ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าต้องการเริ่มเปิดรับความคิด ความเชื่อ และภูมิหลังที่แตกต่าง บทความนี้ก็ขอแนะนำเคล็ดลับให้ได้รู้! มีวิธีการที่ทั้งสนุกและง่ายมากมายในการฝึกเปิดใจให้กว้าง พยายามลองสิ่งใหม่ พบผู้คนที่ตนเองไม่เคยรู้จักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และฟังมากกว่าพูด ทุกๆ คนต่างก็ชอบทึกทักไปเองก่อน ฉะนั้นเราต้องท้าทายความเชื่อของตนเองและสังเกตสิ่งต่างๆ ให้ละเอียดที่สุดก่อนที่จะตั้งสมมติฐานใดๆ ยิ่งเราฝึกเปิดใจให้กว้างมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งสามารถสร้างสัมพันธ์กับผู้คนที่มีวิถีชีวิตต่างจากเราได้ง่ายขึ้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ลองสิ่งใหม่ๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองฟังเพลงแนวใหม่ในแต่ละสัปดาห์ ค้นหาเพลงใหม่ๆ ตามช่องบริการสตรีมมิ่ง อินเตอร์เน็ต หรือขอให้เพื่อนช่วยแนะนำเพลงใหม่ๆ ก็ได้ [1]
    • การฟังเพลงหลากหลายแนวจากทั่วทุกมุมโลกและจากยุคต่างๆ ทำให้สมองของเราเริ่มเปิดรับประสบการณ์ใหม่มากขึ้น เพลงใหม่ๆ จะช่วยเราเชื่อมโยงความรู้สึกกับผู้คน สถานที่ และสิ่งต่างๆ ที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน
  2. นวนิยายหรือเรื่องสั้นที่ดีจะทำให้เราสามารถเข้าถึงตัวละครที่อยู่ต่างสถานที่และต่างเวลาได้เป็นอย่างดี ไปห้องสมุด ลองค้นตามชั้นหนังสือดู หานวนิยายที่มีโครงเรื่อง ฉาก และตัวละครที่ไม่ซ้ำกับนวนิยายที่เคยอ่านมาแล้ว [2]
    • ตัวอย่างเช่น เราสามารถค้นหานวนิยายต่างประเทศโดยดูจากชื่อของผู้แต่ง หรืออ่านนวนิยายเกี่ยวกับการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้อัตลักษณ์ใดอัตลักษณ์หนึ่งมา (อย่างเช่น เพศ ชาติพันธุ์ หรือวิถีทางเพศ) อ่านอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับตัวของเราเอง
  3. การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศจะทำให้เราสามารถสื่อสารกับผู้คนชาติอื่นๆ ได้ และช่วยให้เราได้เห็นวัฒนธรรมใหม่ๆ เราอาจลงเรียนภาษาต่างประเทศตามสถาบันต่างๆ หรือใช้แอปในการเรียนภาษาต่างประเทศก็ได้ [3]
    • การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศจะช่วยให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของเจ้าของภาษามากขึ้น การรู้ว่าวัฒนธรรมมีส่วนทำให้เจ้าของภาษาเรียบเรียงความคิดออกมาเป็นคำต่างๆ ได้อย่างไรจะทำให้เราเข้าใจค่านิยมและประเพณีของเจ้าของภาษาได้อย่างลึกซึ้ง
  4. พยายามทำความเข้าใจประเพณีทางศาสนาต่างๆ เราอาจถามเพื่อนที่นับถือศาสนาต่างจากเราว่าเราสามารถเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาของเขาได้ไหม อาจมีโบสถ์ สุเหร่า ธรรมศาลา วัด หรือศาสนสถานอื่นๆ สำหรับประกอบพิธีกรรมอยู่ใกล้บ้านเรา เราจะไปเข้าร่วมพิธีกรรมของศาสนาอื่นด้วยตนเองก็ได้ [4]
    • ถ้าเราสามารถมาเข้าร่วมได้ อาจลองถามเพื่อนล่วงหน้าว่าศาสนสถานนั้นจะมีพิธีกรรมอะไร เราจะได้ไม่เข้าร่วมในพิธีกรรมนั้นโดยที่เจ้าภาพไม่ได้เชิญ เช่น งานแต่งงาน หรือวันหยุดศักดิ์สิทธิ
    • มาร่วมพิธีกรรมพร้อมเปิดใจให้กว้าง อย่าคิดจะอธิบายความเชื่อของเราหรือพยายามพิสูจน์ว่าความเชื่อของผู้อื่นนั้นผิด แค่ฟัง สังเกต และแสดงการขอบคุณผู้คนที่ยอมให้เราเข้าร่วมและแบ่งปันความรู้อันมีค่าให้เรา
  5. การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เป็นวิธีการเปิดรับประสบการณ์ใหม่ที่ดีเยี่ยมวิธีการหนึ่ง เราสามารถลงเรียนวิชาที่ตนเองสนใจ หรือเริ่มหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำก็ได้ ตัวอย่างเช่น จัดสวน ทำอาหาร เล่นโยคะ ฝึกศิลปะป้องกันตัว [5]
    • ศูนย์เรียนรู้ชุมชน ศูนย์กีฬาและนันทนาการ วิทยาลัยชุมชน และศูนย์บริการวิชาการของมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยปกติจะเปิดหลักสูตรให้ลงเรียนได้ฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายน้อย
    • การเพิ่มความคิดสร้างสรรค์นั้นมีประโยชน์มาก ฉะนั้นลองลงเรียนเต้นรำ วาดภาพ ระบายสี การแสดง หรือวิชาเกี่ยวกับศิลปะอื่นๆ
    • การเรียนเป็นกลุ่มจะช่วยให้เราได้พบเพื่อนใหม่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

พบปะผู้คนใหม่ๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เราสามารถพบปะและผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ได้อยู่แล้ว แต่เราจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ถ้าเราเอาแต่พูดอยู่ฝ่ายเดียว พยายามถามผู้อื่นบ้างและตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาจะบอกแทนการคิดว่าต่อไปฉันจะคุยเรื่องอะไรดี [6]
    • เราจะต้องตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูดจริงๆ อย่าเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือเหม่อลอยขณะที่คนอื่นพูด สบตาผู้พูดและพยักหน้าให้เป็นบางครั้งบางคราวเพื่อให้ผู้ฟังรู้ว่าเรากำลังฟังเขาอยู่ พยายามนึกภาพเหตุการณ์ วัตถุ หรือผู้คนตามที่ผู้พูดอธิบายไปด้วย
  2. เริ่มพูดคุยกับผู้คนใหม่ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาส. การได้มุมมองที่หลากหลายสามารถช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ในมุมมองใหม่และเติบโตมากขึ้น พยายามหาโอกาสพูดคุยกับผู้คนซึ่งมีพื้นเพหรือความเชื่อต่างจากเรา [7]
    • ตัวอย่างเช่น นั่งกับคนที่ปกติเรามักจะไม่ได้คุยด้วยระหว่างพักรับประทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน
    • ปล่อยการสนทนาดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ อย่าเริ่มบทสนทนาด้วยการถามเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาหรือการเมืองทันที พยายามทำความรู้จักด้วยการถามว่า "คุณเป็นคนจังหวัดอะไร" หรือ "คุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง"
    • มหาวิทยาลัยและองค์กรชุมชนบางแห่งจะมีการจัดงานเพื่อนำผู้คนที่มีพื้นเพและความเชื่อต่างกันมาอยู่รวมกัน เราอาจเข้าใช้บริการห้องสมุดมนุษย์ก็ได้ ที่นั่นมีผู้คนซึ่งมีพื้นเพที่แตกต่างกันมาอาสาเป็นหนังสือที่ให้เราได้ศึกษา เราสามารถ "ขอยืม" หนังสือที่เป็นมนุษย์เหล่านี้เพื่อพบปะพูดคุยกับพวกเขาได้ ห้องสมุดมนุษย์จะช่วยให้เราพบเจอผู้คนที่หลากหลาย
  3. เราไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงจะได้พบสถานที่ใหม่ๆ แค่มองหาสถานที่ซึ่งผู้คนมีวิถีชีวิตแตกต่างจากเราก็พอ การหมั่นไปเยือนสถานที่ใหม่ๆ จะช่วยให้เราได้มองโลกในมุมที่ต่างออกไป [8]
    • การเดินทางไปเยือนต่างประเทศจะทำให้เราเข้าใจผู้คนที่มีความเชื่อแตกต่างจากเรามากขึ้น วางแผนไปท่องเที่ยวประเทศที่พูดภาษาแตกต่างจากเราและไม่มีคนบ้านเราไปอยู่อาศัยมากนัก การเรียนรู้ที่จะหาทางไปดินแดนใหม่ของโลกใบนี้โดยใช้วิธีการที่ต่างออกไปจากเดิมจะช่วยเปิดมุมมองของเราให้กว้างขึ้น
    • ถ้าเราไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศได้ อาจจะลองเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศแทนก็ได้ ถ้าเราอาศัยอยู่ในตัวเมือง ก็ไปตั้งแคมป์ที่อุทยานแห่งชาติสักสองสามวันก็ได้ ถ้าเราอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ลองเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อจะได้พบผู้คนใหม่ๆ ลองชิมอาหารที่ไม่เคยกิน และเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนที่แตกต่างไปจากเรา
  4. ไปเป็นอาสาสมัครให้กับองค์กรการกุศลหรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร. หาเวลาไปเป็นอาสาสมัครทำงานให้กับองค์กรที่จะทำให้เราได้พบผู้คนที่หลากหลายอย่างเช่น องค์กรบริจาคอาหารเพื่อการกุศล ศูนย์พักพิง หรือศูนย์เยาวชน การช่วยเหลือผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แตกต่างจากเราจะทำให้เราได้รู้ถึงความอยาก ความต้องการ และความฝันของผู้อื่นว่าเหมือนหรือแตกต่างจากเราอย่างไร [9]
    • ถ้าอยากได้ประสบการณ์สุดพิเศษจริงๆ อาจลองหางานเป็นอาสาสมัครที่ได้ท่องเที่ยวไปด้วยก็ได้ การไปร่วมท่องเที่ยวเชิงอาสาสมัคร หรือการหาเวลาสักวันหนึ่งไปเป็นอาสาสมัครในสถานที่ใหม่ๆ สามารถช่วยทำให้เรามีโอกาสรู้จักผู้คนใหม่ๆ และเปิดรับมุมมองที่แตกต่างได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ท้าทายความเชื่อของตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถามตนเองว่าเราเกิดความเชื่อแบบนี้ได้อย่างไร. ลองมาใคร่ครวญความเชื่อที่เรายึดถือและถามตนเองว่า "ฉันมีความเชื่อแบบนี้ได้ยังไง" นึกสิว่าใครเป็นสอนเราให้มีความเชื่อแบบนี้และประสบการณ์ชีวิตของเราก่อให้เกิดความเชื่อแบบนี้ได้อย่างไร [10]
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าเราได้รับการเลี้ยงดูมาให้เชื่อว่าการทำงานหนักคือสิ่งที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ ถามตนเองว่า "มีคนที่ทำงานหนักแต่ก็ยังมีชีวิตที่ยากลำบากหรือเปล่า นอกจากจริยธรรมในการทำงานของเราแล้วมีปัจจัยอื่นที่อาจมีผลต่อความสามารถในการประสบความสำเร็จไหม"
  2. พยายามพิจารณาสิ่งที่ตนเองคิดเมื่อไหร่ก็ตามที่ตั้งสมมติฐาน. การตั้งสมมติฐานเป็นส่วนหนึ่งของการคิดที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเราไม่ตรวจสอบสมมติฐานนั้น ก็อาจนำไปสู่การปิดกั้นความคิดได้ เมื่อเราพบคนที่ไม่รู้จักหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน จงพิจารณาสิ่งที่ตนเองคิด ถามตนเองว่าทำไมถึงคิดแบบนั้น [11]
    • ตัวอย่างเช่น เราไม่เคยกินพาสตาราดซอสโหระพามาก่อน เราก็เลยคิดว่าตนเองต้องไม่ชอบอาหารจานนี้แน่ ถามตนเองสิว่าทำไมถึงคิดว่าจะไม่ชอบพาสตาราดซอสโหระพา เพราะสีซอสเป็นสีเขียวเหรอ เพราะเราไม่ชอบกลิ่นเหรอ พอใคร่ครวญดีๆ แล้ว เรายังไม่สามารถหาเหตุผลดีๆ ที่จะเกลียดอาหารจานนี้ได้เลย ฉะนั้นลองกินพาสตาราดซอสโหระพาดูดีกว่า!
  3. ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อและมุมมองใหม่ๆ ทางอินเตอร์เน็ต. ใช้เวลาว่างสองสามนาทีค้นหาข้อมูลใหม่ๆ ค้นหาบทความ วีดีโอ และพอดแคสต์เกี่ยวกับหัวข้อทางวิชาการ เหตุการณ์ในปัจจุบัน ศาสนา และวัฒนธรรมนานาชาติ [12]
    • ตัวอย่างเช่น เริ่มค้นหาบทความใหม่ๆ เมื่อเรารอทำธุรกรรมที่ธนาคาร หรือฟังพอดแคสต์ช่วงนั่งรถเดินทางไปกลับโรงเรียนหรือที่ทำงาน
    • เราต้องค้นข้อมูลจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ ในอินเตอร์เน็ตจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดและไม่เที่ยงตรงอยู่มากมาย ฉะนั้นพยายามค้นข้อมูลจากบทความทางวิชาการ รายงานที่เผยแพร่โดยองค์กรภายนอกที่เป็นอิสระ และข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถืออย่างเช่น รัฐบาล มหาวิทยาลัย และสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง
  4. คิดหาเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงมีความคิดเห็นต่างจากเรา. เลือกหัวข้อที่ผู้คนมีความคิดเห็นแตกแยกกันเป็นสองฝ่ายและอ่านข่าวหรือฟังพอดแคสต์เกี่ยวกับหัวข้อนั้น มองหาแหล่งข้อมูลที่มีมุมมองแตกต่างจากเรา พยายามคิดถึงหัวข้อนั้นในมุมมองของคนอื่น [13]
    • สมมติว่าเราอยากเห็นค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ขณะที่เรากำลังค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราอาจได้มีโอกาสอ่านเรื่องเกี่ยวกับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่กลัวว่าค่าจ้างพนักงานที่เพิ่มขึ้นจะทำให้พวกเขาจำต้องปิดกิจการลง ถึงแม้เราอยากเห็นค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่พอมองในมุมของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแล้ว ก็จะเห็นว่าเป็นฝ่ายที่น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การท้าทายความเชื่อของตนเองไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเปลี่ยนแปลงความเชื่อของตนเอง แค่พยายามมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองอื่นๆ และทำความเข้าใจความคิดเห็นที่แตกต่างจากเรา บางทีเราอาจมองเห็นว่าความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน
  • การเผชิญหน้ากับ ความกลัว ช่วยให้เราเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น ถ้าเรากลัวความสูง ลองปีนเขาโดยใช้เส้นทางระดับผู้เริ่มต้นดู พอถึงยอดเขาแล้ว อย่าลืมบอกตนเองว่าเราปลอดภัยและชมทิวทัศน์ที่สวยงามจากบนนั้น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,272 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา