ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พร้อมแล้วหรือไม่ในการเริ่มต้นเส้นทางสู่การมีร่างกายที่ฟิตกว่าที่เคย? ความฟิตของร่างกายหมายถึงความสามารถของร่างกายในการทำหน้าที่ต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการที่คุณจะมีร่างกายที่ฟิตนั้นไม่ได้มาจากแค่ การออกกำลังกาย เท่านั้น แต่การดูแลรักษาทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงอยู่เสมอก็สำคัญไม่แพ้กัน มาเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยเคล็ดลับง่ายๆ จากบทความนี้เพื่อสุขภาพกายที่แข็งแรง จิตใจที่เป็นสุข และอายุที่ยืนยาว

1

เลือกออกกำลังกายแบบแอโรบิค

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การออกกำลังกายแบบแอโรบิคช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบไหลเวียนและระบบหายใจ. ระบบไหลเวียนและระบบหายใจทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปยังส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายรวมทั้งรับเอาของเสียไปขับออกนอกร่างกาย เพื่อส่งเสริมให้ทั้งสองระบบสมบูรณ์แข็งแรงและทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอซึ่งช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น เดิน วิ่ง หรือว่ายน้ำ ดังนั้นในทุกๆ วันคุณควรออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอสัก 20-30 นาที [1]
    • ให้คุณออกกำลังกายแบบแอโรบิคเพิ่มเติมจากการเคลื่อนไหวร่างกายตามปกติในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าคุณจะทำสวนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่คุณควรหาเวลาอีกสัก 20 นาทีเพื่อเดินเล่นหรือออกกำลังกายประเภทอื่นๆ
    • วิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คุณสามารถออกกำลังกายให้เป็นนิสัยได้คือเลือกวิธีการออกกำลังกายที่คุณรู้สึกชอบและสนุกไปกับมัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณชอบเตะฟุตบอล คุณอาจเข้าร่วมการแข่งขันกับทีมฟุตบอลในชุมชนและฝึกซ้อมในช่วงที่ไม่มีลงสนาม
    • การว่ายน้ำเป็นตัวเลือกการออกกำลังกายที่ดีที่สุดประเภทหนึ่ง เพราะเป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดตามข้อหรืออาการข้อต่อยึดติด [2]
    โฆษณา
2

สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แกนกลางลำตัวที่แข็งแรงช่วยป้องกันอาการปวดหลังและทำให้การทรงตัวดีขึ้นเมื่อคุณอายุเพิ่มขึ้น. เพิ่มการฝึกกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวลงในตารางออกกำลังกายของคุณอย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อในส่วนแกนกลางลำตัว [3] คุณสามารถบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวได้ด้วยท่าง่ายๆ เช่น ครันช์หรือแพลงก์ หรือจะลองฝึกโยคะหรือพิลาทิสก็ได้เช่นกัน
    • การฝึกศิลปะการต่อสู้แบบจีนอย่างมวยไทเก๊กเป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ไม่เพียงสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการทรงตัวไปพร้อมกับการฝึกสมาธิให้เกิดจิตตั้งมั่นอีกด้วย คุณสามารถลองฝึกไทเก๊กได้ตามคลิปวิดีโอจากอินเทอร์เน็ต [4]
3

ยกน้ำหนักที่เบาเพื่อเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กล้ามเนื้อที่ทนทานมีความสามารถในการหดตัวซ้ำๆ ได้ต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า. การฝึกกล้ามเนื้อด้วยน้ำหนักที่เบาแต่จำนวนครั้งต่อเซ็ตเยอะๆ จะช่วยเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ เริ่มจากการใช้น้ำหนักที่กล้ามเนื้อของคุณออกแรงยกได้ 10-12 ครั้งแล้วหมดแรงพอดี รวมทั้งยกน้ำหนักด้วยฟอร์มที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากการฝึกเต็มที่และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ [5]
    • เพิ่มพัฒนาการของกล้ามเนื้อด้วยการปรับเพิ่มน้ำหนักที่ใช้ขึ้นไปทีละน้อย หากคุณฝึกด้วยน้ำหนักเท่าเดิมไปเรื่อยๆ ประโยชน์ที่ได้จากการฝึกจะไม่เท่าเดิมหลังผ่านไปสักระยะหนึ่ง
    โฆษณา
4

เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยยกน้ำหนักที่หนัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บริหารกลุ่มกล้ามเนื้อแตกต่างกันไปในการฝึกแต่ละครั้งเพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อครบทุกส่วน. ในขณะที่การฝึกด้วยน้ำหนักที่เบาจะช่วยเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ การฝึกด้วยจำนวนครั้งที่น้อยลงแต่ใช้น้ำหนักที่หนักขึ้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของคุณ เริ่มจากการใช้น้ำหนักที่น้อยที่สุดที่กล้ามเนื้อของคุณจะหมดแรงหลังออกแรงยกได้ 2-5 ครั้งและค่อยๆ ปรับเพิ่มน้ำหนักที่ใช้ขึ้นไปทีละน้อย [6]
    • หลังการฝึกกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ให้คุณเว้นช่วงให้กล้ามเนื้อได้พักอย่างน้อย 48 ชั่วโมง จัดตารางฝึกกล้ามเนื้อต่อสัปดาห์ของคุณให้เหมาะสม
    • ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงที่
5

ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การยืดเหยียดกล้ามเนื้อช่วยเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่างๆ ได้. ความยืดหยุ่น เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญต่อสมรรถภาพทางกายของคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณอายุเพิ่มขึ้น [7] นอกจากนี้ตามหลักแล้วทั้งการออกกำลังการทั้งแบบแอโรบิคและแบบฝึกกล้ามเนื้อต่างส่งผลให้กล้ามเนื้อของคุณหดเกร็งและตึง ดังนั้นอย่าลืมยืดเหยียดกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน [8]
    • ลองเริ่มต้นจากการฝึก โยคะ เบื้องต้นเพื่อเสริมความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อของคุณ หลังจากที่คุณเริ่มทำท่าโยคะง่ายๆ ได้บ้างแล้ว คุณสามารถใช้ท่าเหล่านี้สำหรับการวอร์มอัพและคูลดาวน์หลังการออกกำลังกายได้
    • หายใจเข้าออกลึกๆ เป็นจังหวะตามปกติในระหว่างการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หากคุณรู้สึกเจ็บหรือตึงขึ้นมาให้หยุดโดยทันที จำไว้ว่าการยืดเหยียดกล้ามเนื้อไม่ควรทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บ
    โฆษณา
6

เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โภชนาการที่เหมาะสมช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีพร้อมทั้งส่งเสริมการทำงานของสมอง. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนไขมันต่ำ หรือไขมันดี นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาพบว่าการทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเป็นหนึ่งในรูปแบบการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่สุดรูปแบบหนึ่ง [9]
    • การควบคุมปริมาณอาหารก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน แม้ว่าจะมีอาหารบางอย่างที่คุณจะสามารถทานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณ แต่คุณควรพยายามฝึกให้ตัวเองทานอาหารแต่ละมื้อในปริมาณที่พอเหมาะและไม่ตักอาหารเพิ่มรอบสองจนติดเป็นนิสัย
    • ทานอาหารฟาสต์ฟู้ดและอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงแต่พอดี อาหารประเภทนี้อาจทานได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ควรทานเป็นประจำเพราะอาจมีโทษต่อร่างกาย
7

จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แอลกอฮอล์และสารเสพติดอาจเป็นอันตรายทั้งต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต. การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพของคุณและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณอายุมากขี้น ในขณะที่การใช้สารเสพติดมากเกินไปหรือผิดวิธีก็ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพเช่นกันทั้งยังอาจนำไปสู่การเกิดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าอีกด้วย หากคุณดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ พยายามค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มลงทีละน้อย [10]
    • จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ไม่ให้เกิน 1-2 ดื่มมาตรฐานใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากคุณไม่สามารถบังคับใจตัวเองให้ดื่มเพียงนิดเดียวได้ คุณอาจตัดสินใจ เลิกเหล้า อย่างเด็ดขาด
    • หากคุณสูบบุหรี่ ลองหาวิธีให้ตัวเอง เลิกขาดจากบุหรี่ ให้ได้ การเลิกบุหรี่ทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นพร้อมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอด นอกจากนี้ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลิกบุหรี่สามารถยืดอายุขัยของคุณให้ยืนยาวขึ้นได้อีกด้วย
    โฆษณา
8

ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การดื่มน้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเมื่อคุณต้องการเติมน้ำให้กับร่างกาย. แต่ละส่วนในร่างกายของคนเราต่างต้องการน้ำไปใช้เพื่อให้สามารถทำงานได้เป็นปกติ แม้ว่าร่างกายของคุณจะได้รับน้ำจากอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ที่ทานในระหว่างวัน แต่แน่นอนว่าก็ไม่สามารถทดแทนการดื่มน้ำเปล่าได้ เพราะร่างกายสามารถนำไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า [11]
    • แต่ละคนมีความต้องการน้ำในปริมาณที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดร่างกายและระดับกิจกรรมทางกาย
    • ปัสสาวะสามารถบ่งบอกถึงปริมาณน้ำในร่างกายได้ หากปัสสาวะของคุณเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีส้ม แสดงว่าร่างกายของคุณต้องการน้ำมากขึ้น
    • ดื่มน้ำทั้งก่อน ระหว่าง และหลังออกกำลังกายเสมอเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปกับเหงื่อจากการออกกำลังกาย
    • พกขวดน้ำติดตัวไว้เพื่อให้คุณสามารถหยิบขึ้นมาดื่มได้ตลอดเวลา วิธีนี้จะคอยกระตุ้นเตือนให้คุณหมั่นจิบน้ำเรื่อยๆ ในระหว่างวัน
9

ขยับร่างกายบ่อยๆ ในระหว่างวัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในระหว่างวันให้คุณพยายามเคลื่อนไหวร่างกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง. พฤติกรรมเนือยนิ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อสมรรถภาพทางกายของคุณ และแม้ว่าคุณจะออกกำลังกายเป็นประจำ แต่คุณอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายอย่างเต็มที่หากคุณใช้เวลาที่เหลือไปกับการนั่งๆ นอนๆ โดยแทบไม่ลุกขึ้นมาขยับร่างกาย ไม่ต้องกังวล คุณสามารถเคลื่อนไหวร่างกายจากการทำกิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น: [12]
    • เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์
    • ดูแลสวน ตัดแต่งต้นไม้ ตัดหญ้า หรือกวาดใบไม้
    • จัดสิ่งของในบ้านให้เป็นระเบียบ
    • ล้างรถหรือเคลือบเงารถเองด้วยมือ
    • เดินทางไปไหนมาไหนด้วยการเดินแทนการขับรถ
    โฆษณา
10

นอนหลับ 7-9 ชั่วโมงทุกคืน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การนอนหลับอย่างเพียงพอมีส่วนช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ. การกำหนดตารางการนอนให้มีความสม่ำเสมอจะช่วยส่งเสริมให้คุณมีสมรรถภาพทางกายที่ดี ก่อนเข้านอนสัก 1 ชั่วโมง ให้คุณผ่อนคลายตัวเองด้วยการงดใช้งานหน้าจอและหันไปอ่านหนังสือหรือฟังเพลงสบายๆ แทน รวมทั้งพยายามเข้านอนให้เป็นเวลาทุกคืนและตื่นนอนในเวลาเดิมทุกเช้า การทำเช่นนี้จะช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพในร่างกายของคุณให้สมดุล คุณจึงรู้สึกง่วงเมื่อถึงเวลาเข้านอน [13]
    • สร้างสภาพแวดล้อมในห้องนอนให้มืดสนิทและเงียบสงบ การเปิดไฟหรือทีวีทิ้งไว้จะทำให้คุณนอนหลับได้ยากและหลับไม่สนิทเท่าที่ควร
    • หากคุณนอนไม่หลับ ลองลุกขึ้นมาทำกิจกรรมเบาๆ สักพักจนกระทั่งรู้สึกง่วงอีกครั้ง การพลิกตัวไปมาบนเตียงมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้น
    • ปรึกษาแพทย์หากคุณประสบปัญหาการนอนหลับซ้ำๆ โดยแพทย์ของคุณอาจให้การรักษาด้วยการใช้ยานอนหลับ
11

ใช้เวลากับเพื่อนและคนในครอบครัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การกระชับความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้แน่นแฟ้นส่งผลให้สุขภาพจิตของคุณดีตามไปด้วย. อารมณ์และความเครียดมีผลอย่างมากต่อภาวะสุขภาพของคุณ และยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสมรรถภาพทางกายที่หลายคนมองข้ามไป การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างช่วยให้คุณพ้นจากความเหงาและความโดดเดี่ยวซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพอื่นๆ [14]
    • การได้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ได้ขยับร่างกายร่วมกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวเหมือนเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว การมีคนทำอะไรร่วมกันสามารถสร้างแรงจูงใจให้คุณได้อย่างดี
    • งานอดิเรกเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง การใช้เวลาทำงานอดิเรกร่วมกับผู้อื่นช่วยให้คุณได้ผูกมิตรและสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้าง
    โฆษณา
12

เข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละครั้ง. การเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากแพทย์ของคุณอาจตรวจพบสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ หากคุณป่วยด้วยโรคเรื้อรัง คุณอาจจำเป็นต้องไปพบแพทย์ (หรือแพทย์เฉพาะทาง) บ่อยขึ้น [15]
    • การเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณรู้สึกคุ้นเคยกับแพทย์ของคุณและสบายใจที่จะขอคำปรึกษามากขึ้น

คำเตือน

  • ปรึกษาแพทย์ของคุณเสมอก่อนเริ่มโปรแกรมทางโภชนาการหรือโปรแกรมการออกกำลังกายใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณป่วยด้วยโรคเรื้อรัง [16]
  • สมรรถภาพทางกายของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อย่างอายุ เพศ และกรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือควบคุมได้ [17]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 425 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา