ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คุณอาจเริ่มกังวลเรื่องไวรัสโคโรนา (SARS-CoV-2, ซึ่งทำให้เกิดอาการป่วย COVID-19, ก่อนหน้านี้เรียกว่า 2019-nCoV) เพราะการระบาดไม่นานมานี้ได้กลายเป็นข่าวพาดหัวระบาดไปทั่วโลก แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินเหตุ [1] หากคุณสงสัยจะได้รับเชื้อไวรัสโคโรนา จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อไม่แพร่เชื่อสู่ผู้อื่น และถึงแม้จะไม่มียารักษาไวรัสโคโรนา คุณยังสามารถดูแลรักษาอาการที่เกิดเพื่อช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เฝ้าดูอาการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตรวจดูอาการของระบบทางเดินหายใจเช่นการไอหรือมีน้ำมูก. เนื่องจากไวรัสโคโรน่าเป็นการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ การไอหรือมีน้ำมูกจึงเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด คุณอาจไอโดยที่มีหรือไม่มีน้ำมูกก็ได้ ให้ปรึกษาแพทย์ถ้าคุณคิดว่ามันอาจเกิดจากไวรัสโคโรน่า [2]
    • ลองคิดดูว่าคุณได้อยู่ใกล้ใครที่ป่วยหรือเปล่า ถ้าใช่ คุณอาจติดเชื้อมาก็ได้
    • ถ้าคุณมีอาการไอ ให้รักษาระยะห่างจากคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ เช่น ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เด็กทารก เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ที่ต้องใช้ยาต้านภูมิคุ้มกัน
  2. เนื่องจากการมีไข้เป็นอาการพื้นฐานของไวรัสโคโรน่า วัดอุณหภูมิถ้าห่วงว่าจะติดเชื้อไวรัส ไข้ที่สูงเกิน 38 องศาเซลเซียสเป็นสัญญาณว่าคุณอาจมีไวรัสโคโรน่าหรือเชื้ออื่นๆ [3] หากมีไข้ ให้พบแพทย์เพื่อดูอาการ [4]
    • ถ้ามีไข้ ก็เป็นไปได้ว่าจะติดต่อผู้อื่นได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน
  3. เข้ารับการรักษาหากคุณมีปัญหาด้านการหายใจหรือหายใจไม่สะดวก. ไวรัสโคโรนาสามารถทำให้เกิดปัญหาทางการหายใจให้รีบพบแพทย์ คุณอาจติดไวรัสโคโรนาได้ [5]
    • คุณอาจต้องเข้ารับการรักษาเพิ่มเติม ดังนั้นปรึกษาแพทย์เสมอถ้าหายใจไม่สะดวก

    เคล็ดลับ: การระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เริ่มในประเทศจีนนั้นจะทำให้เกิดโรคปอดอักเสบในผู้ป่วยบางราย ฉะนั้นอย่าลังเลที่จะพบแพทย์ [6]

  4. จำไว้ว่าการเจ็บคอหรือมีน้ำมูกเป็นสัญญาณการติดเชื้อชนิดอื่น. ไวรัสโคโรนาเป็นการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจก็จริง อาการของมันจะเป็นการไอ มีไข้ และหายใจไม่สะดวก แต่มันไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอหรือมีน้ำมูก ซึ่งจะเป็นการติดเชื้อชนิดอื่น เช่นไข้หวัดใหญ่หรือไข้หวัดธรรมดา ให้แพทย์ตรวจเพื่อความแน่ใจ [7]
    • เข้าใจได้ว่าคุณอาจกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา แต่ไม่ควรกังวลถ้าคุณไม่ได้มีอาการตามที่บอก คือไอ มีไข้ และหายใจไม่สะดวก
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

เข้ารับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โทรติดต่อแพทย์ถ้าไม่แน่ใจว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา. บอกแพทย์ว่ามีอาการและดูว่าจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจไหม แพทย์อาจแนะนำให้คุณเก็บตัวอยู่กับบ้านก่อน อย่างไรก็ดี พวกเขาอาจให้คุณมาทดสอบให้แน่ใจ ทำตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อจะได้พักฟื้นและไม่แพร่เชื้อต่อผู้อื่น [8]
    • จำไว้ว่ามันไม่มียารักษาไวรัสโคโรนา แพทย์จึงให้ยารักษาไม่ได้

    เคล็ดลับ: บอกแพทย์ด้วยว่าคุณเพิ่งเดินทางไปประเทศจีน [9] , เกาหลีใต้ [10] , อิตาลี [11] , อิหร่าน [12] หรือญี่ปุ่น [13] ), หรือได้สัมผัสกับสัตว์มาบ้างไหม นี่จะช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้ดีขึ้น [14]

  2. แพทย์อาจเก็บตัวอย่างน้ำมูกหรือตรวจเลือดเพื่อดูการติดเชื้อ นี่จะช่วยตัดการติดเชื้อแบบอื่นๆ และยืนยันเชื้อไวรัสโคโรนาได้ ให้แพทย์ทำเพื่อจะวินิจฉัยแม่นยำขึ้น [15]
    • การเก็บตัวอย่างน้ำมูกในโพรงจมูกและการตรวจเลือดนั้นไม่เจ็บ แค่อาจไม่สบายกายเล็กน้อย

    รู้หรือไม่? แพทย์จะแยกคุณออกมาอยู่ในห้องและติดต่อศูนย์ควบคุมโรคติดต่อในขณะตรวจสอบและเฝ้าติดตามอาการของคุณ หากคุณต้องสงสัยว่าจะติดโควิด-19 แพทย์จะส่งต่อตัวคุณไปยังโรงพยาบาลที่มีศูนย์เฉพาะทางหรือในสหรัฐจะเป็นศูนย์ควบคุมโรคติดต่อเท่านั้น [16]

  3. รีบเข้ารับการรักษาฉุกเฉินหากคุณหายใจไม่ออก. พยายามอย่ากังวล แต่การติดเชื้อไวรัสโคโรนาขั้นรุนแรงสามารถก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคปอดอักเสบ หากคุณหายใจลำบาก ไปพบแพทย์ หรือไปที่ห้องฉุกเฉิน [17]
    • ปัญหาการหายใจอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีโรคแทรกซ้อน แพทย์จะช่วยรักษาให้คุณมีอาการดีขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รักษาไวรัสโคโรนา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อยู่บ้านเพื่อคุณจะได้ไม่เสี่ยงแพร่เชื้อให้ผู้อื่น. คุณอาจเป็นตัวแพร่เชื้อ จึงไม่ควรออกจากบ้านถ้าป่วย ทำตัวให้สบายในบ้านในระหว่างพักฟื้น อย่าลืมบอกคนอื่นว่าคุณไม่สบายและไม่ควรมาเยี่ยม [18]
    • ถ้าจะไปพบแพทย์ ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
    • เช็คกับแพทย์ว่าเมื่อไหร่ถึงสมควรกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมได้ คุณอาจอยู่ในระยะแพร่เชื้อได้นานถึง 10 วันขึ้นไปทีเดียว
  2. สิ่งที่ดีที่สุดคือพักผ่อนในขณะที่ร่างกายต่อสู้กับเชื้อ นอนบนเตียงโดยยกท่อนบนของร่างกายให้สูงขึ้น หาผ้าห่มใกล้ตัวเผื่อรู้สึกหนาว [19]
    • การยกร่างกายท่อนบนขึ้นเพื่อช่วยให้คุณเลี่ยงอาการไอ หากมีหมอนไม่พอ พับผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวคอยหนุนตัวเองขึ้นก็ได้
  3. ไวรัสโคโรนามักทำให้ร่างกายปวดเมื่อยมีไข้ ยาที่หาซื้อได้ทั่วไปอย่างไอบูโปรเฟน (Advil, Motrin), นาพร็อกเซน (Aleve), หรืออะเซตามีโนเฟน (Tylenol) ช่วยได้ ยืนยันกับแพทย์ให้แน่ใจว่าคุณใช้ยาแก้ปวด และใช้ตามที่ฉลากยากำหนด [20]
    • อย่าให้แอสไพรินกับเด็กหรือวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะมันสามารถทำให้เกิดอาการร้ายแรงที่เรียกว่าเรย์ซินโดรมได้
    • อย่าใช้ยาเกินขนานกว่าบนฉลาก แม้คุณจะไม่รู้สึกดีขึ้นก็ตาม
  4. ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นให้หายใจได้โล่งขึ้น. คุณอาจเจ็บคอและมีน้ำมูก เครื่องเพิ่มความชื้นช่วยได้ ไอจากเครื่องจะช่วยให้ลำคอกับทางเดินหายใจชุ่มชื้นขึ้น ซึ่งจะลดอาการเจ็บคอ และลดน้ำมูกลง [21]
    • ทำตามวิธีแนะนำเพื่อใช้อย่างปลอดภัย
    • ล้างเครื่องเพิ่มความชื้นด้วยสบู่กับน้ำระหว่างการใช้เพื่อไม่ให้ขึ้นรา
  5. น้ำช่วยร่างกายสู้กับเชื้อและลดเสมหะลง ดื่มน้ำ น้ำร้อนหรือชาเพื่อช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น รับประทานซุปใสเพื่อเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกาย [22]
    • น้ำอุ่นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอด้วย ลองใช้น้ำร้อนหรือชาร้อนแล้วบีบมะนาวเลมอนกับน้ำผึ้งสักหนึ่งช้อนลงไปผสมด้วย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เนื่องจากไวรัสโคโรนาใช้เวลาราว 2-14 วันในการเพาะตัว คุณอาจไม่สังเกตเห็นอาการในทันทีที่ติดเชื้อ [23]
  • ท่าอากาศยานทั่วโลกเริ่มทำการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศจีนเพื่อหาไวรัสโคโรนาแล้ว ความพยายามนี้จะช่วยจำกัดวงการระบาดของโรค [24]
โฆษณา

คำเตือน

โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,262 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา