ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ชีวิตที่รีบเร่งเหมือนหนูติดจั่นสุดท้ายแล้วจะทำลายสุขภาพและความสัมพันธ์ของคุณกับคนอื่นๆ ความกดดันที่จะต้องทำหน้าที่และไปให้ถึงความคาดหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ทำให้คุณปรารถนาที่จะมีชีวิตที่สงบสุขกว่านี้ เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนตารางเวลา จัดลำดับความสำคัญในชีวิตเสียใหม่ และเปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้านกายภาพ เท่านี้คุณก็มีชีวิตที่คุณปรารถนาได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนตารางเวลา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บางครั้งคุณก็เคยชินกับการทำทุกอย่างในระยะเวลาอันรวดเร็วจนคุณไม่ได้สังเกตว่าชีวิตคุณรีบเร่งขนาดไหน แค่การอ่านคำว่า “ช้าๆ หน่อย” ก็ช่วยให้คุณได้หยุดและสังเกตสิ่งต่างๆ ได้แล้ว เราพูดถึงขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกเพื่อที่คุณจะได้นึกถึงคำนี้ตลอดเวลาที่อ่านบทความนี้และหลังจากอ่านบทความนี้จบแล้วด้วย
    • อย่าทำหลายอย่างพร้อมๆ กัน การทำหลายอย่างพร้อมๆ กันจากที่เคยโด่งดังก็กลายเป็นเรื่องซ้ำซากไปแล้ว งานวิจัยชี้ว่าคุณภาพของสิ่งที่คุณทำจะลดลงเมื่อคุณพยายามจดจ่อกับงานหลายอย่างมากเกินไปพร้อมๆ กัน [1] แค่เพราะใครๆ เขาก็ทำกันไม่ได้หมายความว่าคุณก็ต้องทำด้วย
    • ในการหาจุดเริ่มต้นของการทำสิ่งต่างๆ พร้อมกันให้น้อยลงนั้น ให้กลับไปทำงานในปริมาณที่คุณสามารถทำได้ เป้าหมายของคุณคือการทำสิ่งต่างๆ ให้ดีเพื่อที่คุณจะได้รู้สึกดีไปกับความสำเร็จของคุณ
    • การ ไม่ทำอะไรเลย คือการทำ บางสิ่งบางอย่าง การไม่ทำอะไรเลยนั้นถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง หลายคนต้องต่อสู้กับการใช้เวลาเพื่อหยุดพักและปล่อยวางจากสิ่งที่ทำ แม้ว่าคุณจะพักสัก 5 นาทีโดยที่ไม่ทำอะไรเลย คุณก็ควรทำ
  2. ถ้าคุณมีภาระงานที่ต้องทำอยู่ในขณะนี้ ให้ทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งภารกิจหรือเหตุการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว อย่างไรก็ตามตั้งแต่นี้ไปให้คุณรับภาระงานน้อยลง คุณอาจจะฝืนใจในช่วงแรกๆ แต่ให้นึกถึงความตั้งใจที่จะทำให้ชีวิตของคุณเรียบง่าย ซึ่งจะทำให้เกิดความสงบสุข ให้เป้าหมายท้ายสุดของคุณทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจและไม่ให้คุณรู้สึกผิด
    • จำกัดจำนวนครั้งที่คุณจะตอบว่า “ได้ค่ะ/ครับ” ด้วยการขีดจำนวนครั้งลงไปในปฏิทิน ก่อนอื่นให้กำหนด “ระดับที่กำลังดี” ของคุณไว้ก่อนว่าภาระงานแค่ไหนที่คุณสามารถทำได้แบบสบายๆ ต่อมาให้ยึดจำนวนครั้งตามนั้น ไม่มีใครสามารถเป็นคนดีที่จะตอบว่า “ได้ค่ะ/ครับ” ได้ตลอด
    • เมื่อมีคนขอให้คุณเข้าร่วมกิจกรรมบางอย่าง อย่าเพิ่งรีบตอบ ให้หยุดคิดสักครู่เพื่อพิจารณาว่ากิจกรรมนี้จะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นไหม ถ้าไม่คุณอาจจะพูดว่า “ขอบคุณที่ชวนนะคะ แต่งานนี้ขอผ่านแล้วกันค่ะ”
    • พัฒนาความสามารถที่จะพูดว่า “ไม่” ด้วยการสื่อสารความตั้งใจของคุณ บางครั้งเราก็เจอคนที่ไม่ยอมรับคำตอบว่า “ไม่” ซึ่งนี่สัญญาณว่าคุณจะต้องเล่าข้อมูลให้อีกฝ่ายฟังมากขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อสร้างขอบเขตของคุณ [2] ลองพูดว่า “ขอบคุณนะคะที่คิดถึงฉัน แต่ตอนนี้ฉันกำลังเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตที่สำคัญกับตัวฉัน ครอบครัวของฉัน และสุขภาพของฉันจริงๆ เพราะฉะนั้นฉันต้องขอปฏิเสธนะคะ” คนๆ นั้นเขาน่าจะสนับสนุนการตัดสินใจของคุณ
  3. การบริโภคเพื่อให้เป็นจุดสนใจอาจเป็นคำที่ใช้อธิบายชีวิตของคุณได้ดี การบริโภคเพื่อให้เป็นจุดสนใจนั้นเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายและสิ้นเปลืองเพื่อให้คนอื่นเห็นระดับฐานะทางสังคมของคุณ [3] การทำให้ชีวิตเรียบง่ายจะตัดทอน “สิ่งพิเศษ” ที่คุณเคยชินลงอย่างฮวบฮาบ เป้าหมายคือการตัดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องรับภาระหนี้สิน
    • ถามตัวเองว่าคุณจำเป็นต้องมี iPad 3 หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ล่าสุด หรือขับรถไปซื้อกาแฟเจ้าดังวันละ 2 ครั้งจริงๆ ไหม แค่บอกตัวเองว่า “ไม่” แล้วพูดว่า “ใช่” เมื่อคุณถามตัวเองว่าอยากจะมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขขึ้นหรือเปล่า เมื่อคุณต้องตัดสินใจในแต่ละครั้ง คุณสามารถเลือกการตัดสินใจที่ดีได้
    • เติมเต็มชีวิตด้วยสิ่งที่เรียบง่ายด้วยการใช้เวลากับเพื่อนๆ กับธรรมชาติ หรือสร้างสิ่งใหม่ด้วยสองมือของคุณเอง รางวัลจากภายในจะเพิ่มแรงบันดาลใจและความพึงพอใจโดยรวมให้ชีวิตของคุณ [4]
  4. คนเราสร้างโลกของเราขึ้นมารอบตัวเราและเติมของเข้าไปในนั้น ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่เรียบง่าย สำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณและจัดการให้เป็นระเบียบ บ้านที่เป็นระเบียบคือบ้านที่ดีต่อชีวิต การกำจัดของส่วนเกินที่ไม่ใช้แล้วจะช่วยสะสางบ้านของคุณ อารมณ์ของคุณ และความคิดของคุณ [5] เมื่อโลกภายนอกของคุณปราศจากของระเกะระกะแล้ว โลกภายในของคุณก็จะไม่รกรุงรังไปด้วย
    • ใช้เวลาอย่างน้อย 10 นาทีต่อวันเพื่อจัดระเบียบสภาพแวดล้อมของคุณ
    • ใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์หรือวันหยุดทำโปรเจ็กต์ที่ใหญ่กว่า เช่น ทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก และที่จอดรถ
    • แบ่งสิ่งของออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เก็บ บริจาค และทิ้ง การบริจาคของที่ไม่ค่อยได้ใช้ให้แก่องค์การกุศลเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ใช้ประโยชน์จากของชิ้นนั้นและเป็นการสร้างงานให้แก่คนที่ทำหน้าที่ประสานงานการบริจาค การบริจาคในแต่ละครั้งคือการช่วยเหลือชุมชม ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองให้แก่คุณ [6]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

จัดลำดับความสำคัญในชีวิตเสียใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [7] ลองนึกถึงสิ่งที่คุณเห็นว่าสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการกระทำและท้ายที่สุดคือมีอิทธิพลต่อการสร้างตัวตนของคุณ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่มีค่า มันเป็นแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังในการตัดสินใจ การหาว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่ากับคุณอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็คุ้มค่ากับความพยายาม
    • ในการหาว่าอะไรคือสิ่งที่มีค่ากับคุณนั้น ให้นึกถึงช่วงเวลาในชีวิตที่คุณมีความสุขที่สุด ภาคภูมิใจที่สุด เติมเต็มที่สุด และพึงพอใจที่สุด เขียนรายการและระบุว่าคุณให้คุณค่ากับอะไรในสถานการณ์เหล่านั้น บางทีคุณอาจจะให้คุณค่ากับความคิดสร้างสรรค์ การผจญภัย ความภักดี และความอุตสาหะที่มาพร้อมกับสถานการณ์ต่างๆ คุณอาจจะตระหนักได้ว่าคุณให้คุณค่ากับครอบครัวมากที่สุด สิ่งเหล่านี้คือแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังที่มีผลต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ
    • ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่เรียบง่ายสงบสุข คุณก็อาจจะให้คุณค่ากับความสงบเงียบ ความเฉลียวฉลาด ความมั่นคง และสุขภาพ
  2. จัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับสิ่งที่คุณให้คุณค่า. เข้าร่วมกิจกรรมที่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณให้คุณค่าและความปรารถนาที่จะมีชีวิตเรียบง่าย ความรู้สึกของคุณจะเป็นตัวบ่งบอกว่ากิจกรรมที่คุณทำอยู่นั้นสอดคล้องกับสิ่งที่คุณให้คุณค่าหรือไม่ คุณจะรู้สึกพึงพอใจและอิ่มเอม แต่ถ้าเป็นกิจกรรมที่ขัดแย้งกับสิ่งที่คุณให้คุณค่า คุณก็จะรู้สึกตรงกันข้าม คุณจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีบางอย่างไม่ใช่และคุณก็ไม่มีความสุข
    • ปฏิเสธคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรมที่ขัดแย้งกับความต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของคุณ
    • ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า วิธีนี้ต้องอาศัยระเบียบวินัยและสมาธิ ซึ่งอาจเพิ่มได้ด้วยการเล่นโยคะ การออกกำลังกาย และอื่นๆ [8]
  3. การทำตามรูปแบบการแก้ไขปัญหาจะช่วยให้คุณเห็นโครงสร้างที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คุณมีความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุขอยู่ในใจ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ลงมือทำ ปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น และคอยตรวจสอบความก้าวหน้าแล้ว [9]
    • กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เป้าหมายอย่างหนึ่งของคุณอาจจะเป็นการกำหนดตารางเวลาและจดบันทึกการสะสางสิ่งของ การตรวจสอบตัวเองจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง [10]
    • เลือกวันที่จะเริ่มทำตามแผนและเริ่มลงมือทำ อย่าผัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เริ่มให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • รู้พัฒนาการและให้รางวัลตัวเอง ถ้าคุณทำตามเป้าหมายประจำวัน ประจำสัปดาห์ หรือประจำเดือนได้สำเร็จ ฉลองให้กับความสำเร็จของคุณ คุณอาจจะไปดูหนัง ไปเข้าร่วมงานกีฬา หรือปลูกต้นไม้เพื่อเป็นเกียรติแก่คนที่คุณชื่นชม การเสริมแรงทางบวกจะทำให้คุณมีแรงบันดาลใจที่จะทำตามแผนต่อไป
    • ถ้ากลยุทธ์ไหนไม่ได้ผล ให้เลิกใช้ หากลยุทธ์ใหม่และรวมเข้าไปในแผนการของคุณ อย่ามองว่าเป็นความล้มเหลว แต่ให้มองว่าเป็นการแก้ไขที่นำไปสู่เป้าหมายของคุณ
    • พฤติกรรมใหม่ของคุณจะสร้างขึ้นเมื่อผ่านไปสักระยะและจะกลายเป็นธรรมชาติที่สองของคุณ ขณะที่พฤติกรรมของคุณเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ คุณก็สามารถลดความเข้มงวดในการทำตามแผนได้ โดยที่ยังคงผลลัพธ์ที่ดีได้อยู่ [11]
  4. อย่าจมปลักกับเรื่องในอดีตหรือในอนาคตมากเกินไป จิตใจที่ล่องลอยคือจิตใจที่ไร้ความสุข [12] การทำความคิดให้เรียบง่ายคือการทำใจให้นิ่งเงียบและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำในขณะนั้น
    • ใช้การฝึกจินตนาการภาพเพื่อจินตนาการถึงสภาพแวดล้อมที่เรียบง่าย สงบสุขปราศจากความเครียด วิธีนี้จะช่วยทำให้ใจคุณสงบ
    • เข้าร่วมการสนทนาหรือออกกำลังกาย สองวิธีนี้คือวิธีอยู่กับปัจจุบันที่ได้ผลมากที่สุด [13]
  5. ประโยชน์จากการเขียนบันทึกขอบคุณนั้นได้แก่การนอนหลับที่ดีขึ้น สุขภาพที่ดีขึ้น และความสุขที่มากขึ้น ทั้งหมดนี้คือปัจจัยที่สร้างความสงบสุขในชีวิต สิ่งที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ประโยชน์จากการเขียนบันทึกขอบคุณสูงสุดคือ: [14]
    • เริ่มจากการตัดสินใจว่าจะเป็นคนที่มีความสุขและเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ มากกว่าเดิม
    • เขียนรายละเอียดของสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณมากกว่าจะเขียนเป็นประโยคธรรมดาทั่วไป
    • พยายามขอบคุณคนมากกว่าสิ่งของ
    • ลองนึกว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีสิ่งที่คุณสนใจอยู่ในนั้น วิธีนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณคิดถึงมุมมองของการขอบคุณเพิ่มเติม
    • อย่าลืมใส่เหตุการณ์ประหลาดใจที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนด้วย
    • อย่าเสียความตั้งใจที่จะเขียนด้วยการบังคับตัวเองให้เขียนทุกวัน บางทีการเขียนแค่สัปดาห์ละครั้งสองครั้งอาจจะกำลังดี
  6. ฝึกฝนการเห็นอกเห็นใจและการมีเมตตาต่อผู้อื่นเพื่อสร้างความสงบสุข. [15] ความสามารถในการเห็นคุณค่าความพยายามของคนอื่นนั้นเป็นทักษะสำคัญที่ต้องพัฒนา มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับบางคนแต่ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครอีกหลายคน คุณรู้ว่าคุณอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับคุณอย่างไร เพราะฉะนั้นใช้สิ่งนี้เป็นแนวทางเวลาที่คุณพยายามให้อภัยคนอื่น
    • ถ้าคุณอยากฝึกฝนการเห็นอกเห็นใจและการมีเมตตาต่อผู้อื่น ให้เริ่มจากการเข้าหาสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนๆ แล้วเสนอความช่วยเหลือในบางเรื่อง คุณอาจจะไปทำธุระให้เธอ หรือทำอะไรง่ายๆ อย่างช่วยยกของใช้ในบ้านที่เธอซื้อมาเข้าบ้านหรือรดน้ำต้นไม้ให้เธอ จุดประสงค์ของการทำเช่นนี้ก็คือ เพื่อให้คนอื่นรับรู้ถึงความรู้สึกและการกระทำที่คุณเห็นคุณค่าเมื่อมีคนทำอย่างเดียวกันให้กับคุณ
  7. เปลี่ยนจากความขุ่นเคืองเป็นการขอบคุณเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์. ความไม่สงบทั้งภายในและภายนอกของคนเรามักเกิดจากความขัดแย้งกับผู้อื่น อย่างที่เขาว่ากันว่า การยึดถือความไม่พอใจใครเอาไว้ก็เหมือนกับการดื่มยาพิษแล้วหวังว่าอีกคนจะตาย ความคิดเรื่องการขอบคุณจะช่วยทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจน้อยลงด้วย [16] เมื่อคุณรู้สึกไม่พอใจให้หยุดแล้วถามคำถามต่อไปนี้:
    • ฉันรู้สึกดีเวลาที่คิดถึงคนๆ นี้หรือเปล่า
    • ความรู้สึกที่เป็นลบช่วยฉันหรือทำให้ฉันเจ็บปวดกันแน่
    • ความคิดที่จะจองเวรคนๆ นั้นมีผลกับคนๆ นั้นจริงๆ หรือไม่
    • คำตอบที่ชัดเจนที่สุดของคำถามเหล่านี้ก็คือ ไม่ ไม่ และไม่ ต่อไปให้โต้ตอบความรู้สึกด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ ฉันรู้สึกดีที่ฉันปล่อยความไม่พอใจในตัวคนๆ นี้ออกไป การจดจ่อไปที่การเดินหน้าต่อไปช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันให้ความสนใจกับการพัฒนาชีวิตตัวเองมากกว่าจะจ้องทำลายชีวิตคนอื่น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เปลี่ยนแปลงโลกของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีประชากรหนาแน่น ก็อาจทำให้คุณเครียดมากเกินไป การเปลี่ยนบรรยากาศไปสู่สถานที่เงียบสงบจะทำให้คุณพยายามที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมากขึ้นไปอีก บ้านคือที่หลบภัยของคุณ
    • ถ้าคุณต้องอยู่ใกล้ๆ กับที่ๆ คุณอยู่ในปัจจุบัน ให้หาข้อมูลบ้านให้เช่าหรือซื้อที่สงบในบริเวณใกล้เคียง ผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์อาจช่วยคุณได้เป็นอย่างดี
    • ถ้าคุณอยากก้าวกระโดด ให้หาข้อมูลพื้นที่ๆ ไกลออกไปที่ให้ในสิ่งที่คุณต้องการได้ คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นและคิดบวกมากขึ้นกับการได้อยู่ใกล้อ่าว บนภูเขา หรือชั้นบนสุดของตึกระฟ้าที่สวยงาม
  2. บ้านจิ๋วย่อส่วนนี้มีทุกอย่างที่คุณต้องการและออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบแนวคิดน้อยแต่มากที่รักความสะดวกสบายในบ้านที่มีพื้นที่เล็กสุดๆ บ้านหลังนี้ถือเป็นอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งที่มีน้ำประปาและท่อระบายน้ำที่คุณสามารถเรียกมันว่าบ้านได้
    • การซื้อบ้านหลังน้อยที่ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ สงบสุข และใส่ใจสิ่งแวดล้อมอาจทำให้คุณไม่ต้องกู้เงินก้อนใหญ่มาซื้อบ้าน [17]
  3. หลายคนเป็นเจ้าของรถยนต์สุดหรูที่ค่าผ่อนชำระสูงเทียบเท่ากับการผ่อนบ้านหนึ่งหลัง วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะนำรายได้เสริมที่ต้องเอาไปจ่ายให้กับของชิ้นนี้ไปทำอย่างอื่นเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากภาระหนี้สิน
    • รถยนต์คันเล็กที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถพาคุณไปทุกที่ๆ คุณอยากไปและลดรอยเท้าคาร์บอนของคุณ มลพิษที่น้อยลงหมายถึงการมีชีวิตที่เรียบง่ายขึ้นและสะอาดขึ้น
    • ซื้อจักรยานแล้วขี่ไปทำงาน วิธีนี้เป็นการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมและคุณก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีที่จอดรถหรือไม่ด้วย
  4. ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการต้องไปทำงานที่คุณเกลียดทุกวัน ถ้าคุณพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้การทำงานเป็นเรื่องสนุกขึ้นแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผล การเปลี่ยนงานและ/หรืออาชีพอาจจะดีกับตัวคุณมากกว่า ถ้าคุณใช้เวลา 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ทำยอดขายให้ได้เกินโควตาจนคุณหมดเรี่ยวแรงและเครียด ก็คงถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายกว่าเดิมแล้ว
    • ขณะที่คุณกำลังทำตามแผน คุณอาจจะพบว่าคุณไม่จำเป็นต้องหาเงินได้มากขนาดนั้นเพื่อมาใช้จ่ายในวิถีชีวิตแบบใหม่นี้ วิธีนี้จะทำให้คุณมีอิสรภาพที่จะสำรวจทางเลือกอื่นๆ ที่อาจจะสอดคล้องกับเป้าหมาย คุณค่า และความสนใจของคุณมากกว่า
    • ติดต่อสำนักงานจัดหางานใกล้บ้าน หรืออาจจะหางานเองเพื่อสำรวจทางเลือกอื่นๆ และค้นหางานที่คุณอยากทำจริงๆ
  5. การให้ความสำคัญกับตัวเองและสุขภาพมาเป็นอันดับหนึ่งนั้นสำคัญต่อการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสงบสุข สร้างแนวทางดำเนินชีวิตไว้ยึดถือ ใช้ตารางเวลาและกิจวัตรรักษาสมดุลที่ดีระหว่างงาน ความบันเทิง และการเติมพลังให้ตัวเอง
    • วิธีนี้รวมไปถึงการวางแผนรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อเติมพลังงานให้แก่ร่างกายและทำให้คุณมีแรงที่จะทำตามแผนออกกำลังกายที่คุณวางไว้ คุณอาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการออกกำลังกายอยู่บ้าง แต่รับรองว่าคุณจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล [18]
    • ทำสมาธิและเติมพลังให้ตัวเอง แล้วคุณจะสนุกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น [19]
  6. พึ่งพาตนเอง ความสุขเป็นงานภายในและคุณก็มีหน้าที่สร้างมันด้วยตัวเอง คุณรู้ว่าอะไรทำให้คุณมีความสุข เพราะฉะนั้นเข้าร่วมกิจกรรมที่สะสมความรู้สึกดีๆ เอาไว้ ยิ่งคุณมีความรู้สึกดีๆ เก็บสะสมเอาไว้มากเท่าไหร่ คุณก็จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ง่ายขึ้นเท่านั้น คุณคนเดิมที่มีความสุขขึ้นจะทำให้สถานการณ์และความสัมพันธ์ต่างๆ ดีขึ้นได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ไม่มีคำว่าสายเกินไปถ้าคุณเต็มใจที่จะหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดการกับปัญหาของคุณ
  • การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้หากคุณเต็มใจที่จะทุ่มเทและหาทางจัดการกับปัญหาของคุณ
  • อดทนกับตัวเองและกระบวนการต่างๆ
  • เพื่อนๆ และครอบครัวอาจมีประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ในยามที่คุณกำลังพยายามทำให้ชีวิตดีขึ้น เพราะฉะนั้นให้รับความช่วยเหลือ
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณทรมานจากความเครียด โรคซึมเศร้าหรือความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคุณ ลองขอความช่วยเหลือจากนักบำบัด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 18,027 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา