ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ผิวแตกสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อผิวของคุณแห้งเกินไป เมื่อผิวของเราแห้ง ผิวก็จะขาดความยืดหยุ่นและได้รับแรงกดจากการใช้งานทุกๆ วันจึงทำให้เกิดรอยแตกได้ รอยแตกพวกนี้ทำให้เจ็บได้แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อด้วย มันสำคัญมากที่คุณจะรักษาผิวที่แตกของคุณให้หายก่อนที่มันอาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงมากกว่านี้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

รักษาผิว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณควรเริ่มจากการตรวจสอบว่าอาจจะมีสัญญาณการติดเชื้อหรือไม่ ถ้าในบริเวณนั้นพอง, มีเลือดหรือหนอง, หรือมันนิ่มๆ และมีอาการเจ็บปวด คุณควรไปพบแพทย์ของคุณทันที หรือคลินิกผิวหนังในพื้นที่ของคุณ การที่ผิวแตกนั้นมีแนวโน้มเป็นอย่างมากที่จะติดเชื้อ และการติดเชื้อเหล่านี้ต้องได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ
  2. เริ่มการรักษาเบื้องต้นของผิวแตกโดยการทำให้ผิวชุ่ม นำกะละมัง, ถัง, หรืออ่างใส่น้ำอุ่นลงไป อย่าให้น้ำร้อน จากนั้นให้คุณใส่น้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิลลงไปเล็กน้อยเพื่อที่จะช่วยฆ่าเชื้อที่ผิวของคุณ ใช้น้ำส้มสายชูประมาณ 1 ถ้วยต่อน้ำ 1 แกลลอน การฆ่าเชื้อนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้
  3. ใช้ผ้าขนหนูสะอาด ค่อยๆ ขัดบริเวณที่ผิวแตก การทำแบบนี้จะช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปและช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่คุณจะใช้ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น ระวังระวังที่จะขัดผิวเบาๆ และผ้าขนหนูที่ใช้นั้นสะอาดดี
    • หลังจากที่คุณได้รักษารอยแตกไปแล้ว คุณสามารถใช้รูปแบบของการขัดผิวที่รุนแรงขึ้นหน่อย แต่ก็ไม่ควรทำมากกว่า 1 ครั้งต่ออาทิตย์ ผิวของคุณนั้นบอบบางและต้องได้รับการรักษาอย่างระมัดระวัง
  4. ล้างผิวของคุณรอบสุดท้าย จากนั้นให้ทาครีมบำรุงผิว คุณต้องการที่จะให้ผิวของคุณชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาจากการทาผิว ไม่อย่างนั้นผิวของคุณอาจจะแห้งมากขึ้นได้
    • เราแนะนำผลิตภัณฑ์จากน้ำมันขนแกะ แต่คุณจะเจอกับคำแนะนำอื่นๆ ในย่อหน้าถัดไป
  5. ถ้าคุณมีเวลา อย่างเช่นถ้าคุณสามารถรักษาผิวของคุณได้ข้ามคืนหรือในช่วงวันหยุด การใช้ชุดเปียกๆ อาจจะช่วยให้ผิวของคุณดีขึ้นและอย่างน้อยก็ทำให้คุณสบายมากขึ้น [1] การแต่งชุดเปียกคือการที่คุณให้ผ้าชั้นหนึ่งของคุณมีความชุ่มชื้นและปิดอีกชั้นด้วยผ้าที่แห้ง ตัวอย่างเช่น ถ้าเท้าของคุณแตก ให้ทำถุงเท้าซักคู่ของคุณให้เปียกและบีบให้แห้งเพื่อที่จะได้ไม่หยด ใส่ถุงเท้าคู่ที่เปียกและตามด้วยถุงเท้าคู่ที่แห้ง ใส่นอนแบบนี้ข้ามคืน
    • มันสำคัญมากที่จะไม่ใช้วิธีนี้ถ้าคุณสงสัยว่าคุณติดเชื้อตรงรอยแตก เพราะนั่นจะเป็นการทำให้การติดเชื้อยิ่งแย่ลงไปอีก
  6. สำหรับการรักษาระหว่างวัน ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ผ้าพันแผลที่มีของเหลวหรือเจล หรืออย่างน้อยใช้ผลิตภัณฑ์ยาปฏิชีวนะ เช่น ยานีโอสปอริน เป็นยาป้องกันการติดเชื้อ คุณสามารถปิดบริเวณนั้นด้วยผ้าคอตตอนที่เอาไว้พันแผลและพันทับด้วยผ้ากอซ
  7. คอยดูแลความสะอาดและปกป้องบริเวณรอยแตกจนกว่าแผลจะหาย. คุณแค่ต้องอดทนระหว่างรอให้รอยแตกของคุณหายดี คอยดูแลให้บริเวณรอยแตกสะอาดและปิดแผลเอาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง ถ้ารอยแตกของคุณอยู่ที่เท้า ให้คุณใส่ถุงเท้าที่สะอาดและคอยเปลี่ยนถุงเท้าอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งหรือ 2 ครั้ง จนกว่ารอยแตกของคุณจะหายดี ถ้ารอยแตกของคุณอยู่ที่มือ ให้คุณสวมใส่ถุงมือเมื่อคุณต้องไปข้างนอกและทำกิจกรรมอย่างเช่น การล้างจาน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

คอยรักษาความชุ่มชื้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอคุณได้เริ่มการรักษารอยแตกที่ผิวของคุณแล้ว สิ่งที่คุณควรทำต่อคือการเริ่มทำให้เป็นประจำเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงการเกิดรอยแตกมากขึ้น ปัญหาผิวหนังนี้ควรจะโฟกัสที่จะหาวิธีหลีกเลี่ยงดีกว่าที่จะต้องคอยมาแก้เมื่อมันเกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะใช้ครีมทาผิวชนิดใดเป็นประจำ แค่ทำให้แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่คุณสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานๆ และบ่อยๆ เพราะว่านี่เป็นทางแก้ที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหาผิวแตก
  2. ครีมน้ำมันขนแกะเป็นครีมที่มีเนื้อครีมเหมือนขี้ผึ้ง ซึ่งทำมาจากสัตว์ที่มีขนเป็นแบบวูล วิธีนี้เป็นวิธีทางธรรมชาติที่ดีที่สุดที่จะปกป้องผิว ใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง คุณควรจะทาครีมทุกๆ วันหรือทุกๆ 3 วันเพื่อยังคงความผิวนุ่มอยู่ เมื่อคุณเริ่มใช้ครั้งแรก ให้ทาให้ทั่วๆ ในตอนกลางคืนและให้เวลากับครีมได้ซึมเข้าสู่ผิวของคุณ
    • แบ๊กบาล์ม เป็นยี่ห้อที่รู้จักกันดีในเรื่องของผลิตภัณฑ์น้ำมันจากขนแกะในสหรัฐอเมริกา และสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
  3. ถ้าไม่ได้ใช้ครีมจากน้ำมันขนแกะ คุณจะต้องทำการวิเคราะห์ว่าคุณจะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหนเพื่อบำรุงผิว คุณจะต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ถูกต้อง เพื่อที่จะเป็นตัวรับรองว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ครีมบำรุงผิวส่วนมากจะใช้ส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ, ฟังดูแล้วจะทำให้สุขภาพผิวดี แต่ความจริงแล้วนั่นอาจจะไม่ได้ช่วยบำรุงผิวของคุณมากเท่าที่ควร คุณอาจจะต้องดูส่วนผสมต่อไปนี้จากในรายการนี้แทน [2] :
    • สารฮิวเมกเตนท์ (Humectants) เป็นสารที่สามารถดูดความชุ่มชื้นให้ซึมเข้าสู่ผิวของคุณ เช่น กลีเซอรีนและกรดแลคติก
    • สารหล่อลื่นผิว (Emollients) ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวของคุณ เช่น ไขมันขนแกะ ยูเรีย และน้ำมันซิลิโคน
  4. ทาครีมบำรุงผิวบางๆ ลงไปที่ผิวของคุณหลังจากอาบน้ำเสร็จหรือตัวเปียกๆ. ทุกครั้งเวลาที่คุณล้างแผลของคุณด้วยน้ำเปล่าหรือให้แผลโดนน้ำเปล่า นั่นหมายถึงว่าคุณกำลังล้างน้ำมันธรรมชาติที่คอยปกป้องผิวคุณออกไป ให้คุณทาผิวด้วยครีมบำรุงอย่างน้อยชั้นบางๆ เช่นเดียวกันกับเวลาที่คุณล้างเท้า
  5. ถ้าเป็นไปได้ ให้คุณทาครีมบำรุงผิวให้หนาก่อนเข้านอน การทำแบบนี้จะทำให้เท้าของคุณจะได้รับการซึมซับจากผลิตภัณฑ์บำรุงมากที่สุด ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องไม่ไปยุ่งกับผิวหนังของคุณ ให้คลุมผิวส่วนที่แตกของคุณด้วยครีมบำรุงหนาๆ และให้ปิดในบริเวณนั้นเพื่อที่จะปกป้องให้ครีมบำรุงผิวซึมเข้าไปสู่ผิวหนังของคุณ
    • ถ้ารอยแตกนั้นอยู่บนเท้าของคุณ ให้สวมถุงเท้า ถ้ารอยแตกอยู่บนมือ ให้สวมถุงมือ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ควบคุมปัญหา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การที่ผิวหนังแห้งสามารถเกิดได้จากปัญหาสุขภาพหลายอย่าง คุณอาจจะต้องการวิเคราะห์สุขภาพของคุณและทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้มีปัญหาสุขภาพใดๆ ที่ทำให้เกิดผิวแห้ง ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพที่หนักกว่า มันมีความจำเป็นอย่างมากที่คุณควรจะรักษาตัวเองให้หายก่อนที่รอยแตกจะกลับมาเป็นใหม่และอาจจะติดเชื้อได้ หรือมากไปกว่านั้น อาจจะมีโรคที่ร้ายแรงเกิดขึ้นก็ได้
    • โรคอ้วนเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่พบได้ตามทั่วไป ซึ่งโรคนี้จะทำให้ผิวหนังแห้งอย่างรุนแรง [3]
    • ปรึกษาแพทย์ของคุณว่าคุณมีอาการข้างเคียงอื่นๆ
  2. ร่างกายของคุณจะมีการผลิตน้ำมันเป็นปกติอยู่แล้วซึ่งจะช่วยปกป้องผิวของคุณ และกำจัดเรื่องผิวหนังแตก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การที่คุณอาบน้ำในชีวิตประจำวันแบบผิดวิธีนั้นอาจจะเป็นการกำจัดน้ำมันธรรมชาติไปได้ และทำให้ผิวคุณเสี่ยงต่อการแตก วิธีทีดีคือคุณควรจะหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่รุนแรงและน้ำร้อน เพราะว่าทั้ง 2 อย่างนี้จะทำให้น้ำมันในตัวคุณหายไป
    • ถ้าคุณแช่เท้าของคุณ ห้ามใส่สบู่ลงไปในน้ำ โดยทั่วไปแล้ว คุณต้องการหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ในส่วนของผิวที่บอบบาง เช่น เท้าของคุณ น้ำเปล่าและผ้าขนหนูนั้นเพียงพอแล้วใช้การทำให้เท้าของคุณสะอาด
  3. เมื่อเวลาอากาศหนาวจัด นั่นจะทำให้ผิวของคุณแห้งได้ คุณอาจจะอาศัยอยู่ในสถานที่ๆ มีอากาศที่แห้ง และในอากาศที่แห้งนี้ก็มักจะทำให้น้ำมันในผิวของคุณนั้นหายไป ปกป้องผิวของคุณจากอากาศที่แห้งโดยการทำให้อากาศนั้นเหมาะสม หรือโดยการปกป้องผิวของคุณ หาเครื่องทำความชื้นมาวางไว้ในบ้านของคุณหรือในที่ทำงานของคุณและสวมถุงเท้าและถุงมือเมื่อคุณออกไปข้างนอก
    • ผิวของคุณควรจะถูกปกป้องจากแสงแดดเช่นกัน เพราะนั่นก็สามารถที่จะทำอันตรายต่อผิวคุณและทำให้ผิวแห้งเมื่อเวลาผ่านไป
  4. ถ้ารอยแตกของคุณส่วนใหญ่อยู่ที่เท้า คุณอาจจะอยากต้องการดูรองเท้าตัวเอง [4] รองเท้าที่เปิดส้นเท้าและมีแผ่นรองเท้าที่คุณภาพไม่ค่อยดีอาจทำให้เกิดรอยแตกเพราะว่ามีแรงกดลงบนเท้าที่หนักและเท้าก็เป็นผิวส่วนที่บอบบาง ใช้รองเท้าที่สะอาดและทำให้มันใจว่าใส่สบายพอ
    • เปลี่ยนไปใช้รองเท้าวิ่งหรือ เพิ่มพื้นชั้นในรองเท้าเพื่อปกป้องเท้าของคุณจากแรงกด
  5. ร่างกายขาดน้ำสามารถทำให้ผิวของคุณอ่อนแอ และเมื่อรวมไปถึงการที่คุณล้างเท้าแบบผิดวิธีและอากาศแวดล้อมที่แห้งก็ทำให้ผิวแห้งได้ ดื่มน้ำเยอะๆ ในแต่ละวันเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของคุณมีการระเหยที่เหมาะสม
    • จำนวนที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วถ้าปัสสาวะของคุณเป็นสีซีดหรือใสๆ แสดงว่านั่นเพียงพอแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่ คุณก็ต้องดื่มน้ำให้มากขึ้น
  6. ผิวของคุณต้องการวิตามินเป็นจำนวนมากและสารอาหารซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงตลอด คุณสามารถทำให้ผิวของคุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้โดยการตรวจดูว่าสารอาหารนั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผิวของคุณแตก คุณควรจะทานวิตามินเอ วิตามินอี และโอเมก้า 3 เยอะๆ เพื่อที่จะช่วยให้ผิวของคุณได้รับในสิ่งที่จะทำให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีขึ้น
    • แหล่งอาหารที่มีสารอาหารพวกนี้มันพบใน: ผักคะน้า, แครอท, ปลาซาร์ดีน, ปลาแอนโชวี่, ปลาแซลมอน, เมล็ดอัลมอนด์, น้ำมันโอลีฟ
  7. โรคอ้วนและน้ำหนักส่วนเกินโดยทั่วไปแล้วจะมีอาการของผิวหนังแห้งตามมาด้วย ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีทางที่จะรักษาปัญหาผิวแตกของคุณให้หายได้ และคุณไม่ได้มีอาการอื่นใดๆ ที่จะเป็นสาเหตุ คุณก็ควรที่จะลองวิธีลดน้ำหนักดู และอย่าลืมว่าการที่ผิวแตกนี้เสียงต่อการติดเชื้อ คุณอาจจะเห็นว่านี่ดูเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่อันตรายที่คุณไม่ควรจะละเลย
  8. ถ้าคุณกังวลเพราะผิวแตกนั้นไม่หายซักทีหรือเพราะว่ามันติดเชื้อ คุณควรจะไปพบแพทย์หรือไปคลินิกเพื่อตรวจดู นี่เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปและมันมีวิธีแก้ไขที่จะทำให้ดีขึ้น แพทย์ของคุณจะช่วยให้คำแนะนำคุณได้ว่าคุณสามารถหายจากอาการนี้ได้โดยการใช้ชีวิตของคุณ หรืออาจจะต้องใช้ยาช่วยในการกำจัดการติดเชื้อ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • โดยธรรมชาติแล้วผิวที่แห้งหรือผิวที่ด้านจะเกิดอยู่รอบๆ บริเวณส้นเท้าเป็นส่วนใหญ่เพราะว่าเท้าจะมีแรงกดอยู่ตลอดเวลาจากกิจกรรมต่างๆ
  • รองเท้าแตะที่เปิดส้นเท้าหรือรองเท้าที่ทำให้ส้นเท้าของคุณขยายออกด้านข้างและนั่นจะทำให้เพิ่มโอกาสการเกิดรอยแตกบนส้นเท้า
  • โรคและความผิดปกติเช่น เท้าของนักกีฬา, โรคสะเก็ดเงิน, โรคผิวหนังอักเสบ, ไทรอยด์, โรคอ้วนและโรคผิวหนังบางชนิดอาจเป็นสาเหตุของการทำให้ส้นเท้าแตก ปรึกษาแพทย์ของคุณสำหรับคำแนะนำ
  • การยืนในที่ทำงานหรือที่บ้านอย่างต่อเนื่องนานๆ บนพื้นแข็งอาจะเป็นสาเหตุทำให้เท้าแตก
  • น้ำหนักเกินอาจทำให้แรงกดดันนั้นเพิ่มขึ้นบนเนื้อเท้าปกติใต้ส้นเท้า เป็นสาเหตุทำให้ส้นเท้าขยายและถ้าผิวไม่มีความยืดหยุ่น แรงกดดันนั้นก็จะทำให้ส้นเท้าแตก
  • การล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า โดยเฉพาะน้ำที่ไหลอยู่สามารถทำให้น้ำมันที่มีอยู่ในร่างกายเราหลุดออกไปได้และจะเหลือทิ้งไว้แต่ความแห้งของผิวและความหยาบของผิว การยืนเป็นระยะเวลานานในพื้นที่ที่ชื้น เช่น ห้องน้ำสามารถเป็นสาเหตุของผิวแห้งและส้นเท้าแตก
  • อย่าใช้งานเท้าของคุณหนักเกินไป เพราะนั่นจะทำให้คุณเจ็บ
  • ห้ามให้ใครใช้ใบมีดตัดผิวที่ด้านรอบๆ รอยแตกออก


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,114 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา