยให้จดจำฝันตัวเองได้ ก็ให้เริ่มมองหาสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังฝันอยู่ มันอาจจะเป็นภาพที่ปรากฏซ้ำๆ เช่น เกาะที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกแห่งความจริง หรือเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำๆ เช่น ฟันร่วง หรือวิงเวียนจนขยับตัวไม่ได้ มองหาสัญญาณที่มักเกิดขึ้นประจำซึ่งคอยบอกว่าคุณกำลังฝันอยู่ และจดบันทึก การรู้จักสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ตัวว่าฝันได้ดีขึ้น เพราะคุณสามารถจำสัญญาณเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
    • เมื่อคุณจำสัญญาณจากฝันได้แล้ว คุณก็จะรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือโลกแห่งความฝัน
  5. นักจิตวิทยาคนหนึ่งเชื่อว่าเกมจะช่วยให้คนคุ้นชินกับโลกเสมือน และการมองเห็นร่างตัวเองจากภายนอก ซึ่งเป็นทักษะที่จะส่งต่อไปยังโลกแห่งความฝัน [17] งานวิจัยของเธอยังสรุปได้อีกว่า คนที่เล่นเกมมีโอกาสจะฝันรู้ตัวได้บ่อย และควบคุมฝันได้ดีกว่า [18]
    • อย่าเล่นเกมที่ใช้ความรุนแรงก่อนเข้านอน เพราะอาจจะทำให้ฝันร้ายได้ หยุดเล่นอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน หากคุณต้องการทำตามขั้นตอนนี้
  6. เมลาโทนินคือฮอร์โมนที่พบทั่วไปในพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ เมลาโทนินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างดี สามารถช่วยเพิ่มกระบวนการ REM ระหว่างหลับ และทำให้ฝันชัดเจนยิ่งขึ้น เมลาโทนินยังช่วยให้หลับง่ายขึ้นด้วย หากคุณอยากฝันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลับได้ลึกขึ้น และควบคุมฝันได้ คุณก็ควรทานอาหารซึ่งมีเมลาโทนินสูงดังต่อไปนี้: [19]
    • เชอร์รี่
    • ข้าวโอ๊ต
    • อัลมอนด์
    • เมล็ดดอกทานตะวัน
    • เมล็ดป่าน
    • หัวไชเท้า
    • ข้าว
    • มะเขือเทศ
    • กล้วย
    • มัสตาร์ดขาว
    • มัสตาร์ดดำ
  7. ระหว่างกิจวัตรประจำวันของคุณ ไม่ว่าจะกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน หรือกำลังนั่งอ่านข้อความ ให้สร้างนิสัยด้วยการถามตัวเองว่า "ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? " หากคุณทำเป็นประจำ ก็มีโอกาสที่คุณจะถามตัวเองแบบนี้มากขึ้นเมื่อคุณกำลังฝันอยู่จริงๆ ซึ่งหากคุณทำได้ คุณก็จะรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่ สามารถควบคุมฝันได้ และเลือกได้ว่าจะให้มีอะไรเกิดขึ้น
    • การถามตัวเองว่ากำลังฝันอยู่หรือเปล่า สามารถช่วยเพิ่มการตื่นตัวได้ ซึ่งจะช่วยทำให้คุณฝันรู้ตัวได้ง่ายขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

เตรียมตัวเพื่อจะได้ฝันรู้ตัวก่อนเข้านอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การฝันรู้ตัวจำเป็นต้องมีจิตที่ตื่นตัวและไม่บ่ายเบี่ยงเพราะโดนเรื่องต่างๆ ในโลกแห่งความจริงรบกวน ระหว่างที่คุณนอนอยู่บนเตียง พยายามจะหลับ ให้ทำหัวให้โล่ง ปราศจากเรื่องรบกวน และมุ่งความสนใจไปที่ความคิดที่ว่า คุณกำลังจะหลับและเข้าสู่ฝัน
    • การทำสมาธิยังช่วยขจัดความคิดด้านลบในใจออกไป ซึ่งทำให้คุณหลับสบายขึ้นด้วย
  2. ก่อนคุณจะหลับ ให้คิดว่าคุณอยากจะฝันถึงอะไร [20] ลองจินตนาการภาพสิ่งรอบข้างให้ชัดๆ และใส่รายละเอียดอย่างภาพ เสียง กลิ่น นำตัวคุณเข้าไปยังที่ตรงนั้น และลองเดินสำรวจไปรอบๆ
    • ให้ความสำคัญกับสัมผัสการหายใจและการเดินไปรอบๆ สิ่งต่างๆ ที่ปรากฏในฝัน แม้ว่าคุณจะยังไม่ได้ฝันจริงๆ แต่ก็จงบอกตัวเองว่า "ฉันกำลังฝันอยู่" ทำขั้นตอนนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะหลับไป
    • เลือกสถานที่ในอุดมคติของคุณเพื่อให้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ
  3. วางรูปถ่าย ตราสัญลักษณ์ หรือกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งไว้ข้างตัวก่อนจะหลับ เลือกอะไรก็ได้ที่เป็นตัวแทนของสิ่งที่คุณอยากจะฝันถึง และวางมันไว้ก่อนเข้านอน เพื่อที่ของชิ้นนั้นจะได้พาคุณเข้าสู่โลกแห่งความฝันที่คุณต้องการเห็น หากคุณต้องการจะฝันถึงใครสักคน ให้วางรูปของคนคนนั้นไว้ใกล้คุณ หากคุณเป็นจิตกรที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ อยู่ ให้วางผ้าใบวาดรูปเปล่า ๆ ไว้ข้างๆ
    • วิธีนี้จะช่วยทำให้คุณสามารถฝันถึงสิ่งที่ต้องการเห็นได้ เพราะวิธีนี้จะเป็นการหว่านเมล็ดพันธุ์ของสิ่งของเหล่านี้ในใจคุณก่อนจะหลับ
  4. เมื่อคุณล้มตัวลงนอน ให้เตือนตัวเองด้วยประโยคง่ายๆ เช่น "คืนนี้ ฉันอยากจะรู้ตัวว่าฝันอยู่" ย้ำเตือนความคิดนี้สักสองสามครั้งและตั้งจิตแน่วแน่ว่าจะทำมันให้ได้ วิธีนี้จะช่วยให้ใจของคุณพร้อมที่จะทำให้คุณรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่
  5. หากคุณต้องการจะควบคุมฝัน คุณก็ควรนอนหลับในห้องที่มืดสนิท หรือมืดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การหลับในห้องที่มืดสนิทจะช่วยคงให้ระดับเมลาโทนินในตัวสูง ซึ่งจะทำให้ฝันดีและรู้ตัวในฝันได้ดีขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือ ห้องของคุณจะต้องมืดจนมองไม่เห็นความต่างระหว่างตอนที่คุณลืมตากับตอนที่หลับตาลง อย่าให้มีแสงสลัว แสงที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างมากไป หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้สภาพโดยรอบไม่มืดสนิท [21]
  6. สตีเฟน ลาเบิร์ก จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้ก่อตั้งสถาบัน The Lucidity Institute ได้คิดเทคนิคเหนี่ยวนำที่มีชื่อว่า MILD (Mnemonic Induction of Lucid Dreams) ขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้ผลดีที่สุดในการฝันรู้ตัว และนี่คือขั้นตอนสิ่งที่ควรทำ: [22]
    • เมื่อคุณเข้านอนตอนกลางคืน ให้บอกตัวเองว่าจะต้องจำฝันให้ได้
    • เพ่งสมาธิไปที่การย้ำเตือนเมื่อฝัน และเตือนตัวเองว่านี่คือความฝันด้วย
    • จินตนาการถึงสิ่งที่อยากทำระหว่างที่ฝัน เช่น บิน หรือเต้น
    • ทำขั้นตอนสองข้อท้ายซ้ำๆ เตือนตัวเองเมื่อคุณฝันและกลับเข้าไปในฝัน จนกว่าคุณจะหลับจริงๆ
    • ทำตามเทคนิคนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะสามารถฝันรู้ตัวได้
  7. แม้ว่าการควบคุมฝันและขจัดฝันร้ายจะเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่คุณสามารถลองทำได้คือการจินตนาการถึงตอนจบในฝันร้าย หากคุณมักจะฝันถึงผู้ชายท่าทางน่ากลัวที่อยู่ในบ้านของคุณ ให้จินตนาการว่าคุณไล่เขาออกไป หรือเขาเดินออกไปด้วยตัวเอง ไม่ว่าฝันร้ายจะเป็นเรื่องอะไร ให้ลองจินตนาการตอนจบไว้ เพื่อที่คุณจะได้เอาชนะมันและขจัดฝันร้ายออกไปได้ [23]
    • หากคุณคิดถึงสิ่งนี้มากพอ จดบันทึกลงกระดาษ หรือพูดสิ่งที่คิดออกมาดังๆ คุณก็อาจจะสามารถเปลี่ยนฝันที่กำลังจะเกิดได้
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

ควบคุมฝัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มควบคุมฝันเล็กๆ น้อยๆ เมื่อคุณรู้ตัวว่าฝันอยู่. เมื่อคุณเช็คแล้วว่าตัวเองกำลังอยู่ในฝันหรือไม่ และรู้ตัวว่าฝันอยู่จริงๆ ให้สงบจิตสงบใจและอย่าตื่นเต้นมากไปว่าคุณกำลังฝันอยู่ หากคุณคุมตัวเองไม่ได้ คุณก็อาจจะตื่นขึ้นกลางคัน ให้สงบใจและจมดิ่งเข้าสู่โลกแห่งความฝัน ลองเริ่มควบคุมจากสิ่งของเล็กๆ ก่อนที่คุณจะสร้างหรือควบคุมสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งกว่า
    • คุณอาจจะค่อยๆ ลองเปลี่ยนทัศนียภาพ หรือย้ายที่อยู่ในฝัน สัมผัสสิ่งต่างๆ และพยายามทำให้ของชิ้นเล็กๆ ปรากฏตัว หรือหายวับไป
  2. เมื่อคุณรู้สึกคุ้นชินกับฝันรู้ตัวและคิดว่าตัวเองควบคุมฝันได้ระดับหนึ่งแล้ว คุณก็สามารถตั้งเป้าหมายครั้งต่อไปให้ควบคุมสิ่งที่ยากขึ้นได้ คุณอาจจะลองบิน เรียกใครสักคนออกมา เปลี่ยนทัศนียภาพทั้งหมด ไปเยือนสถานที่ในวัยเด็ก หรือแม้กระทั่งเดินทางข้ามเวลา เมื่อคุณคุ้นชินกับการฝันรู้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ คุณก็จะสามารถฝันได้ดั่งใจอยากเป็นประจำ
    • เมื่อคุณตื่นขึ้น อย่าลืมที่จะบันทึกฝัน เน้นจุดที่ทำให้คุณรู้ตัวว่าฝันอยู่ และเขียนถึงสิ่งที่คุณทำได้และทำไม่ได้ในนั้น หากมีอะไรบางอย่างที่คุณไม่สามารถทำได้เลยทุกครั้งที่ฝันรู้ตัว เช่น บิน ก็ให้คิดดูว่าอะไรที่ขัดขวางคุณอยู่
  3. เมื่อคุณฝันและรู้ตัวว่ากำลังฝันอยู่แล้ว คุณก็ควรเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่ากำลังอยู่ในฝัน หากคุณไม่ทำ คุณก็อาจจะลืมว่าคุณกำลังฝันอยู่จริงๆ และคุณก็จะไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีก หากคุณคอยเตือนสติตัวเองว่ากำลังฝันอยู่ คุณก็จะสามารถเปลี่ยนและควบคุมสถานการณ์ในฝันได้
  4. หนึ่งในสิ่งที่คุณสามารถลองทำได้เมื่อฝันรู้ตัวคือการบิน คุณอาจจะยังบินไม่ได้ในตอนแรก แต่คุณก็สามารถทำให้ตัวเองบินได้ เพียงบอกกับตัวเองว่า "โอเค ฉันจะบินแล้วนะ" เพื่อทำให้จิตเชื่อว่าคุณพร้อมที่จะบินแล้วจริงๆ คุณอาจจะเริ่มจากการกระโดดไปมา กระโดดขึ้นกระโดดลง และเคลื่อนตัวขึ้นสูงก่อนจะบินได้เต็มที่จริงๆ เมื่อคุณเริ่มชินแล้ว คุณก็จะสามารถลอยตัวเหนือพื้นได้จนกว่าจะออกบิน
    • เมื่อคุณบินอยู่ อย่าจับผิดตัวเองหรือคิดว่าตัวเองบินไม่ได้หรอก หากใจของคุณเต็มไปด้วยข้อกังขา คุณก็จะบินไม่ได้จริงๆ หากคุณกำลังร่อนต่ำลง ก็ให้ลองกระโดดสูงๆ และบินขึ้นอีกครั้ง
  5. คุณอาจจะอยากเสกของหรืออะไรบางอย่างที่คุณต้องการจะเล่นหรือจับออกมา หากคุณต้องการจะทำจริงๆ คุณก็ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร สมมติว่าคุณอยากจะทานเค้กแสนอร่อย ขั้นแรกคุณก็ควรจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในครัวหรือร้านอาหารที่มีเค้กให้ทาน หากคุณแค่คิดถึงตัวเค้กอย่างเดียวมากไป มันก็คงจะไม่ออกมา แต่ถ้าคุณสร้างสภาพแวดล้อมให้เค้กออกมาได้ง่ายขึ้น มันก็จะส่งตรงมาถึงมือของคุณ
  6. คุณสามารถเปลี่ยนทัศนียภาพในความฝันได้ หากคุณพยายามมากพอ เมื่อคุณรู้ว่ากำลังฝันอยู่ คุณก็สามารถลองจินตนาการถึงประตูที่จะพาคุณไปสู่อีกที่ หรือค่อยๆ เสริมเติมแต่งส่วนต่างๆ ของทัศนียภาพโดยรอบๆ ให้เปลี่ยนไปเป็นสถานที่ที่คุณต้องการ หากคุณพยายามจะสร้างสถานที่จากความทรงจำวัยเด็ก ก็ให้เริ่มด้วยการเสกต้นไม้ต้นโปรดในสวนหลังบ้านออกมา ตามด้วยเฉลียงบ้าน ประตูหลังบ้าน และอื่นๆ จนกว่าคุณจะสร้างโลกที่ต้องการได้จริงๆ [24]
    • การวางรูปภาพทัศนียภาพที่คุณต้องการไว้ข้างๆ ตัวก่อนนอนก็สามารถช่วยได้ ภาพนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่คุณเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจะหลับ จิตของคุณจะได้พร้อมที่จะสร้างมัน
  7. บางคนสามารถเดินทางข้ามกาลเวลาในฝันได้ คุณสามารถจินตนาการว่าตัวเองกำลังขึ้นเครื่องไทม์แมชชีนส่วนตัว หรือเปิดประตูไปสู่โลกใหม่ หากวิธีใดวิธีหนึ่งใช้ไม่ได้ผล ก็ให้ลองอีกวิธี คุณอาจจะบอกตัวเองว่า "ตอนนี้ ฉันจะเดินทางข้ามเวลาแล้วนะ" และเพ่งจิตเพื่อทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ โดยอย่าฝืนมากเกินไป การคิดถึงช่วงเวลาในความทรงจำที่อยากจะย้อนกลับไปก่อนนอนก็สามารถช่วยได้เช่นกัน [25]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ปกติแล้ว หากคุณคิดถึงเรื่องแย่ๆ คุณก็จะฝันร้าย ดังนั้นให้พยายามคิดถึงฝันอันสงบสุข
  • เมื่อคุณอยู่ในขั้นรู้ตัว และรู้สึกว่าคุณกำลังจะเสียการรู้ตัวในฝัน ให้ลองถูมือหรือหมุนตัวไปรอบๆ
  • เช็คว่าตัวเองกำลังฝันอยู่หรือไม่ให้เป็นกิจวัตร และเช็คตัวเองตลอดวันในชีวิตจริง เพื่อที่คุณจะได้สามารถฝึกจิตใต้สำนึกให้เช็คตัวเองอีกครั้งเมื่อฝันอยู่
  • ทำตามเทคนิคการฝันรู้ตัวเป็นประจำ มันอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าคุณจะสามารถฝันรู้ตัวได้ ดังนั้นจงให้เวลากับมัน
  • ลองทำสมาธิก่อนนอน เพื่อที่จิตของคุณจะได้สงบ ซึ่งจะทำให้ฝันรู้ตัวได้ง่ายขึ้น
  • คิดถึงเรื่องที่จะฝันเป็นประจำ รวมถึงช่วงก่อนนอนด้วย!
  • เพ่งสมาธิไปอย่างสิ่งที่คุณต้องการจะฝันถึง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าคุณกำลังจะหลับ วิธีนี้จะทำให้คุณลืมว่าตัวเองกำลังจะหลับ และหลับไปตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพยายามข่มตานอน
  • หากคุณกำลังอยู่ในขั้นพักผ่อน คุณจะรู้ว่าร่างกายต้องการจะหลับเมื่อคุณเริ่มรู้สึกรำคาญและไม่สบายตัว ดังนั้นให้เมินสัญญาณเหล่านี้ หลับตาลงและเลิกคิดเรื่องต่างๆ การฝึกอาจทำให้คุณสามารถเข้าถึงขั้นระหว่างการหลับและการตื่น ซึ่งจะทำให้คุณสามารถฝันรู้ตัวได้
  • บางคนจะมีความสามารถในการฝันรู้ตัวตามธรรมชาติ และสามารถเข้าถึงขั้นนี้ได้โดยไม่ต้องฝึกหรือฝึกเพียงเล็กน้อย สำหรับคนอื่นๆ จำเป็นต้องฝึกมากกว่าเพื่อให้ได้ผล ดังนั้นจงให้เวลากับตัวเอง
  • อย่าจมอยู่กับความคิดที่ว่าคุณกำลังฝันอยู่มากไป เพราะคุณอาจจะตื่นกลางคันได้ ให้ผ่อนคลายและสงบใจ
  • อย่ามัวแต่นั่งอยู่บนเตียงตลอดทั้งวัน เพราะถ้าคุณใช้เตียงเฉพาะตอนหลับเท่านั้น จิตของคุณก็จะบอกว่าตอนนี้ถึงเวลานอนแล้ว
โฆษณา
  1. http://www.lucidity.com/NL11.DreamRecall.html
  2. http://www.scientificamerican.com/article/how-to-control-dreams/
  3. http://dailyinfographic.com/how-to-control-your-dreams-infographic
  4. http://www.scientificamerican.com/article/how-to-control-dreams/
  5. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/reality-checks.html
  6. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/reality-checks.html
  7. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/reality-checks.html
  8. http://www.livescience.com/17290-facts-dreams-nightmares.html
  9. http://www.livescience.com/17290-facts-dreams-nightmares.html
  10. http://dailyinfographic.com/how-to-control-your-dreams-infographic
  11. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/reality-checks.html
  12. http://www.social-consciousness.com/2012/09/lucid-dreaming-7-tricks-you-didnt-know.html
  13. http://science.howstuffworks.com/life/inside-the-mind/human-brain/dream5.htm
  14. http://www.scientificamerican.com/article/how-to-control-dreams/
  15. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/how-to-control-your-dreams.html
  16. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/how-to-control-your-dreams.html
  17. http://www.scientificamerican.com/article/how-to-control-dreams/
  18. http://science.howstuffworks.com/life/inside-the-mind/human-brain/dream5.htm
  19. http://www.reuters.com/article/2014/05/11/us-science-dreaming-idUSKBN0DR0IR20140511
  20. http://www.livescience.com/17290-facts-dreams-nightmares.html
  21. http://www.world-of-lucid-dreaming.com/how-to-control-your-dreams.html
  22. http://dailyinfographic.com/how-to-control-your-dreams-infographic
  23. http://www.social-consciousness.com/2012/09/lucid-dreaming-7-tricks-you-didnt-know.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 63,313 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา