ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ถ้าเบื่อเสื้อผ้าสีขาวเรียบๆ หรือสีอ่อน ก็ลองมาย้อมให้กลายเป็นสีสันสดใสดู คุณย้อมผ้าได้ทั้งสีย้อมสำเร็จรูปที่เป็นสารเคมี และสีย้อมทำเองจากพืชผักต่างๆ ขั้นตอนก็ไม่ยากเกินเข้าใจและลงมือ ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านบทความวิกิฮาวนี้กันเลย
ขั้นตอน
-
เลือกสีย้อมให้เหมาะสม. ถ้าเสื้อผ้าทำจากเส้นใยธรรมชาติ ใช้สีอะไรก็ย้อมติดง่ายดาย แต่ถ้าจะย้อมเส้นใยโพลีเอสเตอร์ หรือใยสังเคราะห์ต่างๆ ก็ต้องใช้สีเฉพาะ หรือเปลี่ยนไปย้อมเสื้อผ้าเส้นใยแบบอื่นแทน [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าผ้าสีขาวหรือออฟไวท์ จะย้อมออกมาได้สีสดกว่า
- สีย้อมจากวัสดุธรรมชาติ จะย้อมผ้าคอตตอน ผ้าวูล ผ้าไหม และผ้ามัสลินได้ดี
- สีย้อมสำเร็จรูปที่เป็นสารเคมี จะย้อมผ้าคอตตอน ผ้าลินิน ผ้าไหม ผ้าวูล และผ้าป่านรามีได้ดี ใช้ย้อมผ้าเรยอนกับไนลอนที่เป็นใยสังเคราะห์ก็ได้ด้วย
- ถ้าผ้าของคุณทำจากเส้นใยย้อมง่าย 60% เช่น คอตตอน ก็ใช้สีย้อมสำเร็จรูปได้ ถึงเส้นใยที่เหลือจะย้อมยากหรือไม่ติดสีก็เถอะ อย่างไรก็ดี สีที่ย้อมออกมาแล้วจะอ่อนกว่าเวลาย้อมผ้าที่เส้นใยติดสีง่าย
- อย่าย้อมผ้าที่เป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ สแปนเด็กซ์ เส้นใยโลหะ หรืออะไรที่เน้นว่า "ซักแห้งเท่านั้น"
-
ซักก่อนแล้วค่อยย้อม. เสื้อผ้าที่จะย้อม ต้องซักให้สะอาดก่อน โดยซักเครื่องด้วยน้ำอุ่นตามปกติ และใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน
- ต้องขจัดคราบก่อนย้อม
- จะใช้น้ำยาฟอกขาวให้ผ้ายิ่งขาวจัดก็ได้ เพราะยิ่งผ้าขาวก็ยิ่งย้อมออกมาได้สีสดกว่าผ้าขาวแบบตุ่นๆ
- ซักแล้วไม่ต้องตากหรืออบแห้ง เพราะตอนย้อม ผ้าต้องเปียกอยู่แล้ว
-
ปูผ้ากันห้องเปื้อน. เวลาย้อมผ้าอาจมีกระเด็นหรือเลอะเทอะบ้าง จะเก็บกวาดทำความสะอาดง่ายกว่า ถ้าเอาผ้าพลาสติกคลุมห้องกันเปื้อนไว้ หรือใช้หนังสือพิมพ์แทนหลายๆ ชั้น
- หาฟองน้ำหรือทิชชู่ติดมือไว้ เผื่อสีย้อมกระเด็นจะได้จัดการทันที
โฆษณา
-
แช่ผ้าใน fixative ก่อน. dye fixative หรือน้ำยาคงสภาพ จะช่วยให้สีย้อมติดทนมากขึ้น ส่วนจะใช้ fixative ประเภทไหน ก็แล้วแต่ชนิดของพืชที่นำมาทำสีย้อม
- ถ้าทำสีย้อมจากเบอร์รี่ ก็ต้องใช้ fixative สูตรเกลือ โดยผสมเกลือ 1/2 ถ้วยตวง (125 มล.) กับน้ำเย็น 8 ถ้วยตวง (2 ลิตร)
- ถ้าทำสีย้อมจากพืชชนิดอื่น ให้ใช้ fixative สูตรน้ำส้มสายชู โดยผสมน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ส่วนกับน้ำเย็น 4 ส่วน
- ถ้าใช้สีย้อมสำเร็จรูปที่เป็นสารเคมี ก็ให้เลือกใช้ fixative ตามเส้นใยผ้าที่จะย้อม
- แช่ผ้าไว้ใน fixative 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น แล้วค่อยเริ่มย้อม
-
ผสมสีให้ออกมาตามต้องการ. สีที่ได้จะขึ้นอยู่กับวัสดุธรรมชาติที่คุณเลือกใช้ ต้องลองศึกษาและทดลอง ว่าเบอร์รี่พันธุ์ต่าง ไปจนถึงพืชและเครื่องเทศอื่นๆ ใช้ทำสีย้อมอะไรได้บ้าง
- ถ้าอยากได้สีส้ม ให้ใช้เปลือกหัวหอม รากแครอท เปลือกเมล็ดฟักทองน้ำเต้า และสาหร่ายสีทอง
- ถ้าอยากได้สีน้ำตาล ให้ใช้รากแดนดิไลออน เปลือกไม้โอ๊ค เปลือกวอลนัท ถุงชา กาแฟ ลูกโอ๊ค รากโกลเด้นรอด เนื้อไม้สีเสียดเหนือ เปลือกติ้วขน เปลือกคาง และเปลือกไม้ประดู่ป่า
- ถ้าอยากได้สีชมพู ให้ใช้สตรอว์เบอร์รี่ เชอร์รี่ เรดราสเบอร์รี่ และเปลือกต้นแกรนด์เฟอร์
- ถ้าอยากได้สีม่วงอมฟ้า ให้ใช้เปลือกไม้ด็อกวู้ด กะหล่ำปลีแดง เอลเดอร์เบอร์รี่ ลาเวนเดอร์ มัลเบอร์รี่สีม่วง กลีบดอกคอร์นฟลาวเวอร์ บลูเบอร์รี่ องุ่นม่วง และไอริสม่วง
- ถ้าอยากได้สีน้ำตาลแดง ให้ใช้เอลเดอร์เบอร์รี่ เปลือกหอมแดง ทับทิม หัวบีท ไผ่ ดอกฮิบิสคัส (ชบา) ตากแห้ง และเปลือกสนทะเล
- ถ้าอยากได้สีเทาไปจนถึงดำ ให้ใช้แบล็กเบอร์รี่ เปลือกวอลนัท ก้อนกลมบนต้นโอ๊ค ผลมะเกลือ และเปลือกฟักทองน้ำเต้า
- ถ้าอยากได้สีม่วงแดง ให้ใช้ดอกไม้จีน (เดย์ลิลลี่) ฮัคเคิลเบอร์รี่ หรือโหระพา
- ถ้าอยากได้สีเขียว ให้ใช้อาร์ติโชค รากซอร์เรล ใบปวยเล้ง แบล็คอายซูซาน ดอกลิ้นมังกร ดอกไลแลค หญ้า หรือดอกยาร์โรว์
- ถ้าอยากได้สีเหลือง ให้ใช้ใบกระวาน เมล็ดอัลฟัลฟ่า ดอกดาวเรือง เซนต์จอห์นเวิร์ต ดอกแดนดิไลออน ช่อดอกแดฟโฟดิล พริกปาปริก้า แก่นไม้ฝาง ยางรง รากมะหาด และขมิ้น
-
รวบรวมวัตถุดิบที่ต้องใช้. พืชที่จะใช้ทำสีย้อม ต้องสุกหรือโตเต็มที่แล้วเท่านั้น
- ผลไม้และเบอร์รี่ต่างๆ ต้องสุกเต็มที่
- ถั่วต่างๆ ก็ต้องแก่ได้ที่
- ดอกไม้ต่างๆ ต้องบานเต็มที่ จนเกือบจะร่วง
- เมล็ด ใบ และก้าน งอกเต็มที่เมื่อไหร่ให้เก็บได้เลย
-
สับหรือหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย. ต้องสับวัสดุธรรมชาติที่จะใช้ทำสีย้อมให้ละเอียดที่สุด โดยใช้มีดทำครัว เสร็จแล้วเอาใส่หม้อต้มใบใหญ่
- หม้อต้องใหญ่กว่าเสื้อผ้าที่จะย้อมประมาณ 2 เท่า
- พอวัตถุดิบถูกสับละเอียดแล้วเท่ากับเพิ่มพื้นที่ ยิ่งดึงสีออกมาได้ง่ายและมากขึ้น
-
เคี่ยวสีย้อม. เติมน้ำใส่หม้อ แล้วยกขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด จากนั้นใช้ไฟอ่อน แล้วเคี่ยวต่อประมาณ 60 นาที
- เติมน้ำลงไป 2 เท่าของปริมาณวัตถุดิบ
-
กรองเอาแต่น้ำสี. เทน้ำสีผ่านกระชอน เพื่อกรองเอากากใยออก เหลือแต่น้ำสี แล้วเทสีย้อมที่ได้กลับลงในหม้อ
-
ใส่ผ้าที่จะย้อมในน้ำสีแล้วเคี่ยวต่อ. เอาผ้าเปียกใส่ในหม้อสีย้อม แล้วเคี่ยวต่อด้วยไฟแรงปานกลาง จนได้ผ้าสีตามต้องการ
- ถ้าผ้าแห้งแล้ว สีจะอ่อนกว่าที่เห็น
- ต้องแช่ผ้าไว้ในสีย้อมอย่างน้อย 30 - 60 นาที
- ถ้าอยากได้สีเข้มหน่อย ก็ต้องแช่ผ้าทิ้งไว้ 8 ชั่วโมงขึ้นไปหรือข้ามคืน
- กวนผ้าในสีย้อมเป็นระยะ สีจะได้ทั่วถึง
-
ซักผ้าที่ย้อมแล้วในน้ำเย็นจัด. ซักผ้าที่ย้อมเสร็จครั้งแรกในน้ำเย็นจัด โดยซักแยกกับผ้าชิ้นอื่น
- ขั้นตอนนี้สีตกแน่นอน
- เอาใส่เครื่องอบผ้า หรือตากแดดไว้ก็ได้
โฆษณา
-
เทน้ำใส่หม้อใบใหญ่ แล้วต้มให้พอเดือด. เติมน้ำใส่หม้อต้มใบใหญ่ประมาณ 3/4 ของหม้อ แล้วตั้งไฟแรงปานกลางจนพอเดือด
- ใช้หม้อแบบที่จุดได้ 2 แกลลอน (8 ลิตร) ขึ้นไป ไม่งั้นจะกวนผ้าไม่ได้ ย้อมสีได้ไม่ทั่วถึง
-
เติม fixative. ถ้าใช้สีย้อมสำเร็จรูปแบบสารเคมี ให้ใส่ fixative ลงไปในน้ำสีโดยตรง ส่วนจะเป็น fixative แบบไหน ต้องดูจากเส้นใยของผ้าที่จะย้อม
- ถ้าเป็นเส้นใยธรรมชาติ เช่น คอตตอนหรือผ้าไหม ให้ใส่เกลือ 1 ถ้วยตวง (250 มล.) ตอนน้ำเดือด
- ถ้าเป็นเส้นใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน ให้ใช้น้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ถ้วยตวง (250 มล.) แทน
-
เทสีย้อมลงในน้ำ. จะใช้แบบผงหรือแบบน้ำก็ได้ โดยอ่านและทำตามคำแนะนำการใช้งานที่ฉลาก จะได้ใช้สีในปริมาณที่ถูกต้อง
- ถ้าใช้ผงสีแบบกล่อง ก็เทลงไปในน้ำที่เริ่มเดือดทั้งห่อเลย
- แต่ถ้าใช้สีย้อมแบบน้ำ ปกติแค่ครึ่งขวดก็พอ
- คนจนสีย้อมละลายผสมกับน้ำเป็นเนื้อเดียว
-
เอาผ้าใส่ในหม้อสีย้อม. แช่ผ้าลงในหม้อใส่สีย้อม จนน้ำท่วมผ้าทั้งผืน
- เอาช้อนคนหรือไม้อะไรสักอย่างกดผ้าลงไปให้จมอยู่ในน้ำ
-
แช่ผ้าต่อโดยใช้ไฟอ่อน. พอน้ำสีเริ่มเดือด ก็ลดเหลือไฟอ่อน แล้วแช่ต่อไป 30 นาที
- กวนผ้าเป็นระยะ จะได้ย้อมสีทั่วถึง
- ไม่ต้องปิดฝาหม้อ
-
ล้างผ้าโดยเปิดน้ำราด. เอาผ้าออกจากน้ำสี (ระวังลวกมือ) โดยใช้ช้อนคนหรือไม้สองอันคีบแล้วยกมาใส่ไว้ในอ่างล้างจานสแตนเลส เปิดหรือราดน้ำร้อนราดผ้า แล้วค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงจนกลายเป็นน้ำเย็นจัด (น้ำใส่น้ำแข็ง) และจนกว่าน้ำที่ไหลจากผ้าจะใส สีไม่ตก
- เทน้ำสีย้อมทิ้งในอ่างล้างจาน
- ตอนล้างผ้าด้วยน้ำเปล่า สีจะตกค่อนข้างเยอะ ถือว่าปกติ ไม่ต้องกังวล
- น้ำเย็นจัดหรือน้ำใส่น้ำแข็งตอนสุดท้ายจะทำให้สีเซ็ตตัว ติดผ้าทนนาน
-
ผึ่งลมไว้จนแห้ง. ตากผ้าตรงที่สะดวก แล้วผึ่งลมไว้จนแห้งสนิท
- อย่าเอาใส่เครื่องอบผ้า
- ตอนตาก หาผ้าหรือพรมเก่าๆ รองไว้ข้างใต้ด้วย เผื่อผ้าสีตกแล้วหยดลงมา
โฆษณา
ส่วน 4
ส่วน 4 ของ 4:
ใช้สีย้อมสำเร็จรูป โดยใส่ในเครื่องซักผ้า [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เปิดน้ำร้อนในเครื่องซักผ้า. เอาให้ร้อนที่สุดเท่าที่จะไม่ทำเส้นใยของผ้าที่จะย้อมเสียหาย
- ตั้งค่าให้เครื่องซักผ้าปล่อยน้ำแบบซักน้อยๆ (small load) ถ้าน้ำเยอะขั้นสุด สีย้อมจะเจือจางไป ผ้าออกมาสีไม่เข้มสมใจ
-
เทสีย้อมลงในน้ำ ระหว่างที่น้ำกำลังไหลอยู่ในเครื่องซักผ้า. ระหว่างน้ำไหลเติมเครื่องซักผ้าอยู่ ให้เทสีย้อมลงไป
- ตอนนี้อย่าเพิ่งใส่ผ้าลงไป
- เพราะเราเทสีใส่เครื่องซักผ้าที่น้ำกำลังไหล เลยไม่ต้องคนผสม น้ำจะไหลแรงจนสีละลายเอง
- อ่านและทำตามคำแนะนำการใช้งานที่ฉลากสีย้อม ถ้าเป็นผงสีก็เทหมดซองเลย แต่ถ้าเป็นสีย้อมแบบน้ำ ก็ครึ่งขวด
-
เอาผ้าใส่เครื่อง. พอเครื่องซักผ้าเติมน้ำเสร็จ ก็แช่ผ้าได้เลย
- แต่อย่าลืมราดน้ำให้ผ้าเปียกก่อน แล้วค่อยเอาใส่ในน้ำสีย้อมในเครื่องซักผ้า ไม่งั้นสีจะไม่ค่อยติด
-
ตั้งซัก 30 นาที. ต้องรีเซ็ตแล้วตั้งค่าใหม่ให้เริ่มจนจบครบ 30 นาทีพอดี หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ ถ้าอยากได้สีเข้มๆ
- ข้อดีของการย้อมผ้าด้วยเครื่องซักผ้า ก็คือไม่ต้องมานั่งกวนให้สีทั่วถึง เพราะถังซักผ้าจะหมุนอัตโนมัติ
-
ซักน้ำเปล่าอีกรอบ. ปล่อยให้ซักน้ำเปล่าไปในเครื่อง จะได้ขจัดสีส่วนเกิน ผ้าไม่สีตกที่หลัง
- ตอนซักน้ำเปล่าให้ใช้น้ำอุ่น เพราะชะสีย้อมส่วนเกินได้มากกว่าน้ำเย็น
-
ซักผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าตามปกติ. ตั้งรอบซักตามปกติ โดยใช้น้ำเย็นจัดและน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน
- น้ำเย็นจัดจะช่วยให้สีติดผ้าทนนาน แถมซักรอบนี้ยังช่วยให้ผ้าสะอาดหลังแช่น้ำสีมา
- อย่าซักรวมกับผ้าอื่น
- เอาเข้าเครื่องอบผ้า หรือตากแดดไว้จนแห้ง
-
พอเอาผ้าออกแล้ว ให้ซักเครื่องเปล่าอีกรอบ. พอเอาผ้าที่ย้อมเสร็จออกจากเครื่องแล้ว ให้เปิดเครื่องซักไปเปล่าๆ เพื่อล้างสีย้อมที่อาจหลงเหลืออยู่ ซักผ้ารอบหน้าจะได้ไม่สีตกใส่
- แนะนำให้ล้างเครื่องโดยใช้น้ำร้อนกับน้ำยาฟอกขาว 1 ถ้วยตวง (250 มล.)
โฆษณา
เคล็ดลับ
- จะย้อมและซักผ้าในถัง/อ่างสแตนเลสหรือโลหะก็ได้ อย่าใช้กะละมังพลาสติกหรืออ่างพอร์ซเลน เพราะสีติดเป็นคราบแน่นอน
- เนื้อผ้าหรือเส้นใยแต่ละแบบ ก็ย้อมแล้วได้ผลต่างกันไป ถึงจะเป็นผ้าที่ย้อมแล้วติดทนดี แต่ก็จะได้เฉดสีต่างกันไปตามน้ำหนักและชนิดของเส้นใย เพราะงั้นถ้าเสื้อผ้านั้นมีหลายเส้นใยในตัวเดียว ก็จะย้อมออกมาได้เฉดสีที่แตกต่างกันไปนิดหน่อย
- ต้องสวมถุงมือยาง และเสื้อคลุมหรือผ้ากันเปื้อนเสมอเพื่อไม่ให้มือและตัวเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แต่จะดีที่สุดถ้าใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ข้างใน แบบเลอะแล้วทิ้งได้เลย
โฆษณา
คำเตือน
- เวลาย้อมผ้าด้วยสีสำเร็จรูปแบบเป็นสารเคมี ต้องอ่านคำแนะนำการใช้งานให้ดี รวมถึงข้อมูลเรื่องอาการแพ้ที่อาจเกิด ปกติสีย้อมผ้าจะไม่อันตราย แต่สารเคมีบางตัวที่ผสมก็ใช่ว่าจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ 100% ต้องใช้อย่างระวัง [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- เสื้อผ้าสีขาวหรือสีอ่อน
- ผ้าปูรองเวลาทาสี หรือหนังสือพิมพ์
- น้ำยาซักผ้า
- เกลือ
- น้ำส้มสายชู
- น้ำเปล่า
- หม้อต้มใบใหญ่ที่เป็นโลหะ
- เครื่องซักผ้า
- ช้อนคน
- พืชที่จะใช้ทำสีย้อม
- มีดทำครัว
- สีย้อมผ้าสำเร็จรูป
- ผ้ากันเปื้อน
- ถุงมือยาง
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา