การรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นสำคัญมาก เพราะในคอมประกอบไปด้วยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลองค์กร กระทั่งข้อมูลทางการเงิน แต่ก็เบาใจได้ เพราะสมัยนี้คุณรักษาความปลอดภัยให้คอมพิวเตอร์ได้ง่ายดาย แต่ต้องเป็นการป้องกันไว้ก่อน อย่างการตั้งรหัสผ่านให้แน่นหนา ควบคู่ไปกับขั้นตอนการยืนยันตัวตน จะช่วยป้องกันไม่ให้ใครหรือโปรแกรมไหนขโมยตัวตน หรือเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ง่ายๆ ส่วนการใช้โปรแกรมป้องกัน หรือ antivirus จะช่วยให้แฮกเกอร์ ไวรัส และมัลแวร์ เจาะเข้าคอมพิวเตอร์ของคุณได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเข้ารหัสข้อมูล และเรียนรู้วิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างปลอดภัยด้วย เท่านี้เวลาท่องเน็ตก็หายห่วงเรื่องข้อมูลรั่วไหล
ขั้นตอน
-
ติดตั้งโปรแกรม antivirus ไว้ดูแลคอมพิวเตอร์. โปรแกรม antivirus เป็น utility รักษาความปลอดภัย ออกแบบมาเพื่อป้องกัน PC จากไวรัส, spyware, malware และภัยคุกคามออนไลน์อื่นๆ โดยเฉพาะ ถ้าเป็นโปรแกรม antivirus ดีๆ จะเป็นแบบเสียเงิน ต้องซื้อแล้วติดตั้งลง PC [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โปรแกรม antivirus ดังที่คนนิยม ก็เช่น Avast, AVG, McAfee และ Symantec
- ตั้งค่าให้โปรแกรมสแกนไวรัสและมัลแวร์อัตโนมัติ รักษาความปลอดภัยให้คอม
- หลายโปรแกรมช่วยบล็อกโฆษณาและสแปมในเว็บไซต์ได้ด้วย เท่านี้ก็ท่องเว็บในคอมได้สบายใจมากขึ้น
-
เปิดใช้ firewall เพื่อคัดกรองข้อมูลในเน็ต. firewall เป็นโปรแกรมใช้ monitor หรือเฝ้าระวังข้อมูลที่ผ่านเข้ามาในคอมระหว่างเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และคอยบล็อกมัลแวร์และโปรแกรมอันตราย ให้เข้าไปที่ control panel ของคอม แล้วเปิดเมนู “System and Security” จากนั้นคลิก shortcut ของ Windows Firewall แล้วเช็คว่าเปิดไว้
- firewall ที่ติดมากับ Windows ก็ใช้งานได้ดีพอๆ กับ firewall ของโปรแกรม antivirus เลย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เวลาจะเปิด firewall ต้องต่อเน็ตก่อน ถึงจะเชื่อมต่อสำเร็จ
- ถ้าหา shortcut ไม่เจอ ให้พิมพ์ “firewall” ในแถบค้นหาของเมนู System and Security
เคล็ดลับ: ถ้าโปรแกรม antivirus ที่ใช้ มี firewall ในตัว ให้ใช้ firewall นั้นแทน จะได้ทำงานควบคู่ไปกับโปรแกรม antivirus แบบลื่นไหล
-
ล้างคอมด้วยโปรแกรมกำจัด malware. firewall และโปรแกรม antivirus นั้นเอาไว้ป้องกันคอมไม่ให้ติดไวรัส แต่กำจัดไวรัสหรือ malware ที่อยู่ในคอมแล้วไม่ได้ ให้ใช้โปรแกรม anti-malware ล้างระบบหลังติดไวรัสหรือโดน malware จู่โจม ให้ดาวน์โหลดโปรแกรมแล้วหมั่นสแกนคอมเป็นระยะ ว่ามีโปรแกรมอันตรายหรือเปล่า [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- โปรแกรม anti-malware ที่คนนิยมใช้กันก็เช่น Spybot Search & Destroy และ Malwarebytes Anti-Malware
- ตั้งเวลาสแกน spyware, malware และไวรัสเป็นประจำ
โฆษณา
-
เลือก “Always use https” ใน Gmail. ถ้าอยากให้ Gmail ของคุณใช้การเชื่อมต่อ HTTPS แบบเข้ารหัสอยู่ตลอด ต้องคลิกไอคอนฟันเฟืองมุมขวาบน เลื่อนไปที่ tab “General” แล้วเลือกใช้ HTTPS connection ในเมนู general เสมอ [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- settings ของ Gmail จะถูกเซฟไว้ ต่อไปพอใช้งาน ก็จะเชื่อมต่อแบบ HTTPS เสมอ
- ปกติ Gmail จะมีข้อมูลสำคัญและข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของเจ้าของบัญชี เพราะงั้นถ้าเชื่อมต่อแบบ HTTPS ก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น
-
ตั้งค่าใช้งาน Facebook แบบ HTTPS. ถ้าจะเปลี่ยน settings ของ Facebook ให้เชื่อมต่อแบบ HTTPS ให้คลิกลูกศรชี้ลง ตรงมุมขวาบนของหน้าจอ แล้วเลือก “Account Settings” ในเมนู account settings ให้คลิกตัวเลือก “Security” เพื่อเปิดเมนูใหม่ ในหัวข้อ “Secure Browsing” ให้ติ๊กช่อง “Browse Facebook on a secure connection (https) when possible” เพื่อเปลี่ยน settings [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ทั้งไวรัสและมัลแวร์สามารถเจาะเข้าคอมคุณทางบัญชี Facebook ได้
-
ติดตั้ง extension ชื่อ HTTPS Everywhere ในเบราว์เซอร์. ถ้าใช้เบราว์เซอร์ Google Chrome, Opera และ Firefox ก็เพิ่ม extension นี้ ที่จะร้องขอการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่เข้าเว็บต่างๆ ถ้าเว็บนั้นรองรับการเชื่อมต่อแบบ HTTPS เบราว์เซอร์ก็จะเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสโดยอัตโนมัติ ให้คุณดาวน์โหลด extension ที่ว่า เพื่อเพิ่มเข้าเบราว์เซอร์ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เข้าเว็บ https://www.eff.org/https-everywhere เพื่อดาวน์โหลด extension
เคล็ดลับ: พอติดตั้ง extension แล้ว ต้องเปิดไว้ โดยคลิกไอคอนที่มุมหน้าต่างเบราว์เซอร์
-
เชื่อมต่อ Wi-Fi อย่างปลอดภัย โดยใช้ VPN service. ถ้าล็อกอินสัญญาณ Wi-Fi สาธารณะ หรือสัญญาณเน็ตของคนอื่น คอมคุณก็เสี่ยงโดนเจาะข้อมูลโดยแฮกเกอร์ ไวรัส และมัลแวร์ได้ ถ้าใช้ Virtual Private Network (VPN) จะเข้ารหัสข้อมูล รักษาความปลอดภัยให้คอม ให้คุณท่องเว็บได้อย่างสบายใจ [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณ subscribe ใช้บริการ VPN ดังอย่าง Tunnel Bear, Cyber Ghost และ ProtonVPN ได้
- หลาย VPN จะมีค่าบริการรายเดือน ต้องจ่ายถึงจะใช้บริการเข้ารหัสได้
- ลองค้นหา VPN ฟรีแต่ดีเพิ่มเติมดู
-
เชื่อมต่อเว็บไซต์แบบ HTTPS เพื่อรักษาความปลอดภัยให้คอม. Hypertext transfer protocol secure (HTTPS) เป็นการเชื่อมต่อเว็บไซต์แบบเข้ารหัส เบราว์เซอร์ใช้เวลาคุณเปิดและอ่านข้อมูลในเว็บ คุณเช็คได้ว่าเว็บที่เข้า ใช้การเชื่อมต่อแบบ HTTPS โดยสังเกต “https:” ที่นำหน้า address ของเว็บในแถบ address ของเบราว์เซอร์ [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เว็บส่วนใหญ่ใช้การเชื่อมต่อแบบ HTTPS เพื่อป้องกันคอมจากไวรัสและมัลแวร์
โฆษณา
-
เปิดใช้ “Two-step Verification” ในบัญชี Windows. เปิดเบราว์เซอร์ แล้วล็อกอินบัญชีในเว็บ Microsoft จากนั้นหา security settings ทางด้านบนของหน้า แล้วคลิกเพื่อเข้าเมนู พอเมนู security ขยายออกมา ให้มองหาตัวเลือก “Two-step Verification” แล้วคลิกปุ่มเพื่อเปิดใช้งาน [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Microsoft Support ไปที่แหล่งข้อมูล
- ล็อกอินบัญชี https://account.microsoft.com/profile
- two-step verification หรือการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน เป็นช่องทางให้คุณได้ยืนยันว่าต้องเป็นคุณ ถึงจะเข้าใช้งานบัญชีนั้นได้ เรียกว่ารักษาความปลอดภัยให้คอมไปอีกระดับ
- ไม่ต้องใช้แอพ Outlook หรือแอพอื่นๆ ของ Windows ก็ใช้ two-step verification ได้
เคล็ดลับ: ถ้าจะเพิ่มขั้นตอนการยืนยันตัวตนชั้นที่ 2 ต้องมีมือถือหรืออีเมลให้ Microsoft ส่งโค้ดยืนยันไปให้ได้ โดยพิมพ์เบอร์โทร ถ้าจะรับโค้ดทาง SMS และพิมพ์อีเมล ถ้าจะรับโค้ดทางอีเมล
-
ดาวน์โหลดแอพ authenticator เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แอพอื่นๆ ที่ใช้. ดาวน์โหลดแอพ authenticator ลงสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต จะได้ไม่ต้องรับโค้ดทาง SMS หรืออีเมลทุกครั้งที่ต้องยืนยันตัวตนเวลาใช้แอพหรือบัญชีผู้ใช้ จากนั้นเพิ่มทุกแอพที่ใช้งานลงในแอพ authenticator เท่านี้ก็ยืนยันตัวตนและรักษาความปลอดภัยให้แอพต่างๆ ได้สะดวกแล้ว [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แอพ authenticator ดังก็เช่น Google Authenticator, Authy และ LastPass
- พ่วงบัญชีโซเชียลมีเดียกับแอพ authenticator ด้วย เพื่อรักษาความปลอดภัยไปอีกขั้น
-
ใช้ password manager จัดการรหัสผ่าน. password manager ไม่ได้แค่เอาไว้เก็บรหัสผ่านโดยไม่ต้องมาท่องจำ แต่ยังให้คุณสร้างและใช้งานรหัสผ่านที่จำง่ายแต่เดายากด้วย เวลาสมัครใช้เว็บหรือแอพใหม่ๆ ตอนล็อกอินก็เปิด password generator จากนั้น copy รหัสผ่าน แล้ว paste ในช่องล็อกอิน [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บาง password manager จะมาพร้อม extension ของเบราว์เซอร์ ใช้กรอกรหัสผ่านโดยอัตโนมัติ
- password manager ดังที่คนนิยมก็เช่น LastPass, 1Password และ Dashlane
- อาจจะต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนหรือรายปีด้วย ถึงจะดาวน์โหลดบาง password manager ได้
-
ใส่เบอร์โทรในบัญชี Google เพื่อเปิดใช้ 2-Step Verification. Google มีระบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน ที่เรียกว่า 2-Step Verification ช่วยให้บัญชีของคุณยิ่งปลอดภัย ขั้นแรกให้ไปที่ account security settings ในเบราว์เซอร์ แล้วเพิ่มสมาร์ทโฟนในบัญชี เพื่อเปิดใช้งาน จะมีโค้ดส่งมาทาง SMS ทางโทรศัพท์ หรือทางแอพ authenticator [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ดาวน์โหลดแอพ Google Authenticator จากใน app store หลัง activate เปิดใช้งาน 2-Step Verification แล้ว เพื่อสร้างโค้ดยืนยัน แม้จะไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ก็ตาม
-
เปลี่ยน settings ของ Facebook เพื่อเริ่มใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน. ถ้าอยากใช้ Facebook อย่างปลอดภัยกว่าเดิม ให้ไปที่เมนู “Security and Login” ใน account settings คลิก “Edit” ทางขวาของตัวเลือก “Two-Factor Authentication” เพื่อเลือกช่องทางยืนยันตัวตนขั้นที่ 2 คือรับโค้ดทาง SMS หรือใช้แอพ authenticator [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่าลืมว่าใน Facebook มีข้อมูลส่วนตัวของคุณเต็มไปหมด ต้องรักษาความปลอดภัยดีๆ เพราะเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์หรือมัลแวร์เจาะเข้าคอมได้
โฆษณา
-
อัพเดทคอมให้ทันสมัยอยู่เสมอ. ในคอมต้องใช้ tools และอัพเดทเวอร์ชั่นล่าสุดถึงจะปลอดภัย ให้ไปที่ Windows Update ใน control panel แล้วคลิก “Check for Updates” แล้วเลือกติดตั้งอัพเดทใหม่ที่มี [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บางอัพเดทใช้เวลาเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าไม่ได้อัพเดทคอมมานาน
- รีสตาร์ทคอมเมื่ออัพเดทเสร็จ จะได้มีผลใช้งาน
-
สแกนไฟล์แนบในอีเมลก่อนเปิด. ถึงจะขึ้นว่าส่งมาโดยคนรู้จัก แต่อาจจะเป็นเทคนิค “spear phishing” ที่ปลอมเป็นหนึ่งใน contacts ของคุณ เพราะต้องการเข้าถึงอีเมลและคอมของคุณก็ได้ ให้คลิกขวาที่ไฟล์แนบ แล้วเลือกสแกนไฟล์เอง เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
เคล็ดลับ: ห้ามเปิดไฟล์แนบในอีเมลที่ได้รับจากคนหรือองค์กรที่ไม่รู้จักเด็ดขาด
-
ปิดการแสดงรูปในอีเมล เพื่อป้องกันอีกชั้น. มัลแวร์อาจจะใช้ช่องโหว่เจาะเข้ามาในอีเมลและคอมได้ คุณป้องกันมัลแวร์ได้โดยปิดการแสดงรูปในอีเมลที่ได้รับ ให้ไปที่ account settings ในอีเมล แล้วเลือกให้ถามก่อนแสดงรูปในอีเมล [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าใช้ Gmail ให้คลิก settings มุมขวาบนของหน้าจอ เลือก mail settings แล้วคลิกช่อง “Ask before displaying external content.”
-
ใช้บัญชี Windows ที่ไม่ใช่บัญชีแอดมิน บล็อก malware. ถ้าเริ่มใช้งานคอมโดยไม่ได้เปลี่ยน settings แสดงว่าคุณอาจจะใช้บัญชีแอดมินอยู่ ซึ่งอาจเปิดช่องโหว่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาในคอมได้ ให้เลือก “Manage another account” ในเมนู User Accounts แล้วสร้างบัญชีใหม่ โดยเลือก “Standard user” ตอนสร้างบัญชี [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การใช้บัญชีธรรมดา (standard account) เท่ากับยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้คอมของคุณ
-
ล้าง cookies ที่ไม่ต้องการ หรือไม่จำเป็น จากเบราว์เซอร์. cookies เป็นวิธีที่เว็บต่างๆ ใช้เก็บข้อมูลของคุณและเบราว์เซอร์ เพื่อให้คราวหน้ากลับมาท่องเว็บได้แบบลื่นไหล สะดวกรวดเร็ว แต่ก็อาจถูกแฮกเกอร์หรือมัลแวร์เอาไปใช้งานได้ ให้เข้า browser settings แล้วล้าง cookies ทั้งหมดที่ไม่ได้ใช้ [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เก็บ cookies ของบางเว็บไว้ก็สะดวกดี จะได้ไม่ต้องมานั่งกรอกข้อมูลใหม่ทุกครั้งที่เข้าเว็บ
-
หลีกเลี่ยงเว็บที่ไม่มี HTTPS ใน address. ถ้าเว็บนั้นน่าสงสัย หรือมีให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ก็อย่าเข้า เพื่อป้องกันคอมโดนเจาะข้อมูล สัญญาณที่ชัดเจนมากว่าเว็บนั้นไม่ปลอดภัย ก็คือที่อยู่เว็บไม่มี HTTPS [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แต่เว็บที่ไม่มี HTTPS ใน address ก็ไม่อันตรายเสมอไป แค่ไม่ได้เข้ารหัส คุณก็แค่อย่ากรอกข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินลงไป เท่านั้นก็ปลอดภัย
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ https://geekflare.com/advantages-using-antivirus/
- ↑ https://www.tomsguide.com/us/antivirus-software-buying-guide,review-3586.html
- ↑ https://www.tomsguide.com/us/antivirus-software-buying-guide,review-3586.html
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://www.howtogeek.com/181767/htg-explains-what-is-https-and-why-should-i-care/
- ↑ https://support.microsoft.com/en-us/help/12408/microsoft-account-how-to-use-two-step-verification
- ↑ https://www.zdnet.com/article/how-to-use-an-authenticator-app-to-improve-your-online-security/
- ↑ https://techcrunch.com/2018/12/25/cybersecurity-101-guide-password-manager/
- ↑ https://www.pcmag.com/feature/358289/two-factor-authentication-who-has-it-and-how-to-set-it-up/1
- ↑ https://www.pcmag.com/feature/358289/two-factor-authentication-who-has-it-and-how-to-set-it-up/2
- ↑ https://edu.gcfglobal.org/en/basic-computer-skills/how-to-update-your-software/1/
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://www.cnet.com/how-to/how-to-secure-your-pc-in-10-easy-steps/
- ↑ https://hackernoon.com/how-to-browse-the-internet-safely-d84e59d56057
- ↑ https://www.comparitech.com/blog/information-security/recognize-secure-sites-avoid-fake-scam-websites/