ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โรคหลอดเลือดสมองเกิดขึ้นเมื่อการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองของคุณหยุดชะงัก ทำให้เซลล์สมองตายเนื่องจากขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงาน โรคหลอดเลือดสมองคือสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตเป็นอันดับที่สามในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรและเป็น 10% ของการเสียชีวิตทั่วโลก [1] การที่คุณรู้วิธีจำแนกอาการของโรคหลอดเลือดสมองได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนที่คุณรู้จักมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง การรักษามีเพื่อลดความเสียหายที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง แต่บุคคลนั้นจะต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลภายในหนึ่งชั่วโมงหลังเกิดอาการ [2]

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การรู้จักอาการของโรคหลอดเลือดสมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เข้าใจความแตกต่างระหว่างโรคหลอดเลือดสมองและสมองขาดเลือดชั่วคราว. มีโรคหลอดเลือดสมองสองประเภทหลัก คือ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) ซึ่งเกิดจากลิ่มเลือดในสมอง และหลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาด (hemorrhagic stroke) เกิดจากเส้นเลือดในสมองที่แตกและเลือดไหลเข้าสู่สมอง หลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาดนั้นพบได้ยากกว่าหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน ซึ่งมีเพียงประมาณร้อยละ 20 ของโรคหลอดเลือดสมองที่เป็นหลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาด [3] โรคหลอดเลือดทั้งสองประเภทมีความร้ายแรงและสามารถเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ถ้าบุคคลนั้นไม่ได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    • สมองขาดเลือดชั่วคราว หรือที่เรียกว่าโรคเส้นเลือดสมองตีบชั่วคราว (Transient ischemic attack, TIA) เกิดขึ้นเมื่อสมองของคุณได้รับเลือดน้อยกว่าปกติ ซึ่งสามารถมีอาการได้ตั้งแต่สองสามนาทีจนถึงหนึ่งวัน หลายคนที่เคยมีอาการสมองขาดเลือดชั่วคราวจะไม่ได้แม้กระทั่งรู้ตัวว่าพวกเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมอง แต่อาการสมองขาดเลือดชั่วคราวอาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ถ้ามีใครที่มีอาการสมองขาดเลือดชั่วคราว พวกเขาควรจะได้รับการรักษาพยาบาลทันที
  2. มองหาอาการของโรคหลอดเลือดสมองสองอาการหรือมากกว่านั้น. คนส่วนใหญ่ที่ทุกข์ทรมานจากโรคหลอดเลือดสมองจะแสดงอาการของโรคหลอดเลือดสมองซึ่งพบได้บ่อยๆ สองอาการหรือมากกว่านั้น ประกอบไปด้วย: [4]
    • อาการชาหรืออาการอ่อนแรงของใบหน้า แขน หรือขาข้างใดข้างหนึ่งของร่างกายอย่างเฉียบพลัน
    • อุปสรรคในการมองเห็นของตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างอย่างเฉียบพลัน
    • อุปสรรคในการเดิน รวมทั้งอาการเวียนศีรษะและการสูญเสียความสมดุลอย่างเฉียบพลัน
    • ความสับสนและอุปสรรคในการพูดคุยหรือการเข้าใจคนที่คุยกับพวกเขาอย่างเฉียบพลัน
    • อาการปวดหัวอย่างรุนแรงอย่างเฉียบพลันโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
  3. สำหรับคนที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองนั้นการบรรยายหรืออธิบายอาการของพวกเขาอาจจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเพื่อยืนยันว่าบุคคลนั้นเป็นโรคหลอดเลือดสมอง คุณสามารถทำการทดสอบอย่างรวดเร็วที่เรียกว่า การทดสอบ FAST: [5]
    • ใบหน้า (Face) - บอกให้บุคคลนั้นยิ้ม ตรวจสอบว่าใบหน้าของพวกเขาด้านใดด้านหนึ่งห้อยหรือชาหรือไม่ รอยยิ้มของพวกเขาอาจจะไม่เท่ากันหรือไม่สมมาตรกันบนใบหน้าด้านหนึ่ง
    • แขน (Arms) - บอกให้บุคคลนั้นยกแขนทั้งสองข้าง ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถยกแขนทั้งสองของพวกเขาได้ หรือถ้าแขนข้างใดข้างหนึ่งยกไม่ขึ้นแล้วล่ะก็ พวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
    • การพูด (Speech) - ถามคำถามง่ายๆ กับบุคคลนั้น อย่างเช่น ชื่อหรืออายุของพวกเขา จดบันทึกว่าตอนที่ตอบคุณคำพูดของพวกเขาอ้อแอ้ หรือพวกเขามีปัญหาในการสร้างคำหรือไม่
    • เวลา (Time) - ถ้าบุคคลนั้นแสดงอาการใดๆ เหล่านี้ ก็ถึงเวลาที่จะโทรหา 911 คุณควรตรวจสอบเวลาเพื่อยืนยันว่าอาการของบุคคลนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใด เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์จะใช้ข้อมูลนี้ในการดูแลบุคคลนั้นได้ดีขึ้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

การได้รับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ประสบภัยจากโรคหลอดเลือดสมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โทรหา 911 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้. เมื่อคุณยืนยันได้แล้วว่าบุคคลนั้นเป็นโรคหลอดเลือดสมอง คุณจำเป็นต้องดำเนินการทันทีและโทรหา 911 จากนั้นคุณควรจะบอกเจ้าหน้าที่ว่าบุคคลนั้นกำลังมีอาการของโรคหลอดเลือดสมองและต้องการการรักษาทางการแพทย์ทันที โรคหลอดเลือดสมองถือว่าเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ยิ่งการไหลเวียนของเลือดถูกตัดขาดไม่ให้ไปสู่สมองนานเท่าไร ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อสมองก็ยิ่งใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น [6]
  2. ทันทีที่คุณนำตัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองส่งโรงพยาบาล แพทย์จะถามคำถามบุคคลนั้น เช่น เกิดอะไรขึ้นและพวกเขาเริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่อไร คำถามเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ตรวจสอบว่าบุคคลนั้นสามารถคิดได้อย่างชัดเจนหรือไม่ และโรคหลอดเลือดสมองรุนแรงแค่ไหน แพทย์ยังจะทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของบุคคลนั้นและสั่งการทดสอบหลายอย่างอีกด้วย ได้แก่: [7]
    • การทดสอบรูปภาพ: การทดสอบเหล่านี้จะให้ภาพที่ชัดเจนของสมองของบุคคลนั้น รวมถึงซีทีสแกน (CT scan) และการเอ็มอาร์ไอสแกน (MRI scan) ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตรวจสอบว่าโรคหลอดเลือดสมองนั้นเกิดจากการอุดตันหรือการมีเลือดออกในสมอง
    • การทดสอบไฟฟ้า: คุณอาจจะได้รับการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เพื่อบันทึกแรงกระตุ้นไฟฟ้าและกระบวนการทางประสาทสัมผัสของสมอง และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อวัดกิจกรรมทางไฟฟ้าของหัวใจ [8]
    • การทดสอบการไหลเวียนของเลือด: การทดสอบเหล่านี้จะแสดงการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองที่อาจจะเกิดขึ้น
  3. ปรึกษากับแพทย์เกี่ยวกับตัวเลือกของการรักษา. โรคหลอดเลือดสมองบางอย่างอาจจะได้รับการรักษาด้วยยาที่เรียกว่า tPA ซึ่งจะละลายลิ่มเลือดที่ขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง แต่อย่างไรก็ตามหน้าต่างแห่งโอกาสในการรักษาคือสามชั่วโมง และการรักษานั้นมีแนวทางที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการใช้ [9] สิ่งสำคัญก็คือบุคคลนั้นไปถึงโรงพยาบาลภายใน 60 นาทีที่เกิดอาการของโรคหลอดเลือดสมองเพื่อให้ได้รับการประเมินและได้รับการรักษานี้ [10]
    • การศึกษาล่าสุดโดยสถาบันโรคทางระบบประสาทและโรคหลอดเลือดสมองแห่งชาติ (National Institute of Neurological Disorders and Strokes, NINDS) พบว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองบางคนที่ได้รับ tPA ภายในสามชั่วโมงเมื่อเริ่มอาการโรคหลอดเลือดสมอง ร้อยละ 30 มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวโดยอาจจะเป็นอัมพาตเพียงเล็กน้อยจนถึงไม่เป็นอัมพาตเลยหลังจากสามเดือน
    • ถ้าบุคคลนั้นไม่สามารถรับ tPA ได้ แพทย์อาจจะจ่ายยาต้านเกล็ดเลือด (antiplatelet medicine) หรือยาเจือจางเลือด (blood thinner) สำหรับ TIA หรืออาการสมองขาดเลือดชั่วคราว [11]
    • ถ้าบุคคลนั้นหลอดเลือดสมองแตกหรือฉีกขาด แพทย์อาจจะจ่ายยาลดความดันโลหิตให้ และเธอยังอาจจะหยุดการใช้ยาต้านเกล็ดเลือดหรือยาเจือจางเลือดของบุคคลนั้นอีกด้วย
    • ในบางกรณีอาจจะใช้การผ่าตัดเป็นตัวเลือกในการรักษา
    โฆษณา


เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,004 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา