PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการเปลี่ยนสถานะ "Read Only" ให้สามารถแก้ไขเอกสาร Microsoft Word ได้ ถึงจะปลดล็อค read-only ของเอกสาร Word ที่ระบุผู้ใช้ไม่ได้ถ้าไม่มีรหัสผ่าน แต่คุณก็ copy ข้อความในเอกสาร Word นั้น แล้วเอาไปใส่ในไฟล์ Word ใหม่ได้อย่างง่ายดาย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ปิด Protected View ในไฟล์ออนไลน์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปกติเอกสาร Microsoft Word ที่ดาวน์โหลดมาจากในเน็ต (เช่น เป็นไฟล์แนบในอีเมล หรือไฟล์ในเว็บ) ถ้าเปิดขึ้นมาจะเห็นว่าถูกล็อคเป็น read-only ไว้ ให้ปิดการป้องกันนี้ได้ตอนเปิดเอกสารครั้งแรก
  2. ดับเบิลคลิกเอกสาร Word ที่จะปลดล็อค read-only
    • ถ้าเปิดเอกสาร Word อยู่ ให้ปิดซะก่อน แล้วเปิดขึ้นมาใหม่
  3. ถ้าเห็นแถบสีเหลืองที่มีข้อความ "Files from the Internet can contain viruses" ทางด้านบนของเอกสาร Word แสดงว่าคุณปลดล็อค read-only ของเอกสารได้ด้วยวิธีนี้
    • ถ้าไม่มีแถบสีเหลืองนี้ ทั้งๆ ที่ปิดและเปิดเอกสาร Word ขึ้นมาใหม่แล้ว ให้ลองใช้วิธีการอื่นๆ ในบทความนี้แทน
  4. ที่เป็นปุ่มทางขวาของแถบเหลือง เพื่อรีเฟรชเอกสาร Word และปลดล็อคสถานะ read-only เท่านี้ก็แก้ไขเอกสารได้ตามปกติ
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ปิด Protected View ในไฟล์ที่มีการเข้ารหัสป้องกัน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดับเบิลคลิกเอกสาร Word ที่จะปลดล็อค เอกสารนั้นจะเปิดขึ้นมาใน Word
  2. tab นี้จะอยู่มุมขวาบนของหน้าต่าง Word คลิกแล้ว toolbar Review จะเปิดขึ้นมาทางด้านบนของหน้าต่าง Word
  3. ที่เป็นตัวเลือกด้านขวาสุดของ toolbar Review แล้วเมนูจะโผล่มาทางขวาของหน้าต่าง
  4. ท้ายเมนูที่โผล่มา แล้วจะเห็นหน้าต่าง pop-up โผล่มาแทน
    • ถ้าคุณหรือ user อื่นที่ใช้บัญชีของคอมนั้น ล็อคเอกสารไว้โดยไม่ได้ใส่รหัสผ่าน ก็ให้คลิก Stop Protection เพื่อปลดล็อคเอกสารอัตโนมัติ
  5. พิมพ์รหัสผ่านของเอกสารในช่อง "Password" แล้วคลิก OK เพื่อปลดล็อค read-only ของเอกสาร Word นั้นทันที ถ้ารหัสผ่านถูกต้อง
  6. โดยกด Ctrl + S (Windows) หรือ Command + S (Mac) เท่านี้ก็ปลดล็อคสถานะ read-only ของไฟล์นั้นได้แล้ว เว้นแต่คุณจะเป็นฝ่ายล็อคการแก้ไขเอกสารนั้นอีกที
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เปลี่ยน Properties ของไฟล์

