ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

น้ำหนักเพิ่มได้เป็นเรื่องธรรมชาติ จริงๆ แล้วมีหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ด้วย ว่าคนเรามักน้ำหนักลดลงช่วงวันธรรมดา แล้วมาเพิ่มขึ้นตอนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์แทน [1] แต่บางทีน้ำหนักไม่ได้เพิ่มขึ้นพอน่ารักน่ะสิ แต่ถึงขั้นทำเอารูปร่างหน้าตาเปลี่ยนจนเสียเซลฟ์ แฟนเขาจะคิดยังไงที่อยู่ๆ เราก็บวมฉุขึ้นมาซะงั้น ส่วนใครยังไม่มีแฟนหรือกำลังดูใจกันอยู่นี่ปัญหาระดับชาติเลยนะ ถ้าช่วงนี้ปล่อยตัวจ้ำม่ำไปหน่อยจนไม่ค่อยกล้าสู้หน้าใคร บอกเลยว่าชีวิตเปลี่ยนได้แค่เลิกมองตัวเองในแง่ลบก่อนเลย จากนั้นเราค่อยมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสริมสร้างรูปร่างและสุขภาพอันดีต่อไป คราวนี้ล่ะมั่นใจไม่มีใครเทียม

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เงียบไปเลยความคิดแง่ลบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บอกเลยว่าอะไรที่คุณคิดซ้ำๆ ตลอดวัน จะส่งผลอย่างรุนแรงต่ออารมณ์ของคุณ ถ้าคุณกังวล ไม่มั่นใจเรื่องน้ำหนักของตัวเอง ส่วนใหญ่มักไม่ใช่เพราะคำพูดของคนอื่น แต่เป็นเพราะคุณเครียดว่าตัวเองอ้วนขึ้นนี่แหละ
    • เรื่องที่คุณกังวลอาจเป็นเรื่องปกติทั่วไปอย่าง "ต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จแล้ว" แต่บางทีก็เป็นเรื่องดูถูกตัวเองหรือชวนหดหู่อย่าง "เรานี่โคตรอ้วนเลย น่าจะไปสิงอยู่ที่ฟิตเนสทั้งวัน" [2]
  2. พอรู้ตัวแล้วว่าความคิดของคุณนั่นแหละทำตัวเองจิตตก ก็ถึงเวลาจัดระเบียบความคิดรกสมองพวกนี้ซะที บอกเลยว่าความคิดแง่ลบนั้นรังแต่จะเพิ่มพูน แถมนานวันเข้าคุณเองจะทำให้มันกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา คุณต้องชิงตัดไฟแต่ต้นลมซะก่อน โดยมีสติ รู้เท่าทันความคิดตัวเอง
    • ลองใช้เวลาสัก 2 - 3 นาทีต่อวันสำรวจความคิดที่คุณมีต่อตัวเองดู โดยเฉพาะเรื่องรูปร่างหน้าตา อาจจะตอนแต่งตัวหน้ากระจกหรือตอนทำข้าวเช้าก็ได้
    • คุณมองตัวเองว่าเป็นคนยังไง เห็นตัวเองแล้วรู้สึกดีชวนมีกำลังใจ หรือคลื่นไส้แค่นึกถึงไขมันตามตัวขึ้นมา?
  3. จะเลิกคิดแย่ๆ กับตัวเองได้คุณต้องหาอะไรมา "แย้ง" พวกเรื่องที่หดหู่เกินจริงหรือคิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์ขึ้นมา อย่างถ้าคุณคิดว่าตัวเองอ้วนจน "น่าจะไปสิงอยู่ที่ฟิตเนสทั้งวัน" ก็ให้แย้งกลับโดย
    • เอาความจริงมาสู้: มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุนหรือต่อต้านความคิดนั้นได้บ้าง? อย่างความคิดที่เรายกมาก็เป็นเรื่องที่สุดโต่งเกินไป คุณมีงานมีการต้องทำ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะหมกตัวออกกำลังกายอยู่ในฟิตเนสทั้งวัน แต่ถ้าอยากได้หลักฐานโต้กลับแบบแน่นๆ ก็ให้ลองคิดว่าการออกกำลังกายทั้งวันมันหักโหมเกินไป ร่างกายอาจบาดเจ็บหรือเหนื่อยล้าจนลดน้ำหนักยากกว่าเดิม การออกกำลังกายแบบสุดโต่งเกินไปไม่ช่วยอะไรหรอก
    • เน้นแก้ปัญหา: คิดแบบนี้แล้วช่วยให้เราผอมได้ไหม? ไม่เลย การที่คุณคิดเครียดว่าทำไมไม่ทำอย่างงั้นอย่างงี้ เท่ากับคุณกำลังลงโทษตัวเองอยู่ต่างหาก ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่ความคิดที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดก็คือความคิดอย่าง "วันนี้จะเริ่มออกกำลังกายเป็นวันแรก เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะแวะไปฟิตเนสเลย"
  4. แทนที่จะหมกมุ่นคิดเรื่องชวนตัวเองหดหู่แบบแผ่นเสียงตกร่อง ให้หันมาตั้งเป้าหมาย คิดแต่เรื่องบวกที่เปลี่ยนชีวิตได้ดีกว่า
    • เช่น แทนที่จะคิดว่า "เรานี่โคตรอ้วนเลย น่าจะไปสิงอยู่ที่ฟิตเนสทั้งวัน" ก็ให้ลองเขียนพวกข้อความให้กำลังใจตัวเองใส่โพสต์อิทไปแปะหน้ากระจกแทน (หรือแปะที่กระเป๋าหรือในรถก็ได้) คำที่ว่าก็เช่น "เรานี่สวย สตรอง แถมน้ำใจงาม" ระหว่างวัน พอคุณเหลือบมาเห็นข้อความนี้บ่อยๆ คุณจะรู้สึกมั่นใจจนทำตัวแบบนั้นจริงๆ แทนที่จะเสียความมั่นใจเพราะความคิดบั่นทอน [3]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

อ้วนอย่างมั่นใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คิดซะว่ากำลังทำลิสต์คุณลักษณะส่วนตัวที่คิดเมื่อไหร่ชวนภูมิใจ รู้สึกดีไปทั้งวัน คุณโต้กลับความคิดบั่นทอนกำลังใจได้ง่ายๆ แค่คิดแล้วเขียนสิ่งดีๆ ที่เคยมีคนชมคุณ หรือเรื่องที่คุณภูมิใจในตัวเองก็ได้ [4]
    • จะเป็นรูปร่างหน้าตาก็ได้ อย่าง "ตาฉันสวยเว่อร์" หรือ "ฉันแต่งตัวเก่ง ไปไหนก็เริ่ดทุกงาน" ไม่งั้นก็บุคลิกลักษณะของคุณ อย่างเป็นผู้ฟังที่ดี หรือพร้อมช่วยเสมอเวลาคนอื่นเดือดร้อน
    • พอเขียนออกมาได้แล้ว ก็เอาคำชมที่เคยได้ยินจากคนอื่นมาเป็นกองหนุน อะไรคือข้อดีที่คนอื่นเคยชื่นชมคุณ?
    • อ่านลิสต์นี้บ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ
  2. ใช้เวลาและพลังงานไปกับคนที่เขาทำให้คุณรู้สึกดี จะเป็นเพื่อนแค่คนสองคน หรือเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่คอยให้กำลังใจกันก็ได้ ขอแค่นัดเจอหรือโทรคุยกันบ่อยๆ ให้ได้รู้สึกดีกับตัวเองก็พอ [5]
  3. แต่ละยุค คนเราก็มีรูปร่างหน้าตาที่ว่าสวยดึงดูดใจแตกต่างกันไป อย่างเมื่อหลายสิบปีก่อน ดาราหญิงถ้าจะให้ปังทั้งจอแก้วจอเงินต้องหุ่นอวบแน่น ไม่ต้องสูงชะลูด ขอแค่โค้งเว้าชัดเจน อย่าง มาริลิน มอนโร ไง แต่สมัยนี้ต้อง "ก้านยาว" ผอมสูงเท่านั้น แน่นอนว่ารู้ไปคุณก็เปลี่ยนโครงสร้างที่พ่อแม่ให้มาไม่ได้ แต่อย่างน้อยคุณก็เลือกได้ ที่จะไม่ยอมตกเป็นทาสสื่อ จนโหยหาแต่หุ่นนางแบบ พาลคิดว่าตัวเองดูน่าเกลียดไปซะหมด [6]
    • อย่าไปเทียบตัวเองกับดารานางแบบตามแมกกาซีนหรือทีวีสิ อย่าเอาแต่วิ่งตามภาพมายาสุดโต่งแบบนั้น ที่ดีไม่ดีก็แค่รูปที่ถูก Photoshop เท่านั้นแหละ ลองหันมาดูคนใกล้ตัวดีกว่า ว่าใครที่เป็นคนธรรมดาเดินดินแต่แสนจะมั่นใจในทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะอ้วน เตี้ย ผอม หรือสูงก็ตาม เจอแล้วก็ยึดเขาเป็นไอดอลเลย
  4. อ้วนขึ้นนิดหน่อยไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเกลียดตัวเอง คุณก็ยังไปเรียนไปทำงานได้ตามปกติไม่ใช่เหรอ อ้วนก็กอดพ่อกอดแม่ วิ่งเล่นกับน้องหมาน้องแมวได้ แค่รับตัวเองในปัจจุบันให้ได้แล้วคิดหาทางพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นดีกว่า
    • รักตัวเองให้มากขึ้นโดยเริ่มจากกำจัดความคิดบั่นทอนใจ ต่อมาก็คือกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายบ้าง แล้วหัดดูแลตัวเอง รักสวยรักงามบ้าง อย่างไปนวด หรืองีบให้สมองและร่างกายสดชื่น [7]
  5. มีหลายอย่างที่ส่งผลต่อความต้องการทางเพศของคุณ แต่บอกเลยว่าถ้าคุณเองยังรังเกียจตัวเอง รับรองว่าคราวนี้อาจถึงขั้นเซ็กส์เสื่อมกันเลยทีเดียว แต่มีบางงานวิจัยที่แสดงให้เห็นเหมือนกัน ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ทำฮอร์โมนคุณผิดปกติได้ จนกระทบอารมณ์ทางเพศของคุณขึ้นมา [8]
    • จะแก้อาการเซ็กส์เสื่อมได้ต้องโป๊แบบสบายใจได้ซะก่อน ก่อนหรือหลังอาบน้ำให้คุณลองเดินไปเดินมาแบบไร้เสื้อผ้าดู พินิจพิจารณาร่างกายตัวเองในกระจกด้วย สนใจจุดอื่นที่ไม่ใช่ต้นขากับหน้าท้องบ้าง ถ้าทำแบบนี้บ่อยๆ คุณก็จะคลายความกังวลเวลาต้องถอดผ้าทำกิจกรรมในร่มไปเอง
    • อีกวิธีที่เสริมสร้างความมั่นใจทางเพศให้คุณได้หลังน้ำหนักเพิ่ม ก็คือต้องรู้จักมีความสุขด้วยตัวเองก่อน ลองลูบไล้ตามตัวแบบที่คิดว่าคนรู้ใจเขาน่าจะทำดู ไอ้การทดลองนิดๆ หน่อยๆ แบบนี้แหละที่จะทำให้คุณเจอจุดสร้างความสุข กระตุ้นอารมณ์ได้แถมเสริมสร้างความมั่นใจ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เจาะลึกสาเหตุเพิ่มน้ำหนัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะรับมือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นได้ ต้องรู้ก่อนว่าอะไรทำให้น้ำหนักเพิ่มแต่แรก ลองคิดพิจารณาหาสาเหตุให้ดี แล้วค่อยลงมือแก้ไขกันต่อไป
    • ถ้าน้ำหนักเพิ่มเพราะโรคบางอย่าง ให้ลองไปตรวจร่างกายเพิ่มเติมกับคุณหมอ หรือพิจารณาเปลี่ยนยาที่ใช้ [9]
    • ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพราะคุณหายจากโรคการกินผิดปกติ (eating disorder) ก็ดีใจด้วย คุณเจ๋งมากเลยที่เปลี่ยนแปลงตัวเองจากคนเคยกลัวอ้วนขึ้นสมอง มาเพิ่มน้ำหนักเพื่อสุขภาพอันดีได้ บอกเลยว่านี่แหละก้าวแรกสู่ร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง ขอให้พยายามต่อไปนะ เราเอาใจช่วย [10]
    • ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังน้ำหนักเคยลดฮวบฮาบ นั่นก็เพราะคุณเคยอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักแบบเร่งรัด พอกลับมากินตามปกติมันก็เลยโยโย่ไงล่ะ [11] ทางที่ดีให้ลดแบบระยะยาวดีกว่า อย่ารีบร้อนหรือทรมานตัวเอง แค่กินอาหารครบหมู่ในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายควบคู่กันไปก็พอ
  2. อันนี้ก็แล้วแต่กรณี ลองตัดสินใจดูว่าคุณอยากจะลดน้ำหนักหรือยัง ถ้าตั้งใจแน่แล้ว ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อน ว่าลดน้ำหนักแบบสุขภาพดีน่ะต้องใช้เวลา โดยเฉพาะถ้าคุณอยากลดแล้วลดเลยไม่กลับไปอ้วนอีก ก็ต้องถึงขั้นปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในวันสองวันเลย [12] [13]
    • จัดทำแผนการลดน้ำหนักโดยปรึกษาคุณหมอหรือนักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการพิจารณาประวัติการรักษา ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายในการลดน้ำหนักของคุณ
  3. รู้ไว้ใช่ว่า 25% - 70% ของร่างกายคุณนั้นถูกกำหนดมาแล้วด้วยพันธุกรรม ถ้าคุณไม่ต้องทำอะไรก็ผอมมาตลอด แล้วอยู่ๆ ก็อ้วนขึ้นแสดงว่าเป็นเรื่องของพันธุกรรม เมื่อถึงวัยหนึ่ง พ่อแม่ ปู่ย่า หรือตายายของคุณก็คงเคยเป็นมาแล้วเหมือนกัน คุณต้องเข้าใจว่าโครงสร้างร่างกายของบางคนก็ไม่สามารถลดจนดูผอมเพรียวบางเหมือนอีกคนได้ ให้เน้นไปเรื่องฟิตแอนด์เฟิร์มดีกว่า อย่าไปคิดแต่เรื่องผอมบาง ไม่งั้นจะทำคุณเครียดพาลไม่ชอบตัวเองขึ้นมาเปล่าๆ [14]
  4. บางคนพออ้วนขึ้นก็ใส่เสื้อผ้าซะหลวมโคร่งเพื่อพรางรูปร่าง แต่บอกเลยว่าทำแบบนี้แล้วจะยิ่งไม่มั่นใจไปกว่าเดิม ให้ลองเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่พอดีกับตัวคุณดีกว่า (ไม่ใช่คับนะ แค่เข้ารูปหน่อย) รวมถึงหาเครื่องประดับต่างๆ มาเน้นจุดเด่นที่คุณภูมิใจ [15]
    โฆษณา

คำเตือน

  • เคล็ด (ไม่) ลับที่เราว่ามานี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ แต่ถ้าคุณมีโรคประจำตัวอย่างโรคซึมเศร้า อะนอเร็กเซีย หรือโรคทางจิตอื่นๆ ก็อย่าเพิ่งฝืนทำอะไรด้วยตัวเองเลย ลองปรึกษาคุณหมอก่อนดีกว่า
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,797 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา