ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การมีผิวพรรณเปล่งปลั่งเป็นสิ่งกระตุ้นความมั่นใจที่ดี แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ขึ้นเองเกิดตามธรรมชาติเสมอไป การปฏิบัติตามขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าอันได้แก่การทำความสะอาดและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์อย่างเคร่งครัดช่วยให้คุณมีผิวเปล่งปลั่งได้ก็จริง แต่การบำรุงผิวที่ถูกต้องมีอะไรมากกว่าแค่การล้างหน้า การสร้างและรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่งเกี่ยวข้องกับนิสัยประจำวันเป็นอย่างมาก และการควบคุมนิสัยเหล่านั้นจะช่วยให้คุณรักษาผิวพรรณอันเปล่งปลั่งนี้ให้อยู่กับคุณได้นานๆ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 4:

รู้จักประเภทผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผิวแบ่งออกเป็น 5 ประเภทได้แก่ ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา และผิวแพ้ง่าย คุณต้องรู้ว่าผิวของคุณจัดอยู่ในประเภทไหนก่อนดูแลบำรุงผิว เพราะผิวแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการศึกษาวิธีดูแลผิวของตัวเองจะทำให้ผิวของคุณเปล่งปลั่งได้มากที่สุด
  2. ในการที่จะทดสอบเพื่อให้รู้ประเภทผิวของตัวเองนั้น คุณต้องทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกส่วนเกิน เครื่องสำอาง และน้ำมัน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง แต่อย่าถูเพื่อไม่ให้ระคายเคืองผิว
  3. ใช้กระดาษทิชชู่หรือกระดาษเช็ดปากกดลงบน T โซน. หลังจากทำความสะอาดใบหน้าและปล่อยให้ผิวแห้งแล้ว ให้รอ 30 นาทีแล้วค่อยทดสอบผิวของคุณในบริเวณ T โซน ใช้กระดาษทิชชู่หรือกระดาษเช็ดปากกดลงบน T โซนเบาๆ และต้องให้ผิวบริเวณนั้นทั้งหมดสัมผัสกับกระดาษ
    • บริเวณ T โซนได้แก่บริเวณหน้าผากและจมูก นึกภาพตัว T บนใบหน้า โดยที่เส้นแนวนอนอยู่เหนือคิ้วและเส้นแนวตั้งอยู่ตรงแนวจมูก
  4. เอากระดาษออกจากใบหน้าและดูสิ่งสกปรกและน้ำมันจากผิวหน้าที่ทิ้งคราบลงบนกระดาษเพื่อระบุประเภทของผิว ข้อแตกต่างที่คุณอาจสังเกตได้ก็คือ:
    • ผิวแห้ง: ผิวคุณจะรู้สึกยืดและตึง มีผิวที่แตกเป็นขุยและผิวที่ตายแล้วหลังจากที่คุณทำความสะอาดใบหน้า และมีรูขุมขนเล็ก หากคุณมีผิวประเภทนี้ คุณจะต้องเน้นไปที่การบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ
    • ผิวมัน: หน้ามันวาวมีน้ำมันอยู่บนกระดาษทิชชู่และมีรูขุมขนกว้าง ในการที่จะให้ผิวหน้าประเภทนี้เปล่งปลั่งนั้น คุณจะต้องลดการผลิตน้ำมันลงด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่บางเบามากยิ่งขึ้น เพราะคุณคงไม่อยากให้ผิวหน้าของคุณเปล่งปลั่งจากน้ำมันหรอกใช่ไหม!
    • ผิวผสม: กระดาษทิชชู่จะมีคราบมันเพราะผิวบริเวณ T โซนมัน แต่แก้มกับส่วนอื่นๆ บนใบหน้าอาจจะปกติหรือแห้ง ผิวประเภทนี้เป็นผิวที่พบได้บ่อยมากๆ และสามารถบำรุงรักษาได้ง่าย
    • ผิวธรรมดา: กระดาษทิชชู่จะมีน้ำมันเล็กน้อยและไม่มีขุยผิวออกมา ซึ่งหมายความว่าผิวหน้าของคุณมีสุขภาพดีและผลิตน้ำมันในปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป แต่คุณยังคงต้องบำรุงผิวหน้าทุกวันเพื่อรักษาความเป็นปกติของผิวหน้าเอาไว้
    • ผิวแพ้ง่าย: ร่องรอยผิวประเภทนี้อาจจะไม่ได้ปรากฏลงบนกระดาษทิชชู่ แต่มันอาจจะแสดงออกบนใบหน้าหลังจากที่คุณเอาทิชชู่ออกแล้ว หน้าของคุณแดงหรือระคายเคืองไหม คุณมักจะรู้สึกแสบหน้าหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณน่าจะมีผิวแพ้ง่ายและต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษเวลาทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อให้คุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงกับผิวหน้ามากเกินไป
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 4:

ปฏิบัติตามขั้นตอนล้างเช็ดทา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รู้จักขั้นตอนล้างเช็ดทา (ล้างทำความสะอาด เช็ดด้วยโทนเนอร์ และทามอยซ์เจอไรเซอร์). ปฏิบัติตามขั้นตอนบำรุงผิวหน้าในแต่ละวันอย่างเคร่งครัด คุณต้องทำตามขั้นตอนนี้ทุกวันเพราะจะทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและสะอาดอย่างที่ผิวต้องการ การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ในตอนเช้าจะช่วยให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ด้วยใบหน้าที่สดชื่นและสะอาด จากนั้นให้ทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำอีกครั้งตอนกลางคืน [1]
    • คนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้งควรทำตามขั้นตอนนี้แค่วันละครั้ง เพราะการทำความสะอาดผิวมากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งยิ่งกว่าเดิมและทำให้ผิวระคายเคืองมากยิ่งขึ้น ถ้าคุณมีผิวแห้ง ให้ทำตามขั้นตอนล้างเช็ดทาในตอนเช้า จากนั้นลบเครื่องสำอางและทามอยซ์เจอไรเซอร์ลงบนใบหน้าตอนกลางคืนก่อนนอน
    • อย่าลืมว่าการขัดผิวก็สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับผิวธรรมดาหรือผิวมันให้ขัดหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าหรือสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 1-2 ครั้งสำหรับผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย
  2. ซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่นุ่มนวลและอ่อนโยนสำหรับการล้างหน้าในแต่ละวัน เริ่มจากการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกำจัดน้ำมันและทำความสะอาดใบหน้า เทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดลงบนปลายนิ้วแล้วค่อยๆ ถูลงบนใบหน้าและลำคอเป็นวงกลมโดยเริ่มล้างจากกลางใบหน้าก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำอุ่นและใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง [2]
    • คุณต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเหมาะกับประเภทผิวของคุณ เวลาซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้ามันมักจะมีข้อมูลบนขวดที่อธิบายว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวขวดนั้นเหมาะกับผิวประเภทไหน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่มาจากธรรมชาติที่อาจระคายเคืองผิวหน้าคุณน้อยกว่าก็ได้
    • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อครีมจะชุ่มชื้นมากกว่าจึงอาจทำให้ใบหน้าของคุณรู้สึกสดชื่นมากกว่าและอาจจะดีกว่าหากคุณมีผิวแห้ง แต่ถ้าคุณมีผิวมันหรืออยากจะลบเครื่องสำอางออก ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อเจลได้
    • ล้างเครื่องสำอางก่อนนอนเสมอแม้ว่าคุณจะล้างหน้าตอนเช้าเป็นประจำอยู่แล้วก็ตาม การทิ้งเครื่องสำอางไว้บนใบหน้าขณะหลับจะทำให้ใบหน้าของคุณรู้สึกมันเยิ้มมากกว่าเดิมในตอนเช้าและอาจอุดตันรูขุมขน คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางหรือแผ่นเช็ดเครื่องสำอางลบเครื่องสำอางที่แต่งตาหรือแต่งหน้าได้
  3. หยิบสำลีก้อนกลมและเทโทนเนอร์ลงบนสำลี หรือจุ่มสำลีก้อนกลมลงในโทนเนอร์และเช็ดบริเวณ T โซนและบริเวณอื่นๆ ที่ต้องการทำความสะอาดเป็นพิเศษ ถ้าคุณมีผิวมัน โทนเนอร์เป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ไขผิวบริเวณที่มีปัญหา [3]
    • ถ้าคุณมีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย ให้ระวังเวลาใช้โทนเนอร์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งมากกว่าเดิมและทดสอบโทนเนอร์ในจุดเล็กๆ เพื่อดูว่ามีผลกับผิวอย่างไรก่อนเสมอ โทนเนอร์บางตัวอาจจะแรงกว่าตัวอื่นๆ เพราะฉะนั้นคุณต้องอ่านข้างขวดและศึกษาก่อนว่าโทนเนอร์ตัวไหนเหมาะกับผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่ายมากที่สุด
  4. พอคุณทำความสะอาดใบหน้าแล้ว ให้ทามอยซ์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและสุขภาพดี มอยซ์เจอไรเซอร์แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ให้เลือกมากมาย คุณจึงสามารถเลือกอันที่เหมาะกับผิวของคุณได้ ถึงคุณจะมีผิวมันคุณก็ต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ดี เพียงแต่ต้องเลือกอันที่บางเบาและเหมาะสำหรับผิวมันเป็นพิเศษ การซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มี SPF เป็นความคิดที่ดีในการป้องกันการทำร้ายจากแสงแดดระหว่างวัน
  5. เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นผิวส่วนที่บางที่สุด ผิวบริเวณนี้จึงขาดความชุ่มชื้นเป็นอย่างมาก ป้ายอายครีมปริมาณเท่าเมล็ดถั่วบริเวณใต้ดวงตารอบๆ กระดูกเบ้าตาและให้ครีมซึมลงในผิว วิธีนี้ยังมีประโยชน์หากคุณมีรอยคล้ำใต้ตา ริ้วรอย หรือตาบวม [4]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 4:

สังเกตนิสัยการใช้ชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณรู้สึกเหมือนมีเรื่องต่างๆ ถาโถมเข้ามาเต็มไปหมด ทำงานหนักเกินไป หรือเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่า ความเครียดอาจทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ เพราะฉะนั้นให้สังเกตสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและพยายามหาวิธีตัดมันออกไปจากชีวิตหรือลดผลกระทบเพื่อให้สุขภาพของคุณดีขึ้น
    • เวลาที่คุณเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดได้แก่คอร์ติซอล ซึ่งจะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันของผิวหนัง ทำให้สิวเพิ่มขึ้น [5]
    • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอสามารถลดระดับความเครียดได้ เวลาที่คุณเสียชั่วโมงนอนไป 1 ชั่วโมง คุณจะเสี่ยงต่อการเกิดความเครียดทางจิตใจเพิ่มขึ้นถึง 14% ลองคิดดูว่าถ้าคืนนึงคุณเสียชั่วโมงการนอนไป 4 ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่าคุณเพิ่มโอกาสเสี่ยงถึง 50%! พยายามตั้งเป้านอนหลับให้ได้ 7 ชั่วโมงต่อวันเพื่อที่คุณจะได้ไม่เสี่ยงกับการมีสิวขึ้นจากความเครียดที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ [6]
  2. อาหารการกินของคุณเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของการรักษาผิวให้สะอาด ถ้าคุณกินอาหารที่มันเลี่ยนหรืออาหารขยะ ผิวของคุณก็จะทำปฏิกิริยากับอาหารนั้นๆ และทำให้มีโอกาสเกิดสิวมากขึ้น ใส่ใจประเภทของอาหารที่คุณกินและดูว่าอาหารสัมพันธ์กับการเกิดสิวบนใบหน้าหรือไม่
    • อาหารที่มีน้ำตาลทรายสูงที่เรียกกันว่าอาหารค่าดัชนีน้ำตาลสูงนั้นสามารถก่อให้เกิดสิว เพราะฉะนั้นให้อ่านฉลากโภชนาการและพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลเหล่านี้สูง [7]
  3. กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และสารอาหารที่ดีอื่นๆ. แม้ว่าจะมีอาหารต่างๆ มากมายที่ทำให้ผิวของคุณแย่ลง แต่ก็มีอาหารมากมายที่มอบคุณประโยชน์ให้ผิวเช่นกันเนื่องจากมีสารอาหารดีๆ ที่จำเป็นต่อการกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้ผิวมีสุขภาพดี สิ่งที่คุณควรเน้นเวลาเลือกอาหารสำหรับรับประทานได้แก่ : [8]
    • ซีลีเนียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยปกป้องผิวของคุณจากอนุมูลอิสระที่อาจทำให้เกิดริ้วรอย ผิวแห้ง และโรคบางโรค คุณสามารถพบแร่ธาตุเหล่านี้ได้ในอาหารเช่น ถั่วบราซิล กุ้ง เนื้อแกะ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน โฮลวีตพาสต้า เครื่องในสัตว์ และเนื้อวัวปรุงสุก
    • สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยไม่ให้สารอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายของคุณเช่นเดียวกัน ผักและผลไม้สีสันสดใสอย่างเบอร์รี มะเขือเทศ ผักโขม บีทรูม บร็อกโคลี และมันเทศล้วนมีสารต้านอนุมูลอิสระทั้งสิ้น
    • โคเอนไซม์คิวเทน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหลักในร่างกายที่ลดลงเมื่อคุณแก่ขึ้น โคเอนไซม์คิวเทนสามารถพบได้ในปลาแซลมอน ปลาทูน่า สัตว์ปีก ตับ และธัญพืชเต็มเมล็ด ผลิตภัณธ์บำรุงผิวบางอย่างก็มีโคเอนไซม์คิวเทนเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย
    • วิตามินเอ -- ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย สามารถพบได้ในแคร์รอต แคนตาลูป ส้ม ผักใบเขียว ไข่ และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวตามแพทย์สั่งที่มีส่วนผสมของวิตามินเอที่เรียกว่าเรตินอยด์ที่จะช่วยลบเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำได้อีกด้วย
    • วิตามินซี -- ช่วยปกป้องคุณจากดวงอาทิตย์และป้องกันการทำลายจากแสงแดด คุณสามารถพบวิตามินซีได้ในพืชตระกูลส้ม พริกหวานสีแดง มะละกอ กีวี่ บร็อกโคลี และกะหล่ำดาว
    • วิตามินอี -- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดและป้องกันการอักเสบ รับประทานอาหารจำพวกถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืช น้ำมันพืช มะกอก ปวยเล้ง หน่อไม้ฝรั่ง และผักใบเขียวเพื่อให้ได้วิตามินอี
    • ไขมันดี -- ใช่แล้ว ไขมันบางอย่างนั้นดีกับตัวคุณ! มองหาโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่ช่วยสร้างตัวกักเก็บน้ำมันธรรมชาติในผิว ซึ่งจะทำให้ผิวของคุณไม่แห้งและปราศจากจุดบกพร่อง และยังทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาและเรียบเนียนขึ้นด้วย คุณสามารถพบกรดไขมันได้ในน้ำมันมะกอกและน้ำมันดอกคาโนลา เมล็ดแฟล็กซ์ วอลนัต และปลาทะเลในเขตหนาวจัดเช่นแซลมอน ซาร์ดีน และแม็กเคอเรล
    • ชาเขียว -- ชาเขียวเปรียบเหมือน "ยาวิเศษ" สำหรับผิวเพราะช่วยยับยั้งการอักเสบ ชะลอความเสียหายของ DNA และป้องกันการทำลายจากแสงแดด
  4. น้ำสำคัญต่อสุขภาพของคุณหลายประการด้วยกัน และการดื่มน้ำอย่างเพียงพอระหว่างวันจะช่วยให้ผิวของคุณดูแวววาวฉ่ำน้ำ ดื่มน้ำมากขึ้นจนถึงวันละ 8 แก้วเพื่อให้ร่างกายและผิวของคุณปราศจากสารพิษ [9]
    • เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ผิวหนังเกิดจากเซลล์หลายๆ เซลล์ที่ถ้าปราศจากน้ำก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวหนังเป็นอวัยวะสุดท้ายที่จะได้รับน้ำที่คุณดื่มเข้าไป ดังนั้นคุณต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อที่น้ำจะได้ไปหล่อเลี้ยงผิวของคุณ [10]
  5. การออกกำลังกายเป็นประจำไม่เพียงช่วยลดระดับความเครียดเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ผิวของคุณมากขึ้นและลำเลียงของเสียจากเซลล์ออกไปด้วย แต่อย่าลืมว่าเหงื่ออาจทำให้เป็นสิวได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องรักษาความสะอาดของผิวหลังออกกำลังกาย [11]
  6. เรื่องนี้ย้ำกันเท่าไหร่ก็ไม่พอ หนึ่งในวิธีที่ทำลายผิวของคุณมากที่สุดก็คือการให้ผิวเจอกับแสงแดดมากเกินไป คุณอาจจะคิดว่าคุณกำลังได้ "ความเปล่งปลั่งแบบธรรมชาติ" จากการทำผิวแทน แต่การให้ผิวได้รับแสงแดดโดยไม่ปกป้องผิวของคุณเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง อาจเกิดจุดด่างดำจากแสงแดด และยังทำให้สิวแย่ลงอีกด้วยเนื่องจากการอักเสบจากการไหม้แดด [12]
    • เมื่อไหร่ก็ตามที่ออกไปข้างนอก ให้ทาครีมกันแดด ครีมกันแดดก็ถูกออกแบบมาเพื่อผิวประเภทต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีผิวมัน ให้หาครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีส่วนผสมอย่าง avobenzone, oxybenzone, methoxycinnamate, octocrylene และ zinc oxide นอกจากนี้คุณยังสามารถหาฉลากที่บอกว่า noncomedogenic ได้อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าไม่อุดตันรูขุมขน [13]
  7. อาจดูเป็นคำแนะนำไร้สาระ แต่สิวอาจเกิดจากน้ำมันที่อยู่บนมือของคุณ ตลอดทั้งวันให้สังเกตดูว่าคุณเอามือไปไว้ตรงไหนบ้าง คุณเท้าคางหรือแก้มบนฝ่ามือของคุณหรือเปล่า คุณคอยเอามือลูบคลำจุดบกพร่องบนผิวหรือเอามือปัดผมออกจากใบหน้าตลอดเวลาหรือไม่ ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดน้ำมันบนใบหน้า ซึ่งถ้าหากมีมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดสิวได้
    • โทรศัพท์มือถือของคุณก็มีเชื้อโรคและน้ำมันที่ติดใบหน้าคุณได้ง่าย ความร้อนจากโทรศัพท์มือถือสามารถเพิ่มจำนวนแบคทีเรียได้ และพอคุณเอาโทรศัพท์มาแนบหน้าตอนคุยโทรศัพท์ก็เป็นการให้ผิวหน้าสัมผัสกับเชื้อโรคจากแบคทีเรียมากมาย ให้ทำความสะอาดโทรศัพท์ของคุณด้วยกระดาษเปียกหรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มือวันละครั้ง [14]
    โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:

แต่งหน้า

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หลายคนมีผิวกะดำกะด่างหรือมีรอยจ้ำแดง เพราะฉะนั้นการปรับโทนสีผิวให้เสมอกันเพื่อลบเลือนรอยแดงจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการมีผิวเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี ทาครีมบำรุงผิวที่มีสี เกลี่ยให้เท่ากันทั่วผิวหน้า อย่าลืมเลือกครีมที่โทนสีเดียวกับผิวของคุณ (อย่าเลือกใช้ครีมสีบรอนซ์ถ้าคุณมีผิวขาวเหลือง) และอย่าโบ๊ะหนาจนเกินไป หามอยซ์เจอไรเซอร์ปรับสีผิวที่เนื้อค่อนข้างบางเบา [15]
    • ถ้าผิวของคุณก้ำกึ่งระหว่าง 2 เฉดสี ให้เลือกครีมที่มีเฉดสีขาวกว่าผิวของคุณเล็กน้อย
  2. ใช้คอนซีลเลอร์ที่ขาวกว่าผิวของคุณเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยอำพรางจุดบกพร่อง รอยแดง และรอยคล้ำใต้ตา แตะคอนซีลเลอร์ปริมาณเล็กน้อยลงบนผิวบริเวณที่มีปัญหาและใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ ทาคอนซีลเลอร์ใต้ดวงตาเพื่อให้ดวงตาดูสดใสและปกปิดรอยบวมหรือรอยคล้ำ หรือคุณจะใช้คอนซีลเลอร์กับผิวบริเวณไหนก็ได้ที่มีรอยแดงหรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ [16]
    • คุณต้องใช้ในปริมาณที่พอดี ถ้าคุณใช้คอนซีลเลอร์มากไปและเกลี่ยไม่ดี ก็จะกลายเป็นว่าคุณดึงความสนใจมาที่จุดบกพร่องนั้น ในขณะเดียวกันถ้าคุณใช้น้อยเกินไป คุณก็จะไม่สามารถปกปิดจุดบกพร่องหรือบริเวณที่มีปัญหาได้มิด
  3. เลือกบรอนเซอร์ที่สีเข้มกว่าเฉดสีผิวของคุณ 1 หรือ 2 เฉด และใช้แปรงคาบูกิปัดบรอนเซอร์ที่ใบหน้า คอ และหน้าอกเพื่อเกลี่ยให้ทั่ว แตะแปรงลงบนบรอนเซอร์ ปัดบรอนเซอร์ส่วนที่เกินออก และปัดเป็นวงกลม [17]
    • แปรงคาบูกิสามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาส่วนใหญ่ในแผนกเครื่องสำอาง เป็นแปรงทรงพุ่มกลมๆ ขนแปรงหนาสั้น [18]
  4. ในการสร้างความสว่างให้กับแก้มนั้น ให้เลือกบลัชออกสีชมพูอ่อนหรือส้มพีชแล้วปัดขนานไปกับโหนกแก้ม ยิ้มในกระจกแล้วปัดบริเวณกลมๆ บนแก้ม ปัดบลัชออนขึ้นไปทางขมับ ใช้ในปริมาณที่แค่ให้หน้าพอดูสว่างเล็กน้อย บลัชออนช่วยทำให้หน้าดูไม่แบนจนเกินไป [19]
  5. ขั้นตอนนี้จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่จะช่วยเน้นกรอบหน้าให้ดูเด่นขึ้นและทำให้หน้าสว่างแบบขาวมุก ทาไฮไลต์เนื้อครีมลงบนโหนกแก้ม ปลายจมูก รอยหยักบนปาก (กลางริมฝีปากบนที่เป็นรอยเว้า) และตามแนวโค้งของคิ้ว จากนั้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเพื่อให้ส่วนที่ไฮไลต์ดูเป็นธรรมชาติ [20]
  6. พอคุณแต่งหน้าเสร็จแล้ว ให้มองตัวเองในกระจกและชื่นชมความเปล่งปลั่งแบบธรรมชาติของตัวเอง! การแต่งหน้าสไตล์นี้ควรจะทำให้คุณดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนไม่ได้แต่งหน้าเลย เพราะฉะนั้นถ้าการแต่งหน้าของคุณมันชัดเจนจนสังเกตได้ คุณก็อาจจะลองทำให้มันดูเบาบางลงเล็กน้อย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนได้ยาก เพราะฉะนั้นให้อดทนกับกระบวนการนี้และสร้างนิสัยที่ดีต่อไป คุณต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ การสร้างนิสัยที่ดีเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาและความสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ทำเลยตลอดทั้งสัปดาห์ คุณก็อาจจะกลับมาทำนิสัยเดิมใหม่ได้ยาก
  • ซักเครื่องนอนเป็นประจำเพื่อไม่ให้น้ำมันสะสมบนปลอกหมอนมากเกินไป
  • บางครั้งการใช้สบู่ก้อนธรรมดาก็ดีกับการทำความสะอาดผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผิวของคุณเกิดปฏิกิริยาระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
  • ถ้าสิวของคุณเห่อมากๆ ให้ไปหาแพทย์ผิวหนังที่อาจจะให้คำแนะนำอื่นๆ หรือสั่งยาเฉพาะให้คุณ
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าบีบสิวเด็ดขาด เพราะจะทำให้เป็นแผลเป็นและคุณก็เพิ่มน้ำมันบนใบหน้าให้มากขึ้นไปอีกจากการสัมผัสใบหน้าตัวเอง
  • ถ้าคุณพบว่าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าแล้วแต่สิวก็ยังขึ้นอยู่ เป็นไปได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นอาจมีสารเคมีอันตรายที่ระคายเคืองผิวหน้าของคุณ ลองเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่น และคุณก็อาจจะลองล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแค่วันละครั้งก็ได้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,274 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา