ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การจะมีอะไรกันโดยไม่ให้พ่อแม่ของคุณรู้อาจเป็นอะไรที่ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพวกเขาคอยจับตาดูว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็อย่ากลัวไป! ใครๆ ก็ทำเรื่องแบบนี้มาหลายยุคหลายสมัยแล้ว และก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะถูกจับได้นี่นา แต่คุณก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ระมัดระวัง และวางแผนเยอะๆ หน่อย อ่านต่อเพื่อจะได้ทราบคำแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนและการปฏิบัติกิจกรรมทางเพศโดยไม่ให้ใครรู้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

หาเวลาและสถานที่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณต้องรู้ว่าพ่อแม่ทำอะไรที่ไหน และวางแผนเวลาที่พวกเขาไม่อยู่สักสองสามชั่วโมงอย่างน้อย ต้องแน่ใจว่าคุณมีเวลามากพอที่จะใช้โอกาสนั้นของคุณ คุณจะได้ไม่ตื่นเต้นลนลานจนเกินไป ฟังการบรรยายเกี่ยวกับคืนออกเดท กิจกรรมต่างๆ ช่วงสุดสัปดาห์ และการหาหนังดู กิจกรรมเหล่านี้เหมาะกับเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่สัก 3-5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่คุณจะวางแผนการนัดพบกับอีกฝ่ายอย่างลับๆ ได้ หากว่าพ่อแม่ออกนอกเมืองและทิ้งบ้านให้คุณดูแล ก็เรียกว่าโชคเข้าข้างคุณแล้วล่ะ [1]
  2. หากพ่อแม่ของแฟนคุณเป็นคนเปิดกว้างมากกว่าหรือไม่อยู่บ้านบ่อยกว่า ให้คุณไปบ้านอีกฝ่ายบ่อยเท่าที่จะบ่อยได้. นี่น่าจะเป็นตัวเลือกแรกสุดของคุณเลยล่ะ
    • หากพ่อแม่ของคุณไม่ยอมให้คุณไปบ้านแฟน คุณก็โกหกและอ้างว่าคุณไปบ้านเพื่อนหรือออกไปช้อปปิ้งแทนได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้
  3. คุณไม่มีวันรู้ว่าเมื่อไหร่คือโอกาสเหมาะเจาะจะมาถึง หากคุณและแฟนต่างกระตือรือร้นที่จะได้ทำตามแผน คุณควรต้องพร้อมเมื่อโอกาสนั้นมาถึง [2]
  4. การมีอะไรกันบนรถเป็นสิ่งที่ทำได้ ตราบใดที่คุณสามารถหาที่จอดรถที่ไกลผู้คนได้ นี่อาจจะเป็นตัวเลือกที่อึดอัดคับแคบสักหน่อย แต่ก็ทำได้แน่นอน หากคุณอาศัยอยู่ที่ห่างไกลเมือง ลองจอดรถบนถนนที่เป็นทางออกต่างจังหวัด ส่วนที่จอดรถตามย่านสำนักงานมักจะร้างคนในช่วงสุดสัปดาห์และหลังเลิกงาน คุณยังสามารถลองใช้รถคันอื่นๆ ที่จอดอยู่เต็มที่จอดรถใหญ่ๆ ช่วยบังตา
    • พยายามเลี่ยงที่จอดรถใกล้ตึกหรือย่านธุรกิจ ไม่เช่นนั้นก็ให้แน่ใจว่าคุณเช็กดูแล้วว่ามีกล้องวงจรปิดหรือไม่ และอย่าลืมที่จะอ่านป้ายด้วยว่าตรงนั้นเป็นที่หวงห้ามหรือไม่ คุณคงไม่อยากจะดึงความสนใจของตำรวจหรือยามหรอกนะ!
    • ระลึกไว้ว่าที่สาธารณะหลายแห่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการตรวจตราเป็นพิเศษยามค่ำคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่ค่อยจะมีเหตุให้คนไปๆ มาๆ ณ ที่นั้น หากนั่นเป็นทางเลือกเดียวของคุณก็พยายามเผด็จศึกให้เรียบร้อยระหว่างวันหากคุณต้องการเลี่ยงไม่ให้ตำรวจ คนเดินตรวจความเรียบร้อย และยามสงสัย
  5. คุณอาจต้องจัดหาความเป็นส่วนตัวให้ตัวเองตามงานสังสรรค์ หรือบ้านใครสักคนที่พ่อแม่ของเขาไม่ได้เคร่งมากเท่าพ่อแม่คุณ มันเป็นการเดิมพันที่โอกาสชนะอาจจะไม่สูง แต่ก็คุ้มที่จะลอง
  6. สถานที่ธรรมชาติที่ห่างไกล เช่น สวน และป่า มันเป็นสถานที่ที่เหมาะเจาะสำหรับการอยู่สองต่อสอง เตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และผ้าปูสำหรับปิกนิก ออกไปเดินหาที่ห่างไกลผู้คนด้วยกัน ให้แน่ใจว่าคุณเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
    • หากคุณรู้แล้วว่าว่าที่ไหนเป็นที่ที่เหมาะ อย่าลังเลที่จะพาอีกฝ่ายไปที่นั่น บางครั้งมันอาจมีสถานที่ที่เป็น “ที่พลอดรัก” ใกล้บ้านคุณก็ได้ คุณอาจจะรู้จักบ้านต้นไม้หลังเก่าในป่า หรือที่เงียบๆ ที่ไม่มีใครไป
    • ให้แน่ใจว่าแฟนของคุณพร้อมที่จะออกไปลำบาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะสะดวกใจที่จะออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจวัตถุประสงค์ของคุณล่วงหน้า
  7. จองโรงแรมราคาไม่แพงหากคุณจ่ายไหว พาคนรักไปห้องที่ไม่เคยมีคนเข้ามาใช้งาน หรือไม่ค่อยมีคนใช้ที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรืออาคารสักแห่ง คุณอาจมีกุญแจห้องเก็บของที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน หรือคุณอาจจะรู้ว่ามีมุมหนึ่งที่ใต้ดินของโบสถ์ที่ไม่มีใครเคยผ่านมา พยายามคิดนอกกรอบ!
  8. การมีเพศสัมพันธ์ในที่แจ้งและที่สาธารณะยังถือว่าผิดกฎหมายในหลายๆ แห่ง อีกทั้งการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่า 20 ปี สำหรับประเทศไทย) แม้ว่าตัวคุณเองก็เป็นผู้เยาว์ หากคุณชอบอีกฝ่ายมากๆ และสามารถหาสถานที่ลับตาคนได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้กฎหมายมาทำให้คุณล้มเลิกความตั้งใจ แต่ต้องแน่ใจว่าคุณทราบผลที่จะตามมานะ! หากโดนจับได้ว่าฝ่าฝืนกฎหมาย คุณอาจถูกจับหรือปรับได้ และยังอาจถูกตราหน้าว่าเป็นนักล่าเหยื่ออีกต่างหาก ที่แย่กว่าเรื่องนี้อาจถึงหูพ่อแม่ของคุณก็ได้!
    • ตรวจสอบอายุผู้เยาว์ของรัฐหรือประเทศให้แน่ใจ. หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา อายุผู้เยาว์อาจจะอยู่ที่ไม่เกิน 16, 17, หรือ 18 ปี รวมถึงต้องทราบกฎหมายว่าด้วย "ความต่างของอายุของทั้งสองฝ่าย" ด้วย [3] หากอายุของผู้เยาว์ในรัฐของคุณ คือ ไม่เกิน 18 ปี นั่นหมายความว่าการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แม้ว่าคุณจะมีอายุ 18 ปี และแฟนอายุ 17 หรือถ้าคุณและแฟนอายุ 17 ปีเท่ากันทั้งคู่ก็ตาม
    • หลายปีมานี้ คู่รักวัยรุ่นจำนวนมากโดนข้อกล่าวหาพรากผู้เยาว์ ข้อหานี้จะติดตัวคุณไปจนคุณโตเป็นผู้ใหญ่ คุณจะต้องขึ้นทะเบียนว่าเป็นผู้เคยกระทำความผิดทางเพศไม่ว่าคุณจะย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ตาม คุณอาจจะถูกห้ามไม่ให้ไปอาศัยอยู่ใกล้สถานศึกษาในรัศมีกี่มากน้อยแล้วแต่กำหนด [4] ไม่ว่ากฎหมายจะยุติธรรมหรือว่าจะไม่ได้เรื่อง คุณควรจะรับรู้ถึงผลที่จะตามมาจากสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่!
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ระมัดระวังและรอบคอบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณทั้งคู่ควรมีความพร้อมในการมีความสัมพันธ์ทางเพศ และพร้อมรับผลที่จะตามมา ให้แน่ใจว่าคุณทั้งคู่เข้าใจทั้งหมดนี้ตรงกัน มันอาจจะกระอักกระอ่วนบ้างในตอนแรก แต่คุณก็ต้องคุยกันเรื่องนี้อยู่ดีเพื่อจะได้หาวิธีที่ดีที่สุดที่จะมีอะไรกันโดยไม่ให้ใครรู้ หากคุณไม่อยากให้พ่อแม่รู้ คุณทั้งคู่ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
    • หาทางพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวัง หากพ่อแม่ของคุณอ่านข้อความในโทรศัพท์ของคุณ คุณก็ไม่ควรคุยเรื่องดังกล่าวผ่านการส่งข้อความ หากคุณเรียนโรงเรียนเดียวกันก็ให้คุณไปคุยกันที่นั่น ลองคิดหาทางคุยกันด้วย "รหัส" สำหรับเรื่องอย่างว่า เพื่อที่คุณจะได้วางแผนได้โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มากขึ้น
  2. การโกหกอาจดูเหมือนเป็นสิ่งที่ง่ายกว่าเผยความจริงหมดเปลือกต่อหน้าพ่อแม่ แต่การโกหกให้เนียนอาจต้องอาศัยความหัวไวและต้องจิตแข็งด้วย การหลบๆ ซ่อนๆ หมายความว่าคุณต้องวางแผน ต้องหาพยาน สร้างรหัสลับ และพยายามปกปิดความผิด สำหรับบางคน การโกหกเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งมันไม่ใช่แบบนั้นสำหรับทุกคน หากจะให้แผนการสำเร็จ คุณก็พลาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ก็ไปบอกความจริงกับพ่อแม่ให้เสียตอนนี้เลยเหอะ!
  3. ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าจะใช้ข้อแก้ตัวอะไรทุกครั้งที่หนีไปเจอแฟน. เตรียมการไว้แม้คุณไม่คิดว่าคุณจำเป็น ขณะที่พ่อแม่ออกจากบ้านไปทานอาหารค่ำและดูหนัง ให้บอกพวกเขาว่าคุณจะใช้เวลาช่วงค่ำทำการบ้านหรือดูทีวี หากคุณตั้งใจไปงานข้างนอก ซึ่งพ่อแม่อาจไม่ต้องการคุณให้ไป ก็ให้ลองนึกถึงกิจกรรมที่มีดูดีมีประโยชน์ที่คุณสามารถใช้อ้างได้ว่าจะทำในคืนนั้น เช่น จับกลุ่มติวหนังสือ หรือนอนค้างบ้านเพื่อน ใช้จินตนาการดู แต่ให้แน่ใจว่าคุณพร้อมที่จะหาเหตุผลสนับสนุนให้กับทุกข้ออ้างที่คุณใช้ก็แล้วกัน
    • ระวังสิ่งที่คุณพูด พ่อแม่ของคุณอาจรู้ว่าอะไรเป็นอะไรมากกว่าที่คุณคิด และคุณเองก็ไม่อยากให้พวกเขามีเหตุให้พวกเขาต้องสงสัยคุณหรอก จงรู้ไว้ว่าบรรดาพ่อๆ แม่ๆ มักจะชอบจับกลุ่มคุยกัน
    • ให้แน่ใจว่าคุณและคนอื่นๆ ที่น่าจะอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันเล่าเรื่องตรงกัน หากคุณบอกว่าคุณไปนอนบ้านเพื่อน ก็ควรจะแน่ใจว่า ก.) พ่อแม่คุณจะไม่ถามพ่อแม่เพื่อนคนนั้นว่าคุณไปนอนบ้านเขามั้ย หรือ ข.) พ่อแม่ของเพื่อนคุณจะช่วยปิดความลับให้คุณ
  4. วิธีที่ดีที่สุดที่จะเก็บความลับ คือ บอกเฉพาะเรื่องที่จำเป็นกับคนที่จำเป็นต้องบอกเท่านั้น คุณจึงควรต้องเลือกคนที่คุณจะบอกความลับให้ดี นี่อาจหมายรวมถึงการไม่ทิ้งร่องรอยให้ใครติดตามเพื่อหลีกเลี่ยงการสืบสาวราวเรื่อง อย่าทิ้งไดอารี่ ของขวัญจากคนรัก กล่องถุงยางอนามัย หรืออะไรก็ตามที่จะเป็นหลักฐานมัดตัวคุณ
  5. อย่าหวังว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับถ้าคุณทะเล่อทะล่าร้องเสียงดังขณะปฏิบัติกิจตลอดเวลา บอกให้แฟนคุณเข้าใจว่าคุณต้องทำเงียบไว้ หลังจากที่คุณเรียนรู้ที่จะเสร็จกิจอย่างรวดเร็วและไม่ใช้เสียงดังแล้วล่ะก็ แม้แต่ในบ้านที่มีคนอยู่เต็มไปหมด คุณก็สามารถทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงได้โดยไม่มีใครรู้ [5]
  6. ลองพิจารณากิจกรรมทางเพศอื่นๆ นอกเหนือจากการมีเพศสัมพันธ์. การช่วยตัวเอง การทำออรัลเซ็กส์ และกิจกรรมทางเพศอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้การสอดใส่อาจจะง่ายกว่ามากที่จะแอบทำโดยไม่ให้ใครรู้ คุณอาจจะพบว่ามีโอกาสที่ไม่คาดคิดมากมายที่เอื้อต่อกิจกรรมทางเพศที่ทำได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องร่วมรักอย่างจัดเต็ม
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ปลอดภัยไว้ก่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน (และบางที ถึงแม้จะป้องกันแล้ว) อาจนำไปสู่การตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายๆ ชนิด ปัญหาสุขภาพทั่วๆ ไป และผลกระทบต่อจิตใจที่จะตามมา การร่วมรักเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอด แต่มันก็เป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เช่นกัน: ทั้งต่อร่างกายของคุณ ต่อคนรัก ต่อครอบครัว และตัวคุณเองในอนาคตด้วย อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้ทำทุกสิ่งที่คุณสามารถทำได้แล้ว
    • อย่าปฏิบัติกิจโดยไม่ป้องกันความเสี่ยงที่พ่อแม่จะรับรู้เรื่องดังกล่าว การตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ หรือการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งที่อธิบายได้ยากกว่าถุงยางอนามัยหนึ่งกล่องหรือยาคุมหนึ่งแผง [6]
  2. ความพร้อมทางใจและกายเพื่อที่จะมีเพศสัมพันธ์กับอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่สำคัญ เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์ และมันอาจเปลี่ยนวิธีที่คุณมองโลกได้ด้วย ให้แน่ใจว่าคุณลงมือทำเพราะคุณมีเหตุผลดีพอ คุณพร้อมหรือยังที่จะมีความสัมพันธ์ทางเพศที่สุขสม และทำไปด้วยความรับผิดชอบ หรือคุณทำไปเพื่อสนองตอบแรงกดดันจากเพื่อนฝูงและความคาดหวังของคนอื่นกันแน่ ให้ลองสำรวจตัวเองดูให้ดี
  3. วิธีที่ดีที่สุด คือ การใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน หากคิดจะป้องการทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณสามารถซื้อถุงยางได้จากร้านขายยา ร้านของชำ และร้านสะดวกซื้อ หรือรับถุงยางอนามัยฟรีจากเจ้าหน้าที่ตามหน่วยงานด้านการวางแผนครอบครัวหรือคลินิคหมอ สำหรับผู้หญิง: ให้คุยกับหมอเรื่องยาคุมกำเนิด และการแก้ปัญหาในระยะยาวอื่นๆ หากคุณกำลังวางแผนที่จะมีเพศสัมพันธ์ ครั้งแรกอาจเป็นเรื่องน่าเขินอายที่จะต้องพูดคุยเรื่องดังกล่าว แต่ใครๆ ก็ทำกัน และจะดีกว่าถ้าจะปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่าต้องมาเสียใจภายหลัง! [7]
    • ถุงยางอนามัยฟรีสำหรับประชาชน หาได้ทั่วไปตามคลินิกและโรงพยาบาล หน่วยงานที่เกี่ยวกับสุขภาพ และการบริการสังคม รวมถึงโรงเรียนบางแห่ง ไปขอถุงยางอนามัยจากพยาบาลที่โรงเรียน แล้วซ่อนไว้ในตู้เก็บของหรือที่ที่ปลอดภัยจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของผู้คน ให้เตรียมถุงยางอนามัยเผื่อไว้มากกว่าที่คุณคิดว่าจะได้ใช้ แต่ก็อย่านำมาใช้งานหากเลยวันหมดอายุที่ปรากฏบนกล่องไปแล้ว
    • "การหลั่งข้างนอก" ไม่ใช่วิธีที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แม้แต่ถุงยางเองก็ป้องกันไม่ได้ 100% แต่มันก็ปลอดภัยกว่าวิธีอื่นมาก
    • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เอสทีดี) อาจก่อให้เกิดความปัญหาทางสุขภาพอย่างร้ายแรงได้ และมันอาจเป็นตามหลอกหลอนคุณไปทั้งชีวิต คิดดูให้ดีว่าคู่นอนของคุณเป็นใครมาจากไหน และคิดด้วยว่าเขาคนนั้นเคยหลับนอนกับใครมาบ้าง ส่วนหนึ่งที่สำคัญมากของความรับผิดชอบในการมีเพศสัมพันธ์ คือ การพูดคุยกับอีกฝ่ายถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาในอดีต [8]
  4. หญิงสาวที่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วควรไปพบสูตินรีแพทย์อย่างน้อยปีละครั้งเพื่อตรวจหามะเร็ง คัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และพูดคุยเรื่องการคุมกำเนิด สำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ การพบสูตินรีแพทย์ไม่ได้เป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้น การที่จะให้พ่อแม่สนับสนุนคุณโดยไม่ให้พวกเขารู้เรื่องประสบการณ์ทางเพศของคุณคงเป็นเรื่องลำบาก อย่างไรก็ดี นี่เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และมันคุ้มค่าที่จะสละเวลาไปพบแพทย์ [9]
  5. หากคุณไม่สามารถพูดคุยกับพ่อแม่เรื่องเพศสัมพันธ์ได้ ลองนึกดูว่ามีผู้ใหญ่คนไหนอีกบ้างที่คุณรู้จัก ซึ่งเป็นคนที่คุณสบายใจที่จะถามเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ลองคุยกับหมอ ครู คนในบ้านที่ไว้ใจได้ (พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว ลุงป้าน้าอา) หรือผู้ให้คำปรึกษา หากคุณคิดไม่ออกว่าจะคุยกับใครดี ก็ให้ไปคลินิควางแผนครอบครัวที่ใกล้บ้านคุณที่สุด และนัดพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ เพศสัมพันธ์เป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง และมันอาจเป็นการดีที่จะรับคำแนะนำจากผู้ที่ประสบการณ์มากกว่า [10]
    • พี่ของคุณอาจจะเหมาะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ด้วย พวกเขามีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า แต่พวกเขาก็เข้าใจคุณเช่นกัน ลองรับฟังคำแนะนำจากเขาก่อนที่จะเดินหน้าต่อ
  6. พวกเขาอาจยินดีให้ความช่วยเหลือ และอาจเข้าใจคุณมากกว่าที่คุณคิด การทำลับๆ ล่อๆ และพยายามมีอะไรกันโดยไม่ให้พ่อแม่รู้จะทำให้คุณเสี่ยงที่จะถูกจับได้อยู่ตลอดเวลา ลองคิดดูว่าคุณอยากจะเสี่ยงบอกพ่อแม่ดูหรือไม่ [11]
    • พูดคุยกับพ่อแม่อย่างมั่นใจและคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ เกี่ยวกับการตัดสินใจของคุณ หากคุณสามารถอธิบายได้ว่าทำไมคุณคิดว่าคุณพร้อมจะมีเพศสัมพันธ์แล้ว พวกเขาอาจให้คุณตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองก็ได้
    • หาทางรู้ให้ได้ว่าพ่อแม่แฟนของคุณรับเรื่องนี้ได้หรือไม่ หากรับได้ ก็ให้คุยกับพ่อแม่ของอีกฝ่าย เรื่องแบบนี้มักจะราบรื่นกว่าหากพ่อแม่ใครสักคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ของพวกคุณ

คำเตือน

  • หากคนรักของคุณไม่อยากมีอะไรกับคุณ ก็อย่าบังคับเขา ร่างกายเป็นของเขา และเขาก็สามารถเลือกเองได้ว่าเขาต้องการมีอะไรกับคุณหรือไม่ การบังคับอีกฝ่ายให้มีอะไรกับคุณจัดว่าเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 43,902 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม