ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ต่อมบาร์โธลินจะอยู่ตรงปากช่องคลอดตรงแคมข้างใดข้างหนึ่ง หน้าที่หลักของต่อมนี้คือหลั่งสารน้ำผ่านท่อบาร์โธลินเพื่อสร้างการหล่อลื่นตรงแคมและในช่องคลอด ถ้าตรงรูเปิดของท่อถูกกีดขวาง สารน้ำก็จะสะสมจนเกิดเป็นอาการบวมข้างๆ บริเวณที่มีการกีดขวาง การกำจัดถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินนั้นสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มจากการรักษาด้วยตนเอง เช่น นั่งแช่น้ำ ซึ่งอาจจะช่วยให้ถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินฝ่อไปเองได้ แต่ถ้าถุงน้ำยังคงไม่ฝ่อ คุณก็อาจจะเลือกเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ เช่น รับประทานยาแก้ปวด ระบายน้ำด้วยการผ่าตัด ผ่าระบายโพรงโดยให้เป็นทางเปิดสู่ภายนอกตลอดเวลา และ/หรือรับประทานยาปฏิชีวนะถ้าถุงน้ำติดเชื้อด้วย และหลังจากรักษาถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินแล้ว การทำตามขั้นตอนเพื่อให้ฟื้นตัวได้อย่างถูกต้องและหายสนิทก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ใช้วิธีการรักษาด้วยตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ยืนยันการวินิจฉัยว่าเป็นถุงน้ำในต่อมบาร์โธลิน. [1] คุณอาจจะสังเกตว่ามีก้อนเนื้อที่ทำให้รู้สึกปวดอยู่ตรงแคมข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะเป็นถุงน้ำในต่อมบาร์โธลิน คุณอาจจะรู้สึกปวดเวลานั่งหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งก็บวมเฉยๆ แต่ไม่ปวดเลย ถ้าคุณสงสัยว่าตัวเองอาจจะมีถุงน้ำในต่อมบาร์โธลิน ให้ไปพบแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวเพื่อเข้ารับการตรวจภายในและยืนยันการวินิจฉัย
    • นอกจากการตรวจภายในแล้ว แพทย์ก็น่าจะตรวจการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI) ด้วย
    • เนื่องจากว่าถ้าคุณติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์พร้อมกับมีถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินด้วย ถุงน้ำก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (และคุณก็น่าจะได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะอธิบายอย่างละเอียดในภายหลัง)
    • ถ้าคุณอายุ 40 ปีขึ้นไป ก็อาจจะมีการตัดชิ้นเนื้อของถุงน้ำไปตรวจด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เป็นมะเร็งที่ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
  2. นั่งแช่น้ำ วันละหลายๆ ครั้ง. [2] หนึ่งในวิธีการรักษาถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินที่สำคัญก็คือ การนั่งแช่น้ำเป็นประจำ การนั่งแช่น้ำก็คือการที่คุณเติมน้ำใส่อ่างอาบน้ำให้พอมิดก้นและอวัยวะเพศเวลาที่คุณนั่งลงไปในน้ำ โดยน้ำไม่จำเป็นต้องลึกกว่านั้น หรือจะลึกกว่านั้นก็ได้ถ้าต้องการ (ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว และขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากเพลิดเพลินไปกับการแช่น้ำ หรือแค่อยากได้ความสะดวกเฉยๆ)
    • คุณควรนั่งแช่น้ำอย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง
    • จุดประสงค์ของการนั่งแช่น้ำเป็นประจำก็คือ การทำให้บริเวณรอบๆ ถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินสะอาด ลดความเจ็บปวดและ/หรือความไม่สบายตัวในบริเวณนั้น และยังเพิ่มโอกาสที่ถุงน้ำจะระบายน้ำออกเองตามธรรมชาติด้วย
  3. ไปพบแพทย์หากถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินไม่ฝ่อไปเอง. ถ้าถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินไม่ระบายน้ำออกเองตามธรรมชาติและไม่ฝ่อไปเองหลังจากนั่งแช่น้ำไปแล้วหลายวัน คุณอาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องความเป็นไปได้ในการระบายน้ำด้วยการผ่าตัด สาเหตุที่ต้องปรึกษาเรื่องวิธีการรักษาอย่างทันท่วงทีก็เพราะว่า ถ้าถุงน้ำไม่ฝ่อ มันก็อาจจะติดเชื้อและก่อตัวเป็นสิ่งที่เรียกว่า "ฝี" ได้ [3] ซึ่งจะซับซ้อนกว่าการรักษาถุงน้ำธรรมดา เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจจะดีกว่า
    • ถ้าคุณอายุต่ำกว่า 40 ปีและถุงน้ำก็ไม่ได้แสดงอาการ (ไม่ปวด ไม่มีไข้ และอื่นๆ) โดยมากก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์
    • ถ้าคุณสังเกตว่าคุณมีไข้ขณะที่มีถุงน้ำในต่อมบาร์โธลิน ให้ไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา
    • ในการป้องกันไม่ให้ถุงน้ำติดเชื้อนั้น ให้ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่แน่ใจว่าคู่นอนติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์หรือเปล่า แต่คุณไม่จำเป็นต้องงดมีเพศสัมพันธ์ [4]
  4. [5] ระหว่างที่รอรักษาถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินและ/หรือรอให้มันหาย คุณอาจจะรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาความไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้น คุณสามารถหาซื้อยาแก้ปวดที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ได้ตามร้านขายยาใกล้บ้าน ยาแก้ปวดที่รับประทานกันทั่วไปได้แก่ :
    • ไอบูโพรเฟน (แอดวิล มอทริน) ขนาด 400 – 600 มก. ทุก 4-6 ชั่วโมงตามอาการ
    • อะเซตามิโนเฟน (ไทลีนอล) 500 มก. ทุก 4-6 ชั่วโมงตามอาการ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เข้ารับการรักษาทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีการกำจัดถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินที่ไม่ยอมหายไปเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การระบายน้ำด้วยการผ่าตัด คุณอาจจะไปพบแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวที่อาจจะรักษาด้วยตัวเอง (ถ้าเขาเชี่ยวชาญในการผ่าตัดลักษณะนี้มาก่อน) หรืออาจจะส่งตัวคุณให้แพทย์คนอื่นเป็นคนผ่าตัดก็ได้
    • การผ่าและการระบายน้ำส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอกที่คลินิก และใช้ยาชาเฉพาะที่เท่านั้น
    • แพทย์จะผ่า (เปิด) ลงไปในถุงน้ำเพื่อให้ของเหลวข้างในไหลออกมา
    • อาจจะมีการใส่สายสวน (ท่อ) เข้าไปในถุงน้ำเป็นเวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์หลังการผ่า ซึ่งมักจะทำเฉพาะในกรณีที่ถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินกลับมาขึ้นใหม่เท่านั้น
    • จุดประสงค์ของการใส่สายสวนเข้าไปก็คือเพื่อให้ถุงน้ำเปิด ของเหลวที่สะสมอยู่จะได้ไหลออกมาได้เลย
    • การเปิดถุงน้ำเอาไว้ช่วยป้องกันการสะสมของของเหลว ทำให้ถุงน้ำหายไปเองตามธรรมชาติ
  2. [6] ถ้าถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินดูเหมือนจะติดเชื้อ หลังจากระบายน้ำด้วยการผ่าตัดแล้วแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้ คุณต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบ และอย่าลืมรับประทานยาเม็ดใดเม็ดหนึ่งไป เพราะถ้าหากลืมประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะก็จะลดลง
    • นอกจากนี้ถ้าคุณติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ คุณก็จะได้รับยาปฏิชีวนะมาด้วยไม่ว่าตอนนี้ถุงน้ำจะติดเชื้อหรือไม่ก็ตาม
    • จุดประสงค์ก็คือเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพราะการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มความเสี่ยงที่ถุงน้ำจะติดเชื้อในภายหลัง
  3. ปรึกษาแพทย์เรื่อง "การผ่าระบายโพรงโดยให้เป็นทางเปิดสู่ภายนอกตลอดเวลา. " ถ้าถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินกลับมาอีกครั้ง คุณสามารถปรึกษาแพทย์เรื่องขั้นตอนการรักษาที่เรียกว่า การผ่าระบายโพรงโดยให้เป็นทางเปิดสู่ภายนอกตลอดเวลาได้ ก็คือเวลาที่แพทย์ผ่าตัดเพื่อระบายของเหลวออกมา แพทย์จะเย็บแผลไว้ที่ข้างใดข้างหนึ่งของถุงน้ำเพื่อเปิดมันเอาไว้หลังการผ่าตัด [7]
    • การเปิดแบบนี้เป็นการเปิดถาวร และทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินกลับมาอีก
    • แพทย์น่าจะสอดสายสวน (ท่อ) อีก 2-3 วันหลังจากการผ่าตัด แต่หลังจากนั้นก็จะเอาสายสวนออกเพราะรอยเย็บจะแน่นพอที่จะทำให้แผลผ่าตัดเปิดแล้ว
  4. [8] ถ้าคุณมีถุงน้ำที่เป็นอันตรายหรือถุงน้ำกลับมาอีก หนึ่งในการรักษาที่เป็น "ทางเลือกสุดท้าย" ก็คือ การเอาต่อมบาร์โธลินออกไปเลยด้วยวิธีการผ่าตัดหรือเลเซอร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนการรักษาทั่วไปที่ไม่ต้องค้างคืนที่โรงพยาบาล
  5. รู้ว่ายังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดถุงน้ำในต่อมบาร์โธลิน. [9] แม้ว่าหลายคนอาจจะเคยถามว่า มีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยป้องกัน (หรือลดความเสี่ยง) ของการเกิดถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินตั้งแต่แรก แต่แพทย์ก็บอกว่ายังไม่มีวิธีการป้องกัน โดยแพทย์แนะนำให้คุณเริ่มรักษาไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยตนเอง หรือเข้ารับการรักษาทางแพทย์ทันทีที่คุณสังเกตว่ามีถุงน้ำเกิดขึ้น
    • หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่รุนแรงและน้ำหอมในบริเวณนั้นจะช่วยลดการระคายเคืองได้
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

พักฟื้นหลังจากการระบายน้ำด้วยการผ่าตัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. [10] หลังจากการระบายน้ำด้วยการผ่าตัดหรือการผ่าระบายโพรงโดยให้เป็นทางเปิดสู่ภายนอกตลอดเวลาแล้ว คุณต้องนั่งแช่น้ำต่อในระหว่างการพักฟื้นให้แผลหาย เพื่อให้แน่ใจว่าบริเวณนั้นสะอาด เร่งกระบวนการให้แผลหายสนิทที่สุด และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อให้น้อยที่สุด
    • แนะนำว่าคุณควรเริ่มนั่งแช่น้ำหลังจากผ่าตัดไปแล้ว 1-2 วัน
  2. [11] แพทย์อาจจะใส่สายสวนเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์เพื่อให้ถุงน้ำในต่อมบาร์โธลินเปิดและป้องกันการสะสมของของเหลวหลังจากการระบายน้ำด้วยการผ่าตัด ตราบใดที่สายสวนยังอยู่ข้างใน คุณต้องงดมีเพศสัมพันธ์
    • การงดมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลานั้นยังช่วยป้องกันไม่ให้ถุงน้ำติดเชื้อด้วย
    • หลังจากการผ่าระบายโพรงโดยให้เป็นทางเปิดสู่ภายนอกตลอดเวลาแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ใส่สายสวน คุณก็ควรงดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 4 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัดเพื่อให้แผลหายสนิท
  3. [12] คุณอาจจะรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (แอดวิล มอทริน) หรืออะเซตามิโนเฟน (ไทลีนอล) ได้ตามอาการ แต่ถ้าอาการปวดรุนแรงมาก คุณอาจจะขอให้แพทย์จ่ายยาแก้ปวดที่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ (ยาเสพติด) เช่น มอร์ฟีน ในช่วงพักรักษาตัวแรกๆ
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 32,729 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา