ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้า (Gastroparesis) นั้นเป็นความผิดปกติของระบบย่อยที่กล้ามเนื้อกระเพาะของคุณซึ่งมันจะอ่อนแรงและทำให้อัตราการย่อยต่ำลง แม้ว่าจะไม่มีการรักษาภาวะนี้ ยังมีวิธีธรรมชาติที่คุณสามารถรักษาอาการที่เกิดจากภาวะนี้ได้ วิธีที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการเปลี่ยนแปลงการทานอาหารของคุณเอง
ขั้นตอน
-
ไปพบแพทย์หรือนักโภชนาการ. แพทย์หรือนักโภชนาการจะช่วยวางแผนการทานอาหารที่ได้ผลสำหรับคุณ เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีทางเลือกหลายๆ ทางที่ดีต่อคุณ อย่าเพียงแค่เลิกทานอาหาร ให้หาอาหารใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คุณจัดการกับโรคนี้ ระลึกไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงการทานอาหารนั้นเป็นโครงการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและคุณจำเป็นที่จะต้องไปพบกับแพทย์หรือนักโภชนาการหลายครั้งเพื่อวางแผนอย่างเหมาะสม
-
เลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ. นี่เป็นเพราะว่าไขมันจะลดอัตราของการย่อยอาหาร อาหารที่มีไขมันสูงนั้นได้แก่เนื้อสัตว์หลายชนิด ชีส มันฝรั่งทอดและแครกเกอร์ พาย ซอสครีม ให้เน้นการทานอาหารที่มีไขมันต่ำแบบนี้แทน [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คอทเทจชีส
- โยเกิร์ตที่ไม่มีไขมัน
- ไข่ขาว
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน (สัตว์ปีก เนื้อที่มีไขมันแทรกอยู่น้อย (lean cut) อย่างตรงส่วนโคนขาและสะโพก)
- ผักผลไม้สดที่สามารถนำมาเป็นพูเร (puree) ได้
-
ทานอาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ. ปกติแล้วไฟเบอร์จะมีโอลิโกแซกคาไรด์ (oligosaccharides) ซึ่งเป็นสารที่ย่อยยาก นี่เป็นเพราะว่ากระเพาะของคุณอาจจะไม่มีเอนไซม์ที่ย่อยสารประกอบเหล่านี้ ดังนั้น อาหารที่ทานเข้าไปจึงจะไม่ย่อยและอยู่ในลำไส้ใหญ่และทวาร อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำนั้นได้แก่ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เนื้อบด
- เต้าหู้
- ปลา
- ไข่
- นม
- ขนมปังขาว
- ข้าวขาว
- ผักในกระป๋อง
-
ทานผักในกระป๋องเพื่อเร่งการย่อยอาหาร. อาหารพูเรนั้นย่อยง่ายกว่าอาหารทั้งส่วนที่เป็นชิ้นๆ ให้ลองดูในอาหารพูเรว่ามีอาหารก้อนใหญ่ๆ ที่จะย่อยยากหรือไม่ หรือจะลองทำสมูทตี้ที่มีผักและผลไม้สดก็ได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ดื่มน้ำเยอะๆ. กระเพาะอาหารของคุณนั้นย่อยอาหารได้ยาก แต่คุณอาจจะรู้สึกว่ามันย่อยอาหารง่ายขึ้นถ้าคุณลองถ้าดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ เครื่องดื่มเช่นนั้นได้แก่นมข้นและโปรตีนเชค ทั้งสองอย่างจะเติมเต็มในเรื่องโปรตีน คุณอาจจะลองดื่มซุปใสๆ หรือน้ำแกง ซึ่งจะช่วยเติมเต็มแร่อิเล็กทรอไลต์ในร่างกายและมอบสารอาหาร หรืออาจจะดื่มเครื่องดื่มที่อุดมด้วยอิเล็กทรอไลต์ก็ได้ (เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับออกกำลังกาย หรือพีเดียไลท์ (Pedialyte))
-
ทำชาขิงดื่มเอง. ขิงนั้นมีคุณสมบัติที่ช่วยในการย่อยอาหาร มันมีจินเจอรอล (gingerol) และโชกาออล (shogaol) เชื่อว่าสารทั้งสองเชื่อว่าจะเพิ่มน้ำย่อยในกระเพาะและการขับของเสียที่จำเป็นต่อการย่อย ลองดื่มชาขิง 1 ถ้วยต่อวัน ในการทำชาขิงนั้นมีวิธีดังนี้
- หั่นขิงเป็นชิ้นประมาณ 30 กรัม
- ต้มน้ำ 3 ถ้วย
- ใส่ขิง 30 กรัมไปในน้ำต้มเดือดและแช่ไว้เป็นเวลา 10-15 นาที
- ปล่อยให้เย็นลงนิดหน่อยและดื่ม
-
ดื่มชาสะระแหน่. สะระแหน่นั้นมีส่วนผสมออกฤทธิ์อยู่ 2 อย่างนั่นคือเมนทอล (menthol) และ เมนโทน (menthone) ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อกระเพาะผ่อนคลาย มันยังช่วยให้กระเพาะอาหารเพิ่มน้ำดีมากขึ้นซึ่งจะช่วยในการย่อยไขมัน ในการทำชาสะระแหน่มีวิธีการดังนี้
- เด็ดใบสะระแหน่และฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อที่เมนทอลและสารอื่นๆ ที่สำคัญจะได้ถูกผลิตขึ้นมา
- ต้มใบสะระแหน่ 2 ช้อนโต๊ะในน้ำ 3 ถ้วย
- แช่ไว้เป็นเวลา 10-15 นาที
- ปล่อยให้เย็นลงและดื่ม
-
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลม. แม้ว่ามันจะเป็นของเหลว แต่มันไม่มีสารอาหารอะไรเลย มันไม่ได้ทำให้ร่างกายของคุณชุ่มชื้นแต่ทำให้อิ่มท้องแค่นั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อภาวะกระเพาะบีบตัวช้า [4] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูลโฆษณา
-
เคี้ยวอาหารอย่างเหมาะสม. เพื่อที่จะช่วยให้กระเพาะในการย่อยอาหารที่คุณทาน ให้ลองเคี้ยวอาหารให้ละเอียดๆ เท่าที่เป็นไปได้ก่อนกลืน อาหารที่เละๆ แล้วจะย่อยได้ง่ายกว่า ให้ลองทานและเคี้ยวในจังหวะช้าๆ เพื่อช่วยให้กระเพาะของคุณแข็งแรงขณะที่คุณทาน แม้ว่าจะบอกไม่ได้ว่าคุณควรเคี้ยวคำละกี่ครั้ง แต่คุณควรลองเคี้ยวอาหารจนกระทั่งมันเกือบจะละเอียดทั้งหมดก่อนที่จะกลืน [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ. การทานอาหารมื้อเล็กประมาณ 6 มื้อนั้นจะย่อยได้ง่ายกว่าอาหารมื้อใหญ่ 3 มื้อต่อวัน เมื่อคุณทานอาหารในปริมาณน้อยกว่า กระเพาะของคุณจะผลิตกรดไฮดโดรคลอริกในปริมาณน้อยกว่าเดิมซึ่งก็จะใช้พลังงานน้อยกว่าด้วย [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เลือกท่านอาหารที่อ่อนนุ่มและย่อยง่าย. เพราะว่าโรคกระเพาะอาหารบีบตัวช้านั้นคือการทำงานของระบบย่อยอาหารที่ผิดปกติ เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกอาหารที่ย่อยง่าย อาหารบางอย่างนั้นย่อยง่ายกว่าแบบอื่น ดังนั้น มันจึงถูกย่อยอย่างรวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาหารที่ย่อยง่ายนั้นได้แก่
- ขนมปังขาว
- ซุป
- แตงโม
- ลูกพีช
- ลูกแพร์
- น้ำผลไม้
- มันฝรั่ง
- แอปเปิ้ลไม่มีเปลือก
- เห็ด
- ผักกาด
- โยเกิร์ต
-
หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร. การดื่มน้ำขณะที่คุณทานอาหารอยู่จะละลายกรดไฮโดรคลอริกที่อยู่ในกระเพาะซึ่งก็จะทำให้การบีบตัวของกระเพาะอาหารเพื่อดันอาหารลงสู่ลำไส้เล็กช้ากว่าเดิม ให้ลองดื่มน้ำเยอะๆ หลังมื้ออาหารแทนเพื่อหลีกเลี่ยงการเจือจางกรดขณะที่คุณทาน [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังจากทานอาหาร. เมื่อคุณนอนราบหลังจากที่ทานอาหาร กระเพาะของคุณจะย่อยอาหารที่คุณเพิ่งทานได้ยากมากขึ้น หากเป็นไปได้ ให้ลองทานอาหารอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนในตอนกลางคืนหรืองีบหลับ
-
ออกกำลังกายหลังจากทานอาหาร. หลังจากที่คุณทานอาหารแล้ว ให้ลองออกไปเดินเล่น การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญซึ่งก็จะช่วยกระเพาะของคุณในการย่อยอาหาร การเดินเล่นเบาๆ ก็จะช่วยกระเพาะของคุณย่อยอาหารได้เร็วขึ้นกว่าแค่นั่งเฉยๆ หลังจากทานอาหารเสร็จ [8] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ Mayo Clinic ไปที่แหล่งข้อมูลโฆษณา
-
รู้อาการของภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้า. คุณอาจจะไม่แน่ใจว่าคุณมีภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้าหรือไม่ อาการของภาวะนี้ได้แก่ [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อาการอิ่มแน่น: คุณอาจจะรู้สึกอิ่มแน่นหลังจากที่ทานอาหารปริมาณน้อยๆ นี่เป็นเพราะว่ากระเพาะของคุณใช้เวลานานขึ้นในการย่อยอาหาร ซึ่งก็จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มแน่น
- มีแก๊สที่กระเพาะ: ตามที่ได้กล่าวไป ภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้าทำให้อาหารคงเหลืออยู่ในท้องแทนที่จะไปที่ลำไส้เล็ก ความล่าช้านี้ก็จะทำให้มีแก๊สก่อตัวขึ้น
- คลื่นเหียนและอาเจียน: คุณอาจจะรู้สึกคลื่นไส้หรืออาจจะอาเจียนหลังจากที่ทานอาหาร อาการคลื่นไส้นั้นเกิดจากการก่อตัวของอาหารและของเสียในอยู่ในกระเพาะ
- ไม่อยากอาหาร: เมื่อคุณรู้สึกอิ่มทันทีหลังจากที่ทานอาหารได้เพียงเล็กน้อย คุณก็จะรู้สึกหิวน้อยลงในระหว่างมื้ออาหารปกติ
- น้ำหนักลด: เมื่อคุณรู้สึกอิ่มอยู่ตลอดเวลา คุณก็จะทานอาหารบ่อยๆ ได้น้อยลง ซึ่งนี่ก็จะทำให้น้ำหนักลด
- จุกเสียด: เมื่อในการะเพาะอาหารของคุณมีอาหารอยู่เต็มแน่น กระเพาะก็จะส่งสัญญาณไปที่หลอดอาหาร ซึ่งนี่เรียกว่าการขยอกอาหารจากกระเพาะกลับไปที่ปาก (regurgitation) ปกติแล้วอาหารจะผสมกับน้ำย่อยในกระเพาะซึ่งก็จะทำให้รู้สึกแสบร้อนหรือที่เรียกว่าจุกเสียด
-
ทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้า. มีหลายคนที่มีแนวโน้มที่จะมีอาการนี้มากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มคนต่อไปนี้ [10] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
- เป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ที่ผ่าตัดที่เกี่ยวกับท้อง
- ผู้ที่ใช้ยาบางอย่างที่จะทำให้กระบวนการย่อยอาหารช้าลง
- ผู้ที่ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร
-
ระวังไว้ว่าการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะทำให้อาการแย่ลง. แม้ว่าการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์นั้นแย่กับสุขภาพทั่วไปของคุณอยู่แล้ว แต่มันจะยิ่งทำให้แย่หากคุณมีภาวะกระเพาะอาหารบีบตัวช้า สารทั้งสองนั้นจะเพิ่มอาหารจุดเสียดและทำให้สุขภาพโดยรวมของคุณแย่ลงโฆษณา
เคล็ดลับ
- แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงอาหารปรุงสุกที่มีกลิ่นแรง นี่เป็นเพราะมันอาจจะทำให้คุณคลื่นไส้และทำให้อาการแย่ลง
- แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีเครื่องเทศเพราะมันจะทำให้จุกเสียดกว่าเดิมและทำให้อาการแย่ลง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.motilitysociety.org/patient/pdf/Gastroparesis%20AMS%20Dietary%20Recommendations%201%209%202006.pdf
- ↑ http://gicare.com/diets/gastroparesis-diet/
- ↑ http://www.digestivedistress.com/what-to-eat-diabetics-idiopathics
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gastroparesis/basics/treatment/con-20023971
- ↑ http://www.befoodsmart.com/blog/top-5-reasons-to-actually-chew-your-food/
- ↑ http://digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/gastroparesis/
- ↑ http://timesofindia.indiatimes.com/life-style/health-fitness/diet/Say-no-to-water-between-meals/articleshow/10841125.cms
- ↑ http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gastroparesis/basics/treatment/con-20023971
- ↑ http://digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/gastroparesis/
โฆษณา