ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การพูดคุยเรื่องศาสนานั้นเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและช่วยเปิดใจของคุณให้กว้าง แต่ทั้งนี้ศาสนาก็เป็นหัวข้อที่คุณต้องเกริ่นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเราแต่ละคนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวต่อความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกัน เราจึงควรพูดคุยเรื่องศาสนาโดยอาศัยเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถถกเรื่องนี้กันบนพื้นฐานของความเคารพได้ บทความนี้จะมาตอบคำถามเกี่ยวกับการพูดคุยเรื่องศาสนาที่ถามกันเข้ามามากที่สุด ไม่ว่าคุณจะอยากศึกษาเกี่ยวกับศาสนาใดเป็นพิเศษ หรือคุณแค่อยากรู้ว่าเพื่อนนับถือศาสนาอะไร ให้ใช้บทความนี้เป็นแนวทางในการพูดคุยกันอย่างให้เกียรติและสร้างสรรค์ ไม่ว่าในบริบทใดก็ตาม

Question 1 ของ 7:

เราสามารถถามคนอื่นว่าเขานับถือศาสนาอะไรได้หรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ได้ แต่ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่าคนที่เราถามเขาสบายใจที่จะตอบ. ความสัมพันธ์ระหว่างคนเรากับสิ่งที่เขาศรัทธานั้นเป็นถือเป็นเรื่องส่วนตัวและสำคัญสำหรับแต่ละคน ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงศาสนาที่คนอื่นนับถือ อย่าถามเกี่ยวกับศาสนาของคนอื่นเพียงเพื่อล้อเลียนหรือชี้ข้อบกพร่อง [1]
    • เช่น ถ้าคุณอยากรู้เรื่องความเชื่อของเพื่อนที่เป็นชาวยิว ให้ถามก่อนว่าเขาสบายใจที่จะพูดเรื่องนี้กับคุณไหม ถามประมาณว่า “ฉันขอถามอะไรเกี่ยวกับศาสนาของเธอหน่อยได้มั้ย”
    • ถ้าเพื่อนบอกว่าได้ คุณก็สามารถถามต่อได้เรื่อยๆ แต่คำถามต้องมาจากความต้องการที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น ถ้าเพื่อนบอกว่าไม่ได้ ให้ตอบกลับไปทำนองว่า “ฉันเข้าใจ!” และอย่ากดดันให้เพื่อนเปลี่ยนใจ
    โฆษณา
Question 2 ของ 7:

เราจะแสดงความเคารพต่อศาสนาอื่นได้อย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเขามีระบบความเชื่อที่ไม่เหมือนคุณ อย่าเอาแต่พูดว่าอะไรที่ทำให้คุณสองคนแตกต่างกันหรือพูดถึงความคิดเห็นของคุณที่มีต่อศาสนาของเขา เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แล้วคุณอาจจะประหลาดใจที่ได้รู้ว่า คุณมีความเชื่อที่เหมือนกับคนที่นับถือคนละศาสนามากขนาดไหน [2]
  2. อ่านหนังสือและฟังพอดแคสต์เกี่ยวกับศาสนาต่างๆ ทั่วทั้งชุมชนของคุณและไกลกว่านั้น และคุณอาจจะลองอ่านคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ อย่างกว้างขวางด้วย วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้เปิดใจเกี่ยวกับศาสนา เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเองและผู้อื่น และพูดคุยเรื่องศาสนาจากมุมมองของผู้ที่มีการศึกษาได้มากขึ้น [3]
    • คุณอาจจะถึงขั้นเข้าร่วมกิจกรรมของศาสนาที่คุณไม่ได้นับถือเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม แน่นอนว่าถ้าจะให้ดีคุณควรโทรศัพท์ไปสอบถามล่วงหน้าว่า คนที่ไม่ได้นับถือศาสนานี้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้หรือไม่
    โฆษณา
Question 3 ของ 7:

เราสามารถพูดคุยเรื่องศาสนาที่โรงเรียนได้ไหม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ได้ แต่ต้องพูดคุยเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาเท่านั้นหากคุณเข้าเรียนหรือสอนที่โรงเรียนรัฐ. นักเรียนสามารถถกเถียงเรื่องศาสนาและเรียนรู้เพิ่มเติมได้เพื่อให้ตนเองเข้าใจโลกมากขึ้น พูดอีกอย่างคือเราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาผ่านมุมมองทางโลกได้เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ครูจึงไม่ได้รับอนุญาตให้สอนศาสนาเพื่อให้นักเรียนเข้าสู่ระบบความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง [4]
    • ถ้าคุณเป็นครู อย่าเรียกนักเรียนให้ตอบคำถามเกี่ยวกับศาสนาของเขา แม้ว่าคุณจะกำลังศึกษาเกี่ยวกับศาสนาที่นักเรียนของคุณนับถือ แต่อย่าขอให้เขาต้องพูดในฐานะตัวแทนของศาสนานั้นๆ เพราะคุณจะทำให้เขารู้สึกแปลกแยกต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น [5]
    • ถ้าคุณอยากพูดถึงศาสนาหรือสอนในห้องเรียน คุณต้องใช้เวลาพูดถึงแต่ละศาสนาเท่าๆ กันแทนที่จะเน้นแค่ความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่ง
  2. ได้ หากโรงเรียนของคุณเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันทางศาสนา. ในเรื่องของศาสนา โรงเรียนเอกชน เช่น โรงเรียนคาทอลิก จะใช้แนวทางที่ต่างจากโรงเรียนรัฐ เช่น โรงเรียนเอกชนในเครือศาสนาอนุญาตให้ครูสอนเกี่ยวกับศรัทธาในศาสนานั้นๆ และนำสวดมนต์ที่ไม่ใช่บทสวดของศาสนาพุทธได้ [6]
    โฆษณา
Question 4 ของ 7:

เราจะพูดคุยเรื่องศาสนาในที่ทำงานได้อย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและเกริ่นเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง. ถ้าคุณกำลังทำงานเข้ากะ นั่นไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะถามเพื่อนร่วมงานว่านับถือศาสนาอะไรหรือเริ่มโต้เถียงกันเรื่องศาสนา [7] แต่ก็มีช่วงเวลาที่เหมาะแก่การพูดคุยเรื่องศาสนาเช่นกัน เช่น ถ้าคุณสองคนกำลังพักและรู้ว่าวันหยุดทางศาสนากำลังจะมาถึง คุณก็สามารถพูดคุยเรื่องนี้ได้หากคุณทั้งคู่พร้อมที่จะเคารพและเปิดใจ [8]
    • อย่าซักไซ้เพื่อนร่วมงานหรือถามคำถามส่วนตัวหากเขานับถือคนละศาสนากับคุณ
    • ถ้าเพื่อนร่วมงานพูดถึงความเชื่อของเขาด้วยความเต็มใจ ปล่อยให้เขาพูดเรื่องนี้อย่างเต็มที่หากคุณสบายใจที่จะฟัง รับฟังสิ่งที่เขาพูดและอย่าเริ่มโต้แย้งหรือชี้ให้เห็นถึงระบบความเชื่อที่แตกต่างกัน เขาจะได้ไม่รู้สึกแปลกแยก
    • ลองทำสิ่งต่างๆ เช่น ส่งอีเมลวันหยุดทั่วทั้งบริษัทและตกแต่งสถานที่ทำงานที่สะท้อนความเชื่อของทุกศาสนา
  2. คุณไม่ควรถามอีกฝ่ายว่าเขานับถือศาสนาอะไรในระหว่างการสัมภาษณ์. คำถามประเภท "คุณนับถือศาสนาอะไร" หรือ "คุณเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญหรือไม่" นั้นถือว่าหยาบคายและละลาบละล้วง แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีกฎหมายบังคับห้ามมิให้บริษัทเลือกปฏิบัติเพราะความแตกต่างทางศาสนาก็ตาม [9]
    โฆษณา
Question 5 ของ 7:

เราจะพูดคุยกับคนรักเรื่องศาสนาได้อย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พูดตรงๆ ว่าสิ่งที่คุณนับถือสำคัญกับคุณอย่างไร. เมื่อคุณรักใครสักคน คุณอาจจะไม่อยากพูดคุยเรื่องที่คุณเห็นไม่ตรงกันเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่คุณต้องเข้าใจว่าวิธีนี้ไม่ได้ช่วยทำให้ความแตกต่างหายไป เพราะฉะนั้นการพูดคุยกันตรงๆ อย่างเปิดใจนั้นดีที่สุด [10]
    • คุณต้องแน่ใจและอธิบายให้คนรักเข้าใจว่าศาสนามีบทบาทต่อชีวิตของคุณอย่างไร ทั้งในแง่ของจิตวิญญาณและวัฒนธรรม
    • เช่น ถ้าคุณคิดว่าศาสนาคริสต์เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคุณ ให้พูดกับคนรักตรงๆ ว่าประเพณีและค่านิยมของศาสนาคริสต์สำคัญกับคุณอย่างไร แม้ว่าคนรักของคุณจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่พวกเขาก็ต้องเข้าใจชีวิตด้านนี้ของคุณเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและแน่นแฟ้น
    • คุณอาจจะชวนคนรักไปร่วมพิธีกรรมของศาสนาที่คุณนับถือ และถ้าคุณอยากเข้าใจสิ่งที่คนรักของคุณศรัทธาให้มากขึ้น ลองถามว่าคุณสามารถเข้าร่วมพิธีกรรมกับเขาได้ไหม หลังจากนั้นก็แลกเปลี่ยนมุมมองให้กันและกันฟัง [11]
  2. กำหนดว่าศาสนาจะมีบทบาทกับชีวิตของคุณอย่างไรหากคุณมีลูก. โดยเฉพาะหากคุณสองคนนับถือคนละศาสนา คุณก็อาจจะมีความคิดเกี่ยวกับวิธีการแนะนำให้ลูกๆ นับถือศาสนาที่แตกต่างกัน พูดคุยกันอย่างเปิดใจกับคนรักว่า คุณสองคนจะแนะนำให้ลูกๆ รู้จักกับศาสนาอย่างไร จะเลี้ยงดูพวกเขาบนพื้นฐานของศาสนาที่คุณนับถือร่วมกัน หรือให้ลูกๆ คุ้นเคยกับทั้งสองศาสนาในฐานะครอบครัวที่นับถือศาสนาต่างกัน [12]
    • เช่น หลายครอบครัวที่นับถือศาสนาต่างกันจะทำกิจกรรมในวันสำคัญของศาสนาต่างๆ เช่น คริสต์มาสและวันเข้าพรรษา ด้วยกัน [13]
    โฆษณา
Question 6 ของ 7:

เราจะอธิบายเรื่องศาสนาให้ลูกๆ ฟังได้อย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สอนพวกเขาเกี่ยวกับศรัทธาในศาสนาที่คุณนับถือ. ถ้าคุณนับถือศาสนา คุณก็น่าจะวางแผนถ่ายถอดความเชื่อให้ลูกๆ ของคุณ อธิบายความเชื่อและหลักคำสอนของศาสนาที่คุณนับถือให้พวกเขาฟัง และแนะแนวทางให้พวกเขาเข้าใจจุดประสงค์ของแต่ละประเพณี เช่น ในช่วงวันหยุดสำคัญทางศาสนา อธิบายความหมายที่แท้จริงที่เป็นที่มาของวันสำคัญนั้นๆ และอธิบายว่าเพราะอะไรเราจึงต้องทำกิจกรรมทางศาสนาในวันนี้ [14]
    • คุณอาจจะอ่านนิทานสำหรับเด็กที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาที่คุณนับถือให้พวกเขาฟังก่อนนอน ดูรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กที่เกี่ยวข้องกับศาสนา และพาพวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่เหมาะสมกับวัย
  2. เพื่อให้ลูกใจกว้างและเข้าใจระบบความเชื่อของคนอื่น อธิบายว่าในโลกนี้มีหลายศาสนา บอกให้พวกเขารู้ว่าแต่ละศาสนานั้นมีชุดความเชื่อและประเพณีที่แตกต่างกัน [15]
    • ลองอ่านหนังสือสำหรับเด็กเกี่ยวกับศาสนาต่างๆ ให้พวกเขาฟังก่อนนอน ดูรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กที่ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนาต่างๆ และเข้าร่วมกิจกรรมของศาสนาต่างๆ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้น [16]
    • สอนให้ลูกรู้จักศาสนาต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม ยูดาห์ และฮินดู
  3. ศาสนาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและกว้าง เพราะฉะนั้นเด็กเล็กอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด เมื่อพูดคุยเรื่องศาสนากับลูก ให้ฟังสิ่งที่เขาถามด้วยความเคารพและตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ [17]
    • ในขั้นตอนนี้คุณอาจต้องค้นคว้าเพื่อหาคำตอบในสิ่งที่คุณเองก็ตอบลูกไม่ได้! คิดเสียว่าเป็นโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกและได้อ่านเรื่องนี้ด้วยกัน
    โฆษณา
Question 7 ของ 7:

เราจะพูดถึงความแตกต่างทางศาสนาได้อย่างไร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคนที่คุณรู้จักนับถือคนละศาสนากับคุณ คุณต้องเคารพความเชื่อของเขา ลองอ่านเกี่ยวกับศาสนาของเขาเพื่อให้เข้าใจมุมมองของเขา แทนที่จะแค่อดทนกับความแตกต่าง ให้หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังระบบความเชื่อนั้นเพื่อให้ตัวเองเข้าใจมากขึ้นว่า ธรรมเนียมทางศาสนาเป็นสัญลักษณ์อะไรในชีวิตของเขา [18]
    • ถ้าเพื่อนของคุณเป็นมุสลิมและเขาต้องอดอาหารในช่วงรอมฎอน ให้หาเวลาศึกษาเกี่ยวกับความสำคัญทางจิตวิญญาณของการอดอาหารในศาสนาอิสลาม
  2. คุณไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาเดียวกันเพื่อเสริมสร้างมิตรภาพหรือความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับใครสักคน แต่คุณจำเป็นต้องเคารพมุมมองของเขา ถ้าคุณนับถือคนละศาสนา ให้พยายามพูดคุยเรื่องนี้บนพื้นฐานของความต้องการจะทำความเข้าใจ หรือไม่ก็เลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องนี้ไปเลย [19]
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,416 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา