ในบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่ “การออกเสียงภาษาอังกฤษแบบมาตรฐาน” หรือ (Received Pronunciation; RP) ซึ่งเป็นสำเนียงแบบอังกฤษโดยทั่วๆ ไปที่มักพูดกันในแถบตอนใต้ของประเทศอังกฤษ และนิยมใช้กันมากในหมู่ชนชั้นสูง จนมีคำเรียกสำเนียงลักษณะนี้ว่า “สำเนียงผู้ดีอังกฤษ” (the Queen's English) อย่างไรก็ตาม สำเนียงการพูดในแต่ละภูมิภาคก็แตกต่างกันไปทั้งประเทศอังกฤษ สกอตแลนด์ (Scotland) เวลส์ (Wales) ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) และสำเนียงท้องถิ่น ซึ่งการเลือกพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในการศึกษาสำเนียงนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การเรียนรู้มารยาทของชาวอังกฤษและนำมาใช้ในขณะที่พูดก็จะช่วยให้มีสำเนียงที่ตรงกับต้นฉบับมากยิ่งขึ้น การเรียนรู้การออกเสียงภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานจะมุ่งเน้นไปที่การออกเสียง (Pronunciation) เป็นหลัก ในขณะที่การศึกษาภาษามาตรฐาน (Standard language) จะมุ่งเน้นไปที่การใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง ใช้คำศัพท์และใช้ภาษาที่สุภาพมากกว่าปกติ
- ในบทความนี้จะถ่ายถอดเสียงภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการออกเสียงมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอน
-
สังเกตว่าคำบางคำออกเสียงเหมือนกับที่เขียนไว้. คำว่า “Herb” ควรจะอ่านออกเสียงด้วยเสียงเอช (H) คำว่า “Been” อ่านออกเสียงว่า "bean" (บีน) แทนที่จะเป็น "bin" (บิน) หรือ "ben" (เบ็น) สำหรับการออกเสียงภาษาอังกฤษแบบมาตรฐานนั้น คำว่า “Again” และ “Renaissance” จะออกเสียงว่า "a gain" (อะ-เกน) และ "run nay seance" (รัน-เนย์-ซีอ็องซ์) ด้วยเสียง “ai” (เอ) ในคำว่า “Pain” แต่ไม่ใช่คำว่า “Said” ส่วนคำที่ลงท้ายด้วย “Body” จะออกเสียงตามที่เขียน เช่น “anybody” ออกเสียงว่า “อนี-เบาะดี้” ไม่ใช่ “อนี-บัดดี้” แต่ให้ใช้เสียง “O” (โอ) สั้นๆ ตามแบบฉบับของการออกเสียงแบบอังกฤษ
-
สังเกตว่าจะไม่ออกเสียง “H” (เอช) ทุกคำ. อย่างเสียง “H” (เอช) ที่ออกเสียงในคำว่า “Herb” จะออกเสียงว่า "erb" (เอิร์บ) อย่างไรก็ตาม สำเนียงแบบอังกฤษส่วนใหญ่คำที่มีตัว “H” (เอช) เป็นพยัญชนะตัวแรกมักจะไม่ออกเสียง เช่นในสำเนียงอังกฤษทางตอนเหนือหรือสำเนียงของพวกค็อกนี่ เป็นต้น
-
คำว่า Been ออกเสียงว่า "bean" (บีน) ไม่ใช่ "bin" (บิน). ในการออกเสียงแบบอเมริกันมักจะออกเสียงว่า “บีน” ในการออกเสียงแบบอังกฤษ “บีน” เป็นการออกเสียงโดยทั่วไป แต่ก็มีการออกเสียงว่า “บิน” ในการสนทนาแบบไม่เป็นทางการที่ไม่นิยมเน้นเสียง (Stress)
-
สังเกตว่าคำที่มี 2 พยางค์หรือมากกว่านั้นอาจจะเป็นพยางค์พิเศษ. เช่นคำว่า “Road” มักจะออกเสียงว่า "rohd" (โรห์ด) แต่ในแถบเวลส์และชาวไอร์แลนด์เหนือบางคนจะออกเสียงว่า "ro.ord" (โร.อร์ด) บางคนก็อาจจากเรียกว่า "reh-uud" (เรห์-อูอ์)โฆษณา
-
ฟัง “เพลง” ภาษาอังกฤษ. สำเนียงและสำนวนนั้นมีความเป็นท่วงทำนองของตัวเอง ลองตั้งใจฟังสำเนียงและการเน้นเสียงของคนที่พูดภาษาอังกฤษแบบอังกฤษดู โดยโจนาธาน อีฟ (Sir Johnathan Ive) เป็นตัวอย่างที่ดี ลองฟังสำเนียงของเขาตอนพูดในงานของบริษัทแอปเปิล ลองดูว่าประโยคที่เขาพูดมักจะจบด้วยเสียงสูง เสียงปกติ หรือเสียงต่ำ ความแตกต่างของเสียงในประโยคมีการเปลี่ยนแปลงมากแต่ไหน มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างบริบทด้วยน้ำเสียงหรือไม่ ในการพูดแบบอังกฤษ โดยเฉพาะการออกเสียงอังกฤษแบบมาตรฐานนั้นมักจะมีน้ำเสียงที่หลากหลายน้อยกว่าการพูดแบบอเมริกัน และเนื้อเสียงจะต่ำลงเล็กน้อยเวลาจบประโยค อย่างไรก็ตาม สำเนียงในเมืองลิเวอร์พูลหรือทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษไม่ได้ใช้หลักแบบนี้
- ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “is he going to the STORE?” ก็จะพูดว่า "is he GOING to the store?" ประโยคคำถามจะมีเนื้อเสียงที่ต่ำลงแทนที่จะสูงขั้น (แต่แบบอเมริกันและออสเตรเลียนจะเป็นเสียงสูงขึ้นแทน)
-
เข้าหาคนอังกฤษแล้วให้เขาพูดให้ฟัง. เช่นประโยค "How now brown cow" และ "The rain in Spain stays mainly on the plain" แล้วลองสังเกตดูดีๆ สระที่ต้องห่อปากในคำเช่น “about” ของคนที่พูดในกรุงลอนดอน จะดูเรียบลงเมื่อออกจากปากของคนในไอร์แลนด์เหนือ
-
เข้าใจวัฒนธรรมของคนอังกฤษ ซึ่งก็คือไปอยู่ เดิน และพูดกับคนที่พูดภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ. วิธีนี้เป็นวิธีการเรียนรู้สำเนียงแบบอังกฤษที่รวดเร็วและแน่นอนที่สุด แล้วคุณจะพบว่าคุณสามารถพูดด้วยความแตกต่างที่ได้กล่าวถึงไปทั้งหมดนี้ได้ ลองทำอะไรก็ตามที่คนที่พูดภาษาอังกฤษแบบอังกฤษทำ ลองฟังข่าวจากบีบีซี (BBC) โดยสามารถฟังวิทยุหรือโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ หรือลองฟังเพลงที่คนอังกฤษร้อง หรือภาพยนตร์ที่มีคนอังกฤษเป็นตัวละครโฆษณา
เคล็ดลับ
- คุณยังสามารถชมเจ้าของชาแนลยูทูป (YouTuber) ที่เป็นคนอังกฤษได้ เช่น AmazingPhil, danisnotonfire, Zoella The Sidemen และอื่นๆ อีกมากมาย
- เช่นเดียวกับสำเนียง ให้ระวังการใช้คำหยาบ เช่น อย่าใช้คำว่า “lads” หรือ “blokes” กับผู้ชาย “birds” หรือ “lasses” (นิยมใช้ในแถบอังกฤษตอนเหนือและประเทศสก็อตแลนด์) กับผู้หญิง “loo” คือห้องส้วม แต่ “bathroom” เป็นห้องอาบน้ำ
- ไม่ว่าจะเป็นสำเนียงใดๆ ก็ตาม การฟังและเลียนแบบเจ้าของภาษาเป็นวิธีเรียนรู้ภาษาที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด จำไว้ว่าเมื่อคุณเป็นเด็ก คุณจะเรียนภาษาด้วยการฟังจากนั้นก็ทวนคำในขณะที่เลียนแบบสำเนียงไปด้วย
- การเรียนภาษาด้วยการฟังจากคนจริงๆ จะช่วยให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น สำเนียงอังกฤษแบบเป็นทางการสามารถฟังได้ที่สำนักข่าวบีบีซี ส่วนการพูดสำเนียงอังกฤษอย่างเป็นทางการจะเรียบและชัดเจนกว่าสำเนียงอเมริกัน แต่ความแตกต่างจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อมีการพูดผ่านโทรทัศน์หรือวิทยุ
- ช่องอื่นๆ ที่แนะนำก็จะมีช่องทีวีโอ (TVO) ซึ่งมีรายการของคนอังกฤษมากมาย
- สิ่งที่ควรจะได้ฟังคือการพูดของพระราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษในการเปิดประชุมรัฐสภา โดยพระองค์ท่านจะตรัสค่อนข้างยาว ซึ่งเหมาะแก่การสังเกตวิธีการพูดของพระองค์มากที่สุด แต่ระวังเอาไว้ว่า พระราชินีจะใช้สำเนียงของชนชั้นสูงค่อนข้างมาก และถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนภาษาราชวงศ์แล้วล่ะก็ หลีกเลี่ยงการฟังพระองค์จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะคนอังกฤษอาจจะรู้สึกถูกดูหมิ่นเมื่อชาวต่างชาติพูดด้วยสำเนียงของชนชั้นสูง
- จำไว้ว่าให้เรียนรู้สำเนียงเพียง 1 สำเนียงต่อครั้งเท่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน
- ในสหราชอาณาจักรก็มีสำเนียงที่แตกต่างกันไปนับร้อย ดังนั้น ให้จัดประเภทให้ดี เพราะ สำเนียงแบบอังกฤษอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป ไม่ว่าคุณจะไปที่ใดก็ได้ คุณจะพบว่ามีการออกเสียงที่ต่างออกไปมากมายจนคุณไม่อยากจะเชื่อเลยทีเดียว
- สร้างสรรค์เข้าไว้ และสนุกไปกับการเรียนรู้ ใช้ความรู้ใหม่ที่ได้แล้วออกไปสำรวจ ทดสอบสำเนียงแบบอังกฤษของคุณกับเพื่อนๆ พวกเขาจะบอกได้ว่าคุณทำได้ดีหรือไม่
- มีหลายพื้นที่ที่มีการใช้คำและมารยาทที่แตกต่างกันไป ให้ลองค้นหาในพจนานุกรมภาษาอังกฤษแบบอังกฤษเพื่อเรียนรู้ศัพท์เฉพาะพื้นที่ จำไว้ว่าไม่ได้มีแค่คำว่า tap/faucet, pavement/sidewalk ที่ต่างกับสำเนียงอเมริกัน ถ้าคุณพยายามนำคำและมารยาทพื้นบ้านไปใช้กับตัวเอง ในกรณีที่ดีที่สุดชาวบ้านก็จะมองว่าคุณเป็นคนตลกขบขัน ถ้าแย่ที่สุดพวกเขาก็จะมองว่าคุณน่าเอ็นดู
- ออกเสียงทุกอย่างให้ชัดเจนและหนักแน่นในทุกๆ คำ ดูให้ดีว่าคุณได้เว้นระยะห่างระหว่างคำ
- ไปเที่ยวที่สหราชอาณาจักรและลองฟังวิธีพูดของเขาจริงๆ
- ตอนที่เป็นเด็ก ความสามารถในการฟังความถี่เสียงที่แตกต่างกันได้ดี ทำให้คุณสามารถแยกแยะที่ออกเสียงได้เหมือนกับคนรอบๆ ตัว ในการเรียนสำเนียงใหม่ๆ ให้ได้ผลนั้น คุณต้องเพิ่มความสามารถการฟังของคุณด้วยการฟังตัวอย่างสำเนียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
- เมื่อคุณเรียนรู้เคล็ดลับและฟังเสียงสำเนียงอังกฤษได้แล้ว ให้ลองอ่านหนังสือในขณะที่อ่านเป็นภาษาถิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนุกและเป็นการฝึกฝนที่
- ในการฟังสำเนียงอังกฤษทางฝั่งตะวันออกนั้น ให้ลองดูละคร "EastEnders" และซิทคอม "Only Fools and Horses" ทางช่องบีบีซีดู คนส่วนใหญ่จะพูดแบบนี้ โดยเฉพาะชนชั้นทำงานที่อยู่ทางตะวันออกของกรุงลอนดอนและบางส่วนในเมืองเอสเซกซ์และเคนท์ แม้ว่าจะสังเกตได้ง่ายถ้าฟังจากปากคนแก่
- จำไว้ว่าสำเนียงของจูลี่ แอนดริวส์ (Julie Andrews) หรือ เอ็มม่า วัตสัน ((Emma Watson) นักแสดงที่เล่นเป็นเฮอร์ไมโอนี่ในภาพยนตร์ชุด "Harry Potter") นั้นแตกต่างกับเจมี่ โอลิเวอร์ (Jamie Oliver) และไซม่อน คาวล์ (Simon Cowell)
- ถ้าคุณรู้จักคนอังกฤษ ลองเรียนรู้จากสิ่งที่พวกเขาพูด
- อย่าพูดสำเนียงอังกฤษมากเกินไป เพราะบางคนที่รู้ว่าพื้นเพคุณเป็นอย่างไรจะมองว่าน่ารำคาญ
- ดูรายการโทรทัศน์ของอังกฤษและลองใช้คำใหม่ๆ ที่เรียนรู้มาพัฒนาคำศัพท์ของคุณ และการคอยสังเกตอยู่เสมอจะช่วยให้คุณออกเสียงสำเนียงอังกฤษได้ถูกต้องยิ่งขึ้น
- ถ้าคุณต้องการออกเสียงแบบอังกฤษจริงๆ ให้ลองมุ้งเน้นศึกษาภาษาถิ่นดู
- ออกเสียง “T” (ที) ให้ชัดเจน
- ดูภาพยนตร์เรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) และฟังวิธีการพูดของตัวละคร ตัวละครจะพูดสำเนียงอังกฤษที่ชักเจน แล้วลองแสร้งว่าเป็นตัวละครนั้นและเลียนแบบดู การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณพูดเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น
- ลองดูหรือฟังภาพยนตร์ฮอลลีวูดของอังกฤษหรือบีบีซีที่มีคำบรรยายภาพ เพื่อให้คุณเข้าใจสิ่งที่นักแสดงพูดได้มากยิ่งขึ้น การฝึกคำภาษาอังกฤษเหล่านี้จะช่วยให้สำเนียงอังกฤษของคุณดีขึ้นเรื่อยๆ
- ลองดูรายการโทรทัศน์ของอังกฤษ เช่น เชอร์ล็อค (Sherlock) ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่หาดูได้ที่ Netflix แล้วลองฟังดู หยุดแล้วย้อนไปดูประโยคนั้นๆ เรากำลังเรียนรู้ แต่นั่นให้เราได้มากกว่านั้น
คำเตือน
- อย่าคิดว่าคุณจะทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าคนอังกฤษที่แท้จริงจะรู้ว่าคุณกำลังแสร้งพูด แต่คนที่ไม่ใช่คนอังกฤษอาจจะยอมรับว่าคุณพูดได้จริง
- อย่ามั่นใจว่าคุณพูดสำเนียงอังกฤษได้ดี การเลียนแบบสำเนียงที่แท้จริงของเจ้าของภาษาเป็นสิ่งที่หาได้ยาก
สิ่งของที่ใช้
- โทรทัศน์
- เครื่องเล่นแผ่นดีวีดี