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาโฟลเดอร์ที่เซฟเอกสาร Word นั้นไว้
    • ถ้าไฟล์นั้นไม่ได้อยู่ในคอม (เช่น อยู่ในแฟลชไดรฟ์หรือแผ่น CD) ให้เซฟไฟล์ลงคอมก่อน
  2. โดยขั้นตอนจะต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการที่ใช้
    • Windows — คลิกไฟล์ Word จากนั้นคลิกขวาที่ไฟล์ Word แล้วคลิก Properties ในเมนูที่ขยายลงมา
    • Mac — คลิกไฟล์ Word คลิกเมนู File ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ Mac แล้วคลิก Get Info
  3. ใน Windows จะมีตัวเลือกที่เกี่ยวข้องในหัวข้อ "Attributes" ทางด้านล่างของหน้าต่าง Properties
    • ถ้าใช้ Mac ให้คลิกหัวข้อ Sharing & Permissions ทางด้านล่างของหน้าต่าง
  4. เหมือนเดิมคือขั้นตอนจะต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการ ว่าใช้ Windows หรือ Mac
    • Windows — เอาติ๊กออกจากช่อง "Read-only" ทางด้านล่างของหน้าต่าง คลิก Apply แล้วคลิก OK
    • Mac — คลิกตัวเลือก Read ทางขวาของชื่อคุณ แล้วคลิก Read & Write ในเมนูที่โผล่มา
      • อาจจะต้องคลิกไอคอนแม่กุญแจที่มุมซ้ายล่างของหน้าต่าง Get Info ซะก่อน แล้วค่อยพิมพ์รหัสผ่านของ Mac ถึงจะทำตามขั้นตอนได้
    • ถ้าตัวเลือกนี้จาง ไม่ได้ติ๊กไว้ หรือไม่ได้เป็น "Read-only" อาจจะต้อง copy แล้ว paste แทน
  5. เปิดเอกสาร Word โดยดับเบิลคลิก แล้วลองแก้ไขดู แต่บางทีก็ต้อง ปลดล็อคเอกสารออนไลน์ ก่อนทำตามขั้นตอน
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

Copy แล้ว Paste

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเป้าหมายหลักคือจะแก้ไขเอกสาร Word ก็ให้ copy ข้อความในเอกสาร Word ไป paste ในเอกสาร Word ใหม่แทน จากนั้นเซฟเอกสารใหม่ลงคอม ถึงจะใช้วิธีนี้ปลดล็อค read-only ในเอกสารต้นฉบับไม่ได้ อย่างน้อยก็สร้างสำเนาแบบแก้ไขได้มาแทน
  2. โดยดับเบิลคลิกเอกสาร Word นั้น
  3. เพื่อให้เคอร์เซอร์ขึ้นในหน้าเอกสาร
  4. โดยกด Ctrl + A (Windows) หรือ Command + A (Mac) จะเห็นเนื้อหาของทั้งเอกสารถูกเลือก เน้นข้อความไว้
  5. กด Ctrl + C (Windows) หรือ Command + C (Mac) เพื่อ copy ข้อความในเอกสารลง clipboard ของคอม
  6. คลิก File ที่ด้านซ้ายบนของหน้าต่าง Word คลิก New ทางซ้ายของหน้าต่าง แล้วคลิก Blank document เพื่อเปิดเอกสาร Word ว่างๆ
    • ถ้าใช้ Mac ให้คลิกเมนู File แล้วคลิก New Blank Document ทางด้านบนของเมนูที่ขยายลงมา
  7. ให้กด Ctrl + V (Windows) หรือ Command + V (Mac) เพื่อ paste ข้อความจากเอกสาร Word ที่ถูกล็อค ลงเอกสารใหม่ว่างๆ
    • อาจจะต้องรอ 2 - 3 วินาที ถ้าเอกสารต้นฉบับมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ หรือมีรูปด้วย
  8. กด Ctrl + S (Windows) หรือ Command + S (Mac) แล้วตั้งชื่อเอกสาร จากนั้นคลิก Save เท่านี้ก็แก้ไขเอกสารที่เพิ่งสร้างได้ตามปกติ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อีกวิธีใช้ปลดล็อคเอกสาร Microsoft Word ที่เป็น read-only ก็คือแปลงเอกสาร Word นั้นเป็นไฟล์ PDF ด้วยเว็บ SmallPDF พอแปลงไฟล์เสร็จแล้วให้ดาวน์โหลดไฟล์ PDF แล้วเปลี่ยนกลับเป็นเอกสาร Word ด้วย SmallPDF ได้เลย
โฆษณา

คำเตือน

  • จะง่ายที่สุด ถ้า copy ข้อความจากเอกสารที่มีการป้องกัน แล้วเอาไป paste ลงเอกสารใหม่ ไม่ต้องมานั่ง crack รหัสที่ล็อคเอกสารไว้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 63,508 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา