ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ทุกๆ คนต่างต้องการมีใบหน้าที่ปราศจากสิว หากแต่ไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจที่จะทำสิ่งต่างๆ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ความมัน และอาการอักเสบออกไปจากใบหน้า อย่างไรก็ตาม เราทุกคนสามารถมีใบหน้าที่ปราศจากสิวได้ในที่สุด ลองอ่านบทความด้านล่าง แล้วนำเทคนิคดีๆ ต่างๆ มาใช้เพื่อให้ใบหน้าของคุณห่างไกลจากสิวกันนะคะ
ขั้นตอน
-
อย่าบีบสิว. นี่ถือเป็นกฎข้อแรก! เพราะในสิวมีแบคทีเรียอันตราย ดังนั้น หากคุณบีบสิว จะทำให้เชื้อแบคทีเรียมีโอกาสกระจายไปยังรูขุมขนรอบข้าง และเข้าพักโดยไม่ยอมเสียค่าเช่า คุณต้องทำให้เจ้าสิวจ่ายค่าเช่าให้ได้
-
ข้อเสียอีกอย่างของการบีบสิวคือ จะทำให้ผิวบริเวณรอบๆ สิว รวมถึงเม็ดสิวนั้นๆ เกิดการอักเสบ. การอักเสบจะทำให้เกิดรอยแดงและปวดบริเวณสิวมากยิ่งขึ้น
-
พยายามอย่าเอามือไปสัมผัสใบหน้า. มือของคุณ (ไม่ว่าคุณจะล้างมันสักกี่ครั้ง) จะมีความมันและสิ่งสกปรกติดอยู่ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อแบคทีเรีย หากคุณนำมือที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ความมัน และแบคทีเรียเช็ดไปบนผิวหน้าของคุณอย่างต่อเนื่อง นอกจากคราบเหล่านี้จะไม่หลุดออกจากใบหน้าคุณแล้ว คุณจะทำให้แบคทีเรียที่มีอยู่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ของผิวหน้ามากขึ้นอีกด้วย
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ. แพทย์หลายท่านแนะนำว่าเราควรดื่มน้ำประมาณ 9-12 แก้วต่อวัน (2.2 ถึง 3 ลิตร) ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง (ผู้หญิงควรดื่ม 9 แก้ว ในขณะที่ผู้ชายควรดื่ม 12 แก้ว) ผิวของคุณเป็นอวัยวะหนึ่งบนร่างกายด้วยเช่นเดียวกัน และยังต้องการน้ำในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับตับของคุณ
-
ลดอาหารจำพวกของหวานและเครื่องดื่มผสมน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และสมูทตี้. แม้จะมีการถกเถียงกันถึงหลักฐานต่างๆ มาแล้วหลายศตวรรษ แต่งานวิจัยใหม่ๆ ที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าอาหาร อันได้แก่ น้ำตาลนั้น "มี" ผลต่อการเกิดสิวด้วยเช่นเดียวกัน [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง เพราะน้ำตาลจะกระตุ้นการสร้างอินซูลิน ทำให้มีการผลิตฮอร์โมนมากยิ่งขึ้นและเกิดสิวในที่สุด
-
ดื่มนมให้น้อยลง. เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบว่านมมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดสิวด้วยเช่นเดียวกัน เพราะนมจะไปกระตุ้นฮอร์โมนเพศชาย อันได้แก่ เทสโทสเตอโรนและแอนโดรเจน ที่ทำปฏิกิริยาร่วมกับอินซูลิน ทำให้เกิดสิวตัวร้าย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
การดื่มชาเขียวที่ปราศจากน้ำตาลอาจช่วยได้. เพราะในชาเขียวมีสานต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากที่ช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระซึ่งมีผลกระทบต่อเซลล์ผิวและอาจเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนผิวหน้าของคนเรา หากคุณกำลังมองหาตัวเลือกดีๆ นอกเหนือจากน้ำเปล่า ลองดื่มชาเขียวที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพดูนะคะ
-
รับประทานอาหารให้สมดุล. อาหารสามารถช่วยให้ผิวของคุณดูดีที่สุดได้หากคุณเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม ประโยคต่อไปนี้ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้น และคุณก็คงพอจะเดาได้ว่าฉันกำลังจะพูดว่า เราควรรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ทานไขมันที่ดีต่อสุขภาพให้มากขึ้น และลองรับประทานโปรไบโอติกส์
-
ผู้ที่รับประทานผักและผลไม้มากขึ้น และบริโภคนมและน้ำตาลให้น้อยลง มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวได้น้อยกว่า. [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ดังนั้น คุณจึงควรทานผักที่มีประโยชน์ (โดยเฉพาะผักใบเขียว) ให้ได้ประมาณ 5-9 จานต่อวัน
-
รับประทานกรดไขมันโอเมก้า 3. ในอาหารที่เรารับประทานนั้นมีทั้งไขมันธรรมดาและไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไขมันที่เป็นประโยชน์ เช่น โอเมก้า 3 นั้นสามารถลดการอักเสบและทำให้เซลล์ผิวของเราแข็งแรงมากยิ่งขึ้น [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง ออกซิเจนสามารถทำลายโอเมก้า 3 ดังนั้น เมื่อรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ให้พยายามทานแบบไม่ผ่านการปรุง แต่หากไม่สามารถทำได้ ให้นำไปอบหรือย่าง ซึ่งจะดีกว่าการนำไปต้มหรือทอด อาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ประกอบด้วย
-
ลองรับประทานโปรไบโอติกส์. โปรไบโอติกส์เป็นแบคทีเรียมีประโยชน์ที่พบได้ในอาหารบางประเภท เช่น คอมบูฉะ ซึ่งช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหารและลดอาการอักเสบได้ อย่างไรก็ตาม โปรไบโอติกส์บางชนิด เช่น แลคโตบาซิลลัสนั้นอาจทำให้เกิดสิวมากยิ่งขึ้น ลองหาซื้อโปรไบโอติกส์ตามร้านค้าใกล้บ้านหรือร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพดูนะคะ
-
รับประทานวิตามินที่ใช่ ในปริมาณที่เหมาะสม. นี่เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ทำได้ง่ายมาก การรับประทานวิตามินที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวของคุณสวยใสและดูมีชีวิตชีวา และยังช่วยป้องกันการเกิดสิวได้อีกด้วย วิตามินเอมีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุงผิวให้มีสุขภาพดี แต่ห้ามรับประทานวิตามินเอเป็นอันขาดหากคุณกำลังตั้งครรภ์
-
ลองใช้น้ำมันที่สกัดจากดอกอีฟนิ่งพริมโรส. น้ำมันจากดอกอีฟนิ่งพริมโรสมีไขมันโอเมก้า 6 ที่ช่วยต่อต้านการอักเสบ และการขาดกรดไขมันชนิดนี้อาจทำให้เกิดสิว [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ 1000 ถึง 1500 มก. สองครั้งต่อวัน
-
ลองรับประทานซิงค์ซิเตรส. ซิงค์ซิเตรสช่วยในการสังเคราะห์โปรตีน รักษาบาดแผล และช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อทั่วไป โดยควรรับประทานในปริมาณ 30 มิลลิกรัมต่อวัน
-
ลองใช้วิตามินอี. วิตามินอีเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อสุขภาพผิวของคนเรา และพบว่าผู้ที่มีปัญหาสิวจำนวนมากมักขาดวิตามินอี [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง โดยควรรับประทานประมาณ 400 IU (หน่วยวัดมาตรฐาน) ต่อวัน
-
อย่าพยายามล้างหน้ามากกว่าสองครั้งต่อวัน. เพราะการล้างหน้ามากเกินไปจะทำให้ผิวของคุณแห้ง เป็นเหตุให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และนั่นก็เท่ากับการเพิ่มโอกาสในการเกิดสิว
-
บำรุงผิวทุกครั้งหลังล้างหน้า. ในขณะที่โฟมล้างหน้าช่วยลดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว มันก็ดึงเอาความชุ่มชื้นออกจากผิวหน้าของคุณเช่นเดียวกัน ดังนั้น คุณจึงต้องเติมความชุ่มชื้นอย่างที่ผิวของคุณต้องการ แม้โดยธรรมชาติคุณจะเป็นคนผิวมันอยู่แล้วก็ตาม
-
ใช้ครีมบำรุงที่ไม่ก่อให้เกิดสิว. ซึ่งก็หมายถึงครีมที่จะไม่อุดตันรูขุมขนของคุณนั่นเอง เพราะคุณคงไม่ต้องการให้ครีมบำรุงเข้าไปอุดตันตามรูขุมขน หลังจากคุณเพิ่งทำความสะอาดหน้าไป
-
หากคุณมีผิวมันตามธรรมชาติ ให้ลองหาครีมบำรุงแบบเนื้อเจล. เพราะครีมบำรุงชนิดนี้จะไม่ทำให้ผิวของคุณดูมันวาว เหมือนอย่างครีมบำรุงที่มีเนื้อครีม
-
ใช้โทนเนอร์สำหรับผิวมัน. โทนเนอร์คืออะไร? โทนเนอร์คือโลชั่นบำรุงหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ช่วยกระชับรูขุมขนไปพร้อมๆ กับการทำความสะอาดคราบและสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าของคุณ แต่ควรระวังโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวของคุณสูญเสียความมันมากเกินไป เป็นเหตุให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น คุณจึงควรหาซื้อโทนเนอร์มี่มีแอลกอฮอล์ต่ำแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง
-
ขจัดความเครียดออกจากชีวิตให้มากที่สุด. แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่บรรดาแพทย์ก็รู้ว่ามีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างความเครียดและการเสื่อมสภาพของผิวคนเรา โดยเฉพาะความเครียดและสิว ด้วยเหตุผลบางประการ เซลล์ต่างๆ ที่ทำหน้าที่ผลิตซีบัมซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดสิวได้ในที่สุดนั้น จะถูกกระตุ้นในขณะที่คนเรามีความเครียดสูง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หาวิธีการสร้างสรรค์เพื่อลดความเครียด. บางคนเลือกที่จะออกมาจากสถานการณ์เครียดๆ โดยการออกไปเดินเล่น บางคนชอบระบายความเครียดของพวกเขาลงบนผืนผ้า ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการใดในการลดความเครียด ให้ทำแต่เนิ่นๆ และทำบ่อยๆ
-
ลองใช้เทคนิคการทำสมาธิ. การทำสมาธิมีอยู่มากมายหลากหลายวิธี คุณสามารถลองค้นหาเทคนิคที่เหมาะสำหรับคุณ บางคนเลือกที่จะเล่นโยคะเพื่อทำสมาธิ
-
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ. เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดความเครียดและเพิ่มโอกาสในการเกิดสิว [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง และอย่างที่เราได้เรียนรู้ไป ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวของคนเราเสื่อมสภาพและสามารถทำให้เกิดสิว เมื่อพูดถึงการนอนหลับ คุณควรเปลี่ยนปลอกหมอนอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นกัน หรือลองนำผ้าขนดูมาห่อปลอกหมอนเพื่อช่วยดูดซับความมัน คุณยังสามารถกลับด้านผ้าขนหนูได้ในคืนถัดไป
-
เด็กและผู้สูงอายุต้องการการพักผ่อนมากกว่าผู้ใหญ่. วัยรุ่นควรนอนให้ได้ 10-11 ชั่วโมงต่อวัน [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ออกกำลังกาย. นอกจากจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกแล้ว การออกกำลังกายยังนับเป็นยาครอบจักรวาล การออกกำลังกายเป็นวิธีการที่ดีในการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และสิ่งใดก็ตามที่สามารถกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตก็ล้วนแล้วแต่ช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและดูมีชีวิตชีวา [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง สิ่งที่ควรจดจำเมื่อคุณออกกำลังกายคือ:
-
ทาครีมกันแดดเป็นประจำเมื่อออกกำลังกายกลายแจ้ง. หากไม่ระมัดระวัง ประโยชน์ที่ได้รับจากการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตอาจถูกกลบด้วยผลเสียที่เกิดจากแสงแดดแผดเผา โดยควรเลือกครีมกันแดดที่เนื้อเบาบาง และไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผิวแสบร้อน
-
อาบน้ำหรือชำระล้างร่างกายทุกครั้งหลังออกกำลังกาย. เพราะเมื่อคุณเหงื่อออก คราบเกลือหรือสิ่งสกปรกที่หลงเหลือจากการออกกำลังกายอาจเข้าไปอุดตันในรูขุมขน คุณจึงควรชำระล้างร่างกาย โดยเฉพาะใบหน้าของคุณทุกครั้งหลังการออกกำลังกายโฆษณา
-
ลองใช้เบนซิลเพอร์ออกไซด์. เบนซิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เป็นยาที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ยาทาชนิดนี้มีความเข้มข้นหลายระดับ แต่ความจริงแล้ว เบนซิลเพอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้น 2.5% ก็มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับสูตรที่มีความเข้มข้น 5-10% และยังก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่า นอกจากนี้ เบนซิลเพอร์ออกไซด์ยังช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวของคุณดูใสและอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
-
ใช้กรดซาลิซิลิก (Salicylic acid). เช่นเดียวกับเบนซิลเพอร์ออกไซด์ กรดซาลิซิลิกมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว กรดชนิดนี้ยังช่วยให้ผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น จึงช่วยเผยผิวใหม่ให้กับคุณ วิธีการใช้คือ หลังจากล้างหน้า ให้ทากรดซาลิซิลิกปริมาณเล็กน้อยลงบนผิวบริเวณที่เป็นสิวก่อนเข้านอน
-
ใช้ยาสีฟัน. ยาสีฟันมีสารซิลิกาซึ่งเป็นสารดูดซับความชื้นที่พบในอาหารประเภทต่างๆ เช่น เนื้อแดดเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ ยาสีฟันจะดูดเอาความชื้นออกจากสิวเมื่อคุณทาไว้ข้ามคืน ทำให้สิวของคุณมีขนาดเล็กลง
-
ใช้ยาสีฟันที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทุกครั้งเมื่อนำไปทาลงบนผิว. เพราะยาสีฟันบางชนิดมีสารโซเดียมลอริลซัลเฟตที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนนำมาใช้
-
ลองใช้ทีทรีออยล์. ทีทรีออยล์เป็นน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงสามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เริ่มเข้าไปทำรังอยู่ในผิวของคุณ โดยให้หยดทีทรีออยล์เพียงเล็กน้อยลงบนสำลีก้าน แล้วทาลงบริเวณที่เป็นสิว แต่ต้องระมัดระวังอย่าทามากเกินไป
-
ทีทรีออยล์มีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบ [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล ทำให้รอยแดงและสิวดูมีขนาดเล็กลง.
-
บดยาแอสไพริน. บดยาแอสไพริน 1 เม็ด แล้วหยดน้ำลงไปเล็กน้อยแค่พอให้เป็นเนื้อครีม จากนั้นใช้สำลีก้านแตะแอสไพริน แล้วทาลงบนสิวของคุณบางๆ แค่ให้ปิดสิวจนมิด จากนั้นทิ้งให้แห้ง แอสไพรินเป็นยาต้านการอักเสบชนิดหนึ่ง จึงสามารถลดอาการอักเสบของผิวและทำให้สิวดูเล็กลงได้ โดยปล่อยให้ตัวยาแอสไพรินสู้กับสิวของคุณเป็นเวลา 1 คืน
-
ทายาสมานแผลลงบนผิวมัน. ยาสมานแผลเป็นยาที่ทำให้ผิวหดตัวหรือดูเล็กลง ยาสมานแผลบางประเภทจะมีสารปฏิชีวนะที่นอกจากจะช่วยลดขนาดสิวแล้วยังช่วยต่อต้านการเกิดสิวอีกด้วย นี่เป็นตัวอย่างยาสมานแผลที่คุณสามารถนำมาใช้ได้
-
ยาสมานแผลที่หาซื้อได้จากร้านค้า. ซึ่งมีอยู่หลายชนิดหลายขนาด ให้คุณมองหาชนิดที่มีเบนซิลเพอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิซิลิกเป็นส่วนประกอบ และลองถามหายาสมานแผลที่อ่อนโยนต่อผิว
-
คุณสามารถใช้ยาสมานแผลจากธรรมชาติแทนได้เช่นเดียวกัน. ซึ่งประกอบด้วย
-
น้ำมะนาว. คนจำนวนมากกล่าวว่ากรดซิตริกในน้ำมะนาวมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และยังช่วยให้ผิวของคุณดูกระชับขึ้น โดยให้คุณฝานมะนาวเป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาถูบริเวณที่เป็นสิวเบาๆ
-
เปลือกกล้วย. เปลือกกล้วยมีประโยชน์ในการรักษาแผลยุงกัดหรือแมลงกัดต่อย และยังสามารถลดขนาดของสิวบางประเภทได้อีกด้วย โดยให้นำเปลือกกล้วยมาถูบริเวณที่เป็นสิวเบาๆ
-
วิชฮาเซล. เป็นอีกหนึ่งยาสมานแผลที่มีคุณประโยชน์นานับประการ มองหาวิชฮาเซลที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต้มเพียงเล็กน้อยลงบริเวณที่เป็นสิว แล้วทิ้งให้แห้ง
-
ชาเขียว. ชาเขียวเป็นยาสมานแผลที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก จึงสามารถลดการเกิดริ้วรอยได้ โดยให้คุณหย่อนถุงชาเขียวลงไปในน้ำร้อน หยิบถุงขึ้นมาโดยให้มีน้ำทั้งหมดติดมาด้วย จากนั้นจึงวางลงบนบริเวณที่เป็นสิวเพียงชั่วครู่
-
ใช้น้ำแข็ง. นำก้อนน้ำแข็งมาถูบริเวณที่เป็นสิวบนใบหน้าของคุณ จนกระทั่งบริเวณนั้นรู้สึกชา เมื่อรู้สึกชาบนใบหน้า ให้หยุดทันที แล้วปล่อยผิวไว้จนกระทั่งเริ่มรู้สึกอุ่นอีกครั้ง
-
ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ น้ำแข็งจะช่วยลดขนาดรูขุมขนโดยการทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังเกิดการหดตัว. และหากคุณรู้สึกปวดบริเวณสิว น้ำแข็งสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นเดียวกัน
-
หากคุณมีสิวจำนวนมาก ให้ทำทีละส่วน. เมื่อส่วนหนึ่งเริ่มชาแล้ว ให้ย้ายไปทำส่วนถัดไป
-
ทำเช่นนี้ซ้ำๆ จนทั่วใบหน้าของคุณ
-
ใช้ยาหยอดตาในบริเวณที่เป็นสิว. ยาหยอดตา เช่น ชนิดที่ช่วยลดอาการตาแดงนั้นสามารถช่วยลดรอยแดงและอาการระคายเคืองจากสิวได้ โดยให้หยดยาหยอดตา 2-3 หยดลงบนสำลีก้าน แล้วทาลงบนสิวในปริมาณที่เหมาะสม
-
เนื่องจากความเย็นสามารถลดอาการอักเสบของสิว ให้คุณจุ่มสำลีก้านลงในยาหยอดตา แล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงก่อนนำมาทา. สำลีก้านเย็นๆ จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นเนื่องจากสามารถลดอาการอักเสบได้
-
ใช้ยาแก้แพ้จากธรรมชาติ. ยาแก้แพ้สามารถลดอาการบวมในเนื้อเยื่อผิวของเราได้ โดยยาแก้แพ้ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบเม็ด แต่ก็มีบางประเภทที่สามารถดื่มเป็นชาหรือใช้เป็นยาทาเฉพาะที่ ยาแก้แพ้ต่างๆ เหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการลดรอยแดง ยาแก้แพ้ที่ทำจากสมุนไพรธรรมชาติประกอบด้วย:
-
ใบตำแย. วิธีการนี้อาจจะฟังดูประหลาดสักหน่อย เพราะการโดนใบตำแยในป่าจะทำให้เราเกิดผื่นคันเหมือนสิวเม็ดเล็กๆ อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำให้ใช้ใบตำแยแห้งแช่เย็น ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าสามารถลดปริมาณสารฮิสตามีนที่ร่างกายผลิตขึ้นมาได้
-
ปีแปะเอี๊ยะ (Coltsfoot) เป็นเป็นยาแก้แพ้ตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง. ชาวยุโรปใช้พืชชนิดนี้ในการรักษาอาการทางผิวหนังมาอย่างยาวนาน โดยคุณสามารถนำใบมาบดเป็นยาป้าย หรือรับประทานสารสกัดจากใบปีแปะเอี๊ยะที่มาในรูปของเม็ด
-
ใบโหระพา (Basil) มีฤทธิ์เป็นยาแก้แพ้ตามธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน. นำใบโหระพาสด 2-3 ใบมาอบใต้ไอน้ำ แล้วทาเบาๆ ลงบริเวณที่เป็นสิว ใบโหระพาจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ผิว ทำให้สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ทำให้เกิดสิวมีฤทธิ์น้อยลง
-
หากทำตามวิธีการต่างๆ เหล่านี้แล้วคุณยังคงมีสิวหลงเหลืออยู่ ให้ลองปรึกษาแพทย์ผิวหนัง. มียาปฏิชีวนะและยารักษาสิวแบบรับประทานอื่นๆ ที่สามารถแก้ปัญหาผิวหนังได้อย่างตรงจุด และทำให้สิวหายได้อย่างรวดเร็วโฆษณา
เคล็ดลับ
- แม้สิวจะหายไปหมดแล้ว แต่คุณควรดูแลรักษาผิวเช่นเดิมเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วันหรืออาจนานกว่านั้น เพราะคุณสามารถกลับมาเป็นสิวได้อีกหลังจากวัยหนุ่มสาว และหากเกิดสิวอีก ให้คุณทำตามวิธีการเดิม
- ผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 4 วัน ด้วยการสครับเพื่อผลัดเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
- เมื่อสามารถกำจัดสิวได้ทั้งหมดแล้ว อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เพราะมันอาจจะกลับมา
- สิวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ และแต่ละคนก็มีสิ่งที่ใช้ได้ผลไม่เหมือนกัน หากสิ่งหนึ่งไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไร ลองใช้วิธีการใหม่ และคิดแง่บวกเข้าไว้!
- เพื่อล้างสิ่งสกปรกและความมันออกจากผิวของคุณอย่างหมดจด ให้สบู่/โฟมล้างหน้าของคุณได้ทำงานสัก 2 นาที โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องถูอยู่ตลอดเวลา แต่มันช่วยได้จริงๆ
- หากต้องการคลายความเบื่อหน่าย ให้เปิดวิทยุหรือทำกิจกรรมอื่นๆ (อาจจะแปรงฟัน หรือนอนลงแล้วผ่อนคลายด้วยการทำสปาง่ายๆ)
- ล้างหน้าแล้วก็ล้างหน้า การล้างหน้าครั้งสุดท้ายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการเติมน้ำร้อนลงในอ่างล่างหน้าจนเต็ม แล้วจุ่มหน้าลงไปพร้อมถูเบาๆ จนกระทั่งล้างโฟมออกจนหมด ใช่แล้ว คุณจำเป็นต้องจุ่มหน้าลงไปในน้ำ
- หากคุณใช้โฟมล้างหน้าในปริมาณมาก คุณอาจจำเป็นต้องล้างหน้าอีกครั้ง โดยให้ล้างอีกครั้งด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขนของคุณ บางคนอาจเลือกใช้โทนเนอร์สำหรับขั้นตอนสุดท้ายนี้
- โฟมล้างหน้าที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการสะสมของคราบสกปรกและความมันอีกครั้ง
- เทคนิคนี้จะได้ผลดีที่สุดหากทำในช่วงเช้าและก่อนนอน คอยสังเกตว่าผิวเกิดรอยแดงหรือผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นหรือไม่ เพราะนี่เป็นสัญญาณชัดเจนที่บ่งบอกว่าคุณอาจต้องใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนมากขึ้น สำหรับเทคนิคนี้ การเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนที่สุดที่มีขายตามท้องตลาดจะสามารถทำความสะอาดผิวที่มันที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าโฟมล้างหน้าแรงๆ
- ในช่วง 2 สัปดาห์แรก สิวของคุณอาจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากรูขุมขนที่อุดตันถูกเปิดออกจนทำให้เกิดสิว จงเชื่อมั่น และคอยให้กำลังใจตัวเอง ในท้ายที่สุด คุณจะทำได้ และสิวของคุณก็จะค่อยๆ ดีขึ้น
- เจลเบนซิลเพอร์ออกไซด์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ตามร้านขายยานั้นให้ผลดีมาก #ลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้
- นำน้ำแข็งมาถูบริเวณที่สิวกำลังจะเกิด และถูให้ทั่วบริเวณใบหน้าเพื่อป้องกันการเกิดสิวในอนาคต
- อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและอาจทำให้สิวเห่อ จำไว้ว่า ผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดผิวหน้าต่างๆ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในช่วงเริ่มแรก แต่เนื่องจากมีสารที่ทำให้ผิวติด สิวจึงไม่หายไปจริงๆ ซะทีเดียว นั่นก็เพื่อให้คุณจำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ
- เมื่อเกิดสิวขึ้นบนใบหน้า ต้องพยายามล้างมือบ่อยๆ
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าบีบสิว! เพราะสิวใหม่อาจโผล่ขึ้นมาอีก
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/water/NU00283
- ↑ 2.0 2.1 2.2 http://www.huffingtonpost.com/dr-mark-hyman/do-milk-and-sugar-cause-a_b_822163.html
- ↑ http://health.howstuffworks.com/wellness/food-nutrition/healthy-eating/5-foods-high-in-omega-3.htm
- ↑ 4.0 4.1 4.2 http://nutritiondata.self.com/foods-000140000000000000000.html
- ↑ 5.0 5.1 http://www.huffingtonpost.com/dr-mark-hyman/how-to-get-rid-of-acne-pi_b_225057.html
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/acne-care-11/stress-and-acne
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/acne-care-11/lifestyle
- ↑ http://www.mayoclinic.com/health/how-many-hours-of-sleep-are-enough/AN01487
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/acne-care-11/exercise
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,549 ครั้ง
โฆษณา